ตอนที่สองมาแล้วครับ
แผนภาพรวมโดยสรุปและลิงค์ของแต่ละตอน
บทนำ : สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป รายละเอียดต่างๆ และวิธีการเตรียมตัว และวางแผน
http://pantip.com/topic/33963886
วันที่ 1 : ลงเครื่อง นั่งชิงกังเซ็นจากโตเกียว ไปโอซาก้า เที่ยว+นอนที่โอซาก้า
http://pantip.com/topic/33964525
วันที่ 2 : นั่งชิงกังเซ็นจากโอซาก้าไปฮิโรชิม่า เที่ยวเกาะมิยาจิม่า ชมสวนสันติภาพ กินโอโคโนมิยากิ วิลเลจ นอนที่ฮิโรชิม่า
http://pantip.com/topic/34009668
วันที่ 3 : ไปเที่ยวเกาะกระต่าย แวะเมือง โอโนมิชิดูซากุระบนยอดเขา แล้วกลับไปนอนพักที่ ฟุกุยามะ
วันที่ 4 : นั่งชิงกังเซ็นไปนาโกย่า แวะดูโตโยต้ามิวเซียม ดูซากุระที่ปราสาทนาโกย่า กินทงคัทซึหมูดำและข้าวหน้าปลาไหล นอนที่นาโกย่า
วันที่ 5 : นั่งรถไฟ Wide view hida ไป ทาคายามะ กินเนื้อฮิดะ แล้วนั่งรถบัสไป ชิระคาว่า นอนที่ Furusato House @ Shirakawa-ko
วันที่ 6 : นั่งรถบัสจากชิระคาวะไปคานาซาวะ แวะ Omicho Market, Kenrokuen Park, Higashichaya Old Town แล้วนอนที่ Kanazawa
วันที่ 7 : นั่งชิงกังเซ็นไปลง Iiyama แล้วนั่งรถไฟต่อไปลง Nozawa Onzen ไปเล่นสกีครึ่งวัน แล้วนั่งรถชิงกังเซ็นต่อกลับไปนอนที่อุเอโน่ โตเกียว
วันที่ 8 : ชมซากุระที่ อุเอโน่ แวะกินเทมปุระสุดหรูที่กินซ่า เดินเล่นอากิบะ แล้วกับมานอน Manga Cafe ที่อุเอโนะ รอจับรถไฟรอบเช้าตรู่
วันที่ 9 : เครื่อง AirAsia เสีย ติดอยู่สนามบินนาริตะ สุดท้ายก็ต้องนั่งเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วรอเครื่องกลับกรุงเทพอีกที วันแห่งนรก แต่สุดท้ายก็ได้กลับบ้าน
=========================================
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง เราเดินทางด้วย AirAsia จากดอนเมือง เครื่องออก 23:45 ไปถึงโตเกียวเวลา 8:00 เท่าที่ตรวจดูสภาพอากาศ เห็นว่าไม่หนาวไม่ร้อนมาก กำลังดี ประมาณ 15-20C อาจจะมีฝนตกประปราย ก็เลยไม่เตรียมเสื้อหนาวแบบจัดเต็ม เอาไปแต่พอประมาณครับ ช่วงนี้แดดโอเคด้วย พระอาทิตย์ขึ้น 5:30 ตกเวลา 18:00 ทำให้เราพอมีเวลาเที่ยวได้มากขึ้นหน่อย ไม่มืดเร็วจนเกินไป
=========================================
ลงโตเกียว แล้วบึ่งไปโอซาก้าเลย
=========================================
แผนแรกของผมที่จะทำหลังจากเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นก็คือ จะทำการแลก Rail Pass แล้วก็นั่งชิงกังเซ็นยาวไปลงโอซาก้าเลย แล้วนอนที่นั่นคืนนึง ลองดูแผนละเอียดตามรูปข้างล่างได้เลยครับ
