"...เมื่อมนุษย์เงินเดือน ธรรมดาเดินดิน และชอบกิน(จุ) คนหนึ่ง กำลังจะกลายเป็นบุคคลตกงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ..
ยุคนี้กระแสนายตัวเองกำลังมาแรง และเป็นที่สนใจของใครหลายคน รวมถึงตัวผมเองด้วย
เหตุผลของการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือการเป็นนายตัวเอง ก็คงจะแตกต่างกันไป ผมเองเริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้ รายได้จากงานประจำไม่พอจ่าย จึงเข้ามาเริ่มต้นหารายได้เสริมด้วยการทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆควบคู่ไปกับงานประจำ แน่นอนว่าตัวเลือกหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมพอจะทำได้คือ การขายของออนไลน์
ธุรกิจแรกที่ตัดสินใจทำเพราะเห็นว่าเป็นกระแสอยู่ในช่วงนั้นคือ ธุรกิจเคสและอุปกรณ์มือถือ ช่วงแรกเราพอจะมีรายได้เข้ามาจากธุรกิจนี้อยู่บ้าง จนเมื่อมีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ขณะที่คุณภาพสินค้าไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ยอดขายตก เราเองก็ไม่มีเงินทุนมากพอที่จะสต๊อกของไว้ได้มากพอต่อความหลากหลายของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเราไม่สามารถไปต่อได้หลังจากทำมาได้เกือบปี แต่งานนี้ก็ทำให้เราได้เรียนรู้การวางแผน ลงมือทำ และแก้ปัญหากันเอง มันไม่ง่ายเลยครับแต่ก็สนุกและรู้สึกดีที่ได้ตัดสินใจทำ เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมายที่งานประจำไม่มีให้
ถามว่าเข็ดไหม..ยัง ยังไม่เข็ด ชีวิตต้องก้าวต่อไปน่าาา!!
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจทำธุรกิจอีกครั้ง ในครั้งนี้เรากลับมามองตัวเองว่าเป็นคนชอบทานขนมและชอบทำขนม (ถึงหน้าตาจะไม่ให้ก็ตาม ฮ่าๆ) เป็นคนชอบชิม และสังเกตุว่าองค์ประกอบของขนมที่อร่อย มักจะมาจากวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ผ่านกระบวนการที่เหมาะสม และมีการนำเสนอที่โดดเด่นน่าสนใจ คุ้มค่าที่อยากจะกลับไปซื้อทานอีก ผมจึงลองทำขนมออกมาแจกจ่ายให้เพื่อนๆและคนรู้จักได้ลองทานกัน เริ่มจากคอร์นเฟลกส์อบเคลือบคาราเมล ที่ได้สูตรมาจากอินเตอร์เน็ต ทำเสร็จพังบ้าง ทิ้งบ้าง แจกให้พี่ยามบ้าง (พี่ยามคือผู้โชคดีที่ได้รับของสมนาคุณเป็นขนม บ่อยที่สุด)
หลังจากที่หลายคนเริ่มโอเคในรสชาติ ก็จัดแจงหาบรรจุภัณฑ์ ติดสติกเกอร์บ่งบอกถึงความเป็นสินค้าของเราลงไป และลองเปิดขายผ่านเฟสบุ๊คดู ปรากฎว่า...
ขายไม่ได้เลย
ทำมายยยย..!!
