
หลังจากไปเที่ยวกลับมา แต่ก็ขี้เกียจจะมานั่งเขียนบทสรุปอยู่หลายเดือน จนวันนี้ผมรู้สึกว่า ควรจะทำมันซะดีกว่า จะได้จบๆ ไปไม่มีอะไรคาใจ ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบล่าสุดของผม กับแฟน ในปลายเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมานี้ครับ
แผนภาพรวมโดยสรุปและลิงค์ของแต่ละตอน
บทนำ : สรุปค่าใช้จ่าย รายละเอียดต่างๆ และวิธีการเตรียมตัว และวางแผน
http://pantip.com/topic/33963886
วันที่ 1 : ลงเครื่อง นั่งชิงกังเซ็นจากโตเกียว ไปโอซาก้า เที่ยว+นอนที่โอซาก้า
http://pantip.com/topic/33964525
วันที่ 2 : นั่งชิงกังเซ็นจากโอซาก้าไปฮิโรชิม่า เที่ยวเกาะมิยาจิม่า ชมสวนสันติภาพ กินโอโคโนมิยากิ วิลเลจ นอนที่ฮิโรชิม่า
http://pantip.com/topic/34009668
วันที่ 3 : ไปเที่ยวเกาะกระต่าย แวะเมือง โอโนมิชิดูซากุระบนยอดเขา แล้วกลับไปนอนพักที่ ฟุกุยามะ
วันที่ 4 : นั่งชิงกังเซ็นไปนาโกย่า แวะดูโตโยต้ามิวเซียม ดูซากุระที่ปราสาทนาโกย่า กินทงคัทซึหมูดำและข้าวหน้าปลาไหล นอนที่นาโกย่า
วันที่ 5 : นั่งรถไฟ Wide view hida ไป ทาคายามะ กินเนื้อฮิดะ แล้วนั่งรถบัสไป ชิระคาว่า นอนที่ Furusato House @ Shirakawa-ko
วันที่ 6 : นั่งรถบัสจากชิระคาวะไปคานาซาวะ แวะ Omicho Market, Kenrokuen Park, Higashichaya Old Town แล้วนอนที่ Kanazawa
วันที่ 7 : นั่งชิงกังเซ็นไปลง Iiyama แล้วนั่งรถไฟต่อไปลง Nozawa Onzen ไปเล่นสกีครึ่งวัน แล้วนั่งรถชิงกังเซ็นต่อกลับไปนอนที่อุเอโน่ โตเกียว
วันที่ 8 : ชมซากุระที่ อุเอโน่ แวะกินเทมปุระสุดหรูที่กินซ่า เดินเล่นอากิบะ แล้วกับมานอน Manga Cafe ที่อุเอโนะ รอจับรถไฟรอบเช้าตรู่
วันที่ 9 : เครื่อง AirAsia เสีย ติดอยู่สนามบินนาริตะ สุดท้ายก็ต้องนั่งเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วรอเครื่องกลับกรุงเทพอีกที วันแห่งนรก แต่สุดท้ายก็ได้กลับบ้าน
=========================================
ที่มา
=========================================
เนื่องจากแฟนของผมเห็นโปรของ AirAsia ในช่วงซากุระกำลังบาน ในราคาที่ถูกมากๆ ( คนละ 10,000 รวมทุกอย่างแล้ว ) โดยได้กดซื้อไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 แต่กว่าจะบินก็ช่วง ปลายเดือนมีนาคม ของปี 2558 จึงเป็นที่มาของการไปทริปครั้งนี้ โดยได้วันที่ไปคือ ระหว่าง 24 มีนาคม 2558 ถึง 2 เมษายน 2558
=========================================
สรุปค่าใช้จ่าย
=========================================
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางนะครับ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป กลับ = 10,003 บาท
ค่ากระเป๋าเพิ่ม+ของกินบนเครื่อง = 1,850 บาท
ค่า pocket wifi (หารสอง) = 723 บาท
ค่าโรงแรมจ่ายแล้ว (หารสอง) = 5,583 บาท
ค่าโรงแรมที่ชิระคาว่า (หารสอง) = 2,960 บาท
ค่า Japan Rail Pass = 7,650 บาท
