เรื่องเล่าก่อนเข้า (ทำงาน) BANK
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งนามว่านาย K ซึ่งนาย K นั้นมีความใฝ่ฝันว่าหากเรียนจบแล้วอยากทำงาน
ธนาคาร เพราะภาพลักษณ์ที่ดี และด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
1.ทำงาน 8.30-15.30 น.
2.ได้ทำงานในห้องแอร์ใส่สูทผูกเนคไท ไม่ต้องร้อนตากแดด
3.ได้เงินเดือนเยอะ
4.มีคนนับหน้าถือตา จะกู้เงินหรือสมัครบัตรเครดิต ก็ง่ายสบาย 5555
5.ครอบครัวต่างเห็นดีเห็นงามสนับสนุนให้นาย K ทำงาน BANK
นาย K จึงตั้งใจศึกษาจนได้รับเกียรตินิยม เมื่อจบปริญญาก็เดินทางทำตามความฝัน เดินหน้าสมัครงานกับธนาคาร
ต่างๆและแล้ววันที่นาย K รอคอยก็มาถึงนาย K ได้รับการเรียกตัวจากธนาคารเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่ง เพื่อเข้ารับ
การทดสอบๆสัมภาษณ์ การทดสอบผ่านไปได้ด้วยดี แต่มีบทสัมภาษณ์แปลกๆ ตอนหนึ่งถามนาย K ว่าสามารถขาย
ประกันได้หรือไม่ อีกทั้งแนะนำนาย K ขายประกันกับคนใกล้ตัวก่อน (พ่อแม่พี่น้องพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายาย

เอาให้หมดตระกูลว่างั้น 555) นาย K ตอบว่า...ได้...เพราะว่าต้องการทำงานที่ธนาคารและคิดว่า
หากเข้าไปทำงานแล้ว พี่ที่อยู่สาขาจะช่วยแนะนำสอนงานให้ (

โลกสวยงาม 555) หลังจากผ่านไปได้
สักระยะหนึ่งนาย K ก็ได้รับการเรียกตัว เพื่อเข้าทำงานกับธนาคารดังกล่าว
"K (ทำงาน) Bank" (ส่วนจะเป็นBANK
ไหนไปคิดกันเอาเองนะเอออ

อิอิ) ช่วงแรกทุกอย่าง ดูตื่นตาตื่นใจฟุดๆ นาย K ต้องเข้ารับการอบรม
พนักงานใหม่ 7 วัน ช่วงระหว่างที่อยู่สถานที่ฝึกอบรมทั้งวิทยากรทีมงานและสถานที่พัก สถานที่อบรม การบริการ
ของพนักงานต่างปลุกขวัญและกำลังใจให้ไฟลุกโชน อยากออกมาทำงานและอยากก้าวหน้าในอาชีพไวๆ
(555

หารู้ไม่ว่าอีกไม่นานไฟที่ลุกโชน ก็จะโดนน้ำสาดจนดับลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน) เมื่อจบหลักสูตร
อบรมพนักงานใหม่ ก็ถึงวันจริงที่นาย K จะต้องลงสนามจริงคือสาขานั้นเอง การเริ่มงานวันแรก โอ้พระเจ้าช่าง
เป็นสาขาที่น่าอยู่อะไรอย่างนี้ พี่ๆเพื่อนๆน่ารักมาก พี่ๆคงกลัวน้องใหม่เหงาต่างเอางานโยนมาให้อย่างไม่ยั้ง
(จัดเต็มกันไปเลย 555

รักกันจริงงงง) ช่วงทดลองงาน 3 เดือน กว่าจะปรับตัว
เข้ากับสถานที่ใหม่ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้าให้บริการ และการถูกกดดันเรื่องผลงานจากผู้จัดการสารพัดวิธี ชีวิต
ที่วาดฝันไว้เริ่มไม่ใช่อย่างที่คิด เริ่มจากทานข้าวไม่เป็นเวลา , ความเครียดสะสม , ตื่นเช้าเข้างานก่อนเห็นตะวัน
พอตกเย็นเลิกงานก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน (รักองค์กรฟุดๆ กดดันยันเที่ยงคืน

