[การลงทุน] สิ่งที่เสี่ยงที่สุดคือ “ไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย”

กระทู้สนทนา


         ในยุคสมัยปัจจุบัน การหาอ่านความรู้เรื่องการลงทุน คนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยมีโลกของอินเตอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมความรู้จากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงสังคมออนไลน์ ที่ปัจจุบันนอกจากเอาไว้ใช้คุยเรื่องทั่วไปจิปาถะแล้ว ก็ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้โดยการแชร์ความรู้ รวมไปถึงประสบการณ์การลงทุนของแต่ละคนอีกด้วย
    
    กลับกันในโลกแห่งความเป็นจริง  ทั้งที่ความรู้สามารถหาอ่านได้ง่ายกว่าสมัยก่อนตั้งเยอะ สถานที่เรียนก็มีหลายที่ แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ก็ยังกลัวการลงทุนกันอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น ลงทุนในหุ้น, อสังหา, ธุรกิจ, และอื่นๆ เหมือนกับว่ายิ่งอ่านมาก ฟังจากคนนู้นคนนี้เยอะ ก็ยิ่งไม่กล้า กลัวไปหมดทุกอย่าง เช่น
        • ตลาดหุ้นผันผวนบ่อย เข้าไปแล้วติดดอยแน่ๆ กลัวขาดทุน
        • อสังหาฟองสบู่แล้วแน่เลย  เข้าไปลงทุนตอนนี้มีหวังเงินจมชัวร์
        • กองทุนคืออะไร LTF/RMF หน้าตาเป็นอย่างไร เยอะแยะมากเลือกไม่ถูก เอาไว้สิ้นปีค่อยดูดีกว่า  
        • ช่วงนี้อ่านในพันทิปเยอะ เศรษฐกิจแย่แน่ๆ ไว้ให้ดีขึ้นกว่านี้ค่อยเริ่มทำธุรกิจแล้วกัน
    
        สุดท้ายแล้วคนเหล่านั้น มักมีเหตุผลข้ออ้างให้กับตัวเองได้เสมอ ไม่ว่าช่วงไหนปัจจัยรอบข้างจะดีหรือจะแย่ก็ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ โดยเลือกทำสิ่งที่ง่ายที่สุดนั้นคือการฝากเงินในธนาคารดีกว่าปลอดภัยดี แต่หารู้ไม่ว่าดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก 1-2% เพียงแค่นั้น บางทีแค่กินข้าวมื้อนึงก็หมดแล้ว


ที่มา : http://www.dpa.or.th/ewt_news.php?nid=363

        และยิ่งไปกว่านั้นในปี 2559 การคุ้มครองเงินฝากบ้านเราจะเหลือเพียงแค่ 1 ล้านบาท!!! นั้นหมายความว่าถึงแม้คุณจะมีเงินมากมายเก็บออมไว้ในธนาคารเท่าไร ถ้าเกิดมีวิกฤตและธนาคารล้มละลายขึ้นมา คุณจะได้รับคืนมากที่สุดแค่ล้านเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดแบบนั้นคงไม่ดีแน่
    
        จริงๆแล้วการเริ่มต้นด้วยการออมเป็นสิ่งที่ดีครับเป็นพื้นฐานที่สำคัญ แต่จะดียิ่งกว่าถ้าคุณลองทำใน Step ถัดไปนั้นคือการนำเงินไปลงทุนเพื่อสร้างสินทรัพย์และความมั่นคงในชีวิตให้มากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าหลายคนในที่นี้ ก็อยากสบาย ประสบความสำเร็จในเร็ววัน มีอิสรภาพทางการเงิน อยากไปทำตามความฝันของตัวเอง เพราะได้แรงบันดาลใจจาก Idol ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมามากมายในช่วงนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี ที่เรามีเป้าหมายให้เดินตาม แต่บางทีมันยังขาดความกล้าในการลงมือทำ เพราะมีแต่ความกลัวในใจอยู่ 3 อย่างนี้ ได้แก่ กลัวเสี่ยง, กลัวขาดทุน, กลัวไม่มีเวลา