** รวมค่าใช้จ่ายที่รู้แล้วทั้งหมดก่อนออกเดินทาง = 28,749 บาท
ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ( ตัดมื้อค่าอาหารมื้อสุดหรูออกไปนะครับ นับเฉพาะที่กินยิบย่อยพออยู่ท้อง ) เรทตอนนั้นประมาณ 28 บาทต่อ 100 เยนครับ รายละเอียดว่ากินอะไรไปบ้างในแต่ละวัน คอยตามอ่านได้จากกระทู้ลงดีเทลในแต่ละวันนะครับ
วันที่ 1 โอซาก้า : 2,600 เยน = 728 บาท
วันที่ 2 ฮิโรชิมะ : 2,900 เยน = 812 บาท
วันที่ 3 เกาะกระต่าย : 4,600 เยน = 1,288 บาท
วันที่ 4 นาโกย่า : 3,610 เยน = 1,010 บาท
วันที่ 5 ทาคายามะ : 4,470 เยน = 1,251 บาท
วันที่ 6 คานาซาวะ : 4,245 เยน = 1,188 บาท
วันที่ 7 โนซาวะ : 9,130 เยน = 2,556 บาท
วันที่ 8 โตเกียว : 8,060 เยน = 2,256 บาท
วันที่ 9 รถไฟกลับ : 2,490 เยน = 697 บาท
รวมค่าใช้จ่าย ขณะอยู่ญี่ปุ่น = 11,786 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 28749+11786 = 40,535 บาท
ถ้ารวมค่าใช้จ่ายที่กินเนื้อสุดหรูสองมื้อติด และไปกินเทมปุระแสนแพง และเข้าไปนั่งเมดคาเฟ่ = 13,550 เยน = 3,794.14 บาท
ถ้ารวมค่ากินหรูก็จะเป็น 44,330 บาท ครับ
อันนี้ยังไม่นับค่าของฝาก หรือค่ากินของจุกจิกส่วนตัวนะครับ เพราะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายแยกจากค่าใช้จ่ายที่พอใช้ดำรงชีพได้
จริงๆ ถ้ากินถูกๆ ในหลายๆ มื้อก็จะทำราคาลงมาได้ถูกกว่านี้อีกครับ อาจจะได้ถึง สามหมื่นปลายๆ เลย แต่ถ้างกขนาดนั้นก็เที่ยวไม่สนุกน่ะครับ
=========================================
หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
=========================================
ตอนแรกที่วางแผน กะว่าจะไปแค่โตเกียว แล้วนั่งๆ นอนๆ อยู่แปดวัน แต่คิดอีกที ก็เคยทำมาแล้ว ซึ่งถ้าจะไปทำอีกก็คงจะเบื่อมากพอสมควร เราก็เลยเริ่มหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รอบๆ โตเกียวครับ โดยกะว่าจะไปพักที่โยโกฮาม่า แล้วก็ไปรอบๆ โตเกียวแทน เช่น นิคโก้ โดยซื้อบัตร JR Kanto Pass แล้วอาจจะมีวันนึงที่ยอมจ่ายค่ารถไฟเพิ่ม เพื่อไป ชิระคาวะโกะ แล้วก็แวะกลับไปเล่นสกีที่ Kala-Yazawa ก่อนที่จะกลับโตเกียว
หลังจากเริ่มหาข้อมูลไปได้ซักพัก แฟนผมก็ไปเจอสถานที่ในฝันของเธอ นั่นก็คือ เกาะกระต่าย ที่ใกล้ๆ เมืองฮิโรชิมะ ซึ่งผมเห็นแล้วก็เออ น่าสนใจ เพราะนอกจากกระต่ายแล้วยังมีพวกซากโรงงานผลิตแก๊สพิษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วย ผมเองที่ชอบของโบราณอยู่แล้วก็เลยวางแผนกันว่าจะไปที่นี่เพิ่มเข้ามาในทริปครับ
หลังจากเริ่มได้สถานที่คร่าวๆ ก็พบว่าแต่ละสถานที่ไกลกันมาก พอมานั่งคำนวณว่าถ้าซื้อตั๋วรถไฟแยกแต่ละเที่ยวแล้ว แพงกว่ากันมากกว่าไปซื้อตั๋ว Japan Rail Pass อีก.. จึงคิดว่า ซื้อแบบไปได้ทั่วเลยดีกว่า พอดีไปเดินในงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ก็ได้ดีล Japan Rail Pass มาในราคา 7,650 บาทต่อคน ใช้ได้ 7 วัน ก็เลยจัดตั๋วพาสแบบไปได้ทั่วมาเลยครับ
