Starbucks จีน เจอวิจารณ์หนัก ‘บังคับขายขนมไหว้พระจันทร์’ จนพนักงานต้องควักเงินซื้อเอง
.
ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์ Starbucks ในจีนถูกจับตาอีกครั้ง หลังสื่อท้องถิ่นลงพื้นที่ตรวจสอบในมณฑลซานตง พบว่าพนักงานจำนวนมากถูกตั้งเป้าให้ขาย “ขนมไหว้พระจันทร์” แบบผูกกับผลการประเมินงาน ส่งผลให้เกิดแรงกดดันรุนแรง บางคนถึงขั้นถูกบังคับเขียนรายงานชี้แจง บางคนไม่สามารถทำยอดได้จนต้องซื้อเอง หรือซื้อเองแล้วเอาไปขายต่อแล้วพ่วงด้วยของแถมที่จริงๆ แล้วก็คือสวัสดิการพนักงาน แม้ Starbucks ยืนยันมาตลอดว่า “ไม่เคยบังคับให้ขาย” แต่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ประเด็นนี้ถูกขุดขึ้นมาแทบทุกปี
.
◾ กดดันด้วยหลากหลายวิธี
.
จากการสุ่มตรวจ 5 สาขาในซานตง พบว่า 3 สาขามีการตั้งเป้ายอดขายชัดเจนและผูกกับการประเมินผลงาน เช่น กำหนดให้ทำยอดรายชั่วโมง กดดันจนพนักงานเครียดหนัก ขณะที่บางสาขาแม้ไม่บังคับตรงๆ แต่ก็ใช้วิธีเร่งลูกค้าด้วยการสร้างบรรยากาศว่า “วันนี้วันสุดท้ายของโปรฯ” ทำให้ลูกค้าและพนักงานต่างรู้สึกอึดอัด
.
สิ่งที่ใช้ดึงดูดลูกค้าคือ “ส่วนลดจากสิทธิ์พนักงาน” จากราคาปกติ 358-458 หยวน (ราว 1,611-2,061 บาท) เหลือราว 210-272 หยวน (ราว 945-1,224 บาท) แต่เงื่อนไขคือ ต้องซื้อผ่านพนักงาน ไม่มีใบเสร็จและไม่ได้แต้มสะสม
.
◾ “ยอดขาย” กลายเป็นภาระส่วนตัว
.
ข้อมูลที่หลุดออกมาเผยว่า ยอดขายถูกแบ่งเป็นลำดับขั้น เช่น ผู้จัดการ 60 กล่อง, หัวหน้างาน 40, พนักงานประจำ 25, พนักงานพาร์ทไทม์ 15 กล่อง หากไม่ถึงเป้า อาจกระทบโบนัสสิ้นปีของพนักงานประจำ ส่วนพาร์ทไทม์ก็ถูกกดดันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
.
สิ่งที่ตามมาคือพนักงานต้องควักเงินเอง เพื่อปิดยอด ซึ่งในหมู่พนักงานถูกเรียกว่า “แผนเรียกเงินคืนของบริษัท” บางคนต้องสำรองจ่ายไปก่อนเป็นหมื่นหยวน สุดท้ายเกิดตลาดขนมไหว้พระจันทร์มือสองในออนไลน์ ในราคาต่ำกว่าทุน บางรายถึงกับยอมแถมบัตรเครื่องดื่มส่วนตัวเพื่อเร่งระบายสต็อก
.
◾ แรงกดดันลามถึงลูกค้า
.
ลูกค้าขาประจำจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับการถูกเสนอขายซ้ำๆ จนบางคนเลือกเลี่ยงร้านและหันไปสั่งเดลิเวอรีแทน กระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ “Third Place” หรือ “พื้นที่ที่สาม” ที่ Starbucks ใช้สร้างแบรนด์
.
◾ ทำไมต้อง “ยัดเยียดยอดขาย”
.
เบื้องหลังมาจากความจริงที่ว่าธุรกิจหลักของ Starbucks ในจีนกำลังถดถอย ส่วนแบ่งตลาดจาก 42% ในปี 2017 ลดลงเหลือเพียง 14% ในปี 2024 รายได้ปีงบประมาณล่าสุดติดลบ 1.4% และยอดขายสาขาเดิมไตรมาสสุดท้ายร่วงถึง 14%
.
