-- Traveling -- สังขละบุรี...เดินทางไปกับตัวเองและความคิด

.
..
...
ทำไมถึงไป?



ชีวิตผมเจอคำว่าทำไม เยอะมากเลย
และผมก็ได้ยินมาบ่อยๆว่า คำๆนี้เปลี่ยนชีวิตคนมามากมาย หรือ บางทีอาจะเปลี่ยนได้ทั้งโลกด้วยซ้ำ
อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นคำที่นำทางคำถามต่างๆได้อย่างลึกซึ้งอย่างที่ อย่างไร อะไร ยังไง ทำไม่ได้
ขอจบเรื่องทำไม ไว้แค่นี้ก่อนแล้วมาตอบคำถามที่ผมเปิดมาต้นกระทู้

ทำไมถึงไป?

ผมอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนความคิด ทัศนคติ
ยังรู้สึกว่าชีวิตมันยังไม่ใช่แบบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในที่เดิมๆ
เจออะไรเดิมๆมานานพอแล้ว เลยกะจะยกเซตใหม่ ด้วยการย้ายตัวเองไปอยู่ที่ใหม่ๆดูบ้าง

ก็นั่นล่ะครับ ผมไม่ได้กะจะไปเที่ยวหรือไปพักผ่อน ผมไปเพื่อเสพสิ่งใหม่ๆเข้าหาตัวเอง

ผมเลยไปคนเดียว

นั่นคือก่อนไปครับ

ตอนนี้ผมกลับมาแล้วเลยจะบอกเล่าว่าสรุปแล้วเป็นไง

ผมไม่ได้จะมาเขียนรีวิวนะครับ มันจะออกไปในแนวการเดินทาง ทางความคิดซะมากกว่า
ว่าผมเจออะไรมาบ้างและมีความคิดใหม่อะไรที่ผุดขึ้นมาในหัวบ้าง

มาเริ่มกันเลยดีกว่า... ผมเริ่มด้วยการวางแผน เตรียมหาข้อมูลในสถานที่ๆตัวเองจะไปให้ได้มากที่สุด ว่าไปไหนดีบ้าง
จะทำอะไรบ้าง เดินทางยังไง นอนไหน กินอะไร แต่สุดท้ายแผนของผมก็จบลงแบบนี้ครับ

เดินทางหลักด้วยรถไฟฟรีเป็นหลักไปกาญฯ หาที่พักรอบๆสถานีรถไฟ+หาที่พักที่สังขละ
(ผมจดมาแค่เบอร์โทรยังไม่ได้จอง) จากนั้นก็จัดของแล้วตัดสินใจไปเลยครับ  
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน 2 วันนับจากวันที่รู้สึกว่าควรไปได้แล้ว
คือ ผมคิดไว้ว่าจะไปไหนซักที่ตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแล้วครับ แต่ยังไม่เคยวางแผนแล้วทีนี้มันมีเวลาว่างช่วงนี้ก็เลยไปเลย

พอมารู้ตัวอีกทีผมก็อยู่บนรถไฟแล้วครับ มันเป็นความรู้สึกที่ใหม่มากๆ
มันจะไม่รู้สึกแบบนี้ถ้าไปกับทัวร์ มากับกลุ่มเพื่อน หรือเรารู้เส้นทางที่เราจะไปอย่างดีแล้ว
มันจะไม่รู้สึกแบบนี้ถ้าเรายังนอนอยู่ในห้อง นั่งอยู่หน้าคอม

เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ทุกๆอย่างมันแน่นอนอยู่แล้ว

การออกมานั่งบนรถไฟ ยังไม่รู้ว่าจะนอนไหนแน่ กินอะไร จะเจอใครบ้าง ถ้าหลงก็คงหลงคนเดียว เพราะเรามาคนเดียว
มันทำให้รู้สึกว่า หรือว่าจริงๆชีวิตมันก็เป็นแบบนี้วะ เราเองพยายามที่จะไปใส่กรอบไว้ให้มันแล้วเรียกมันว่าวิถีชีวิต
ชีวิตในแบบที่เรารู้ทุกๆอย่าง

ระหว่างนั่งบนรถไฟผมเตรียมหนังสือไปเล่มนึง
เปิดอ่านไป ให้ฟีลกับช่วงเวลานี้มากเลย มีประโยคนึง สรุปได้ดีมากๆ

Don't call it uncertainty - call it wonder.
Don't call it insecurity - call it freedom.

เมื่อทุกๆอย่างมันไม่แน่นอน มันคือโอกาสให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ
ถ้าทุกๆอย่างมันแน่นอน มันปลอดภัยและมั่นคงมากๆ
ถ้าแบบนั้นมันก็เป็นอะไรต่อไม่ได้แล้วสิ... แล้วความอิสระจะอยู่ตรงไหน?