ระหว่างที่ไปงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ก็พบว่า มีรถไฟ Shinkansen สายใหม่ เปิดให้บริการพอดี โดยสายใหม่นี้เราสามารถนั่งจาก Kanazawa มา ผ่าน Nagano แล้วมาลงโตเกียวได้โดยตรงเลย ทำให้เราสามารถเพิ่มจุดแวะ หลังจากไปที่ Shirakawa-go ได้อีก โดยไม่ต้องนั่งรถบัสกลับไปที่ Matsumoto เหมือนเมื่อก่อน
โดยระหว่างทางกลับโตเกียวเราสามารถไปแวะที่ Nagano เพื่อต่อไป Nozawa Onsen และเล่นสกีต่อได้ด้วย.. คุ้มจริงๆ
=========================================
ทำแผนและแก้แล้วแก้อีก
=========================================
หลังจากได้จุดหมายที่จะไป ก็ได้เวลาเอามาทำแผนการเดินทางแบบละเอียด เพราะถ้าเราไม่ทำ เวลาเราไปจริงเราจะงงและเสียเวลามากในการเปิดดูเที่ยวรถไฟครับ โดยเฉพาะการเที่ยวแบบหย่อนตูดอย่างนี้ การไปขึ้นรถไฟสายแม้แต่เพียงนิดเดียว อาจจะทำให้แผนเที่ยวทั้งหมดรวนไปหมดเลยก็ได้ ซึ่งผมสามารถบอกได้เลยว่าการทำแผนแบบละเอียด เป็นอะไรที่ทั้งน่าเบื่อ และทั้งสนุก ไปพร้อมๆ กัน ( แต่จริงๆ ออกแนวน่าเบื่อซะมากกว่า 55 )
สำหรับท่านที่อยากจะลองทำแผนเองบ้าง ผมก็มี step การทำแผนดังต่อไปนี้นะครับ ทั้งหมดนี้ผมใส่ลงใน Google Spreadsheet ( เหมือน Excel น่ะแหละ ) เพื่อที่จะสามารถแชร์ให้แฟนดู และแก้ไขพร้อมๆ กันได้ง่ายๆ ครับ
1) List มาก่อนว่าจะไปไหนบ้าง
- ลิสต์สถานที่ ที่เราอยากจะไปออกมาก่อนเลยครับ เอามาวางแหมะๆ ก่อนก็ได้ อย่างน้อยเราก็พอจะเห็นภาพคร่าวๆ ว่าเราอยากไปไหนบ้าง
2) ใส่สถานที่ลงไปในวัน ที่เราไป
- เช่น วันที่ 1 จะไปเมืองไหน วันที่สองจะไปเมืองไหน ขั้นตอนนี้อาจจะต้องเปิดแผนที่ประกอบนะครับ เพราะต้องดูว่าแต่ละเมืองมันไกลกันแค่ไหน อย่างเคสผมก็ต้องดูว่าแต่ละเมืองนั้นมีรถชิงกังเซนผ่านหรือไม่ด้วย เพราะผมซื้อตั๋ว Japan Rail Pass มาแล้ว ก็ต้องไปให้คุ้ม
3) List Activity/สถานที่ท่องเที่ยวย่อยๆ ในแต่ละเมืองไว้คร่าวๆ ก่อน
- ลอง google หรือเปิดหนังสือดูว่า ในแต่ละที่ๆ เราไปนั้น มันมีอะไรทำบ้าง เช่นไปเมืองฮิโรชิมา ก็ต้องแวะไปดู พิพิธภัณฑ์นิวเคลียร์ หรือกินโอโคโนมิยากิ อะไรงี้ อาจจะลิสต์ไว้คร่าวๆ ที่ Excel อีก sheet นึงก็ได้ พร้อม Link Web detail แล้วค่อยมาตัดอีกที การหาที่ท่องเที่ยวเราอาจจะใช้เว็บอย่าง Expedia ช่วยก็ได้นะครับ ก็จะมีรายละเอียดกับรีวิวขึ้นให้เห็นเลยว่าแต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง แล้วคนรีวิวไว้ว่าอย่างไร
4) หาโรงแรมในแต่ละเมือง
- พอได้แผนชัวๆ แล้วว่าเราจะไปเมืองไหนบ้าง ก็ได้เวลามาค้นหาโรงแรมครับ โดยเว็บไซต์ที่ผมใช้ค้นหาโรงแรมหลักๆ ก็จะเป็น Agoda, Expedia หรือ TripAdvisor ครับ เวลาหาโรงแรมก็จะพยายามหาโรงแรมที่ใกล้กับสถานีที่สุด เพราะว่าทริปแบบนี้มันต้องลากกระเป๋าเยอะ ถ้าพักไกลมันจะไม่สะดวกมากๆ ครับ จริงๆ โรงแรมญี่ปุ่นนี้ แบบถูกๆ คืนละพันกว่าบาทก็มีเยอะนะครับ แต่ช่วงไฮซีซัน ฤดูซากุระนี่จะแพงขึ้นมาหน่อย แล้วก็เต็มเร็ว ถ้าเรารู้ตัวว่าเราจะไปช่วงไฮซีซัน รีบจองโรงแรมก่อนล่วงหน้านานๆ ก็ดีครับ