แต่ทว่า...พอไปถึงนาริตะก็มีเรื่องให้ผิดแผนพอสมควร นั่นก็คือ แถวเพื่อแลก JP Pass ยาวมากกกกกกกกกกก ยาวแบบว่า...จะยาวไปไหนวะ คือที่วางแผนไว้ว่าจะต้องขึ้นรถไฟเที่ยวแรกตอน 9:19 กลายเป็นว่าต่อคิวอยู่ชั่วโมงนึงได้ ทำให้ต้องไปขึ้นรถไฟเที่ยว 10:30 แทน ถ้าใครวางแผนและเวลาจำกัดสุดๆ ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการแลกตั๋ว Rail Pass ไว้ด้วยนะครับ
จริงๆ ผมกะว่าจะจองที่นั่งให้หมดทั้งทริปเลย แต่เนื่องจากคิวยาว ก็เลยเกรงใจคนอื่นเขา จึงได้แค่แลกตั๋ว Rail Pass มาอย่างเดียวครับ ซึ่งผมได้ไปจองที่นั่งที่สถานีอื่น ที่คนน้อยๆ แทน เดี๋ยวค่อยมาเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีครับ
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟ N'EX 10 ไปลง ที่ Shinagawa เพื่อไปเปลี่ยนรถเป็นชิงกังเซ็น นั่งต่อไปลงโอซาก้า ครับ โดยไปถึง Shin-Osaka Station ประมาณ 13:30
พอออกจาก Shin-Osaka ก็จะหาวิธีเดินทางไปถึงที่พัก โรงแรม Hotel Le Botejour Nanba ที่ได้จองไว้แถวๆ Namba ครับ แต่เนื่องจากสถานี Shin-Osaka มันใหญ่แล้วงงมาก แถมรถไฟฟ้าของ Osaka ก็เยอะไปหมด งงสุดๆ ก็เลยลองถามคนแถวนั้น เขาก็บอกให้เราไปขึ้น Osaka Loop เพราะว่ามันคือ JR สามารถขึ้นได้เลยโดยไม่เสียตังเพิ่ม
ปรากฎว่าพอไปขึ้น ทีนี้และครับ มั่วกันไปใหญ่เลย เพราะว่ามันไม่มีลงใกล้ Namba เลย สุดท้ายหลังจากหลงไปหลงมา สุดท้ายก็ยอมแพ้ เนื่องจากเหนื่อยและหิว..ก็เลยลงมาเรียกแท๊กซี่นั่งไปที่โรงแรมเลยครับ
ซึ่งจริงๆ มารู้ทีหลังว่าจากสถานี Shin-Osaka ถ้าเรายอมจ่ายตังค่ารถไฟสายสีแดง มันจะนั่งต่อเดียวมาลง Namba ได้เลย ( มันเป็น Local ไม่ใช่ JR ครับก็เลยต้องจ่ายเพิ่ม ) นี่แหละครับ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย สุดท้ายก็ต้องไปแท๊กซี่อยู่ดี... ผมก็เลยมาเล่าเอาไว้เผื่อใครซื้อ JR Rail Pass แล้วบางทีเราก็ไม่ควร งก จนเกินไปนะครับ... อันไหนที่มันจ่ายตังเพิ่มแล้ว สะดวก ก็จ่ายไปเถอะ โดยเฉพาะ โอซาก้า..
กว่าจะถึงโรงแรมก็ล่อไปเกือบสี่โมง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เพราะงกไม่ยอมซื้อกินบนรถไฟ หลังจากวางกระเป๋าเสร็จก็เลยพุ่งไปหาอะไรกินแถวๆ โรงแรมครับ ก็เจอเนื้อย่างอยู่ร้านนึง ผมกับแฟนก็พุ่งเข้าไปโดยไม่รีรอและไม่ดูรีวิวใดๆ ด้วย กินกันตายให้หายอยากไปก่อน 55
รสชาดพอใช้ได้ครับ ไม่ดี ไม่แย่
หลังจากกินเสร็จก็กลับไปอาบน้ำ ล้างหน้า เพื่อออกไปเดินเล่นแถวๆ นัมบะ กินทาโกะยากิ กับเค๊กพลาโบ..แล้วก็เดินดูห้างแถวนั้น ก็พบว่าซากุระยังเป็นตุ่มอยู่เลยครับ...แอบผิดหวังนิดๆ เพราะเคยคิดว่าซากุระจะต้องเต็มญี่ปุ่นแน่ๆ เลย แต่เอาเข้าจริง กลับไม่ใช่ 55
เนื่องจากมันใกล้มืดแล้วก็เลยไม่ได้ไปไหนมาก เดินไปเดินมาพอสักสามทุ่มร้านต่างๆ ก็เริ่มทยอยปิดกันแล้วครับ หลังจากนั้นก็กลับมาโรงแรมแล้วก็รีบนอน เพราะว่า ต้องต่อรถไฟฮิโรชิม่าอีกในวันพรุ่งนี้..
