พิพิธภัณฑ์นาฬิกาที่เมืองกลาสฮุ๊ตเต้ประเทศเยอรมนี (Deutsches Uhrenmuseum Glashütte)

ผมได้มีโอกาสเดินทางข้ามเวลาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และที่มาของความสำคัญของอุตสาหกรรมนาฬิกาของเมืองกลาสฮุ๊ตเต้ (german: Glashütte)

พิพิธภัณฑ์นาฬิกากลาสฮุ๊ตเต้จัดแสดงจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมนาฬิกาย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1845 โดย Ferdinand Adolf Lange คือผู้เริ่มต้น จนถึงอุตสาหกรรมนาฬิกาของกลาสฮุ๊ตเต้ในปัจจุบัน ผมจะเริ่มโดยการปูพื้นฐานทางประวัติศาสตร์โดยย่อ โดยจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือยุคบุกเบิกและยุคหลังสงครามโลกคร้ั้งที่สอง สองส่วนดังกล่าวที่ผมยกมาในครั้งนี้ในความเห็นของผมคือส่วนสำคัญที่ทำให้นาฬิกาแห่งกลาสฮุ๊ตเต้มีตัวตนขึ้นมา สุดท้ายผมจะพาทัวร์ไปในพิพิธภัณฑ์โดยหยิบรูปภาพที่ถ่ายมาแล้วอธิบายเป็นตอนๆให้เพื่อนๆพอจะเห็นภาพของพิพิธภัณฑ์โดยคร่าวๆครับ


รูปของ Ferdinand Adolf Lange

[บทที่ 1 - Glashütte ยุคบุกเบิก]

นาย Ferdinand Adolf Lange เกิดที่เมือง Dresden เมื่อปี 1815 เป็นนักเรียนมีความสามารถและได้รับโอกาสเข้าศึกษาที่โรงเรียนเทคนิคเมืองเดรสเดน ช่วงวัยเรียนได้ทำความรู้จักกับครอบครัวกู๊ทเคส (german: Gutkäs) ต่อมาเขาได้มาเรียนเรียนเป็นช่างทำนาฬิกากับ Johan Friedrich Gutkäs (พ่อตาในอนาคตของเขา) หลังจากจบการศึกษาเขาได้รับโอกาสไปฝึกวิชากับช่างทำนาฬิกาทางทะเล (Marine Chronometer) ที่ฝรั่งเศส (ซึ่งในสมัยก่อนเป็นธรรมเนียมว่าเหล่าช่างฝีมือเมื่อเรียนจบจะต้องออกเดินทางเพื่อไปฝึกฝนวิชาจากต่างแดนเพื่อนับความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเมืองตน เรียกว่า "Wanderjahr")

หลังจากเขากลับมาจากการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ Ferdinand Adolf Lange ได้เข้ามาร่วมทำธุรกิจนาฬิกากับครอบครัวกู๊ทเคส และได้ร่วมสร้างนาฬิกาห้านาที (german: Fünf-Minuten-Uhr) ที่ใช้สำหรับบอกเวลาการเล่นโอเปร่าใน Semperoper (โรงโอเปร่าเมืองเดรสเดน) ในภายหลังนาฬิกาได้ถูกทำลายจากผลกระทบทางสงคราม ในช่วงปีที่ทำงานกับกู๊ทเคส เขาได้รับการแนะนำว่าควรที่จะทำธุรกิจนาฬิกาเองเพื่อที่จะสืบทอดวิชาที่เขาได้เรียนรู้มาให้คนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งกระจายความรู้ออกไปในพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการพัฒนา ด้วยเหตุผลนี้เขาได้เลือกที่จะไปเปิดโรงงานนาฬิกาที่เมืองกลาสฮุ๊ตเต้เมืองที่ทำอุตสาหกรรมเหมืองมาก่อน เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่เพราะการจะสอนให้คนที่ทำงานหยาบมาทำงานละเอียดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย Ferdinand Adolf Lange ได้เลือกคนท้องถิ่น 15 คน มาเป็นลูกศิษย์ และสอนให้บุคคลเหล่านี้เป็นช่างนาฬิกาฝีมือเลิศในเวลาต่อมา


นอกเรื่อง - จากคำบอกเล่าของคุณ Hans-Jürgen Mühle อดีตผู้บริหาร Mühle-Glashütte GmbH ทายาทรุ่นที่ 4 ของ VEB Messtechnik (ปัจจุบันสืบทอดการบริหารให้ลูกชาย)