5) วางแผนการขึ้นลงรถไฟ และเดินทางไปโรงแรม
- หลังจากเราได้โรงแรม พร้อมแผนที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการวางแผนการขึ้นลงรถไฟในแต่ละเมือง และวิธีเดินทางไปโรงแรมในแต่ละเมืองครับ ในขั้นตอนนี้ผมใช้เว็บ
http://www.hyperdia.com/en/ ในการค้นสายรถไฟและเวลา รวมถึงชานชาลา เพราะต้องทำแผนสรุปการจองที่นั่งในแต่ละเที่ยวด้วยครับ นี่คือข้อดีของ Rail Pass เพราะเราสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้
- หลังจากที่ผมได้ตารางรถไฟ ผมก็จะเปิด Google Map เพื่อทำแผนที่การเดินทาง จากสถานีรถไฟ มาโรงแรมครับ ว่าต้องเดินทางด้วยวิธีไหน ต้องต่อรถไฟ หรือจะเดินเอา แล้วก็ capture screen มาใส่ไว้ใน Excel ที่ผมทำไว้ ใน sheet หน้าสรุปโรงแรมครับ เพื่อที่จะเอาไว้อ้างอิงได้เวลาไปถึงโน่น ได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเดินหลงทางอยู่อีก ถ้าจะให้ดี ทำ streetview ด้วยก็ได้ครับ
6) วางแผนละเอียด ในแต่ละเมือง แต่ละวัน ว่าจะไปไหนบ้าง
- กว่าผมจะถึงขั้นตอนนี้ ผมก็ขี้เกียจกับเบื่อการทำแผนสุดๆ แล้วครับ ส่วนใหญ่ผมก็จะแค่ลิสต์ไว้คร่าวๆ ว่าจะไปไหนบ้าง กินอะไรบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดครับ เพราะเรื่องที่ต้องซีเรียส ( คุมเวลาเดินทางจากเมืองสู่เมือง ) มันก็นิ่งแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ก็เลยปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจแล้วกันครับ
- บางเมืองที่อาจจะต้องมีการนั่งรถไฟ หรือนั่งรถบัส เพื่อไปยังสถานที่อื่นๆ ในเมือง อาจจะหาข้อมูลมาแปะๆ ไว้ก่อนก็ดีครับ ถ้ายังมีแรงพอและสนุกกับการหาข้อมูลนะ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตอนไปถึงโน่นแล้วครับ
=========================================
เรื่องอื่นๆ ที่ต้องเตรียม
=========================================
ผมว่าสิ่งที่จำเป็นที่สุดในยุคนี้ ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คือ "pocket wifi" ครับ เพราะถ้าขาดเน็ท เราก็เหมือนจะขาดใจ แถมหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่ได้อีก ช่วงนี้ก็เริ่มมีให้บริการกันหลายเจ้าแล้ว ยังไงก็ลองดูนะครับว่าเจ้าไหน ให้โปรโมชั่นหรือบริการดีที่สุด เหมาะกับตัวท่าน
นี่แค่ตอนแรก ผมก็พิมพ์ซะยืดยาวแล้ว ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านจนจบ ยังไงผมจะพยายามเขียนตอนใหม่ให้ครบสิบวันที่ผมไปแล้วกันนะครับ ( อยู่ญี่ปุ่นจริงๆ 8 วัน ) แล้วพบกันในตอนต่อไปครับ
ถ้าท่านอยากดูแผนของผม สามารถเปิด
Google Doc อันนี้ได้เลยครับ
[CR] เที่ยวญี่ปุ่น 8 วัน 8 เมือง ด้วยงบ 40,000 บาท ด้วยตัวเอง : ตอนที่ 1 ขั้นตอนการวางแผน