ทาโกะยากิในตำนาน
พลาโบ ชีสเค้กในตำนาน
เนื่องจากรีบๆ ก็เลยไม่ได้ถ่ายห้องโรงแรมมาเลย เอาเป็นว่าเป็นโรงแรมที่ดีทีเดียวครับ ราคาไม่แพง ห้องสะอาด แต่ก็เล็กตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น แถมอยู่ใกล้นัมบะมากๆ เดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าสนใจก็ลองกดดูได้นะครับ โรงแรม Hotel Le Botejour Nanba
https://www.expedia.co.th/Osaka-Hotels-Hotel-Le-Botejour-Nanba.h9074306.Hotel-Information
สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก ( สำหรับสองคน )
เสียดายวันนี้ไปเสียเวลาบ้าๆ บอๆ เยอะมาก แผนที่วางไว้ว่าจะไปเกียวโต หรือเดินเที่ยวหลายๆ ที่ในโอซาก้าก็ต้องถูกยกเลิกไปหมด ก็เลยเหลือแค่อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ เหลือแต่ไปกินอย่างเดียว กับนอนพัก เนื่องจากผมเคยมาโอซาก้าแล้วทีนึงก็เลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่
เดี๋ยวมาต่อตอนสามกันนะครับ ไปฮิโรชิมะ
[CR] เที่ยวญี่ปุ่นหน้าซากุระ 8 วัน 8 เมือง ด้วยงบ 40,000 บาท ด้วยตัวเอง ตอน 2 : วันที่ 1 จากโตเกียวไปโอซาก้า
ตอนที่สองมาแล้วครับ
แผนภาพรวมโดยสรุปและลิงค์ของแต่ละตอน
บทนำ : สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป รายละเอียดต่างๆ และวิธีการเตรียมตัว และวางแผน
http://pantip.com/topic/33963886
วันที่ 1 : ลงเครื่อง นั่งชิงกังเซ็นจากโตเกียว ไปโอซาก้า เที่ยว+นอนที่โอซาก้า
http://pantip.com/topic/33964525
วันที่ 2 : นั่งชิงกังเซ็นจากโอซาก้าไปฮิโรชิม่า เที่ยวเกาะมิยาจิม่า ชมสวนสันติภาพ กินโอโคโนมิยากิ วิลเลจ นอนที่ฮิโรชิม่า
http://pantip.com/topic/34009668
วันที่ 3 : ไปเที่ยวเกาะกระต่าย แวะเมือง โอโนมิชิดูซากุระบนยอดเขา แล้วกลับไปนอนพักที่ ฟุกุยามะ
วันที่ 4 : นั่งชิงกังเซ็นไปนาโกย่า แวะดูโตโยต้ามิวเซียม ดูซากุระที่ปราสาทนาโกย่า กินทงคัทซึหมูดำและข้าวหน้าปลาไหล นอนที่นาโกย่า
วันที่ 5 : นั่งรถไฟ Wide view hida ไป ทาคายามะ กินเนื้อฮิดะ แล้วนั่งรถบัสไป ชิระคาว่า นอนที่ Furusato House @ Shirakawa-ko
วันที่ 6 : นั่งรถบัสจากชิระคาวะไปคานาซาวะ แวะ Omicho Market, Kenrokuen Park, Higashichaya Old Town แล้วนอนที่ Kanazawa
วันที่ 7 : นั่งชิงกังเซ็นไปลง Iiyama แล้วนั่งรถไฟต่อไปลง Nozawa Onzen ไปเล่นสกีครึ่งวัน แล้วนั่งรถชิงกังเซ็นต่อกลับไปนอนที่อุเอโน่ โตเกียว
วันที่ 8 : ชมซากุระที่ อุเอโน่ แวะกินเทมปุระสุดหรูที่กินซ่า เดินเล่นอากิบะ แล้วกับมานอน Manga Cafe ที่อุเอโนะ รอจับรถไฟรอบเช้าตรู่
วันที่ 9 : เครื่อง AirAsia เสีย ติดอยู่สนามบินนาริตะ สุดท้ายก็ต้องนั่งเครื่องไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วรอเครื่องกลับกรุงเทพอีกที วันแห่งนรก แต่สุดท้ายก็ได้กลับบ้าน
=========================================
