หลังจากเปิดฉาก Season 2.2 ไปได้ดีพอตัว มาสัปดาห์นี้เลยเป็นที่จับตาดูกันมากว่าตอนที่ 2 ของ 2.2 (หรือ EP24 ถ้านับต่อจาก 2.1) จะดำเนินเรื่องล้มตึงไปเข้าทางเดิมเหมือนกับ 2.1 หรือจะรักษาระดับคำชมที่ได้รับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไว้ได้ และดำเนินเรื่องต่อไปโดยไม่เวิ่นเว้อ
และผลการตัดสินคือ .....
Pain & End
ในที่สุดสุดยอดไคล์แม็กซ์ซีนของนิยาย Love Sick ก็มาถึงซะที กับฉากโน่บอกขาดความสัมพันธ์กับยูริ ที่ถ้าได้อ่านนิยายมาจะเห็นได้ว่าเป็นฉากเค้นอารมณ์ที่ค่อนข้างดีทีเดียวที่หาเจอไม่ได้ง่ายๆ ในนิยายชายรักชาย (ในสมัยนั้น) ที่สำคัญเมื่อมันกำลังถูกนำมาบอกเล่าผ่านการแสดงหน้าจอทีวีโดยทีมงานและนักแสดง Love Sick Season 2 นั่นย่อมไม่ธรรมดา (คือไม่โดนด่าสุดๆ ก็โดนอวยกันสุดๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง) คำถามคือเมื่อบรรยากาศหลักของ Love Sick 2.2 ตั้งแต่ตอนแรกที่ฉายมาคือการเน้นไปที่ความสัมพันธ์อันอึมครึม ตัวละครปล่อยของ ปล่อยดราม่าระหว่างกันเต็มไปหมด เราจะให้คะแนนการถ่ายทอดซีนอารมณ์กับ Love Sick 2.2 แค่ไหนกัน? คำตอบอาจคงต้องเริ่มจาก EP นี้
โน่-ยูริ : เราเห็นอะไรในตัวโน่? เราคิดยังไงกับยูริ?
โดยส่วนตัวต้องบอกเลยว่าผมชอบความสัมพันธ์ของโน่กับยูริที่เกิดขึ้นมาและจบลงไปตั้งแต่ตอนเป็นนิยายแล้ว แม้มันจะเป็นแค่ตัวหนังสือแต่ในทุกครั้งที่มีโน่กับยูริโผล่ออกมาคู่กัน ผู้แต่งก็ได้บรรยายถึงความรู้สึกที่ตัวละครทั้งสองมีให้กันไว้ได้ดีทีเดียว ซึ่งน่าแปลกตรงที่มันเป็นความคอนทราสต์กันตั้งแต่เริ่มแล้วด้วย ดังนั้นเมื่อตัวละครปุณณ์เริ่มเข้ามาในชีวิตโน่จนกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้โน่เบี่ยงไปจากวิถีปกติที่สังคมกำหนด ยูริจึงเป็นตัวละครที่คนอ่านมองออกมาแต่ไกลแล้วว่ายังไงต้องถูกเทแน่ๆ เพียงแต่ใน Love Sick ผู้แต่งเลือกที่จะไม่ให้ยูริดำเนินรอยตามเอมไป (ซึ่งมันง่ายกว่ามาก) แต่ดันเลือกที่จะให้ทุกอย่างมันซับซ้อนกว่านั้น โดยให้ยูริเป็นยูริผู้แสนดีต่อไปตั้งแต่วันแรกที่โผล่เข้ามาจนถึงวันโดนบอกเลิก ผลลัพธ์ที่ได้คือไซด์เอฟเฟคของตัวละครที่กระทบไปโดนทั้งตัวโน่เองรวมถึงปุณณ์ด้วย ตรงจุดนี้เองทำให้ความสัมพันธ์ของปุณณ์กับโน่ใน Love Sick ค่อนข้างต่างจากนิยาย Y ทั่วๆ ไป กล่าวคือโลกความรักมันไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นแม้จะเป็นนิยายก็ตาม ทุกการตัดสินของตัวละครล้วนสร้างผลกระทบไปหมด
กลับมาที่โน่กับยูริ ..... หากเรามองว่าเรื่องนี้โน่เป็นฝ่ายผิด โน่เป็นฝ่ายเห็นแก่ตัว นั่นก็อาจจะใช่ แต่เราอาจกำลังตัดสินโน่จากมุมมองของคนนอกที่ไม่ได้รู้จักโน่ (อย่างแท้จริง) แต่ถ้าเรามองว่ายูริต่างหากที่ผิด ขี้มโน เป็นเด็กที่โดนสปอยล์จนเคยตัว จนกลายเป็นสาเหตุให้โน่ไปรักกับปุณณ์ นี่ก็เป็นไปได้ แต่ก็อาจไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเราก็ไม่ได้รู้จักยูริอย่างแท้จริงเช่นกัน ดังนั้นจากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีใครผิดใครถูก การกระทำไม่ว่าจะทั้งกับโน่หรือยูริล้วนมีเหตุผลในตัวของมันเอง เราอาจสงสารยูริ หรือเราอาจดีใจกับโน่ นั่นเป็นแค่ปลายทางของความรู้สึกที่เรามีให้ตัวละครทั้งสองคนนี้ ความคลุมครือและการต้องมาตีความ/ตั้งคำถามให้กับทั้งโน่และยูริเป็นวิธีสร้างตัวละครของผู้แต่งที่ผมชอบมาก ขอชื่นชมจากใจครับ