หลังจากไปเที่ยวกลับมา แต่ก็ขี้เกียจจะมานั่งเขียนบทสรุปอยู่หลายเดือน จนวันนี้ผมรู้สึกว่า ควรจะทำมันซะดีกว่า จะได้จบๆ ไปไม่มีอะไรคาใจ ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นรอบล่าสุดของผม กับแฟน ในปลายเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมานี้ครับ
แผนภาพรวมโดยสรุปและลิงค์ของแต่ละตอน
บทนำ : สรุปค่าใช้จ่าย รายละเอียดต่างๆ และวิธีการเตรียมตัว และวางแผน
http://pantip.com/topic/33963886
วันที่ 1 : ลงเครื่อง นั่งชิงกังเซ็นจากโตเกียว ไปโอซาก้า เที่ยว+นอนที่โอซาก้า
http://pantip.com/topic/33964525
วันที่ 2 : นั่งชิงกังเซ็นจากโอซาก้าไปฮิโรชิม่า เที่ยวเกาะมิยาจิม่า ชมสวนสันติภาพ กินโอโคโนมิยากิ วิลเลจ นอนที่ฮิโรชิม่า
http://pantip.com/topic/34009668
วันที่ 3 : ไปเที่ยวเกาะกระต่าย แวะเมือง โอโนมิชิดูซากุระบนยอดเขา แล้วกลับไปนอนพักที่ ฟุกุยามะ
วันที่ 4 : นั่งชิงกังเซ็นไปนาโกย่า แวะดูโตโยต้ามิวเซียม ดูซากุระที่ปราสาทนาโกย่า กินทงคัทซึหมูดำและข้าวหน้าปลาไหล นอนที่นาโกย่า
วันที่ 5 : นั่งรถไฟ Wide view hida ไป ทาคายามะ กินเนื้อฮิดะ แล้วนั่งรถบัสไป ชิระคาว่า นอนที่ Furusato House @ Shirakawa-ko
วันที่ 6 : นั่งรถบัสจากชิระคาวะไปคานาซาวะ แวะ Omicho Market, Kenrokuen Park, Higashichaya Old Town แล้วนอนที่ Kanazawa
วันที่ 7 : นั่งชิงกังเซ็นไปลง Iiyama แล้วนั่งรถไฟต่อไปลง Nozawa Onzen ไปเล่นสกีครึ่งวัน แล้วนั่งรถชิงกังเซ็นต่อกลับไปนอนที่อุเอโน่ โตเกียว
วันที่ 8 : ชมซากุระที่ อุเอโน่ แวะกินเทมปุระสุดหรูที่กินซ่า เดินเล่นอากิบะ แล้วกับมานอน Manga Cafe ที่อุเอโนะ รอจับรถไฟรอบเช้าตรู่
วันที่ 9 : เครื่อง AirAsia เสีย ติดอยู่สนามบินนาริตะ สุดท้ายก็ต้องนั่งเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วรอเครื่องกลับกรุงเทพอีกที วันแห่งนรก แต่สุดท้ายก็ได้กลับบ้าน
=========================================
ที่มา
=========================================
เนื่องจากแฟนของผมเห็นโปรของ AirAsia ในช่วงซากุระกำลังบาน ในราคาที่ถูกมากๆ ( คนละ 10,000 รวมทุกอย่างแล้ว ) โดยได้กดซื้อไปตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 แต่กว่าจะบินก็ช่วง ปลายเดือนมีนาคม ของปี 2558 จึงเป็นที่มาของการไปทริปครั้งนี้ โดยได้วันที่ไปคือ ระหว่าง 24 มีนาคม 2558 ถึง 2 เมษายน 2558
=========================================
สรุปค่าใช้จ่าย
=========================================
ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางนะครับ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป กลับ = 10,003 บาท
ค่ากระเป๋าเพิ่ม+ของกินบนเครื่อง = 1,850 บาท
ค่า pocket wifi (หารสอง) = 723 บาท
ค่าโรงแรมจ่ายแล้ว (หารสอง) = 5,583 บาท
ค่าโรงแรมที่ชิระคาว่า (หารสอง) = 2,960 บาท
