ความจริงผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรีบไปดู ธี่หยด 3 ในวันแรก ๆ ที่หนังออกฉายขนาดนี้ เพราะความรู้สึกส่วนตัว คือ ไม่มีแรงดึงดูดที่จะดูภาคนี้ซักเท่าไหร่ ด้วยคิดว่าภาค 2 นั้น น่าจะเป็นภาคจบที่สมบูรณ์แล้ว หากจะมีภาคต่อน่าจะเป็นส่วนของสปินออฟไปเลย แถมยังมีการเปลี่ยน ผกก. อีก แต่อ่านจากรีวิวหลังดูรอบสื่อ ปรากฎว่าเสียงแตกมาก มีทั้งไม่ชอบ กลาง ๆ ชอบ แต่ส่วนมากจะไม่ชอบ ก็เลยคิดว่าคงต้องไปตัดสินด้วยตาตัวเองโดยด่วน ๆ แล้วครับ
ความรู้สึกหลังดูก็คือ หนังยังตอบโจทย์เรื่องของความสนุกได้ดีอยู่ครับ ผมนั่งดูไปเพลิน ๆ แป๊ปเดียวหนังจบแล้วครับ เรียกว่าไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย แต่ความสนุกมันออกไปในอีกรสชาตินึง คือ กลายเป็นหนัง Action มากกว่า Horror ไปแล้ว แบบที่หลาย ๆ ท่านได้แสดงความคิดเห็นไว้ และที่สังเกตุได้เลย คือ ธี่หยด 3 ภาพรวมมันมีความเป็นละครสูงมาก บทพูดหรือมุมกล้องบางส่วนเหมือนกำลังนั่งดูละครหลังข่าวมากกว่านั่งดูหนังโรง ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการเปลี่ยน ผกก. หรือไม่ คนอื่น ๆ จะคิดเหมือนผมมั้ยครับ
ผีในเรื่องก็ถือว่าครีเอทได้ดี CG ผีไม่น่าเกลียด (ยกเว้น E ผีชุดดำ ที่ดูง่อยสุด) แต่ผีทั้งหมดที่ออกมามันไม่มีความน่ากลัวเลยครับ ฤทธิ์เดชก็ง่อยมาก หนังโปรโมทป่าบ่องสะโหนดเบียงแบบน่ากลัวมาก แหล่งรวมผี BlaBlaBla แต่ความน่ากลัว และฤทธิ์เดชของผีคือสู้ป่าภาค 2 ไม่ได้เลยครับ ผีก็น้อยมาก ไม่สมกับที่โปรโมทไว้เลย แถมผียังออกมาหลอกตอนกลางวันแสก ๆ อีก ส่วนฉาก Jump Scare คือ ไม่สร้างการสะดุ้งใด ๆ เลย เพราะเป็นอะไรที่คนดูคาดเดาได้หมด ทำให้นึกถึงฉากเปิดในภาค 2 และตาหมอผีเดินตัดกล้อง อันนั้นผมสะดุ้งจริงแบบใจหวิวเลยครับ 555
ด้านโครงเรื่องผมไม่ติดนะครับ แต่ระหว่างดูไปก็มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างกับหนัง คือ หนังมันเหมือนกับการเอาฉากต่าง ๆ มาวางเรียงกัน โดยขาดการเชื่อมต่อระหว่างฉาก หนังจึงดูเหมือนมีอาการกระโดดไปมาเวลาเปลี่ยนฉาก ทั้งด้านความรู้สึก อารมณ์ รวมถึงเนื้อเรื่องด้วย อันนี้ ผมฟันธงเลยว่าเป็นปัญหามาจากการตัดต่ออย่างแน่นอน ตัวหนังมีความยาวเพียง 1 ชั่วโมง 44 นาที (ธี่หยด 1 ยาว 2 ชั่วโมง 1 นาที / ธี่หยด 2 ยาว 1 ชั่วโมง 50 นาที) ซึ่งถือว่าสั้นมากสำหรับเนื้อหาทั้งหมดที่ต้องการจะเล่า ไม่แน่ใจว่าทีมสร้างตัดหนังให้สั้นขนาดนี้เพื่อผลในเรื่องความถี่ของรอบฉายหรือไม่ แต่ถือว่าเป็นจุดบอดของหนังเลยครับ คือ หนังมันไม่มีเวลาพอในการสร้างความรู้สึกร่วมให้กับคนดูในแต่ละซีนเลย