ในด้านการแสดง ..... แน่นอนว่ามันเป็นฉากสำคัญ แต่ที่สำคัญจริงๆ คืออินเนอร์นักแสดง ซีนบอกเลิกนี้เป็นประเภท "เล่นให้น้อยที่สุดแต่ต้องสื่อให้ได้มากที่สุด" จากการดูแล้วผมพบว่ายังมีบางจุดที่นักแสดงทั้งสองยังเข็นไปได้ไม่สุดและเต็มที่ จากที่ผมจินตนาการไว้ในนิยายยูริต้องผิดหวังกว่านี้และโน่ต้องเสียใจกว่านี้ แต่เท่าที่ดูผมยังรู้สึกไม่เต็มที่กับซีนอารมณ์เท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันออกมาแย่จนดูไม่ได้ขนาดนั้น เอาเป็นว่ากับตันก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง ยูริก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ฉากร้องไห้ที่ตอนแรกทำมาพอดีๆ แล้ว หลังๆ เริ่มเยอะจนเวอร์ + พยายามเกินไปจนไม่สมจริง บางทีมันก็ทำให้คนดูสะดุดได้
เป้อ-มาวิน : เป้อ.....ผู้ชายแบบนี้เป็นแบบไหน?
สำหรับคู่นี้จะบอกว่าเป็นคู่รองที่ดีไซน์สตอรี่ออกมาได้ดีไม่แพ้คู่หลักทีเดียว จนคิดว่าถ้ามีการเปิดโหวตให้ทำ spin-off แต่ละคู่ใน Love Sick แล้วล่ะก็ คู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่มีคะแนนนำมาเป็นที่ 2 แน่ๆ (ส่วนอันดับหนึ่งก็ให้คู่เงิน-ออกัส เอ้ย! เอิ้น-พีทไปละกัน) เรื่องราวเป้อกับมาวินในตอนนี้อาจทำให้คนดูมีคำถามต่างๆ มากมายขึ้นในหัว อาทิ เป้อยอมคุยกับมาวินแล้วเหรอและมันเพราะอะไร? เพราะหึง? หรือเพราะรำคาญ? มาวินไปคบกับมาร์คตอนไหน? ความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นแค่ไหน? ทำไมมาร์คถึงทำอะไรแบบนั้น? ฯลฯ แน่นอนว่าซีรีส์คงไม่สามารถนำคำตอบที่เราสงสัยเกี่ยวกับสามคนนี้มาขึ้นจอได้หมด บางอย่างอาจต้อง skip ไปเพื่อให้เส้นเรื่องกระชับ อย่างไรก็ตามคำถามๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นในหัวของผมคือท่าทีของผู้ชายอย่างเป้อ จริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร
- ถ้าตีความว่าหึง แน่นอนก็อาจเป็นไปได้ แต่ตัวละครจะต้องแสดงออกถึงความรักในตัวมาวินให้มากกว่านี้ก่อน ดังนั้นประเด็นนี้จึงยังไม่ชัดนักจนกว่าเป้อจะค้นหาความรู้สึกตัวเองพบ
- ถ้าตีความว่าไม่ชอบหรือขยะแขยง ก็คงได้ "ถ้า" ตัวละครเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทางที่ไม่มีมาร์คกับมาวินอยู่ด้วยกัน แต่นี่เดินเข้าไปหาแถมยังเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว ตรงจุดนี้ทำให้ประเด็นเกลียดหรือรำคาญก็คงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนักเช่นกัน
แล้วอะไรล่ะกับตัวเป้อคนนี้?
