หัวอก คนหางาน

ช่วงนี้ คนรู้จักกำลังหางานทำ ทำให้รับรู้ว่า มีหลายอย่างที่ซ้ำเติม คนที่กำลังหางาน
โดยส่วนของเอกชนไม่ขอพูดถึง เพราะเป็นเรื่องของเอกชน ขอพูดถึงส่วนของหน่วยงานรัฐ เพราะเป็นหน่วยงานที่ควรคำนึงถึงสุข ทุกข์ของประชาชน
1   ค่าสมัครสอบเข้าทำงาน  หน่วยงานรัฐ หลายเเห่งเก็บค่าสมัครสอบ 200 - 300 บาท ต่อคน  (บางที่ 400) ถ้าคนนั้นสมัครสิบที่ก็เสีย 2,000 - 3,000 บาท ดังนั้นคนที่บ้านไม่รวยไม่มีงานทำ จะต้องหาเงินมาจ่ายส่วนนี้ เป็นการเพิ่มภาระ เเละเป็นการตัดโอกาสคนที่ไม่รวยให้พลาดการสมัครงานหลายที่เพราะไม่มีเงินพอ(คนตกงานเงินจะกินยังไม่มี ต้องมาจ่ายค่าสมัครอีก)  โดยค่าที่เรียกเก็บอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสอบ ทีนี้ ถ้าคำนวนดี ๆ ต้นทุนไม่น่าถึง 200 - 300
   -  ค่ากระดาษ ข้อสอบ อย่างมาก 30 หน้าตี ราคาเเพงสุด 30 บาท + ค่ากระดาษบันทึกข้อความภายใน เอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น ประกาศติดบอร์ด ไม่น่าจะเกินคนละ  20 บาท  รวม 50 บาทต่อผู้สมัครหนึ่งคน
   -  ค่าเบี้ยเลี้ยงคนคุมสอบ  เงินเดือนเจ้าหน้าที่ก็ได้อยู่เเล้ว มาคุมสอบ 1 วัน  ให้เบี้ยเลี้ยง 500 บาท ก็เเพงเเล้ว  2 คนต่อผู้สอบ 30 คน  ตกค่าเบี้ยเลี้ยงเฉลี่ย    1,000 / 30 =  33  บาทต่อผู้สมัครหนึ่งคน
   -  ค่าอาคาร ค่าไฟ ค่าเเอร์  ตัวอาคารไม่น่าคิดเพราะเป็นตึกของหน่วยงานอยู่เเล้ว นอกจากไปเช่า อีกเรื่องเเต่ในกรณีที่ยกเป็นตัวอย่างคือ หน่ยงานสถาบันอุดมศึกษา อาคารสถานที่ตัวเองมีอยู่เเล้ว  ค่า ไฟ ค่าเเอร์ต่อหนึ่งห้อง 30  คนไม่น่าเกิน ห้องละ 500 บาท  500/30 = 17 บาท ต่อผู้สมัครหนึ่งคน

  รวม ค่าเอกสาร 50 บาท + ค่าคนคุมสอบ 33 บาท + ค่าไฟ ค่าเเอร์ 17 บาท = 100 บาท (ในอัตราที่คิดจากกระดาษข้อสอบที่ 30 หน้า  คนคุมสอบ 2 คนต่อหนึ่งห้องเบี้ยเลี้ยง 500 บาทต่อคน  ในหนึ่งห้องสอบมีคนสอบ 30 คน  ซึ่งถ้าบริหารดี ๆ ต้นทุนจะถูกลงกว่านี้อีก)
  หมายเหตุ : ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นนอกจากนี้ ไม่น่าจะมีอะไรมากนัก นอกจากค่าเช่าสถานที่ ซึ่งตัวอย่างที่ยกมาก็ใช้สถานที่ของหน่วยงานเอง จึงไม่น่ามีต้นทุนเพิ่ม
  คำถามคือ ส่วนต่าง ที่เรียกเก็บนี่ หน่วยงานมองเป็นช่องทางหารายได้ เข้าหน่วยงานหรือไม่ ทำไมไม่มองว่าเป็นความเดือดร้อนของคนสมัครสอบ ดังนั้นควรมีการกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าเรียกเก็บค่าสอบได้ไม่เกินกี่บาท โดยต้องมีการชี้เเจงค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนห้ามคิดซ้ำกับค่าต้นทุนที่หน่วยงานได้รับงบประมาณปกติอยู่เเล้ว จริง ๆ ไม่ควรเกิน 150 บาท

เทียบกับ  สมัครงานเอกชน  โดยส่วนใหญ่ ที่เป็นบริษัทเอกชน จริง ๆ ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ เเทบไม่เคยเห็นบริษัทไหนเรียกเก็บเงินคนสมัครงาน