ตอนแรก Ferdinand Adolf Lange ได้เลือกเมืองไว้หลายๆเมือง ซึ่งหลายๆเมืองนั้นพร้อมมากกว่ากลาสฮุ๊ตเต้ แต่สุดท้ายเขาได้เลือกกลาสฮุ๊ตเต้เพราะเหตุผลที่แท้จริงเพราะ "เพราะความรักที่มีต่อภรรยาของเขา" Antonia Gutkäs ภรรยาของเขานั้นได้มีชีวิตแต่วัยเยาว์ในสังคมแห่งความเจริญ ตั้งแต่เล็กเธอใช้ชีวิตอยู่ในรั้ววังล้อมรอบด้วยผู้คนที่สุภาพเพราะว่าพ่อของเธอนั้นเป็นช่างทำนาฬิกาให้กับราชวงศ์ในสมัยนั้น Ferdinand Adolf Lange จึงไม่อยากจะให้ภรรยาของเขานั้ันจะต้องอยู่ห่างบ้านเกิดมาก จึงมีสถานที่เดียวที่เหมาะสม เพราะเป็นเมืองเดียวห่างจากเมืองเดรสเดนเพียงสามชั่วโมงรถม้านั่นคือ "Glashütte" (เมืองอื่นที่เขาเลือกอยู่ห่างออกไปกว่าแปดชั่วโมงรถม้า)



หลายปีผ่านไปลูกศิษย์ต่างพากันไปเปิดโรงงานชิ้นส่วนต่างๆที่มาส่งให้กันและกันเพื่อผลิตนาฬิกา มีการเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมนาฬิกาเพิ่มขึ้น เมืองกลาสฮุ๊ตเต้ได้สร้างชื่อเสียงในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเป็นอันมาก

[บทที่ 2 - Glashütte ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง]

หลังสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมนีได้แบ่งออกเป็นสองฝั่งสองระบอบการปกครอง กลาสฮุ๊ตเต้อยู่ในประเทศเยอรมนีตะวันออก (Deutsche Demokratische Republik ย่อ DDR) ที่มีระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ บริษัทนาฬิกาเอกชนต่างๆ ต้องขึ้นตรงต่อรัฐบาลให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วต้องมีอักษร VEB นำหน้า ที่ย่อมาจาก Volkseigener Betrieb (เช่น VEB Lange, VEB Messtechnik และ VEB Estler) โดยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบภายในบริษัทให้เข้ากับระบอบการปกครอง

ในปี ค.ศ. 1951 บริษัทเอกชนเหล่านี้ได้ถูกรวมเป็นบริษัทใหญ่บริษัทเดียวภายใต้การดูแลของรัฐบาลอย่างเต็มตัวภายใต้ชื่อว่า VEB Glashütter Uhrenbetrieb (ชื่อย่อ GUB) และ GUB ได้มีความสำคัญในการผลิตนาฬิกาในช่วงหลังสงครามโลกจนถึงการรวมชาติของเยอรมนี
หลังจากการรวมชาติ GUB ได้เปลี่ยนเป็น Glashütter Uhrenbetrieb GmbH (GmbH ย่อมาจาก Gesellschaft mit beschränker Haftung หรือบริษัทจำกัด) เพราะต้องเปลี่ยนจากของรัฐมาเป็นเอกชน จากนั้นมา GUB ได้ทำนาฬิกาภายใต้ชื่อว่า "Glashütte Original" ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือ Swatch Group ที่ผลิตนาฬิกาหรูตามแบบฉบับเยอรมัน

[บทที่ 3 - พิพิธภัณฑ์นาฬิกาที่เมืองกลาสฮุ๊ตเต้ประเทศเยอรมนี (Deutsches Uhrenmuseum Glashütte)]

ก่อนจะเริ่ม ผมเป็นตัวแทนของ Luxury Watches Thailand ขอขอบคุณบริษัทนาฬิกา C. H. WOLF ที่สนับสนุนบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ฝากเพื่อนๆเข้าไปกด Like ในแฟนเพจของ C. H. WOLF ด้วยนะครับ >>คลิกที่นี่<<

การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จะใช้รูปและการบรรยายใต้ภาพนะครับ

รูปที่ 1 - รูปของ Deutsches Uhren Museum Glashütte

รูปที่ 2 - บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์นาฬิกา

รูปที่ 3 - เดินเข้ามาจะพบกับห้องโถงของพิพิธภัณฑ์ และนาฬิกาของ Hermann Goertz

รูปที่ 4 - นาฬิกาของ Hermann Goertz (1862 - 1944) ที่สร้างในปี ค.ศ. 1925 ที่เป็นนาฬิกาที่นอกจากจะบอกเวลาแล้วยังบอกข้อมูลสำคัญทางดาราศาสตร์ได้ เป็นกลไกที่ซับซ้อนมาก ประกอบด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 1,756 ชิ้น