เราคิดว่าคอร์นเฟลกส์คาราเมลที่ทำออกไปอาจไม่ได้มีความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ มากนัก มาก็มาทีหลังชาวบ้าน ในตลาดมีขายเต็มไปหมด!! ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ลูกค้าจะเลือกทานขนมของเรา
ในเมื่อคิดจะลองดูสักตั้ง ก็ตัดสินใจพัฒนาสูตรคาราเมลเป็นของตัวเองขึ้นมาให้มีความแตกต่าง และลองคิดค้นซอสช็อคโกแลตขึ้นมาด้วย โดยเลือกใช้วัตถุดิบขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ปรับเปลี่ยนและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจขึ้น ปรากฎว่า เริ่มขายได้ครับ
ลูกค้าหลายคนเริ่มมีการกลับมาสั่งซื้อซ้ำและบอกต่อ รวมถึง
คุณช่า(บันทึกของตุ๊ด) จนทำให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างถล่มทลาย ความหวังและกำลังใจเราเริ่มกลับมาอีกครั้ง ( บอกเลยว่า ก่อนที่จะมียอดออเดอร์ถล่มทลาย เย็นวันนั้นเป็นวันที่ซวยสุดๆไปเลย รถโดนชนท้าย ตังก็เหลืออยู่ 150 บาท) T_T
บอกเลยว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ชีวิตของการทำงานประจำ และการขายขนมออนไลน์ ยอมรับว่าเหนื่อยมากครับ บ้านกับที่ทำงานห่างกันประมาณ 40 กิโลเมตร ไปกลับก็ 80 (ไม่บอกหรอก ว่าบ้านอยู่ลำลูกกา แต่ถ่อไปทำงานตั้งบางนา) ผมต้องตื่นเช้าเดินทางไปเข้างานประจำก่อน 08.00 น. เร่งส่งงานให้ทันกำหนดเวลา เมื่อมีช่วงว่างผมก็จะเข้าไปเช็คเฟสบุ๊คเพจ รับออเดอร์ และตอบคำถามลูกค้า ช่วงเที่ยงผมจะออกไปส่งของให้ลูกค้าที่ไปรษณีย์ ผมทานมื้อเที่ยงระหว่างรอคิวนั่นแหละครับ
หลังเลิกงานผมจะใช้เวลาประมาณ 3 – 5 ชั่วโมง ในการเข้าครัวทำขนม แพ็คขนม เตรียมของ หรือวางแผนธุรกิจ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะมีออเดอร์เข้ามามากน้อยแค่ไหน ช่วงที่มีออเดอร์เข้ามาเยอะๆ เราจะทำและแพ็คขนมกันดึกมาก ได้นอนประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนออกไปทำงาน
วันหยุดผมจะมีเวลาให้กับขนมค่อนข้างเยอะหน่อย แต่ก็มักจะหมดไปกับการซื้อของเข้าสต็อก การทำขนมแต่ละครั้งของเราใช้เวลาค่อนข้างนาน แค่เตรียมของ ทำคาราเมลและซอสช็อคโกแลตก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้วครับ ไม่นับรออบและผึ่งให้เย็นในแต่ละรอบอีกสองชั่วโมงกว่า ก่อนจะบรรจุและแพ็คส่งลูกค้า อาศัยช่วงรออบเก็บของล้างทำความสะอาด หรืออัพเดตและพูดคุยกับลูกค้าในเฟสบุ๊คเพจและไลน์ เมื่อมีลูกค้าชอบขนมที่เราทำออกไป ก็หายเหนื่อยนะครับ
ทุกอย่างดูเหมือนจะโอเคใช่ไหมครับ มีธุรกิจเล็กๆ มีงานประจำทำไปด้วย โอ้ย ชีวิตกำลังจะดี๊ดี!
แต่ !! อยุ่ดีๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว Comfort Zone ของผมกำลังจะถูกทำลาย เพราะงานประจำที่ผมทำอยู่ ไม่ได้มั่นคงอย่างที่คิดไว้อีกต่อไป!! บริษัทที่ผมทำงานมาเกือบ 5 ปี (บริษัทเปิดมาประมาณ 10 กว่าปี) กำลังจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ครับ ผมเองรู้สึกตกใจ กังวล และเครียดเหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นั่นแหละครับ
แต่ก็มามองอีกมุมว่าเรายังมีธุรกิจขนมที่ยังรองรับอยู่ มองว่าจะได้มีเวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจขนมได้มากขึ้น จะว่าไปแล้วมันอาจถึงเวลาที่ผมจะต้องเป็นนายตัวเองเต็มๆ สักที บอกตรงๆ ผมยังแอบกังวลอยู่เหมือนกันนะครับ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไป จริงไหมครับ
สำหรับประสบการณ์ในด้านของธุรกิจของผมเมื่อเทียบกับเจ้าของกิจการท่านอื่นๆ ก็นับว่ายังน้อยมากๆ หากพี่ๆ ท่านใดมีคำแนะนำดีๆ ผมพร้อมจะน้อมรับไว้เสมอครับ และหากเรื่องของผมจะช่วยเป็นแรงผลักดันหรือเพิ่มมุมมองให้กับเพื่อนๆ ได้ ก็ขอให้ผลดีเหล่านั้นส่งผลไปยังพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ และเพื่อนที่ดีของผมด้วยนะครับ
วันนี้ ผมได้รับหนังสือเลิกจ้าง อย่างเป็นทางการแล้ว นั่นแปลว่า ตอนนี้ผมก็กลายเป็นบุคคลว่างงาน หรือ เรียกง่ายๆ "ตกงานนนน" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย้!!!
ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่า ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อย ผมกำลังจะได้ทำในสิ่งที่ผมรัก นั่นก็คือ "การกิน" เอ้ย!! "การทำขนม" แล้ว
เมื่อ "Comfort Zone" ของผมกำลังถูกทำลาย และการท้าทายชะตาชีวิตได้เริ่มต้น!!!