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด 555)
เสาร์-อาทิตย์เดินตลาดหาลูกค้า ไม่ต้องมีเวลาให้กับครอบครัว
เดือนที่ 1 ถูกเรียกเข้าห้องประชุมกดดันประกัน นาย K ต้องขายให้พ่อกับแม่ (พ่อแม่ช่วยลูกให้ผ่านทดลองงาน)
เดือนที่ 2 ถูกเรียกกดดัน นาย K ต้องขายให้ญาติพี่น้อง
เดือนที่ 3 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ลุงป้า
ในที่สุดนาย K ก็ผ่านการทดลองงาน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบแต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว
เดือนที่ 4 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้น้าและอา
เดือนที่ 5 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ปู่กับย่า
เดือนที่ 6 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ตากับยาย
เดือนที่ 7 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ตนเองกับแฟน (ตนเองต้องตกเป็นทาสขององค์กรเพราะ
ทำงานมาเท่าไรต้องเอาเงินไปซื้อประกันตนเองหมด)
เดือนที่ 8 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ เพื่อนๆ (ความสัมพันธ์กับเพื่อนเริ่มจางลง)
เดือนที่ 9 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ลูกค้า (เริ่มมองลูกค้า เป็น เหยื่ออันโอชะ)
(ปล.ประกันที่ถูกบังคับขายคือ 15/25 หมายถึงส่งเงินเบี้ยจนครบ 15 ปี แต่จะได้เงินคืน
เมื่อครบ 25 ปี เหตุผลที่บังคับให้ขายเพราะคะแนนมากที่สุด)
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เข้างานแต่เช้าตรู่เลิกงานดึกๆไม่มีเวลาให้กับครอบครัว
ประชุมๆๆๆๆๆๆ กดดันๆๆๆๆๆ ประกันๆๆๆๆ เครียดๆๆๆๆๆ
(
สโลแกน.....มีผลงานเป็นประกัน ไม่มีประกัน ไม่มีผลงาน)
และแล้วนาย K ก็เริ่มคิดว่า
1.หากทำงานอยู่ต่อไปจะต้องเป็นทาสซื้อประกันตัวเองและต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปจนเกษียนอายุ
2. ลาออกซะแล้วหางานใหม่เลือกงานที่ใช่ในแบบที่ชอบ
แต่จะทำอย่างไรกับพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย แฟนและเพื่อนๆที่ช่วยซื้อประกันเพื่อให้นาย K
รอดการถูกกดดัน พวกเขาต้องส่งค่าเบี้ยจนครบ 15 ปี ซึ่งหากส่งไม่ครบหรือหยุดส่ง บริษัทก็ได้เงินฟรี
....หากคุณเป็นนาย K จะทำอย่างไร ???
ปล.โปรดช่วยกัน แชร์ ให้พี่ๆน้องๆที่กำลังคิดตัดสินใจจะเข้าทำงานBank ด้วยนะครับ ไม่อยากให้เข้าไปอยู่วงจร...จุด..จุด...ดังกล่าว
ส่วนพนักงานธนาคาร Bank ก็สามารถกด แชร์ ได้นะครับ ลูกค้าจะได้ทราบว่าพนักงาน Bank ถูกกดดันขนาดไหน
ขอบคุณครับ
From...M.J.... 
....
เรื่องเล่าก่อนเข้า (ทำงาน) BANK......!!!
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งนามว่านาย K ซึ่งนาย K นั้นมีความใฝ่ฝันว่าหากเรียนจบแล้วอยากทำงาน
ธนาคาร เพราะภาพลักษณ์ที่ดี และด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
1.ทำงาน 8.30-15.30 น.
2.ได้ทำงานในห้องแอร์ใส่สูทผูกเนคไท ไม่ต้องร้อนตากแดด
3.ได้เงินเดือนเยอะ
4.มีคนนับหน้าถือตา จะกู้เงินหรือสมัครบัตรเครดิต ก็ง่ายสบาย 5555
5.ครอบครัวต่างเห็นดีเห็นงามสนับสนุนให้นาย K ทำงาน BANK
นาย K จึงตั้งใจศึกษาจนได้รับเกียรตินิยม เมื่อจบปริญญาก็เดินทางทำตามความฝัน เดินหน้าสมัครงานกับธนาคาร
ต่างๆและแล้ววันที่นาย K รอคอยก็มาถึงนาย K ได้รับการเรียกตัวจากธนาคารเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่ง เพื่อเข้ารับ
การทดสอบๆสัมภาษณ์ การทดสอบผ่านไปได้ด้วยดี แต่มีบทสัมภาษณ์แปลกๆ ตอนหนึ่งถามนาย K ว่าสามารถขาย
ประกันได้หรือไม่ อีกทั้งแนะนำนาย K ขายประกันกับคนใกล้ตัวก่อน (พ่อแม่พี่น้องพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายาย
หากเข้าไปทำงานแล้ว พี่ที่อยู่สาขาจะช่วยแนะนำสอนงานให้ (
สักระยะหนึ่งนาย K ก็ได้รับการเรียกตัว เพื่อเข้าทำงานกับธนาคารดังกล่าว "K (ทำงาน) Bank" (ส่วนจะเป็นBANK
ไหนไปคิดกันเอาเองนะเอออ
พนักงานใหม่ 7 วัน ช่วงระหว่างที่อยู่สถานที่ฝึกอบรมทั้งวิทยากรทีมงานและสถานที่พัก สถานที่อบรม การบริการ
ของพนักงานต่างปลุกขวัญและกำลังใจให้ไฟลุกโชน อยากออกมาทำงานและอยากก้าวหน้าในอาชีพไวๆ
(555
อบรมพนักงานใหม่ ก็ถึงวันจริงที่นาย K จะต้องลงสนามจริงคือสาขานั้นเอง การเริ่มงานวันแรก โอ้พระเจ้าช่าง
เป็นสาขาที่น่าอยู่อะไรอย่างนี้ พี่ๆเพื่อนๆน่ารักมาก พี่ๆคงกลัวน้องใหม่เหงาต่างเอางานโยนมาให้อย่างไม่ยั้ง
(จัดเต็มกันไปเลย 555
เข้ากับสถานที่ใหม่ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้าให้บริการ และการถูกกดดันเรื่องผลงานจากผู้จัดการสารพัดวิธี ชีวิต
ที่วาดฝันไว้เริ่มไม่ใช่อย่างที่คิด เริ่มจากทานข้าวไม่เป็นเวลา , ความเครียดสะสม , ตื่นเช้าเข้างานก่อนเห็นตะวัน
พอตกเย็นเลิกงานก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน (รักองค์กรฟุดๆ กดดันยันเที่ยงคืน
เสาร์-อาทิตย์เดินตลาดหาลูกค้า ไม่ต้องมีเวลาให้กับครอบครัว
เดือนที่ 1 ถูกเรียกเข้าห้องประชุมกดดันประกัน นาย K ต้องขายให้พ่อกับแม่ (พ่อแม่ช่วยลูกให้ผ่านทดลองงาน)
เดือนที่ 2 ถูกเรียกกดดัน นาย K ต้องขายให้ญาติพี่น้อง
เดือนที่ 3 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ลุงป้า
ในที่สุดนาย K ก็ผ่านการทดลองงาน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบแต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว
เดือนที่ 4 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้น้าและอา
เดือนที่ 5 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ปู่กับย่า
เดือนที่ 6 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ตากับยาย
เดือนที่ 7 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ตนเองกับแฟน (ตนเองต้องตกเป็นทาสขององค์กรเพราะ
ทำงานมาเท่าไรต้องเอาเงินไปซื้อประกันตนเองหมด)
เดือนที่ 8 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ เพื่อนๆ (ความสัมพันธ์กับเพื่อนเริ่มจางลง)
เดือนที่ 9 ถูกเรียกกดดันอีก นาย K ต้องขายให้ ลูกค้า (เริ่มมองลูกค้า เป็น เหยื่ออันโอชะ)
(ปล.ประกันที่ถูกบังคับขายคือ 15/25 หมายถึงส่งเงินเบี้ยจนครบ 15 ปี แต่จะได้เงินคืน
เมื่อครบ 25 ปี เหตุผลที่บังคับให้ขายเพราะคะแนนมากที่สุด)
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เข้างานแต่เช้าตรู่เลิกงานดึกๆไม่มีเวลาให้กับครอบครัว
ประชุมๆๆๆๆๆๆ กดดันๆๆๆๆๆ ประกันๆๆๆๆ เครียดๆๆๆๆๆ
(สโลแกน.....มีผลงานเป็นประกัน ไม่มีประกัน ไม่มีผลงาน)
และแล้วนาย K ก็เริ่มคิดว่า
1.หากทำงานอยู่ต่อไปจะต้องเป็นทาสซื้อประกันตัวเองและต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปจนเกษียนอายุ
2. ลาออกซะแล้วหางานใหม่เลือกงานที่ใช่ในแบบที่ชอบ
แต่จะทำอย่างไรกับพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย แฟนและเพื่อนๆที่ช่วยซื้อประกันเพื่อให้นาย K
รอดการถูกกดดัน พวกเขาต้องส่งค่าเบี้ยจนครบ 15 ปี ซึ่งหากส่งไม่ครบหรือหยุดส่ง บริษัทก็ได้เงินฟรี
....หากคุณเป็นนาย K จะทำอย่างไร ???
ปล.โปรดช่วยกัน แชร์ ให้พี่ๆน้องๆที่กำลังคิดตัดสินใจจะเข้าทำงานBank ด้วยนะครับ ไม่อยากให้เข้าไปอยู่วงจร...จุด..จุด...ดังกล่าว
ส่วนพนักงานธนาคาร Bank ก็สามารถกด แชร์ ได้นะครับ ลูกค้าจะได้ทราบว่าพนักงาน Bank ถูกกดดันขนาดไหน
ขอบคุณครับ
From...M.J....