ค่า Japan Rail Pass = 7,650 บาท
** รวมค่าใช้จ่ายที่รู้แล้วทั้งหมดก่อนออกเดินทาง = 28,749 บาท
ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ( ตัดมื้อค่าอาหารมื้อสุดหรูออกไปนะครับ นับเฉพาะที่กินยิบย่อยพออยู่ท้อง ) เรทตอนนั้นประมาณ 28 บาทต่อ 100 เยนครับ รายละเอียดว่ากินอะไรไปบ้างในแต่ละวัน คอยตามอ่านได้จากกระทู้ลงดีเทลในแต่ละวันนะครับ
วันที่ 1 โอซาก้า : 2,600 เยน = 728 บาท
วันที่ 2 ฮิโรชิมะ : 2,900 เยน = 812 บาท
วันที่ 3 เกาะกระต่าย : 4,600 เยน = 1,288 บาท
วันที่ 4 นาโกย่า : 3,610 เยน = 1,010 บาท
วันที่ 5 ทาคายามะ : 4,470 เยน = 1,251 บาท
วันที่ 6 คานาซาวะ : 4,245 เยน = 1,188 บาท
วันที่ 7 โนซาวะ : 9,130 เยน = 2,556 บาท
วันที่ 8 โตเกียว : 8,060 เยน = 2,256 บาท
วันที่ 9 รถไฟกลับ : 2,490 เยน = 697 บาท
รวมค่าใช้จ่าย ขณะอยู่ญี่ปุ่น = 11,786 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 28749+11786 = 40,535 บาท
ถ้ารวมค่าใช้จ่ายที่กินเนื้อสุดหรูสองมื้อติด และไปกินเทมปุระแสนแพง และเข้าไปนั่งเมดคาเฟ่ = 13,550 เยน = 3,794.14 บาท
ถ้ารวมค่ากินหรูก็จะเป็น 44,330 บาท ครับ
อันนี้ยังไม่นับค่าของฝาก หรือค่ากินของจุกจิกส่วนตัวนะครับ เพราะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายแยกจากค่าใช้จ่ายที่พอใช้ดำรงชีพได้
จริงๆ ถ้ากินถูกๆ ในหลายๆ มื้อก็จะทำราคาลงมาได้ถูกกว่านี้อีกครับ อาจจะได้ถึง สามหมื่นปลายๆ เลย แต่ถ้างกขนาดนั้นก็เที่ยวไม่สนุกน่ะครับ
=========================================
หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
=========================================
ตอนแรกที่วางแผน กะว่าจะไปแค่โตเกียว แล้วนั่งๆ นอนๆ อยู่แปดวัน แต่คิดอีกที ก็เคยทำมาแล้ว ซึ่งถ้าจะไปทำอีกก็คงจะเบื่อมากพอสมควร เราก็เลยเริ่มหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รอบๆ โตเกียวครับ โดยกะว่าจะไปพักที่โยโกฮาม่า แล้วก็ไปรอบๆ โตเกียวแทน เช่น นิคโก้ โดยซื้อบัตร JR Kanto Pass แล้วอาจจะมีวันนึงที่ยอมจ่ายค่ารถไฟเพิ่ม เพื่อไป ชิระคาวะโกะ แล้วก็แวะกลับไปเล่นสกีที่ Kala-Yazawa ก่อนที่จะกลับโตเกียว
หลังจากเริ่มหาข้อมูลไปได้ซักพัก แฟนผมก็ไปเจอสถานที่ในฝันของเธอ นั่นก็คือ เกาะกระต่าย ที่ใกล้ๆ เมืองฮิโรชิมะ ซึ่งผมเห็นแล้วก็เออ น่าสนใจ เพราะนอกจากกระต่ายแล้วยังมีพวกซากโรงงานผลิตแก๊สพิษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วย ผมเองที่ชอบของโบราณอยู่แล้วก็เลยวางแผนกันว่าจะไปที่นี่เพิ่มเข้ามาในทริปครับ
หลังจากเริ่มได้สถานที่คร่าวๆ ก็พบว่าแต่ละสถานที่ไกลกันมาก พอมานั่งคำนวณว่าถ้าซื้อตั๋วรถไฟแยกแต่ละเที่ยวแล้ว แพงกว่ากันมากกว่าไปซื้อตั๋ว Japan Rail Pass อีก.. จึงคิดว่า ซื้อแบบไปได้ทั่วเลยดีกว่า พอดีไปเดินในงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ก็ได้ดีล Japan Rail Pass มาในราคา 7,650 บาทต่อคน ใช้ได้ 7 วัน ก็เลยจัดตั๋วพาสแบบไปได้ทั่วมาเลยครับ
