ศาลายาไม่มีนาฬิกา ตอนที่1

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า
ผมเป็น"เณร"
และนี้คือ บันทึกประสบการณ์การไปเข้าค่ายอบรมของผม
เหตุการณ์ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
บุคคลในเรื่องมีตัวตนจริงๆ
ไม่ใช่ตัวแสดงแทน
==========================

   บ่าย3.30 ของวันที่5 
ผมมีนัดที่สำคัญยิ่งในการเดินทางไปยังสถานีรถไฟเชียงใหม่
เพื่อที่จะไปตามนัด
ผมขออุปโลคขึ้นมาเองเลยว่านั้นคือสถานที่ๆผมจะได้เจอเพื่อนที่ต่างจากผมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู
เป็นเวลา บ่าย3.29 ที่ผมกับเพื่อนได้มาถึงยังสถานีรถไฟ
ตามใบตั๋วได้บอกว่าให้ไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่4 โบกี้ที่5
แต่พอไปถึงชานชาลาที่4 ก็ทิ้งไว้แต่หมอนไม้อุ่นๆ กับควันเขม่าจางๆไว้เป็นเพื่อนกับเรา
ผมกับเพื่อนลากกระเป๋าจากออกมาด้วยอารมณ์อึนๆ
ไม่มีคำพูดใด นอกจากท่วงท่าที่ดูเชื่องช้า สื่อสารสอดสัมผัสกัน ได้ใจความว่า"จะเอายังไงต่อดีวะ"
ผมกับเพื่อน ยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟปล่อยให้อารมณ์มันค้างเติ้งอยู่อย่างนั้น
โดยมีซาวด์แทร็คเป็นเสียงทัวร์จีน,ฝรั่ง สอดแทรกเข้ามาเป็นช่วงๆ
========================================

    จนแล้วจนรอด เราก็ได้ข้อสรุปมาแบบงงๆว่าจะไปรถทัวร์แทน
ตัดสลับเวลามาเป็น21.00น. ผมกับเพื่อนก็พากันเคลื่อนกายมาโผล่อยู่บนรถทัวร์
ที่มีความเย็นของแอร์เกือบเท่ากับช่องฟีชแช่ปลากระโห้เป็นที่เรียบร้อย
ด้วยความโชคดีของผมทีได้นั่งตรงกับช่องแอร์ที่เป็นรูโหว่ ไม่มีที่ปรับองศา ไม่มีที่ปิดใดๆ
ขนาดที่ว่าถ้าผมกระหายน้ำ ผมเอามือเข้าไปซุกไว้ข้างในรูแอร์สัก5นาที ผมคงได้เลียน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามมือแก้กระหายได้แน่ๆ
ด้วยแอร์ที่เย็นขนาดนั้น และมีผ้าห่มผืนบางๆโง่ๆ มีขุยผ้ายุ่ยออกมาเป็นเส้นๆ ซึ่งไม่สามารถให้ความอบอุ่น ยิ้มอะไรได้เลย  
นั่งไปสักพักนึงผมก็เกิดอาการปวดฉี่
ยังไม่ทันได้ออกเขตเชียงใหม่เลยนะเนี้ยย
ผมกลั้นฉี่จนท้องน้อยเริ่มป่อง ทุกช่วงขณะการหายใจผมคิดแต่ว่าจะฉี่ยิ้มตรงหลุมวางแก้วที่อยู่เบาะหน้านี่เลยดีมั๊ยวะ
แต่ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนเรื่องการนอนหลับ
ผมจึงข่มตาหลับจนถึงที่พักรถ
ผมรีบลงจากรถ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ้าจีวรห้อยพะลุงพะลัง แต่ตอนนั้นผมไม่สนแล้วภาพพจน์
จะถ่ายคลิปลงยูไลค์ก็เชิญเถอะ
ยังดูดีกว่าผมยืนฉี่ใส่เบาะหน้าอีก
=========================================

   หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปผมก็หลับปุย
จนแสงแดดรอดผ่านกระจกข้างมาแยงตา
ไม่นานนักผมกับเพื่อนก็มาถึงสถานีหมอชิต
ซึ่งหลายครั้งที่ผมได้มายังที่นี้
ผมก็ยังไม่เชื่อเลยว่านี้คือเขตเมืองหลวงของประเทศไทย
สภาพเหมือนสถานีลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าว
ฝุ่นคละคลุ้ง เขม่ารถลอยละลิ่วเป็นทิวหมอก เสียงโหวกเหวก โวยวาย 
ตู้แช่ขายเครื่องดื่ม ฝุ่นเกาะจนผมนึกว่าจอมปลวก
และมีพี่อยู่คนหนึ่งที่ผมประทับใจในการทำงานแกมาก
ตั้งแต่ผมลงรถ พี่แกก็แหกปาก ตะโกนเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย
หัวหินค้าบบ  หัวหิน หัวหิน   หัวหินค้าบ หัวหิน!!!
พี่แกตะโกนเรียกลูกค้าเสมือนว่า คสช.ออกคำสั่งให้รับลูกค้าเป็นเที่ยวสุดท้าย
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังมึนๆงงๆอยู่
ตะคริวก็ยิ้ม-แขน เพราะตากแอร์รถทัวร์มาตลอดสาย
จนผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน ยืดเส้นยืดสาย
เดินออกมา พี่คนเดิมก็ยังแหกปากตะโกนอยู่อย่างนั้น
ในห้วงความคิดนั้นผมอยากจะซื้อสเตร็ปซิลไปให้แกอมเหลือเกิน
สงสารหลอดคอพี่แกมาก 
พี่แกตั้งใจทำงานมากๆจนผมอยากจะสร้างอนุสาวรีย์ให้พี่แกเลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่