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง เราเดินทางด้วย AirAsia จากดอนเมือง เครื่องออก 23:45 ไปถึงโตเกียวเวลา 8:00 เท่าที่ตรวจดูสภาพอากาศ เห็นว่าไม่หนาวไม่ร้อนมาก กำลังดี ประมาณ 15-20C อาจจะมีฝนตกประปราย ก็เลยไม่เตรียมเสื้อหนาวแบบจัดเต็ม เอาไปแต่พอประมาณครับ ช่วงนี้แดดโอเคด้วย พระอาทิตย์ขึ้น 5:30 ตกเวลา 18:00 ทำให้เราพอมีเวลาเที่ยวได้มากขึ้นหน่อย ไม่มืดเร็วจนเกินไป
=========================================
ลงโตเกียว แล้วบึ่งไปโอซาก้าเลย
=========================================
แผนแรกของผมที่จะทำหลังจากเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นก็คือ จะทำการแลก Rail Pass แล้วก็นั่งชิงกังเซ็นยาวไปลงโอซาก้าเลย แล้วนอนที่นั่นคืนนึง ลองดูแผนละเอียดตามรูปข้างล่างได้เลยครับ
แต่ทว่า...พอไปถึงนาริตะก็มีเรื่องให้ผิดแผนพอสมควร นั่นก็คือ แถวเพื่อแลก JP Pass ยาวมากกกกกกกกกกก ยาวแบบว่า...จะยาวไปไหนวะ คือที่วางแผนไว้ว่าจะต้องขึ้นรถไฟเที่ยวแรกตอน 9:19 กลายเป็นว่าต่อคิวอยู่ชั่วโมงนึงได้ ทำให้ต้องไปขึ้นรถไฟเที่ยว 10:30 แทน ถ้าใครวางแผนและเวลาจำกัดสุดๆ ก็อาจจะต้องเผื่อเวลาในการแลกตั๋ว Rail Pass ไว้ด้วยนะครับ
จริงๆ ผมกะว่าจะจองที่นั่งให้หมดทั้งทริปเลย แต่เนื่องจากคิวยาว ก็เลยเกรงใจคนอื่นเขา จึงได้แค่แลกตั๋ว Rail Pass มาอย่างเดียวครับ ซึ่งผมได้ไปจองที่นั่งที่สถานีอื่น ที่คนน้อยๆ แทน เดี๋ยวค่อยมาเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีครับ
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟ N'EX 10 ไปลง ที่ Shinagawa เพื่อไปเปลี่ยนรถเป็นชิงกังเซ็น นั่งต่อไปลงโอซาก้า ครับ โดยไปถึง Shin-Osaka Station ประมาณ 13:30
พอออกจาก Shin-Osaka ก็จะหาวิธีเดินทางไปถึงที่พัก โรงแรม Hotel Le Botejour Nanba ที่ได้จองไว้แถวๆ Namba ครับ แต่เนื่องจากสถานี Shin-Osaka มันใหญ่แล้วงงมาก แถมรถไฟฟ้าของ Osaka ก็เยอะไปหมด งงสุดๆ ก็เลยลองถามคนแถวนั้น เขาก็บอกให้เราไปขึ้น Osaka Loop เพราะว่ามันคือ JR สามารถขึ้นได้เลยโดยไม่เสียตังเพิ่ม
ปรากฎว่าพอไปขึ้น ทีนี้และครับ มั่วกันไปใหญ่เลย เพราะว่ามันไม่มีลงใกล้ Namba เลย สุดท้ายหลังจากหลงไปหลงมา สุดท้ายก็ยอมแพ้ เนื่องจากเหนื่อยและหิว..ก็เลยลงมาเรียกแท๊กซี่นั่งไปที่โรงแรมเลยครับ
ซึ่งจริงๆ มารู้ทีหลังว่าจากสถานี Shin-Osaka ถ้าเรายอมจ่ายตังค่ารถไฟสายสีแดง มันจะนั่งต่อเดียวมาลง Namba ได้เลย ( มันเป็น Local ไม่ใช่ JR ครับก็เลยต้องจ่ายเพิ่ม ) นี่แหละครับ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย สุดท้ายก็ต้องไปแท๊กซี่อยู่ดี... ผมก็เลยมาเล่าเอาไว้เผื่อใครซื้อ JR Rail Pass แล้วบางทีเราก็ไม่ควร งก จนเกินไปนะครับ... อันไหนที่มันจ่ายตังเพิ่มแล้ว สะดวก ก็จ่ายไปเถอะ โดยเฉพาะ โอซาก้า..