หลังจากลงรถไฟขอสารภาพว่าไม่ได้ผาดโผนหรือมีอะไรน่าตื่นเต้นอย่างที่หวังไว้ ก็แน่สิมันยังอยู่ในประเทศไทยนี่555
ผมเลยตัดสินใจว่าจะออกจากกาญฯไปสังขละบุรี พรุ่งนี้เช้า เผื่อจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้ (ก็ยังในไทยอยู่ดี555)

ระหว่างที่อยู่ที่นั่น ผมยังรู้สึกว่าอะไรต่างๆมันก็ยังไม่ใช่ อิสระผมมี ผมได้เจอสิ่งใหม่ๆ
ธรรมชาติรอบข้างสวยงามมากมาย แต่ผมยังขาดอะไรบางอย่าง พอมองไปหากลุ่มนักท่องเที่ยวก็รู้ว่า
ผมขาดคนที่จะมาแชร์สิ่งเหล่านี้ด้วยกัน ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก่อนเลย
คือผมไม่ใช่คนติดเพื่อน เวลาอยู่กับเพื่อนก็เฮฮาปกติ แต่มักจะหาเวลาส่วนตัวให้ตัวเองเสมอ
เวลาอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียวผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็ไม่ได้รู้สึกเหงา
แต่พอเราเดินทางออกไปไกล เจอสิ่งใหม่ๆ มันเหมือนกับว่าความรู้สึกต่างๆมันล้นออกมา
ถ้ามีเพื่อนร่วมทางคอยซึมซับแลกเปลี่ยนไปด้วยก็คงดี...
มันเลยเปิดโลกอีกอย่างว่า การเดินทางมันจะสมบูรณ์ถ้ามีเพื่อนร่วมทางไปด้วย จริงๆครับ

แล้วหลังจากนั้นเหมือนทุกๆอย่างมันเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทุกๆที่ที่ผ่านไป ผมได้พูดคุยกับผู้คนตามสถานที่ต่างๆ
บางคนอาจแปปเดียว บางคนแค่กล่าวทักทาย บางคนเป็นชั่วโมง หรือบางคนก็อยู่ด้วยเป็นวันๆ  
ไม่น่าเชื่อเลยว่าการที่เราได้คุยกับผู้คน มันจะเติมเต็มการเดินทางของผมได้ขนาดนี้ นี่ไม่ได้เวอร์นะ5555




มาถึงสังขละ... สวยครับ ธรรมชาติมันดูธรรมชาติและดูจริงเอามากๆ และผมรู้สึกใกล้ชิดกับมันอย่างที่สวนสาธารณะหรือภาพในคอมฯก็ทำไม่ได้ เวลาขี่รถมอไซค์ ถนนไม่เคยตรงและมันชันขึ้นชันลงให้สนุกอยู่ตลอดเวลา วิวข้างทางก็ถูกขนาบด้วยป่าไม้ภูเขาเขียวขจี พอมองไปไกลออกไปก็เป็นภูเขาที่ถูกหมอกทำให้จางลงแต่ก็ยังดูยิ่งใหญ่และเงียบสงบมากๆ ตอนขี่รถหลายครั้งที่อยากจอดรถแล้วเสพภาพตรงข้างถนน แต่ก็กลัวโดนรถข้างหลังมาสอยเอา555 อยู่นั่นผมขี่รถช้าที่สุดตั้งแต่เคยขี่มาเลยแหละ ตอนนอนก็ได้กลิ่นต้นไม้ เสียงแมลง(และแมลงมาตอม555)  ผมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสิ่งเหล่านี้ในแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับตึกสูงๆใน กทมฯ กาศเย็นๆในห้าง หรือ การได้นั่งรถหรูๆแรงๆ

                มันสวยงาม ยิ่งใหญ่และดูมีพลัง ในแบบที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้
                หรืออาจจะเป็นเพราะมันเองที่สร้างเรา


ภายในธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น มีชาวบ้านอาศัยอยู่

ขณะที่ผมขี่รถกลับที่พัก เหลือบเห็นว่ามีถนนตัดเข้าไปในซอยเล็กๆ แล้วเห็นว่าวิวข้างหน้ามันสวยมาก
เลยอดไม่ได้ที่จะเลี้ยวรถเข้าไป ปรากฎว่ามีชาวบ้านอาศัยอยู่ในซอยนั้นครับ
ผมค่อยๆขี่เข้าไปแล้วซึมซับบรรยากาศรอบข้าง มองชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
มันเงียบสงบ เด็กๆออกมาวิ่งเล่นกันบ้างนั่งเล่นกันอยู่ในบ้านบ้าง มองดูแล้วมันสวยงามและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ผมว่านี่อาจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กเหล่านี้เมื่อโตไปก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกซะจากการได้อยู่ในธรรมชาติเหล่านี้
ผู้คนแถวนี้จึงดูเป็นมิตรและดูไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าชีวิต กับ ธรรมชาติ





และชีวิตที่สังขละบุรีก็จบลงครับ

ผมออกไปใช้ชีวิต 4 วัน 3 คืน กับเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง (เปลี่ยนไปเป็นแบบไหนผมไม่รู้ แค่ไม่เหมือนเดิม)

แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้ครับ ด้วยเวลาแค่นี้ กับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
แต่การออกเดินทางครั้งนี้มันพิสูจน์ให้ผมแล้วว่า ผมชอบมันครับ
และจะใช้ชีวิตเพื่อให้เดินทางไปอีกเรื่อยๆ

นี่เป็นครั้งแรกของผมครับ กับการได้เดินทาง
แต่ผมคิดว่ามันอาจจะไม่มีครั้งสุดท้าย...





"He who returns from a journey is not the same as he who left"

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่