ผมนิยามผู้ชายแบบเป้อว่าเป็นผู้ชายที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นชายแท้และไบแมนๆ มากที่สุด กล่าวคือโดยเนื้อแท้นี่แหล่ะชายแมนๆ แมนมากๆ คนนึงที่สามารถเตะบอล เจ้าชู้ ฟันสาวได้โดยไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงแต่ผู้ชายประเภทนี้จะตายเพราะของใกล้ตัวครับ ยิ่งประเภทมีเพื่อนผู้แสนดีคอยดูแลทุกอย่าง คอยมาเป็นห่วง (หรือให้เป็นมาเป็นห่วง) ยิ่งถ้าเป็นประเภทแสนดี ดีมากๆ แล้วล่ะก็ ลงล็อกเลยครับ ถ้าวันนึงคนข้างๆ เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าตนหรือไปเทคแคร์คนอื่นมากกว่าตน เมื่อนั้นอาการหวงแบบหวงก้างอย่างไม่มีสาเหตุและนิยามไม่ได้จะโผล่ออกมาครับ (สำหรับในนิยายเพราะเป้อรู้ว่ามาวินเป็นเกย์ เลยเป็นเหตุผลแรกที่เจ้าตัวไม่พอใจครับ ..... เป็นเกย์ทำไมไม่บอกกรู) แต่สำหรับเป้อผมไม่กล้าฟันธงครับว่าเกย์ไม่เกย์ เพียงแต่ชีวิตจริงผมเคยเป็นแบบมาวินและผมก็เกลียดการกระทำคลุมเครือ ไปๆ มาๆ ไม่ชัดเจนแบบเป้อมากๆ เอาเป็นว่าคู่นี้เป็นคู่ที่มีมิติดีมากๆ น่าติดตามว่าสุดท้ายแล้วเป้อ-มาวิน-มาร์ค สุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายเสียใจเพียงคนเดียว หรือ
สุดท้ายคนที่เสียใจจะคือทั้งหมด
โอม-มิก : คู่รัก คู่กั๊ก น้ำขึ้นน้ำลง
ฟีดแบ็คจากในอินเตอร์เนตของคู่นี้ถูกนิยามไว้ว่า "หวาน, ฟิน, ดีงาม, น่ารัก" แต่สำหรับผม "มุงเป็นอารายยยยย" ตอนก่อนยังตะคอกแบบจะกินหัวกันอยู่เลย มาตอนนี้มาหวานใส่กันอีกแล้ว พี่โอมครับ ถ้าจะวางฟอร์มล่ะก็ผมเข้าใจครับ แต่การวางฟอร์มของพี่มันไม่เนียนเอามากๆ ผมว่าตอนนี้ทั้งชมรมดูออกหมดแล้วครับว่าพี่น่ะเกย์คิงกับน้องมิก ไม่ต้องแอบ ไม่ต้องปิดแล้ว เหอๆ ส่วนน้องมิก โอเคว่าน้องน่ารักดีแต่ตอนนี้ความแบ๊วของน้องมันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ และพี่ก็ไม่ค่อยอินเท่าไรให้ตายสิ
สุดท้ายผมคงต้องโดนทีมโอมมิกเผาบ้านแน่ๆ Y-Y
สุดท้ายกับพระเอกของเรา
นายปุณณ์
EP นี้ปุณณ์ดูหล่อและขรึมเป็นพิเศษ การแสดงออกทางสายตาโดยไม่ต้องพูดเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ปุณณ์ (หรือไวท์นั่นแหล่ะ) ทำได้ดี (และรักษามาตรฐานมาตลอด) โอเคเราอาจขัดใจที่เมื่อไวท์ ณวัชร์ เริ่มเปิดปากที่จะพูด แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาไวท์เงียบๆ นิ่งๆ นั่นแหล่ะความดีงามที่สุดแล้วของการมารับบทเป็นปุณณ์ ในซีเควนท์สุดท้ายก่อนจบที่ปุณณ์ถามโน่ทุกเรื่องราวด้วยความเป็นห่วง