กว่าจะถึงโรงแรมก็ล่อไปเกือบสี่โมง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เพราะงกไม่ยอมซื้อกินบนรถไฟ หลังจากวางกระเป๋าเสร็จก็เลยพุ่งไปหาอะไรกินแถวๆ โรงแรมครับ ก็เจอเนื้อย่างอยู่ร้านนึง ผมกับแฟนก็พุ่งเข้าไปโดยไม่รีรอและไม่ดูรีวิวใดๆ ด้วย กินกันตายให้หายอยากไปก่อน 55
รสชาดพอใช้ได้ครับ ไม่ดี ไม่แย่
หลังจากกินเสร็จก็กลับไปอาบน้ำ ล้างหน้า เพื่อออกไปเดินเล่นแถวๆ นัมบะ กินทาโกะยากิ กับเค๊กพลาโบ..แล้วก็เดินดูห้างแถวนั้น ก็พบว่าซากุระยังเป็นตุ่มอยู่เลยครับ...แอบผิดหวังนิดๆ เพราะเคยคิดว่าซากุระจะต้องเต็มญี่ปุ่นแน่ๆ เลย แต่เอาเข้าจริง กลับไม่ใช่ 55
เนื่องจากมันใกล้มืดแล้วก็เลยไม่ได้ไปไหนมาก เดินไปเดินมาพอสักสามทุ่มร้านต่างๆ ก็เริ่มทยอยปิดกันแล้วครับ หลังจากนั้นก็กลับมาโรงแรมแล้วก็รีบนอน เพราะว่า ต้องต่อรถไฟฮิโรชิม่าอีกในวันพรุ่งนี้..
ทาโกะยากิในตำนาน
พลาโบ ชีสเค้กในตำนาน
เนื่องจากรีบๆ ก็เลยไม่ได้ถ่ายห้องโรงแรมมาเลย เอาเป็นว่าเป็นโรงแรมที่ดีทีเดียวครับ ราคาไม่แพง ห้องสะอาด แต่ก็เล็กตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่น แถมอยู่ใกล้นัมบะมากๆ เดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าสนใจก็ลองกดดูได้นะครับ โรงแรม Hotel Le Botejour Nanba https://www.expedia.co.th/Osaka-Hotels-Hotel-Le-Botejour-Nanba.h9074306.Hotel-Information
สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก ( สำหรับสองคน )
เสียดายวันนี้ไปเสียเวลาบ้าๆ บอๆ เยอะมาก แผนที่วางไว้ว่าจะไปเกียวโต หรือเดินเที่ยวหลายๆ ที่ในโอซาก้าก็ต้องถูกยกเลิกไปหมด ก็เลยเหลือแค่อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ เหลือแต่ไปกินอย่างเดียว กับนอนพัก เนื่องจากผมเคยมาโอซาก้าแล้วทีนึงก็เลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่
เดี๋ยวมาต่อตอนสามกันนะครับ ไปฮิโรชิมะ