ด้านบทและการแสดง ภาคนี้มีเดอะแบกอยู่ 2 คน คือ พี่ยักษ์ กับ น้องยี่ โดยเฉพาะน้องยี่ เด็กอะไรเล่นหนังเก่งมาก ไชน์มาก พัฒนาตัวเองได้ดีสุด ๆ น้องนีน่าโตไปต้องกลายเป็นตัวแม่ในวงการได้แน่ ๆ ส่วนพี่แบร์ก็โชว์ของแหลกภาคนี้ Six Packs ทำเอาสาว ๆ หลุดโฟกัสได้แน่ ๆ 555 ส่วนคนอื่น ๆ น่าเสียดาย คือ เหมือนเอามาประกอบเท่านั้น จ่าประพันธ์ก็มีบทแค่เหมือนเป็นแค่คนเล่าเรื่องเพื่อให้คนเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้น ส่วนยะขิ่นกับกองมู ก็เหมือนเป็นแค่ไกด์พาเดินป่า บอกเล่าเรื่องราวและบอกวิธีจัดการกับผีนิดหน่อย เจ้ายศ เจ้ายอด ก็อุตส่าห์ตามเขาไปลุยป่า แต่ก็แทบไม่มีซีน แถมยังดูเป็นตัวถ่วงเขาอีก น้องหยาด ก็นั่นแหละ แทบไม่มีตัวตน ส่วนแม่เฒ่าเมาแวล์ กับ E ผีชุดดำ ไม่ต้องพูดถึง การเกลี่ยบทของภาคนี้ คือ ปัญหาเลย เด่นอยู่ 2 คนจริง ๆ ครับ
บางทีก็คิดไปว่าการที่หนังถูกรีบสร้างแบบปีต่อปี มันจะเป็นการรวบรัดไปหรือเปล่า ทำให้การพัฒนาบท การถ่ายทำ (การเก็บฟุตเทจหรือซีนต่าง ๆ) การตัดต่อ หรืออะไรต่ออะไร มันยังไม่ได้รับการขัดเกลาจนแน่นดีพอแล้วมั้ย อันนี้ คือ เป็นคำถามครับ
มาถึงส่วนที่ชอบบ้าง ผมชอบ Part แรกของหนัง ที่เป็นการกลับมารวมตัวกันของครอบครัวตัว ย. มันดูอบอุ่นมาก มันทำให้ผมรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยที่พวกเขามีให้กันจริง ๆ ส่วนนี้แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ผมคิดว่าผมได้รับความรู้สึกได้ดีกว่าทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ดี เสียดายบทของพ่อฮั่งและแม่บุญเย็นที่นอกจากออกมาตอนต้นเรื่องก็ถูกทิ้งไปเลย แม้แต่ฉากอิมแพ็คเรียกน้ำตาช่วงท้ายเรื่องที่ทุกคนมารวมตัวกัน ยังไม่มีพ่อแม่มาร่วมด้วยเลย น่าเสียดายมาก
ที่ชอบอีกด้านคือ CG ต่าง ๆ ผมถือว่าทำได้ดี CG สงคราม ฉากหัวหูระเบิด ฉากผีต่าง ๆ ฉากปรากฎตัวและการจัดการผีชุดดำตอนท้ายเรื่อง คือ โอเค เลยครับ ทำได้ไม่น่าเกลียด