แม้มันจะดูเลิ่กลั่กรีบๆ ไปบ้างแต่ช่วงที่เร่งเร้าให้โน่ (ที่เผลอหลุดพูดคำว่ารักออกมา) พูดคำว่ารักอีกทีด้วยการเข้ามากอด ตรงนั้นเล่นน่ารักดี พอเป็นน้ำตาลหวานๆ ให้กับความขมที่เต็มไปหมดในช่วงต้นๆ ได้ (ก่อนจะมาขมกว่าเดิมตอนที่ยูริเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี)
สรุป
งานออกมาดีต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ทุกการตัดสลับคู่ใช้จังหวะดีขึ้น ไม่โดดไปมา แถมยังลงตัว แอคติ้งและการแสดงของแต่ละคนทำได้ดีเสมอตัว แต่ที่เล่นดีจริงๆ ใน EP นี้ไม่ใช่กัปตันนะครับ ผมมองว่าเป็นซิง ทั้งการแสดงออกทางสายตาว่าไม่พอใจ ผิดหวัง ฝืนยิ้ม สับสน หรือแม้กระทั่งฉากทะเล้นๆ เด็กคนนี้เก็บได้ละเอียดดีทีเดียว ส่วนกัปตันตอนแรกจะดีแล้วแต่มาตกม้าตายตอนร้องไห้ที่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ร้องจริง น้ำหูน้ำตาไหลจริง เพียงแต่เยอะไป แอคติ้งเยอะไป เรื่องเทคนิคอื่นๆ ขอไม่พูดถึงครับ พอรู้ว่าอะไรเป็นจุดเฟล อะไรที่ยังต้องแก้ไข แต่การแสดงของน้องๆ ก็คุ้มพอที่จะทำให้ผมติดตามตอนต่อไปครับ
[CR] [Review] Love Sick Season 2 Half Past 2 : Pain & End
หลังจากเปิดฉาก Season 2.2 ไปได้ดีพอตัว มาสัปดาห์นี้เลยเป็นที่จับตาดูกันมากว่าตอนที่ 2 ของ 2.2 (หรือ EP24 ถ้านับต่อจาก 2.1) จะดำเนินเรื่องล้มตึงไปเข้าทางเดิมเหมือนกับ 2.1 หรือจะรักษาระดับคำชมที่ได้รับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไว้ได้ และดำเนินเรื่องต่อไปโดยไม่เวิ่นเว้อ
และผลการตัดสินคือ .....
Pain & End
ในที่สุดสุดยอดไคล์แม็กซ์ซีนของนิยาย Love Sick ก็มาถึงซะที กับฉากโน่บอกขาดความสัมพันธ์กับยูริ ที่ถ้าได้อ่านนิยายมาจะเห็นได้ว่าเป็นฉากเค้นอารมณ์ที่ค่อนข้างดีทีเดียวที่หาเจอไม่ได้ง่ายๆ ในนิยายชายรักชาย (ในสมัยนั้น) ที่สำคัญเมื่อมันกำลังถูกนำมาบอกเล่าผ่านการแสดงหน้าจอทีวีโดยทีมงานและนักแสดง Love Sick Season 2 นั่นย่อมไม่ธรรมดา (คือไม่โดนด่าสุดๆ ก็โดนอวยกันสุดๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง) คำถามคือเมื่อบรรยากาศหลักของ Love Sick 2.2 ตั้งแต่ตอนแรกที่ฉายมาคือการเน้นไปที่ความสัมพันธ์อันอึมครึม ตัวละครปล่อยของ ปล่อยดราม่าระหว่างกันเต็มไปหมด เราจะให้คะแนนการถ่ายทอดซีนอารมณ์กับ Love Sick 2.2 แค่ไหนกัน? คำตอบอาจคงต้องเริ่มจาก EP นี้
โน่-ยูริ : เราเห็นอะไรในตัวโน่? เราคิดยังไงกับยูริ?
