สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับความรักของผมกับแฟนเก่าของผมครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า... เมื่อ3ปีก่อนผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงครับ เธอเป็นคนที่ดีมากๆ รักผมมาก หน้าที่การงานดี เข้ากับคนที่บ้านผมได้เป็นอย่างดี ชีวิตรักของเราก็ไปได้ดีนะครับ แต่มันเริ่มมีปัญหาเล็กๆที่มันเริ่มก่อตัวขึ้นมาในตัวผมครับ.
ก่อนหน้านี้ผมทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดครับ ทำได้ประมาณ2ปีก็กลับมาเปิดกิจการที่บ้าน เปิดไปได้ประมาณ6เดือนผมก็เริ่มคบกับแฟนของผมครับ แต่ระหว่างนั้นผมก็เริ่มมีปัญหากับตัวผมเอง คือผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่มีความสุขในชีวิต รู้สึกว่าชีวิตมันหดหู่ ซึมเศร้า ถึงกับเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว ตอนที่พ่อแม่รู้ท่านก็นึกว่าผมมีปัญหาเรื่องเงินทอง แต่ผมไม่ได้บอกท่านหรอกนะครับว่าเป็นเพราะผมรู้สึกไม่มีความสุข.
หลังจากนั้นผมก็เริ่มหงุดหงิดง่ายขึ้นครับ บางทีก็ขึ้นเสียง โมโหใส่แฟนผม ผมทำให้แฟนงอนและร้องไห้เริ่มจะบ่อยขึ้นครับ ซึ่งพอผมเธอร้องไห้ ผมก็รีบไปง้อเธอทันทีครับ เหมือนกับว่าผมทำไปโดยที่ไม่รู้ตัว ยิ่งตอนหลังๆผมเริ่มใช้เงินฟุ่มเฟือยขึ้นด้วยครับ อยากได้อะไรก็ซื้อเอาตอนนั้นเลยจนทำให้บางเดือนก็มีปัญหาเรื่องเงินในร้านเหมือนกันครับ.
ปัญหาเรื่องความรักของเราเริ่มหนักขึ้นเมื่อปีที่แล้วครับ เมื่อเราต้องอยู่ห่างกันคนละจังหวัด ปกติผมจะขึ้นไปหาเธอเดือนละครั้งครับ แต่ช่วงกลางปีมีปัญหาเรื่องร้าน เรื่องเงิน เยอะมาก ผมก็ยิ่งเครียดหนักขึ้น ส่งผมให้ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้าและหงุดหงิดมากขึ้นครับ บางทีเห็นหน้าใครหรือเห็นใครทำอะไรก็จะหงุดหงิด มีความคิดแย่ๆในหัวเต็มไปหมด จนบางทีก็ไปพาลใส่แฟนผมซะงั้น กลายเป็นว่าไปทำเค้างอนและร้องไห้อีก.
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่แหละครับที่เธอบอกเลิกกับผม ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมยุ่งเรื่องงานจนไม่มีเวลาให้กับเธอ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเรื่องที่ผมชอบหงุดหงิด โมโห ขึ้นเสียงใส่เธอครับ เธอเล่าให้ผมฟังถึงสิ่งที่ผมทำ เพราะมันทำให้เธอเครียดและโมโหตามไปด้วยครับ หลังจากนั้นช่วงประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนหรือเปล่าที่มีเรื่องเกี่ยวกับโรคไบโพล่าร์ขึ้นมา พอผมได้ยินข่าวก็เริ่มจะสงสัยครับ เลยไปปรึกษาจิตแพทย์ที่ผมรู้จัก กลายเป็นว่าผมเป็นโรคไบโพล่าร์ครับ บอกว่าเป็นเพราะสารในสมองผิดปกติ เลยแนะนำยาให้ผมมาทาน พอได้ทานไปรู้สึกว่าหงุดหงิดน้อยลงเยอะเลยครับ มันเลยทำให้ผมมองย้อนไปว่า สิ่งที่ผมทำกับแฟนเก่าผมนั้นมันอาจจะเกิดจากโรคไบโพล่าร์ในตัวผมก็เป็นได้ครับ.
สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาจะพอเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ ยิ่งยุคสมัยนี้ทุกคนมีความเครียด ยิ่งมีโอกาสจะเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้นและอาจจะไม่รุ้ตัวว่าเป็นอยู่ก็ได้ครับ ส่วนแฟนเก่าของผม ผมคงจะหาโอกาสไปขอโทษเธอในสิ่งที่ผมได้ทำไปทั้งหมด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าการบอกว่าที่ทำไปเป็นเพราะโรคนี้มันจะดูสมเหตุสมผลมั้ย อาจจะฟังแล้วเป็นข้ออ้างแก้ตัวก็ได้ แต่ผมอยากให้เธอรู้จริงๆครับว่าสิ่งที่ผมได้ทำลงไปนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดมากจริงๆมาจนถึงตอนนี้.