ระหว่างที่ไปงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น ก็พบว่า มีรถไฟ Shinkansen สายใหม่ เปิดให้บริการพอดี โดยสายใหม่นี้เราสามารถนั่งจาก Kanazawa มา ผ่าน Nagano แล้วมาลงโตเกียวได้โดยตรงเลย ทำให้เราสามารถเพิ่มจุดแวะ หลังจากไปที่ Shirakawa-go ได้อีก โดยไม่ต้องนั่งรถบัสกลับไปที่ Matsumoto เหมือนเมื่อก่อน
โดยระหว่างทางกลับโตเกียวเราสามารถไปแวะที่ Nagano เพื่อต่อไป Nozawa Onsen และเล่นสกีต่อได้ด้วย.. คุ้มจริงๆ
=========================================
ทำแผนและแก้แล้วแก้อีก
=========================================
หลังจากได้จุดหมายที่จะไป ก็ได้เวลาเอามาทำแผนการเดินทางแบบละเอียด เพราะถ้าเราไม่ทำ เวลาเราไปจริงเราจะงงและเสียเวลามากในการเปิดดูเที่ยวรถไฟครับ โดยเฉพาะการเที่ยวแบบหย่อนตูดอย่างนี้ การไปขึ้นรถไฟสายแม้แต่เพียงนิดเดียว อาจจะทำให้แผนเที่ยวทั้งหมดรวนไปหมดเลยก็ได้ ซึ่งผมสามารถบอกได้เลยว่าการทำแผนแบบละเอียด เป็นอะไรที่ทั้งน่าเบื่อ และทั้งสนุก ไปพร้อมๆ กัน ( แต่จริงๆ ออกแนวน่าเบื่อซะมากกว่า 55 )
สำหรับท่านที่อยากจะลองทำแผนเองบ้าง ผมก็มี step การทำแผนดังต่อไปนี้นะครับ ทั้งหมดนี้ผมใส่ลงใน Google Spreadsheet ( เหมือน Excel น่ะแหละ ) เพื่อที่จะสามารถแชร์ให้แฟนดู และแก้ไขพร้อมๆ กันได้ง่ายๆ ครับ
1) List มาก่อนว่าจะไปไหนบ้าง
- ลิสต์สถานที่ ที่เราอยากจะไปออกมาก่อนเลยครับ เอามาวางแหมะๆ ก่อนก็ได้ อย่างน้อยเราก็พอจะเห็นภาพคร่าวๆ ว่าเราอยากไปไหนบ้าง
2) ใส่สถานที่ลงไปในวัน ที่เราไป
- เช่น วันที่ 1 จะไปเมืองไหน วันที่สองจะไปเมืองไหน ขั้นตอนนี้อาจจะต้องเปิดแผนที่ประกอบนะครับ เพราะต้องดูว่าแต่ละเมืองมันไกลกันแค่ไหน อย่างเคสผมก็ต้องดูว่าแต่ละเมืองนั้นมีรถชิงกังเซนผ่านหรือไม่ด้วย เพราะผมซื้อตั๋ว Japan Rail Pass มาแล้ว ก็ต้องไปให้คุ้ม
3) List Activity/สถานที่ท่องเที่ยวย่อยๆ ในแต่ละเมืองไว้คร่าวๆ ก่อน
- ลอง google หรือเปิดหนังสือดูว่า ในแต่ละที่ๆ เราไปนั้น มันมีอะไรทำบ้าง เช่นไปเมืองฮิโรชิมา ก็ต้องแวะไปดู พิพิธภัณฑ์นิวเคลียร์ หรือกินโอโคโนมิยากิ อะไรงี้ อาจจะลิสต์ไว้คร่าวๆ ที่ Excel อีก sheet นึงก็ได้ พร้อม Link Web detail แล้วค่อยมาตัดอีกที การหาที่ท่องเที่ยวเราอาจจะใช้เว็บอย่าง Expedia ช่วยก็ได้นะครับ ก็จะมีรายละเอียดกับรีวิวขึ้นให้เห็นเลยว่าแต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง แล้วคนรีวิวไว้ว่าอย่างไร
4) หาโรงแรมในแต่ละเมือง