ยุคนี้กระแสนายตัวเองกำลังมาแรง และเป็นที่สนใจของใครหลายคน รวมถึงตัวผมเองด้วย
เหตุผลของการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวหรือการเป็นนายตัวเอง ก็คงจะแตกต่างกันไป ผมเองเริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้ รายได้จากงานประจำไม่พอจ่าย จึงเข้ามาเริ่มต้นหารายได้เสริมด้วยการทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆควบคู่ไปกับงานประจำ แน่นอนว่าตัวเลือกหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมพอจะทำได้คือ การขายของออนไลน์
ธุรกิจแรกที่ตัดสินใจทำเพราะเห็นว่าเป็นกระแสอยู่ในช่วงนั้นคือ ธุรกิจเคสและอุปกรณ์มือถือ ช่วงแรกเราพอจะมีรายได้เข้ามาจากธุรกิจนี้อยู่บ้าง จนเมื่อมีคู่แข่งเข้ามามากขึ้น ขณะที่คุณภาพสินค้าไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ยอดขายตก เราเองก็ไม่มีเงินทุนมากพอที่จะสต๊อกของไว้ได้มากพอต่อความหลากหลายของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเราไม่สามารถไปต่อได้หลังจากทำมาได้เกือบปี แต่งานนี้ก็ทำให้เราได้เรียนรู้การวางแผน ลงมือทำ และแก้ปัญหากันเอง มันไม่ง่ายเลยครับแต่ก็สนุกและรู้สึกดีที่ได้ตัดสินใจทำ เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมายที่งานประจำไม่มีให้
ถามว่าเข็ดไหม..ยัง ยังไม่เข็ด ชีวิตต้องก้าวต่อไปน่าาา!!
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจทำธุรกิจอีกครั้ง ในครั้งนี้เรากลับมามองตัวเองว่าเป็นคนชอบทานขนมและชอบทำขนม (ถึงหน้าตาจะไม่ให้ก็ตาม ฮ่าๆ) เป็นคนชอบชิม และสังเกตุว่าองค์ประกอบของขนมที่อร่อย มักจะมาจากวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ผ่านกระบวนการที่เหมาะสม และมีการนำเสนอที่โดดเด่นน่าสนใจ คุ้มค่าที่อยากจะกลับไปซื้อทานอีก ผมจึงลองทำขนมออกมาแจกจ่ายให้เพื่อนๆและคนรู้จักได้ลองทานกัน เริ่มจากคอร์นเฟลกส์อบเคลือบคาราเมล ที่ได้สูตรมาจากอินเตอร์เน็ต ทำเสร็จพังบ้าง ทิ้งบ้าง แจกให้พี่ยามบ้าง (พี่ยามคือผู้โชคดีที่ได้รับของสมนาคุณเป็นขนม บ่อยที่สุด)
หลังจากที่หลายคนเริ่มโอเคในรสชาติ ก็จัดแจงหาบรรจุภัณฑ์ ติดสติกเกอร์บ่งบอกถึงความเป็นสินค้าของเราลงไป และลองเปิดขายผ่านเฟสบุ๊คดู ปรากฎว่า...
ขายไม่ได้เลย
ทำมายยยย..!!
