ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หลายคนคงขี้เกียจออกนอกบ้านในวันฝนตก ครั้นจะซื้อสินค้าออนไลน์มาส่งที่บ้าน ก็กลัวเจอประสบการณ์อันเลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ วันนี้เลยอยากมาแนะนำการตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ จะได้ซื้อสินค้าอย่างสบายใจ ได้ของชัวร์ และไม่โดนหลอกค่ะ
5 วิธี ง่ายๆ ในการเช็คข้อมูลร้านค้าออนไลน์ มีดังนี้
1. เช็คข้อมูลพื้นฐานร้านออนไลน์ที่สนใจจะจับจ่ายก่อน
อย่างแรกเลยหลังจากที่เลือกร้านค้าออนไลน์ที่เราสนใจได้แล้ว ควรตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานให้มากที่สุด เช่น เป็นเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (DBD) แล้วหรือยัง? มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีข้อมูลติดต่อชัดเจนมากกว่าหนึ่งช่องทาง จะเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ หรือไอดีไลน์ แต่ถ้ามีเบอร์โทรศัพท์เป็นหมายเลขพื้นฐาน เช่น ในกรุงเทพ ขึ้นต้นด้วย 02- xxx-xxxx ก็ดียิ่งดีเข้าไปใหญ่
ตัวอย่างข้อมูลร้านค้า
2. เช็คความเคลื่อนไหวการอัพเดทข้อมูลของร้าน
เช่นอัพเดทสินค้าล่าสุดเมื่อใด ร้านเปิดมากี่ปี มีฐาน fan page ในโซเชี่ยลมีเดียกี่คน อัพเดทสถานะการขนส่งเป็นยังไง ไปจนถึงการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า การตอบคำถาม การรับออเดอร์ รวมไปถึงบริการหลังการขายอีกด้วย
ตัวอย่างเพจ
3. เช็ครีวิวสินค้า และความคิดเห็นของลูกค้า
จะเช็ครีวิวร้านค้าจาก Priceza หรือกระทู้ใน Pantip ก็ได้ว่าลูกค้าที่เคยซื้อส่วนใหญ่ให้ความเห็นเกี่ยวกับร้านและตัวสินค้าอย่างไรกันบ้าง ยังไงก็อย่าลืมอ่านด้วยนะ! บางทีมีลูกค้ามาออกความเห็นเยอะ ยาวเป็นหางว่าวแต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ประทับใจเต็มไปหมดก็มี หรืออยากเห็นรูปสินค้าตัวจริงก็ลองมองหารีวิวของลูกค้าที่โพสรูปประกอบมาด้วย ก็ช่วยสร้างมั่นใจในการเลือกซื้อมาได้ระดับหนึ่ง
4.เช็คโปรโมชั่น การขนส่ง และระบบการชำระเงิน
ว่าสินค้าที่เราสนใจจะซื้อนั้นมีส่วนลด มีของแถม หรือมีสะสมแต้มหรือไม่? และอย่าลืมเช็คระบบการชำระเงินว่ามีตัวเลือกที่สะดวกในการจ่ายสำหรับเรามั้ย? สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้อย่างมั่นใจได้มั้ย? ซึ่งบัญชีที่เราโอนจ่ายไปควรเป็นชื่อบริษัทที่แน่ใจว่าจะไม่โดนหลอกแน่ๆ แต่ว่า...สมัยนี้คนไม่มีบัตรเครดิตก็ซื้อของออนไลน์ได้นะ เพราะบางร้านสามารถเลือกจ่ายเงินสดปลายทางได้ด้วย นอกจากนี้ก็อย่าลืมดูระยะเวลาการจัดส่งสินค้าด้วยนะครับ เผื่อต้องการสินค้าไวๆ ก็เลือกร้านที่ส่งเร็วๆ จะได้ไม่อารมณ์เสียเวลาของมาไม่ทันใช้งาน
5.เช็คนโยบายหลังการขายหลังจากได้รับสินค้าแล้ว
ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือนโยบายหลังการขาย หากมีระบุแบบชัดเจนจะดีมาก เช่น ได้รับสินค้าแล้วมีปัญหา สามารถเปลี่ยนสินค้าหรือคืนเงินได้ ก่อนซื้อควรสอบถามให้ชัดเจนก่อนก็ดี จะได้ไม่ต้องมาตั้งกระทู้ดราม่าตามเรื่องให้วุ่นวาย
จะมือใหม่ หรือ มือโปรการซื้อของออนไลน์ ควรตรวจสอบความมั่นใจก่อนซื้อทุกครั้ง ถ้าจะให้คุ้มมากกว่าเดิมควรศึกษารายละเอียดบัตรเครดิตที่มีส่วนลดการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ร่วมรายการด้วยก็ดี หรือเข้าเว็บไซต์ค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาก่อนก็ได้ แค่เสียเวลานั่งดูรายละเอียดนิดหน่อยก็สามารถช้อปปิ้งได้อย่างชาญฉลาด ประหยัดเงินได้ทุกวัน และไม่พลาดทุกโปรโมชั่นอย่างแน่นอน
[CR] ซื้อของออนไลน์ง่ายๆ ทำไงไม่โดนหลอก