    เชื่อว่าแรกเริ่มทุกๆคน  มีความกลัวเหล่านี้ทั้งหมด แต่เราเคยได้ยินคำนี้กันบ้างไหมครับ “ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ” การลงทุนนั้นก็เช่นกัน มันต้องมีเสียเงินขาดทุนกันบ้างเพื่อเป็นค่าประสบการณ์หรือค่าครู แต่สิ่งที่จะเราได้รับกลับมานั้นสำคัญยิ่งกว่าคือ ได้ประสบการณ์จริงและมองเห็นความผิดพลาดในตัวเราว่าเกิดที่จุดไหน ต้องปรับแก้อย่างไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้

        หากวันนี้คุณเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวน 30,000 บาท (ตัวเลขสมมุติ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละคนที่จะรับได้) มีโอกาสความน่าจะเป็นที่คุณจะได้เจออยู่ 3 กรณี
       • ดีที่สุด    = ได้กำไรกลับมามหาศาลมากกว่าที่คุณตั้งเป้าหมายไว้มาก
       • ปานกลาง    = เท่าทุนหรือบวกลบนิดหน่อย
       • เลวร้ายที่สุด = เสียหมดขาดทุนหมดทั้ง 30,000 บาท
    
ลองคิดดูว่า...หากวันนี้คุณเอาแต่คิดเยอะ ไม่ลงมือทำเสียที โอกาสสำเร็จยังไงก็เป็น “ศูนย์” ไม่มีทางเป็นอื่นได้อย่างแน่นอน แต่หากคุณได้ลองทำแล้วยังไงซะโอกาสสำเร็จจะมากหรือน้อยคุณก็ยังมีสิทธิ์ชนะได้ในครั้งนี้


    ซึ่งการที่คุณจะประสบความสำเร็จในการลงทุนตามที่ตั้งใจไว้นั้น ทุกอย่างมันมีทางของมัน เพียงแต่เราต้องทุ่มเททั้งความคิด, เวลา, และแรงกาย ในการศึกษาลงมือทำ ในช่วงเริ่มต้นคนส่วนใหญ่มักเจอปัญหาแล้วล้มเลิกกันที่จุดนี้ เพราะเป็นจุดที่ยากและมีความท้าทายมากที่สุด แต่ทว่าหากคุณสามารถก้าวผ่านพ้นมันมาได้ สิ่งที่รอคุณอยู่ มันย่อมได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการรอคอยอย่างแน่นอนครับ เหมือนเช่นคนทั่วไปที่เราเห็นว่าเค้าประสบความสำเร็จในชีวิต คนเหล่านั้นเบื้องหน้าอาจจะดูดีมีฐานะ แต่หารู้ไม่ว่าแผ่นหลังของเค้าเหล่านั้นอาจมีรอยแผลเป็นร้อยเป็นพันแห่งยิ่งกว่าเราก็เป็นได้

    สุดท้ายนี้ การลงทุนไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือไกลตัวเกินไปสำหรับเรา หากสามารถบริหารความเสี่ยงและมีแผนสำรองเป็นทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง เพราะคนจำนวนมากเลือกที่จะไม่เสี่ยง โดยการมีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวที่ดูดี มีเหตุผลเสมอ ซึ่งในชีวิตจริงและการลงทุนก็เช่นกัน ถ้าคุณไม่เริ่มต้นลองทำ ก็จะไม่มีวันรู้ว่าสำเร็จได้หรือไม่ ดังคำกล่าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถไต่เต้าจนประสบความสำเร็จในระดับโลกได้

สิ่งที่เสี่ยงที่สุดคือ “ไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย” เพราะในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้
กลยุทธ์ที่ประกันได้ถึงความล้มเหลวในชีวิต ก็คือ “การไม่ยอมเสี่ยงทำอะไรเลย”
- Mark Zuckerberg –

-----------------------

ติดตามข่าวสาร ศูนย์รวมความรู้-บทความเรื่องการลงทุนได้ที่ https://www.facebook.com/thinkvestment

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่