2  วิธีการรับสมัคร  
    หน่วยงานรัฐ บางเเห่ง ประกาศรับสมัครโดยกำหนดว่า ต้องมายื่นใบสมัครด้วยตนเองเท่านั้น  ห้ามส่งเอกสารทางไปรษณีย์  อันนี้เพื่ออะไร เอาความสะดวกตนเองเป็นที่ตั้งหรือไม่ หรือ ต้องการให้คนนอกสมัครน้อย ๆ เพราะมีคนที่อยู่เเถวนั้นเป็นเด็กเส้นอยู่เเล้ว
    โดยการสมัครด้วยตนเอง เป็นเเค่เอาเอกสารไปยื่นไม่เกี่ยวกับการสอบเข้าทำงานใด ๆ
    การต้องไปสมัครเอง คนที่มีงานอยู่เเล้วต้องลางานไป หากอยู่ไกล ต้องลางานอย่างน้อย 2 วัน ถ้าไม่นั่งเครื่องบินมา ถ้านั่งเครื่องบินมาค่าเดินทางเกิน 2,000 ส่วนคนไม่มีงาน เงินจะกินข้าวยังไม่มี ต้องจ่ายค่ารถไปกลับ ถ้าอยู่ไกล ก็เสียไม่น้อยกว่า 1,600 เฉพาะค่ารถทัวน์ไม่รวม ค่าเเท็กซี่ หรือ รถโดยสารในตัวเมืองอีก  เเละเวลาเดินทางไปกลับ สองวัน ส่วนที่ว่านั่งรถไฟฟรีมา  รถไฟฟรีมีวันละเที่ยว โดยจะถึงกรุงเทพหลังเที่ยงคืน ถ้าไปก็เสียค่าเช่าห้องพักอยู่ดี ไม่รวมกับสภาพร่างกายที่ช้ำ เหมือนต่อยมวยมา  เเล้วจะต้องจ่ายค่าพวกนี้ซ้ำอีก สองรอบคือรอบที่มาสอบทฤษฏี หลังจากนั้น มาอีกรอบตอนประกาศผลทฤษฏีผ่านเเล้วมาสัมภาษณ์ สรุป สอบที่หนึ่งเสียเงินเป็นหมื่น
    ดังนั้น ควรเปิดช่องทางการยื่นเอกสารสมัครงานทางไปรษรีย์ได้ (บางที่ใช้ระบบชำระผ่านธนาคารด้วยซ้ำ)
    เทียบกับ เอกชน สามารถส่งไปรษณีย์ หรือ อีเมลล์ไปสมัครได้


3  กระบวนการสอบ
   หน่วยงานรัฐส่วนมาก กำหนด 3 ส่วน ส่วน 1 ทฤษฏี  1.1 ความรู้ทั่วไป 1.2 ความรู้เฉพาะตำเเหน่ง  2 สอบปฏิบัติ  3 สอบสัมภาษณ์  
ที่เห็นคือ บ่อยมากที่เป็นการเปิดบรรจุ โดยเอาคนในมาปรับตำเเหน่งบรรจุ  คือ ถ้าจะเอาคนในบรรจุ ก็ควรปรับระเบียบราชการว่า ให้มีการสอบภายในได้โดยมีเกณฑ์วัดเจ้าหน้าที่คนนั้นสอบคนเดียวไปเลย ไม่ต้องประกาศ ให้คนอื่นโดนหลอกมาสอบ เสียทั้งเงินทั้งเวลา   เเต่ถ้าจะจัดสอบรับบุคคลภายนอกด้วยก็ต้องโปร่งใส ที่ยังคาใจคือ คะเเนนสอบ ควรประกาศคะเเนนสอบ ทฤษฏี ด้วย เพราะถ้าคนในทำคะเเนนรวมน้อยกว่าคนนอก  คนนอกก็ควรมีสิทธิได้งานไป  เเต่ที่เห็นคือเก็บคะเเนนทฤษฏีเป็นความลับ ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ ว่าจริง ๆ คะเเนนรวมใครมากกว่ากัน เผลอ ๆ คนในที่ได้ตำเเหน่งไป ทำข้อสอบทฤษฏีได้น้อยมาก ๆ ด้วยซ้ำ
   ควรออกระเบียบราชการว่าด้วยการสอบเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐว่าต้องประกาศผลคะเเนนสอบทั้งทฤษฏีเเละปฏิบัติด้วยเพื่อความโปร่งใส ไม่ใช่บอกเเต่ว่าใครได้ลำดับที่เท่าไหร่ตอนสุดท้ายทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่