อืม.. อีกอย่างที่อยากพูดถึง คือ ฉากที่ต้องการแสดงความน่ากลัวหรือตกใจอะไรของหนังในภาคนี้ มักจะเกิดขึ้นในเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่ เช่น ซีนโปรโมทที่น้องยี่โดนขังในลูกกรงที่โรงเรียน หรือ ฉากผีพรายน้ำ อันนั้นก็กลางวัน มันเลยลดทอนความน่ากลัวลงไปหรือเปล่า น่าคิดนะครับ
สรุป ถ้าคุณเคยดู ธี่หยด 1 & 2 มาแล้วในโรงหนัง ก็ควรไปดู ธี่หยด 3 เพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า E ผีชุดดำมันมีที่มาที่ไปอย่างไร แม้ทุกอย่างจะถูกเล่าแบบรวบรัดสุด ๆ ก็ตาม และจะได้รู้ว่าบทสรุปของเรื่องนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ถึงแม้มันกร่อย ๆ ไปหน่อย รวมถึง End Credit เปิดตัวละครใหม่ระดับร้อยล้าน (ขอแอบใบ้) ที่จะนำทางไปสู่อะไรใหม่ ๆ แต่ถึงอย่างไรสำหรับผมก็ยังไม่ว้าวอยู่ดี แต่ถ้าจะพูดถึงแต่เรื่องความสนุก ธี่หยด 3 มีให้คุณอย่างเต็มที่แน่นอน! แต่ถ้าเรื่องความสยอง.. แทบไม่มีให้ครับ ใช่ครับ.. บางทีเราอาจจะอยากดูหนังที่แค่สนุกก็พอแล้วครับ ส่วนสปินออฟหรือภาคอะไรต่อ ๆ ไป ควรเว้นอีกอย่างน้อย 3 - 4 ปี พูดตรง ๆ ว่าช้ำและเอียนแล้วครับ
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ
ธี่หยด 3.. ใครไปดูมาแล้วบ้าง ชอบ ไม่ชอบ อย่างไรกันบ้างครับ
ความจริงผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรีบไปดู ธี่หยด 3 ในวันแรก ๆ ที่หนังออกฉายขนาดนี้ เพราะความรู้สึกส่วนตัว คือ ไม่มีแรงดึงดูดที่จะดูภาคนี้ซักเท่าไหร่ ด้วยคิดว่าภาค 2 นั้น น่าจะเป็นภาคจบที่สมบูรณ์แล้ว หากจะมีภาคต่อน่าจะเป็นส่วนของสปินออฟไปเลย แถมยังมีการเปลี่ยน ผกก. อีก แต่อ่านจากรีวิวหลังดูรอบสื่อ ปรากฎว่าเสียงแตกมาก มีทั้งไม่ชอบ กลาง ๆ ชอบ แต่ส่วนมากจะไม่ชอบ ก็เลยคิดว่าคงต้องไปตัดสินด้วยตาตัวเองโดยด่วน ๆ แล้วครับ
ความรู้สึกหลังดูก็คือ หนังยังตอบโจทย์เรื่องของความสนุกได้ดีอยู่ครับ ผมนั่งดูไปเพลิน ๆ แป๊ปเดียวหนังจบแล้วครับ เรียกว่าไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลย แต่ความสนุกมันออกไปในอีกรสชาตินึง คือ กลายเป็นหนัง Action มากกว่า Horror ไปแล้ว แบบที่หลาย ๆ ท่านได้แสดงความคิดเห็นไว้ และที่สังเกตุได้เลย คือ ธี่หยด 3 ภาพรวมมันมีความเป็นละครสูงมาก บทพูดหรือมุมกล้องบางส่วนเหมือนกำลังนั่งดูละครหลังข่าวมากกว่านั่งดูหนังโรง ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับการเปลี่ยน ผกก. หรือไม่ คนอื่น ๆ จะคิดเหมือนผมมั้ยครับ