ปล. ผมอาจจะเรียบเรียงไม่ค่อยดี ใช้คำไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้าอ่านแล้วงงก็ขออภัยด้วยนะครับ.
เมื่อผมเลิกกับแฟนเก่าเพราะ 'โรคไบโพล่าร์'
ก่อนหน้านี้ผมทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดครับ ทำได้ประมาณ2ปีก็กลับมาเปิดกิจการที่บ้าน เปิดไปได้ประมาณ6เดือนผมก็เริ่มคบกับแฟนของผมครับ แต่ระหว่างนั้นผมก็เริ่มมีปัญหากับตัวผมเอง คือผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่มีความสุขในชีวิต รู้สึกว่าชีวิตมันหดหู่ ซึมเศร้า ถึงกับเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว ตอนที่พ่อแม่รู้ท่านก็นึกว่าผมมีปัญหาเรื่องเงินทอง แต่ผมไม่ได้บอกท่านหรอกนะครับว่าเป็นเพราะผมรู้สึกไม่มีความสุข.
หลังจากนั้นผมก็เริ่มหงุดหงิดง่ายขึ้นครับ บางทีก็ขึ้นเสียง โมโหใส่แฟนผม ผมทำให้แฟนงอนและร้องไห้เริ่มจะบ่อยขึ้นครับ ซึ่งพอผมเธอร้องไห้ ผมก็รีบไปง้อเธอทันทีครับ เหมือนกับว่าผมทำไปโดยที่ไม่รู้ตัว ยิ่งตอนหลังๆผมเริ่มใช้เงินฟุ่มเฟือยขึ้นด้วยครับ อยากได้อะไรก็ซื้อเอาตอนนั้นเลยจนทำให้บางเดือนก็มีปัญหาเรื่องเงินในร้านเหมือนกันครับ.
ปัญหาเรื่องความรักของเราเริ่มหนักขึ้นเมื่อปีที่แล้วครับ เมื่อเราต้องอยู่ห่างกันคนละจังหวัด ปกติผมจะขึ้นไปหาเธอเดือนละครั้งครับ แต่ช่วงกลางปีมีปัญหาเรื่องร้าน เรื่องเงิน เยอะมาก ผมก็ยิ่งเครียดหนักขึ้น ส่งผมให้ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้าและหงุดหงิดมากขึ้นครับ บางทีเห็นหน้าใครหรือเห็นใครทำอะไรก็จะหงุดหงิด มีความคิดแย่ๆในหัวเต็มไปหมด จนบางทีก็ไปพาลใส่แฟนผมซะงั้น กลายเป็นว่าไปทำเค้างอนและร้องไห้อีก.
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่แหละครับที่เธอบอกเลิกกับผม ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมยุ่งเรื่องงานจนไม่มีเวลาให้กับเธอ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเรื่องที่ผมชอบหงุดหงิด โมโห ขึ้นเสียงใส่เธอครับ เธอเล่าให้ผมฟังถึงสิ่งที่ผมทำ เพราะมันทำให้เธอเครียดและโมโหตามไปด้วยครับ หลังจากนั้นช่วงประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนหรือเปล่าที่มีเรื่องเกี่ยวกับโรคไบโพล่าร์ขึ้นมา พอผมได้ยินข่าวก็เริ่มจะสงสัยครับ เลยไปปรึกษาจิตแพทย์ที่ผมรู้จัก กลายเป็นว่าผมเป็นโรคไบโพล่าร์ครับ บอกว่าเป็นเพราะสารในสมองผิดปกติ เลยแนะนำยาให้ผมมาทาน พอได้ทานไปรู้สึกว่าหงุดหงิดน้อยลงเยอะเลยครับ มันเลยทำให้ผมมองย้อนไปว่า สิ่งที่ผมทำกับแฟนเก่าผมนั้นมันอาจจะเกิดจากโรคไบโพล่าร์ในตัวผมก็เป็นได้ครับ.
สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาจะพอเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ ยิ่งยุคสมัยนี้ทุกคนมีความเครียด ยิ่งมีโอกาสจะเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้นและอาจจะไม่รุ้ตัวว่าเป็นอยู่ก็ได้ครับ ส่วนแฟนเก่าของผม ผมคงจะหาโอกาสไปขอโทษเธอในสิ่งที่ผมได้ทำไปทั้งหมด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าการบอกว่าที่ทำไปเป็นเพราะโรคนี้มันจะดูสมเหตุสมผลมั้ย อาจจะฟังแล้วเป็นข้ออ้างแก้ตัวก็ได้ แต่ผมอยากให้เธอรู้จริงๆครับว่าสิ่งที่ผมได้ทำลงไปนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดมากจริงๆมาจนถึงตอนนี้.
ปล. ผมอาจจะเรียบเรียงไม่ค่อยดี ใช้คำไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้าอ่านแล้วงงก็ขออภัยด้วยนะครับ.