โดยส่วนตัวต้องบอกเลยว่าผมชอบความสัมพันธ์ของโน่กับยูริที่เกิดขึ้นมาและจบลงไปตั้งแต่ตอนเป็นนิยายแล้ว แม้มันจะเป็นแค่ตัวหนังสือแต่ในทุกครั้งที่มีโน่กับยูริโผล่ออกมาคู่กัน ผู้แต่งก็ได้บรรยายถึงความรู้สึกที่ตัวละครทั้งสองมีให้กันไว้ได้ดีทีเดียว ซึ่งน่าแปลกตรงที่มันเป็นความคอนทราสต์กันตั้งแต่เริ่มแล้วด้วย ดังนั้นเมื่อตัวละครปุณณ์เริ่มเข้ามาในชีวิตโน่จนกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้โน่เบี่ยงไปจากวิถีปกติที่สังคมกำหนด ยูริจึงเป็นตัวละครที่คนอ่านมองออกมาแต่ไกลแล้วว่ายังไงต้องถูกเทแน่ๆ เพียงแต่ใน Love Sick ผู้แต่งเลือกที่จะไม่ให้ยูริดำเนินรอยตามเอมไป (ซึ่งมันง่ายกว่ามาก) แต่ดันเลือกที่จะให้ทุกอย่างมันซับซ้อนกว่านั้น โดยให้ยูริเป็นยูริผู้แสนดีต่อไปตั้งแต่วันแรกที่โผล่เข้ามาจนถึงวันโดนบอกเลิก ผลลัพธ์ที่ได้คือไซด์เอฟเฟคของตัวละครที่กระทบไปโดนทั้งตัวโน่เองรวมถึงปุณณ์ด้วย ตรงจุดนี้เองทำให้ความสัมพันธ์ของปุณณ์กับโน่ใน Love Sick ค่อนข้างต่างจากนิยาย Y ทั่วๆ ไป กล่าวคือโลกความรักมันไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นแม้จะเป็นนิยายก็ตาม ทุกการตัดสินของตัวละครล้วนสร้างผลกระทบไปหมด
กลับมาที่โน่กับยูริ ..... หากเรามองว่าเรื่องนี้โน่เป็นฝ่ายผิด โน่เป็นฝ่ายเห็นแก่ตัว นั่นก็อาจจะใช่ แต่เราอาจกำลังตัดสินโน่จากมุมมองของคนนอกที่ไม่ได้รู้จักโน่ (อย่างแท้จริง) แต่ถ้าเรามองว่ายูริต่างหากที่ผิด ขี้มโน เป็นเด็กที่โดนสปอยล์จนเคยตัว จนกลายเป็นสาเหตุให้โน่ไปรักกับปุณณ์ นี่ก็เป็นไปได้ แต่ก็อาจไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเราก็ไม่ได้รู้จักยูริอย่างแท้จริงเช่นกัน ดังนั้นจากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าไม่มีใครผิดใครถูก การกระทำไม่ว่าจะทั้งกับโน่หรือยูริล้วนมีเหตุผลในตัวของมันเอง เราอาจสงสารยูริ หรือเราอาจดีใจกับโน่ นั่นเป็นแค่ปลายทางของความรู้สึกที่เรามีให้ตัวละครทั้งสองคนนี้ ความคลุมครือและการต้องมาตีความ/ตั้งคำถามให้กับทั้งโน่และยูริเป็นวิธีสร้างตัวละครของผู้แต่งที่ผมชอบมาก ขอชื่นชมจากใจครับ
ในด้านการแสดง ..... แน่นอนว่ามันเป็นฉากสำคัญ แต่ที่สำคัญจริงๆ คืออินเนอร์นักแสดง ซีนบอกเลิกนี้เป็นประเภท "เล่นให้น้อยที่สุดแต่ต้องสื่อให้ได้มากที่สุด" จากการดูแล้วผมพบว่ายังมีบางจุดที่นักแสดงทั้งสองยังเข็นไปได้ไม่สุดและเต็มที่ จากที่ผมจินตนาการไว้ในนิยายยูริต้องผิดหวังกว่านี้และโน่ต้องเสียใจกว่านี้ แต่เท่าที่ดูผมยังรู้สึกไม่เต็มที่กับซีนอารมณ์เท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันออกมาแย่จนดูไม่ได้ขนาดนั้น เอาเป็นว่ากับตันก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง ยูริก็แสดงได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ฉากร้องไห้ที่ตอนแรกทำมาพอดีๆ แล้ว หลังๆ เริ่มเยอะจนเวอร์ + พยายามเกินไปจนไม่สมจริง บางทีมันก็ทำให้คนดูสะดุดได้
เป้อ-มาวิน : เป้อ.....ผู้ชายแบบนี้เป็นแบบไหน?