ในสถานการณ์ที่การแข่งขันจากแบรนด์ท้องถิ่นรุนแรง และราคากาแฟถูกกดลง Starbucks จึงหันมาดันสินค้ามาร์จิ้นสูงอย่างขนมไหว้พระจันทร์และของขวัญตามฤดูกาล เพื่อพยุงกำไรและตัวเลขในงบการเงิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือแรงกดดันไหลลงมาถึงพนักงานชั้นล่างแบบเป็นลูกโซ่
.
◾ เสียงสะท้อนซ้ำๆ
.
จริงๆ แล้วกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ปี 2018 เคยมีข่าวบางสาขาบังคับพนักงานวางเงินมัดจำ 500 หยวน (ราว 2,250 บาท) เพื่อบังคับขาย “บ๊ะจ่าง Starbucks” หากขายไม่หมดถูกหักเงิน ปี 2023 ก็มีรายงานพนักงานถูกกดให้วันแรกขายอย่างน้อย 25 กล่อง จนต้องปั่นยอด Starbucks ตอบกลับเช่นเคยว่า “ไม่เคยบังคับ”
.
ล่าสุด เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีพนักงานถูกกดดันให้ซื้อเองหรือกระทบต่อผลประเมิน บริษัทตอบสั้นๆ ว่า “ไม่เคยได้รับการแจ้งเรื่องนี้” และย้ำว่า “ไม่อนุญาตให้พนักงานสำรองเงินซื้อสินค้าเอง เพราะเป็นหลักการสำคัญ”
.
แต่ในความจริง แรงกดดันและ “ยอดขายบังคับ” ยังคงปรากฏซ้ำๆ และกำลังกลายเป็นบาดแผลเรื้อรังต่อแบรนด์ที่เคยขายภาพความอบอุ่นและสบายใจ
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#Starbucks #ขนมไหว้พระจันทร์ #ธุรกิจร้านกาแฟ
Starbucks จีน เจอวิจารณ์หนัก ‘บังคับขายขนมไหว้พระจันทร์’ จนพนักงานต้องควักเงินซื้อเอง 🇨🇳🍞☕
.
ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์ Starbucks ในจีนถูกจับตาอีกครั้ง หลังสื่อท้องถิ่นลงพื้นที่ตรวจสอบในมณฑลซานตง พบว่าพนักงานจำนวนมากถูกตั้งเป้าให้ขาย “ขนมไหว้พระจันทร์” แบบผูกกับผลการประเมินงาน ส่งผลให้เกิดแรงกดดันรุนแรง บางคนถึงขั้นถูกบังคับเขียนรายงานชี้แจง บางคนไม่สามารถทำยอดได้จนต้องซื้อเอง หรือซื้อเองแล้วเอาไปขายต่อแล้วพ่วงด้วยของแถมที่จริงๆ แล้วก็คือสวัสดิการพนักงาน แม้ Starbucks ยืนยันมาตลอดว่า “ไม่เคยบังคับให้ขาย” แต่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ประเด็นนี้ถูกขุดขึ้นมาแทบทุกปี
.
◾ กดดันด้วยหลากหลายวิธี
.
จากการสุ่มตรวจ 5 สาขาในซานตง พบว่า 3 สาขามีการตั้งเป้ายอดขายชัดเจนและผูกกับการประเมินผลงาน เช่น กำหนดให้ทำยอดรายชั่วโมง กดดันจนพนักงานเครียดหนัก ขณะที่บางสาขาแม้ไม่บังคับตรงๆ แต่ก็ใช้วิธีเร่งลูกค้าด้วยการสร้างบรรยากาศว่า “วันนี้วันสุดท้ายของโปรฯ” ทำให้ลูกค้าและพนักงานต่างรู้สึกอึดอัด
.
สิ่งที่ใช้ดึงดูดลูกค้าคือ “ส่วนลดจากสิทธิ์พนักงาน” จากราคาปกติ 358-458 หยวน (ราว 1,611-2,061 บาท) เหลือราว 210-272 หยวน (ราว 945-1,224 บาท) แต่เงื่อนไขคือ ต้องซื้อผ่านพนักงาน ไม่มีใบเสร็จและไม่ได้แต้มสะสม
.