ผีในเรื่องก็ถือว่าครีเอทได้ดี CG ผีไม่น่าเกลียด (ยกเว้น E ผีชุดดำ ที่ดูง่อยสุด) แต่ผีทั้งหมดที่ออกมามันไม่มีความน่ากลัวเลยครับ ฤทธิ์เดชก็ง่อยมาก หนังโปรโมทป่าบ่องสะโหนดเบียงแบบน่ากลัวมาก แหล่งรวมผี BlaBlaBla แต่ความน่ากลัว และฤทธิ์เดชของผีคือสู้ป่าภาค 2 ไม่ได้เลยครับ ผีก็น้อยมาก ไม่สมกับที่โปรโมทไว้เลย แถมผียังออกมาหลอกตอนกลางวันแสก ๆ อีก ส่วนฉาก Jump Scare คือ ไม่สร้างการสะดุ้งใด ๆ เลย เพราะเป็นอะไรที่คนดูคาดเดาได้หมด ทำให้นึกถึงฉากเปิดในภาค 2 และตาหมอผีเดินตัดกล้อง อันนั้นผมสะดุ้งจริงแบบใจหวิวเลยครับ 555
ด้านโครงเรื่องผมไม่ติดนะครับ แต่ระหว่างดูไปก็มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างกับหนัง คือ หนังมันเหมือนกับการเอาฉากต่าง ๆ มาวางเรียงกัน โดยขาดการเชื่อมต่อระหว่างฉาก หนังจึงดูเหมือนมีอาการกระโดดไปมาเวลาเปลี่ยนฉาก ทั้งด้านความรู้สึก อารมณ์ รวมถึงเนื้อเรื่องด้วย อันนี้ ผมฟันธงเลยว่าเป็นปัญหามาจากการตัดต่ออย่างแน่นอน ตัวหนังมีความยาวเพียง 1 ชั่วโมง 44 นาที (ธี่หยด 1 ยาว 2 ชั่วโมง 1 นาที / ธี่หยด 2 ยาว 1 ชั่วโมง 50 นาที) ซึ่งถือว่าสั้นมากสำหรับเนื้อหาทั้งหมดที่ต้องการจะเล่า ไม่แน่ใจว่าทีมสร้างตัดหนังให้สั้นขนาดนี้เพื่อผลในเรื่องความถี่ของรอบฉายหรือไม่ แต่ถือว่าเป็นจุดบอดของหนังเลยครับ คือ หนังมันไม่มีเวลาพอในการสร้างความรู้สึกร่วมให้กับคนดูในแต่ละซีนเลย
ด้านบทและการแสดง ภาคนี้มีเดอะแบกอยู่ 2 คน คือ พี่ยักษ์ กับ น้องยี่ โดยเฉพาะน้องยี่ เด็กอะไรเล่นหนังเก่งมาก ไชน์มาก พัฒนาตัวเองได้ดีสุด ๆ น้องนีน่าโตไปต้องกลายเป็นตัวแม่ในวงการได้แน่ ๆ ส่วนพี่แบร์ก็โชว์ของแหลกภาคนี้ Six Packs ทำเอาสาว ๆ หลุดโฟกัสได้แน่ ๆ 555 ส่วนคนอื่น ๆ น่าเสียดาย คือ เหมือนเอามาประกอบเท่านั้น จ่าประพันธ์ก็มีบทแค่เหมือนเป็นแค่คนเล่าเรื่องเพื่อให้คนเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้น ส่วนยะขิ่นกับกองมู ก็เหมือนเป็นแค่ไกด์พาเดินป่า บอกเล่าเรื่องราวและบอกวิธีจัดการกับผีนิดหน่อย เจ้ายศ เจ้ายอด ก็อุตส่าห์ตามเขาไปลุยป่า แต่ก็แทบไม่มีซีน แถมยังดูเป็นตัวถ่วงเขาอีก น้องหยาด ก็นั่นแหละ แทบไม่มีตัวตน ส่วนแม่เฒ่าเมาแวล์ กับ E ผีชุดดำ ไม่ต้องพูดถึง การเกลี่ยบทของภาคนี้ คือ ปัญหาเลย เด่นอยู่ 2 คนจริง ๆ ครับ