สำหรับคู่นี้จะบอกว่าเป็นคู่รองที่ดีไซน์สตอรี่ออกมาได้ดีไม่แพ้คู่หลักทีเดียว จนคิดว่าถ้ามีการเปิดโหวตให้ทำ spin-off แต่ละคู่ใน Love Sick แล้วล่ะก็ คู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่มีคะแนนนำมาเป็นที่ 2 แน่ๆ (ส่วนอันดับหนึ่งก็ให้คู่เงิน-ออกัส เอ้ย! เอิ้น-พีทไปละกัน) เรื่องราวเป้อกับมาวินในตอนนี้อาจทำให้คนดูมีคำถามต่างๆ มากมายขึ้นในหัว อาทิ เป้อยอมคุยกับมาวินแล้วเหรอและมันเพราะอะไร? เพราะหึง? หรือเพราะรำคาญ? มาวินไปคบกับมาร์คตอนไหน? ความสัมพันธ์ตอนนี้เป็นแค่ไหน? ทำไมมาร์คถึงทำอะไรแบบนั้น? ฯลฯ แน่นอนว่าซีรีส์คงไม่สามารถนำคำตอบที่เราสงสัยเกี่ยวกับสามคนนี้มาขึ้นจอได้หมด บางอย่างอาจต้อง skip ไปเพื่อให้เส้นเรื่องกระชับ อย่างไรก็ตามคำถามๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นในหัวของผมคือท่าทีของผู้ชายอย่างเป้อ จริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร
- ถ้าตีความว่าหึง แน่นอนก็อาจเป็นไปได้ แต่ตัวละครจะต้องแสดงออกถึงความรักในตัวมาวินให้มากกว่านี้ก่อน ดังนั้นประเด็นนี้จึงยังไม่ชัดนักจนกว่าเป้อจะค้นหาความรู้สึกตัวเองพบ
- ถ้าตีความว่าไม่ชอบหรือขยะแขยง ก็คงได้ "ถ้า" ตัวละครเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทางที่ไม่มีมาร์คกับมาวินอยู่ด้วยกัน แต่นี่เดินเข้าไปหาแถมยังเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว ตรงจุดนี้ทำให้ประเด็นเกลียดหรือรำคาญก็คงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนักเช่นกัน
แล้วอะไรล่ะกับตัวเป้อคนนี้?
ผมนิยามผู้ชายแบบเป้อว่าเป็นผู้ชายที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นชายแท้และไบแมนๆ มากที่สุด กล่าวคือโดยเนื้อแท้นี่แหล่ะชายแมนๆ แมนมากๆ คนนึงที่สามารถเตะบอล เจ้าชู้ ฟันสาวได้โดยไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงแต่ผู้ชายประเภทนี้จะตายเพราะของใกล้ตัวครับ ยิ่งประเภทมีเพื่อนผู้แสนดีคอยดูแลทุกอย่าง คอยมาเป็นห่วง (หรือให้เป็นมาเป็นห่วง) ยิ่งถ้าเป็นประเภทแสนดี ดีมากๆ แล้วล่ะก็ ลงล็อกเลยครับ ถ้าวันนึงคนข้างๆ เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าตนหรือไปเทคแคร์คนอื่นมากกว่าตน เมื่อนั้นอาการหวงแบบหวงก้างอย่างไม่มีสาเหตุและนิยามไม่ได้จะโผล่ออกมาครับ (สำหรับในนิยายเพราะเป้อรู้ว่ามาวินเป็นเกย์ เลยเป็นเหตุผลแรกที่เจ้าตัวไม่พอใจครับ ..... เป็นเกย์ทำไมไม่บอกกรู) แต่สำหรับเป้อผมไม่กล้าฟันธงครับว่าเกย์ไม่เกย์ เพียงแต่ชีวิตจริงผมเคยเป็นแบบมาวินและผมก็เกลียดการกระทำคลุมเครือ ไปๆ มาๆ ไม่ชัดเจนแบบเป้อมากๆ เอาเป็นว่าคู่นี้เป็นคู่ที่มีมิติดีมากๆ น่าติดตามว่าสุดท้ายแล้วเป้อ-มาวิน-มาร์ค สุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายเสียใจเพียงคนเดียว หรือ
สุดท้ายคนที่เสียใจจะคือทั้งหมด
โอม-มิก : คู่รัก คู่กั๊ก น้ำขึ้นน้ำลง
ฟีดแบ็คจากในอินเตอร์เนตของคู่นี้ถูกนิยามไว้ว่า "หวาน, ฟิน, ดีงาม, น่ารัก" แต่สำหรับผม "มุงเป็นอารายยยยย" ตอนก่อนยังตะคอกแบบจะกินหัวกันอยู่เลย มาตอนนี้มาหวานใส่กันอีกแล้ว พี่โอมครับ ถ้าจะวางฟอร์มล่ะก็ผมเข้าใจครับ แต่การวางฟอร์มของพี่มันไม่เนียนเอามากๆ ผมว่าตอนนี้ทั้งชมรมดูออกหมดแล้วครับว่าพี่น่ะเกย์คิงกับน้องมิก ไม่ต้องแอบ ไม่ต้องปิดแล้ว เหอๆ ส่วนน้องมิก โอเคว่าน้องน่ารักดีแต่ตอนนี้ความแบ๊วของน้องมันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ และพี่ก็ไม่ค่อยอินเท่าไรให้ตายสิ
สุดท้ายผมคงต้องโดนทีมโอมมิกเผาบ้านแน่ๆ Y-Y
สุดท้ายกับพระเอกของเรา นายปุณณ์
EP นี้ปุณณ์ดูหล่อและขรึมเป็นพิเศษ การแสดงออกทางสายตาโดยไม่ต้องพูดเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ปุณณ์ (หรือไวท์นั่นแหล่ะ) ทำได้ดี (และรักษามาตรฐานมาตลอด) โอเคเราอาจขัดใจที่เมื่อไวท์ ณวัชร์ เริ่มเปิดปากที่จะพูด แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาไวท์เงียบๆ นิ่งๆ นั่นแหล่ะความดีงามที่สุดแล้วของการมารับบทเป็นปุณณ์ ในซีเควนท์สุดท้ายก่อนจบที่ปุณณ์ถามโน่ทุกเรื่องราวด้วยความเป็นห่วง แม้มันจะดูเลิ่กลั่กรีบๆ ไปบ้างแต่ช่วงที่เร่งเร้าให้โน่ (ที่เผลอหลุดพูดคำว่ารักออกมา) พูดคำว่ารักอีกทีด้วยการเข้ามากอด ตรงนั้นเล่นน่ารักดี พอเป็นน้ำตาลหวานๆ ให้กับความขมที่เต็มไปหมดในช่วงต้นๆ ได้ (ก่อนจะมาขมกว่าเดิมตอนที่ยูริเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี)
สรุป
งานออกมาดีต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ทุกการตัดสลับคู่ใช้จังหวะดีขึ้น ไม่โดดไปมา แถมยังลงตัว แอคติ้งและการแสดงของแต่ละคนทำได้ดีเสมอตัว แต่ที่เล่นดีจริงๆ ใน EP นี้ไม่ใช่กัปตันนะครับ ผมมองว่าเป็นซิง ทั้งการแสดงออกทางสายตาว่าไม่พอใจ ผิดหวัง ฝืนยิ้ม สับสน หรือแม้กระทั่งฉากทะเล้นๆ เด็กคนนี้เก็บได้ละเอียดดีทีเดียว ส่วนกัปตันตอนแรกจะดีแล้วแต่มาตกม้าตายตอนร้องไห้ที่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ร้องจริง น้ำหูน้ำตาไหลจริง เพียงแต่เยอะไป แอคติ้งเยอะไป เรื่องเทคนิคอื่นๆ ขอไม่พูดถึงครับ พอรู้ว่าอะไรเป็นจุดเฟล อะไรที่ยังต้องแก้ไข แต่การแสดงของน้องๆ ก็คุ้มพอที่จะทำให้ผมติดตามตอนต่อไปครับ