- พอได้แผนชัวๆ แล้วว่าเราจะไปเมืองไหนบ้าง ก็ได้เวลามาค้นหาโรงแรมครับ โดยเว็บไซต์ที่ผมใช้ค้นหาโรงแรมหลักๆ ก็จะเป็น Agoda, Expedia หรือ TripAdvisor ครับ เวลาหาโรงแรมก็จะพยายามหาโรงแรมที่ใกล้กับสถานีที่สุด เพราะว่าทริปแบบนี้มันต้องลากกระเป๋าเยอะ ถ้าพักไกลมันจะไม่สะดวกมากๆ ครับ จริงๆ โรงแรมญี่ปุ่นนี้ แบบถูกๆ คืนละพันกว่าบาทก็มีเยอะนะครับ แต่ช่วงไฮซีซัน ฤดูซากุระนี่จะแพงขึ้นมาหน่อย แล้วก็เต็มเร็ว ถ้าเรารู้ตัวว่าเราจะไปช่วงไฮซีซัน รีบจองโรงแรมก่อนล่วงหน้านานๆ ก็ดีครับ
5) วางแผนการขึ้นลงรถไฟ และเดินทางไปโรงแรม
- หลังจากเราได้โรงแรม พร้อมแผนที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการวางแผนการขึ้นลงรถไฟในแต่ละเมือง และวิธีเดินทางไปโรงแรมในแต่ละเมืองครับ ในขั้นตอนนี้ผมใช้เว็บ http://www.hyperdia.com/en/ ในการค้นสายรถไฟและเวลา รวมถึงชานชาลา เพราะต้องทำแผนสรุปการจองที่นั่งในแต่ละเที่ยวด้วยครับ นี่คือข้อดีของ Rail Pass เพราะเราสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้
- หลังจากที่ผมได้ตารางรถไฟ ผมก็จะเปิด Google Map เพื่อทำแผนที่การเดินทาง จากสถานีรถไฟ มาโรงแรมครับ ว่าต้องเดินทางด้วยวิธีไหน ต้องต่อรถไฟ หรือจะเดินเอา แล้วก็ capture screen มาใส่ไว้ใน Excel ที่ผมทำไว้ ใน sheet หน้าสรุปโรงแรมครับ เพื่อที่จะเอาไว้อ้างอิงได้เวลาไปถึงโน่น ได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเดินหลงทางอยู่อีก ถ้าจะให้ดี ทำ streetview ด้วยก็ได้ครับ
6) วางแผนละเอียด ในแต่ละเมือง แต่ละวัน ว่าจะไปไหนบ้าง
- กว่าผมจะถึงขั้นตอนนี้ ผมก็ขี้เกียจกับเบื่อการทำแผนสุดๆ แล้วครับ ส่วนใหญ่ผมก็จะแค่ลิสต์ไว้คร่าวๆ ว่าจะไปไหนบ้าง กินอะไรบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดครับ เพราะเรื่องที่ต้องซีเรียส ( คุมเวลาเดินทางจากเมืองสู่เมือง ) มันก็นิ่งแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ก็เลยปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวใจแล้วกันครับ
- บางเมืองที่อาจจะต้องมีการนั่งรถไฟ หรือนั่งรถบัส เพื่อไปยังสถานที่อื่นๆ ในเมือง อาจจะหาข้อมูลมาแปะๆ ไว้ก่อนก็ดีครับ ถ้ายังมีแรงพอและสนุกกับการหาข้อมูลนะ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาตอนไปถึงโน่นแล้วครับ
=========================================
เรื่องอื่นๆ ที่ต้องเตรียม
=========================================
ผมว่าสิ่งที่จำเป็นที่สุดในยุคนี้ ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คือ "pocket wifi" ครับ เพราะถ้าขาดเน็ท เราก็เหมือนจะขาดใจ แถมหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ไม่ได้อีก ช่วงนี้ก็เริ่มมีให้บริการกันหลายเจ้าแล้ว ยังไงก็ลองดูนะครับว่าเจ้าไหน ให้โปรโมชั่นหรือบริการดีที่สุด เหมาะกับตัวท่าน
นี่แค่ตอนแรก ผมก็พิมพ์ซะยืดยาวแล้ว ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านจนจบ ยังไงผมจะพยายามเขียนตอนใหม่ให้ครบสิบวันที่ผมไปแล้วกันนะครับ ( อยู่ญี่ปุ่นจริงๆ 8 วัน ) แล้วพบกันในตอนต่อไปครับ
ถ้าท่านอยากดูแผนของผม สามารถเปิด Google Doc อันนี้ได้เลยครับ