รูปที่ 5 - ด้านล่างพิพิธภัณฑ์แสดงห้องที่มีการตกแต่งในช่วงก่อนที่เยอรมนีจะรวมชาติ คลาสสิกแบบเรียบๆ

รูปที่ 6 - แบบนาฬิกาของ GUB ประเทศเยอรมนีตะวันออก (Deutsche Demokratische Republik ย่อ DDR)

รูปที่ 7 - นาฬิกาโดยการพัฒนากลาสฮุ๊ตเต้ยุคบุคเบิกแบ่งออกเป็นหลายแบบ ในรูปนั้นเป็นแบบ Type VI หมายเลขเครื่องตั้งแต่ 3100 เป็นต้นไป ทำตั้งแต่ปี ค.ศ. 1863 จะมีชิ้นส่วนต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น 3/4 Plate และ Gold-Chatons ซึ่งเป็นจารีตสำหรับนาฬิการุ่นคลาสสิกของกลาสฮุ๊ตเต้จนถึงปัจจุบัน

รูปที่ 8 - ขั้นตอนการสร้าง balance wheel (จักกรอก) ในสมัยก่อน


รูปที่ 9 - โต๊ะแบบแรกของช่างทำนาฬิกาในสมัยยุคบุกเบิก โดยโต๊ะจะติดกับหน้าต่างจึงทำให้ไม่ต้องใช้แสงไฟช่วยเวลาทำนาฬิกา ปัจจุบันเรามีไฟฟ้าที่ส่วางใช้งานกันอย่างสะดวก การนำโต๊ะช่างทำนาฬิกาไปติดหน้าต่างนั้นจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป


รูปที่ 10 - นาฬิกาที่มีตัวเลขแทนเข็ม สร้างโดย Fa. Dürrstein & co จากเมือง Dresden


รูปที่ 11 - นาฬิกานักบินของ A. Lange & Söhne มีมะยมและหน้าปัดที่ใหญ่ขึ้นทำให้สะดวกต่อการใช้งาน


รูปที่ 12 - ห้องแสดงโชว์นาฬิกาข้อมือ GUB และด้านขวาติดผนังคือ Präzisionspendeluhr หรือว่านาฬิกาลูกตุ้มความแม่นยำสูง ซึ่งมีประโยชน์มากเพราะใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการผลิตนาฬิกาในสมัยก่อน ซึ่งต้องใช้ความชำนาญและฝีมือขึ้นสูงในการผลิตให้นาฬิกาเที่ยงตรง จะต้องคำนวณแรงโน้มถ่วงที่ติดตั้งให้แม่นยำเพื่อให้การแกว่งของตุ้มเหวี่ยงเท่ากับ 1 วินาทีอย่างไม่ขาดและไม่เกิน


รูปที่ 13 - รวมนาฬิกาข้อมือของ GUB


รูปที่ 14 - รวมนาฬิกาข้อมือของ GUB

นอกจากนั้นยังมีการโชว์ห้องซ่อมนาฬิกา GUB และ Glashütte Original ทั้งนาฬิกาข้อมือและนาฬิกาทางทะเล Marine Chronometer (สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาทางทะเลของเยอรมนี สามารถเข้าไปอ่านกระทู้ที่ผมเขียนไว้เมื่อก่อนได้ครับ >>คลิกที่นี่<<)

นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์และนาฬิกาที่น่าสนใจอีกมากมายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ถ้าเพื่อนๆที่สนใจเกี่ยวกับนาฬิกาได้มีโอกาสมาเที่ยวเยอรมนี ลองแวะเข้าไปที่ Deutsches Uhrenmuseum Glashütte กันนะครับ


ขอขอบคุณ คุณ Jürgen Jacob ผู้บริหารของ C. H. WOLF สำหรับบัตรการต้อนรับอันอบอุ่นที่ Glashütte และ ขอบคุณ คุณ Hans-Jürgen Mühle อดีตผู้บริหารของ Mühle-Glashütte GmbH ที่สละเวลามานั่งเล่าประวัติศาสตร์ในมุมมองของคนกลาสฮุ๊ตเต้จากรุ่นสู่รุ่น เป็นข้อมูลนอกหนังสือที่ล้ำค่ามากๆครับ

"Time is the most valuable thing a man can spend." - Theophrastus (372 BC-287 BC)

ถ้าชอบฝากกดไลค์ - Luxury Watches Thailand - Facebook
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่