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ หลายคนคงขี้เกียจออกนอกบ้านในวันฝนตก ครั้นจะซื้อสินค้าออนไลน์มาส่งที่บ้าน ก็กลัวเจอประสบการณ์อันเลวร้ายอย่างที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ วันนี้เลยอยากมาแนะนำการตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ จะได้ซื้อสินค้าอย่างสบายใจ ได้ของชัวร์ และไม่โดนหลอกค่ะ
5 วิธี ง่ายๆ ในการเช็คข้อมูลร้านค้าออนไลน์ มีดังนี้
1. เช็คข้อมูลพื้นฐานร้านออนไลน์ที่สนใจจะจับจ่ายก่อน
อย่างแรกเลยหลังจากที่เลือกร้านค้าออนไลน์ที่เราสนใจได้แล้ว ควรตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานให้มากที่สุด เช่น เป็นเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (DBD) แล้วหรือยัง? มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีข้อมูลติดต่อชัดเจนมากกว่าหนึ่งช่องทาง จะเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือ อีเมล์ หรือไอดีไลน์ แต่ถ้ามีเบอร์โทรศัพท์เป็นหมายเลขพื้นฐาน เช่น ในกรุงเทพ ขึ้นต้นด้วย 02- xxx-xxxx ก็ดียิ่งดีเข้าไปใหญ่
ตัวอย่างข้อมูลร้านค้า
2. เช็คความเคลื่อนไหวการอัพเดทข้อมูลของร้าน
เช่นอัพเดทสินค้าล่าสุดเมื่อใด ร้านเปิดมากี่ปี มีฐาน fan page ในโซเชี่ยลมีเดียกี่คน อัพเดทสถานะการขนส่งเป็นยังไง ไปจนถึงการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า การตอบคำถาม การรับออเดอร์ รวมไปถึงบริการหลังการขายอีกด้วย
ตัวอย่างเพจ
3. เช็ครีวิวสินค้า และความคิดเห็นของลูกค้า
จะเช็ครีวิวร้านค้าจาก Priceza หรือกระทู้ใน Pantip ก็ได้ว่าลูกค้าที่เคยซื้อส่วนใหญ่ให้ความเห็นเกี่ยวกับร้านและตัวสินค้าอย่างไรกันบ้าง ยังไงก็อย่าลืมอ่านด้วยนะ! บางทีมีลูกค้ามาออกความเห็นเยอะ ยาวเป็นหางว่าวแต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่ประทับใจเต็มไปหมดก็มี หรืออยากเห็นรูปสินค้าตัวจริงก็ลองมองหารีวิวของลูกค้าที่โพสรูปประกอบมาด้วย ก็ช่วยสร้างมั่นใจในการเลือกซื้อมาได้ระดับหนึ่ง
4.เช็คโปรโมชั่น การขนส่ง และระบบการชำระเงิน
ว่าสินค้าที่เราสนใจจะซื้อนั้นมีส่วนลด มีของแถม หรือมีสะสมแต้มหรือไม่? และอย่าลืมเช็คระบบการชำระเงินว่ามีตัวเลือกที่สะดวกในการจ่ายสำหรับเรามั้ย? สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้อย่างมั่นใจได้มั้ย? ซึ่งบัญชีที่เราโอนจ่ายไปควรเป็นชื่อบริษัทที่แน่ใจว่าจะไม่โดนหลอกแน่ๆ แต่ว่า...สมัยนี้คนไม่มีบัตรเครดิตก็ซื้อของออนไลน์ได้นะ เพราะบางร้านสามารถเลือกจ่ายเงินสดปลายทางได้ด้วย นอกจากนี้ก็อย่าลืมดูระยะเวลาการจัดส่งสินค้าด้วยนะครับ เผื่อต้องการสินค้าไวๆ ก็เลือกร้านที่ส่งเร็วๆ จะได้ไม่อารมณ์เสียเวลาของมาไม่ทันใช้งาน
5.เช็คนโยบายหลังการขายหลังจากได้รับสินค้าแล้ว
ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือนโยบายหลังการขาย หากมีระบุแบบชัดเจนจะดีมาก เช่น ได้รับสินค้าแล้วมีปัญหา สามารถเปลี่ยนสินค้าหรือคืนเงินได้ ก่อนซื้อควรสอบถามให้ชัดเจนก่อนก็ดี จะได้ไม่ต้องมาตั้งกระทู้ดราม่าตามเรื่องให้วุ่นวาย
จะมือใหม่ หรือ มือโปรการซื้อของออนไลน์ ควรตรวจสอบความมั่นใจก่อนซื้อทุกครั้ง ถ้าจะให้คุ้มมากกว่าเดิมควรศึกษารายละเอียดบัตรเครดิตที่มีส่วนลดการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ร่วมรายการด้วยก็ดี หรือเข้าเว็บไซต์ค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาก่อนก็ได้ แค่เสียเวลานั่งดูรายละเอียดนิดหน่อยก็สามารถช้อปปิ้งได้อย่างชาญฉลาด ประหยัดเงินได้ทุกวัน และไม่พลาดทุกโปรโมชั่นอย่างแน่นอน