เราคิดว่าคอร์นเฟลกส์คาราเมลที่ทำออกไปอาจไม่ได้มีความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ มากนัก มาก็มาทีหลังชาวบ้าน ในตลาดมีขายเต็มไปหมด!! ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ลูกค้าจะเลือกทานขนมของเรา
ในเมื่อคิดจะลองดูสักตั้ง ก็ตัดสินใจพัฒนาสูตรคาราเมลเป็นของตัวเองขึ้นมาให้มีความแตกต่าง และลองคิดค้นซอสช็อคโกแลตขึ้นมาด้วย โดยเลือกใช้วัตถุดิบขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ปรับเปลี่ยนและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความโดดเด่นน่าสนใจขึ้น ปรากฎว่า เริ่มขายได้ครับ
ลูกค้าหลายคนเริ่มมีการกลับมาสั่งซื้อซ้ำและบอกต่อ รวมถึง คุณช่า(บันทึกของตุ๊ด) จนทำให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างถล่มทลาย ความหวังและกำลังใจเราเริ่มกลับมาอีกครั้ง ( บอกเลยว่า ก่อนที่จะมียอดออเดอร์ถล่มทลาย เย็นวันนั้นเป็นวันที่ซวยสุดๆไปเลย รถโดนชนท้าย ตังก็เหลืออยู่ 150 บาท) T_T
บอกเลยว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ชีวิตของการทำงานประจำ และการขายขนมออนไลน์ ยอมรับว่าเหนื่อยมากครับ บ้านกับที่ทำงานห่างกันประมาณ 40 กิโลเมตร ไปกลับก็ 80 (ไม่บอกหรอก ว่าบ้านอยู่ลำลูกกา แต่ถ่อไปทำงานตั้งบางนา) ผมต้องตื่นเช้าเดินทางไปเข้างานประจำก่อน 08.00 น. เร่งส่งงานให้ทันกำหนดเวลา เมื่อมีช่วงว่างผมก็จะเข้าไปเช็คเฟสบุ๊คเพจ รับออเดอร์ และตอบคำถามลูกค้า ช่วงเที่ยงผมจะออกไปส่งของให้ลูกค้าที่ไปรษณีย์ ผมทานมื้อเที่ยงระหว่างรอคิวนั่นแหละครับ
หลังเลิกงานผมจะใช้เวลาประมาณ 3 – 5 ชั่วโมง ในการเข้าครัวทำขนม แพ็คขนม เตรียมของ หรือวางแผนธุรกิจ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะมีออเดอร์เข้ามามากน้อยแค่ไหน ช่วงที่มีออเดอร์เข้ามาเยอะๆ เราจะทำและแพ็คขนมกันดึกมาก ได้นอนประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนออกไปทำงาน
วันหยุดผมจะมีเวลาให้กับขนมค่อนข้างเยอะหน่อย แต่ก็มักจะหมดไปกับการซื้อของเข้าสต็อก การทำขนมแต่ละครั้งของเราใช้เวลาค่อนข้างนาน แค่เตรียมของ ทำคาราเมลและซอสช็อคโกแลตก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้วครับ ไม่นับรออบและผึ่งให้เย็นในแต่ละรอบอีกสองชั่วโมงกว่า ก่อนจะบรรจุและแพ็คส่งลูกค้า อาศัยช่วงรออบเก็บของล้างทำความสะอาด หรืออัพเดตและพูดคุยกับลูกค้าในเฟสบุ๊คเพจและไลน์ เมื่อมีลูกค้าชอบขนมที่เราทำออกไป ก็หายเหนื่อยนะครับ
ทุกอย่างดูเหมือนจะโอเคใช่ไหมครับ มีธุรกิจเล็กๆ มีงานประจำทำไปด้วย โอ้ย ชีวิตกำลังจะดี๊ดี!
แต่ !! อยุ่ดีๆ ก็เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว Comfort Zone ของผมกำลังจะถูกทำลาย เพราะงานประจำที่ผมทำอยู่ ไม่ได้มั่นคงอย่างที่คิดไว้อีกต่อไป!! บริษัทที่ผมทำงานมาเกือบ 5 ปี (บริษัทเปิดมาประมาณ 10 กว่าปี) กำลังจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ครับ ผมเองรู้สึกตกใจ กังวล และเครียดเหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ นั่นแหละครับ
แต่ก็มามองอีกมุมว่าเรายังมีธุรกิจขนมที่ยังรองรับอยู่ มองว่าจะได้มีเวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจขนมได้มากขึ้น จะว่าไปแล้วมันอาจถึงเวลาที่ผมจะต้องเป็นนายตัวเองเต็มๆ สักที บอกตรงๆ ผมยังแอบกังวลอยู่เหมือนกันนะครับ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไป จริงไหมครับ
สำหรับประสบการณ์ในด้านของธุรกิจของผมเมื่อเทียบกับเจ้าของกิจการท่านอื่นๆ ก็นับว่ายังน้อยมากๆ หากพี่ๆ ท่านใดมีคำแนะนำดีๆ ผมพร้อมจะน้อมรับไว้เสมอครับ และหากเรื่องของผมจะช่วยเป็นแรงผลักดันหรือเพิ่มมุมมองให้กับเพื่อนๆ ได้ ก็ขอให้ผลดีเหล่านั้นส่งผลไปยังพ่อแม่ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ และเพื่อนที่ดีของผมด้วยนะครับ
วันนี้ ผมได้รับหนังสือเลิกจ้าง อย่างเป็นทางการแล้ว นั่นแปลว่า ตอนนี้ผมก็กลายเป็นบุคคลว่างงาน หรือ เรียกง่ายๆ "ตกงานนนน" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย้!!!
ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่า ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อย ผมกำลังจะได้ทำในสิ่งที่ผมรัก นั่นก็คือ "การกิน" เอ้ย!! "การทำขนม" แล้ว