บางทีก็คิดไปว่าการที่หนังถูกรีบสร้างแบบปีต่อปี มันจะเป็นการรวบรัดไปหรือเปล่า ทำให้การพัฒนาบท การถ่ายทำ (การเก็บฟุตเทจหรือซีนต่าง ๆ) การตัดต่อ หรืออะไรต่ออะไร มันยังไม่ได้รับการขัดเกลาจนแน่นดีพอแล้วมั้ย อันนี้ คือ เป็นคำถามครับ
มาถึงส่วนที่ชอบบ้าง ผมชอบ Part แรกของหนัง ที่เป็นการกลับมารวมตัวกันของครอบครัวตัว ย. มันดูอบอุ่นมาก มันทำให้ผมรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยที่พวกเขามีให้กันจริง ๆ ส่วนนี้แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ผมคิดว่าผมได้รับความรู้สึกได้ดีกว่าทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ดี เสียดายบทของพ่อฮั่งและแม่บุญเย็นที่นอกจากออกมาตอนต้นเรื่องก็ถูกทิ้งไปเลย แม้แต่ฉากอิมแพ็คเรียกน้ำตาช่วงท้ายเรื่องที่ทุกคนมารวมตัวกัน ยังไม่มีพ่อแม่มาร่วมด้วยเลย น่าเสียดายมาก
ที่ชอบอีกด้านคือ CG ต่าง ๆ ผมถือว่าทำได้ดี CG สงคราม ฉากหัวหูระเบิด ฉากผีต่าง ๆ ฉากปรากฎตัวและการจัดการผีชุดดำตอนท้ายเรื่อง คือ โอเค เลยครับ ทำได้ไม่น่าเกลียด
อืม.. อีกอย่างที่อยากพูดถึง คือ ฉากที่ต้องการแสดงความน่ากลัวหรือตกใจอะไรของหนังในภาคนี้ มักจะเกิดขึ้นในเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่ เช่น ซีนโปรโมทที่น้องยี่โดนขังในลูกกรงที่โรงเรียน หรือ ฉากผีพรายน้ำ อันนั้นก็กลางวัน มันเลยลดทอนความน่ากลัวลงไปหรือเปล่า น่าคิดนะครับ
สรุป ถ้าคุณเคยดู ธี่หยด 1 & 2 มาแล้วในโรงหนัง ก็ควรไปดู ธี่หยด 3 เพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า E ผีชุดดำมันมีที่มาที่ไปอย่างไร แม้ทุกอย่างจะถูกเล่าแบบรวบรัดสุด ๆ ก็ตาม และจะได้รู้ว่าบทสรุปของเรื่องนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ถึงแม้มันกร่อย ๆ ไปหน่อย รวมถึง End Credit เปิดตัวละครใหม่ระดับร้อยล้าน (ขอแอบใบ้) ที่จะนำทางไปสู่อะไรใหม่ ๆ แต่ถึงอย่างไรสำหรับผมก็ยังไม่ว้าวอยู่ดี แต่ถ้าจะพูดถึงแต่เรื่องความสนุก ธี่หยด 3 มีให้คุณอย่างเต็มที่แน่นอน! แต่ถ้าเรื่องความสยอง.. แทบไม่มีให้ครับ ใช่ครับ.. บางทีเราอาจจะอยากดูหนังที่แค่สนุกก็พอแล้วครับ ส่วนสปินออฟหรือภาคอะไรต่อ ๆ ไป ควรเว้นอีกอย่างน้อย 3 - 4 ปี พูดตรง ๆ ว่าช้ำและเอียนแล้วครับ
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