◾ “ยอดขาย” กลายเป็นภาระส่วนตัว
.
ข้อมูลที่หลุดออกมาเผยว่า ยอดขายถูกแบ่งเป็นลำดับขั้น เช่น ผู้จัดการ 60 กล่อง, หัวหน้างาน 40, พนักงานประจำ 25, พนักงานพาร์ทไทม์ 15 กล่อง หากไม่ถึงเป้า อาจกระทบโบนัสสิ้นปีของพนักงานประจำ ส่วนพาร์ทไทม์ก็ถูกกดดันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
.
สิ่งที่ตามมาคือพนักงานต้องควักเงินเอง เพื่อปิดยอด ซึ่งในหมู่พนักงานถูกเรียกว่า “แผนเรียกเงินคืนของบริษัท” บางคนต้องสำรองจ่ายไปก่อนเป็นหมื่นหยวน สุดท้ายเกิดตลาดขนมไหว้พระจันทร์มือสองในออนไลน์ ในราคาต่ำกว่าทุน บางรายถึงกับยอมแถมบัตรเครื่องดื่มส่วนตัวเพื่อเร่งระบายสต็อก
.
◾ แรงกดดันลามถึงลูกค้า
.
ลูกค้าขาประจำจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับการถูกเสนอขายซ้ำๆ จนบางคนเลือกเลี่ยงร้านและหันไปสั่งเดลิเวอรีแทน กระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ “Third Place” หรือ “พื้นที่ที่สาม” ที่ Starbucks ใช้สร้างแบรนด์
.
◾ ทำไมต้อง “ยัดเยียดยอดขาย”
.
เบื้องหลังมาจากความจริงที่ว่าธุรกิจหลักของ Starbucks ในจีนกำลังถดถอย ส่วนแบ่งตลาดจาก 42% ในปี 2017 ลดลงเหลือเพียง 14% ในปี 2024 รายได้ปีงบประมาณล่าสุดติดลบ 1.4% และยอดขายสาขาเดิมไตรมาสสุดท้ายร่วงถึง 14%
.
ในสถานการณ์ที่การแข่งขันจากแบรนด์ท้องถิ่นรุนแรง และราคากาแฟถูกกดลง Starbucks จึงหันมาดันสินค้ามาร์จิ้นสูงอย่างขนมไหว้พระจันทร์และของขวัญตามฤดูกาล เพื่อพยุงกำไรและตัวเลขในงบการเงิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือแรงกดดันไหลลงมาถึงพนักงานชั้นล่างแบบเป็นลูกโซ่
.
◾ เสียงสะท้อนซ้ำๆ
.
จริงๆ แล้วกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ปี 2018 เคยมีข่าวบางสาขาบังคับพนักงานวางเงินมัดจำ 500 หยวน (ราว 2,250 บาท) เพื่อบังคับขาย “บ๊ะจ่าง Starbucks” หากขายไม่หมดถูกหักเงิน ปี 2023 ก็มีรายงานพนักงานถูกกดให้วันแรกขายอย่างน้อย 25 กล่อง จนต้องปั่นยอด Starbucks ตอบกลับเช่นเคยว่า “ไม่เคยบังคับ”
.
ล่าสุด เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีพนักงานถูกกดดันให้ซื้อเองหรือกระทบต่อผลประเมิน บริษัทตอบสั้นๆ ว่า “ไม่เคยได้รับการแจ้งเรื่องนี้” และย้ำว่า “ไม่อนุญาตให้พนักงานสำรองเงินซื้อสินค้าเอง เพราะเป็นหลักการสำคัญ”
.
แต่ในความจริง แรงกดดันและ “ยอดขายบังคับ” ยังคงปรากฏซ้ำๆ และกำลังกลายเป็นบาดแผลเรื้อรังต่อแบรนด์ที่เคยขายภาพความอบอุ่นและสบายใจ
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
.
#Starbucks #ขนมไหว้พระจันทร์ #ธุรกิจร้านกาแฟ