ไป Nikko แบบไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก
ได้อาศัยข้อมูลเพื่อนๆ ใน pantip โดยเฉพาะของคุณ Monkey and Jiraffy
ที่เป็นประโยชน์มากๆ ครับ ขอบคุณมากๆ เลยอยากเขียนให้ข้อมูลคนอื่นบ้าง
...
เรามีเวลาแค่ 3 คืนในญี่ปุ่นกับเป้าหมายนิทรรศการของ Kiyoshi Nakashima
งานจัดแสดงที่ Kosugi Hōan Museum of Art อยู่ใกล้กับ สะพานชินเคียว

...
ลงเครื่องที่ Terminal 1 นั่งรถไฟฟ้า Access Express ถึงสถานี Assakusa ราคา 1380 เยน

...
นั่งสบายๆ
ดูใน Google Map เราจะออกที่ทางออก 8 แต่ออกไม่ได้เลยขึ้นมาข้างบนแล้วเดินต่อมาห้าง Matsuya
แวะที่ Tobu Tourist Information Center ซื้อ Nikko Pass เจอน้องเจ้าหน้าที่คนไทยให้ข้อมูลอย่างดี
พร้อมเอกสารท่องเที่ยวภาษาไทยด้วย ขบวนที่เราไปต้องเปลี่ยนที่ Shimo-Imaichi ซึ่งรอไม่นานรถก็มา
โล่งสบายมาก นักท่องเที่ยวไม่เยอะ อีกแป๊บเดียวก็ถึง Tobu-Nikko
...
แวะเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม Hotel Famitec Nikko ด้านหน้ามีล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ด้านในก็มี
ตอนนั้นงงๆ กับล็อคเกอร์ เห็นเขามีสายคล้องกระเป๋าไม่เสียตังด้วย เลยใช้อันนี้แหละ
จองห้องพักคนเดียว ได้ห้องที่มีหน้าต่างและระเบียงด้วย ตรงข้ามโรงแรมเป็น Family Mart สะดวกสุด

...
ว่าแล้วก็ไปหาอะไรกินก่อน เดินไปทางสะพานชินเคียว ชมวิวไปเรื่อยๆ มีคาเฟ่ร้านอาหารพอควร
แต่ช่วงนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาก เลยดูสงบ บางร้านก็ไม่เปิด จนมาได้ร้านฟองเต้าหู้ Yuba
เปิด 12:00 - 18:00 น่าจะเป็นลูกค้าคนแรก มารู้ทีหลังว่า Yuba คืออาหารขึ้นชื่อของ Nikko

สั่งข้าวราดหน้าฟองเต้าหู้ กับเกี๊ยวที่ห่อด้วยฟองเต้าหู้มากิน ไม่มีเนื้อสัตว์เลย แต่อร่อยมาก
...
กินอาหารเสร็จเดินไปพิพิธภัณฑ์ปรากฏว่าปิดวันนี้ ก็อ้าว...ยังเหลือเวลาพรุ่งนี้อีกวันค่อยมา
เลยเดินไปดูโซน World Heritage ชอบความต้นไม้ใหญ่โต ร่มรื่น ชุ่มชื้น
ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวหลัก ตรงจุดนี้คนยังเยอะ รู้สึกพลังงานของความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา
ของผู้คนดี แต่สู้จำนวนคนไม่ไหว แวะเข้าไปสวนไชโย ตรงข้ามวัดรินโนจิก่อน
เสียค่าเข้าชม ซื้อเป็นชุดรวมกับชมวัดได้ ข้างในสวนถ้าเป็นสวนญี่ปุ่น ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยมาก
ออกจากสวนตัดสินใจเดินไป คันมังงาฟุจิ ดูแล้วไม่ไกล เดินไหวสบายๆ สำหรับคนชอบเดิน
...
เดินเลียบแม่น้ำไปผ่านชุมชนมีคาเฟ่เล็กๆ ริมน้ำ ตั้งใจว่าจะมาขากลับ จนข้ามสะพานสีแดง
เห็นคนตกปลาในแม่น้ำ เดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงแล้ว นักท่องเที่ยวบางตา แต่ไม่ถึงขั้นเหงา ดูสงบดี
ซุ้มประตู (ถ่ายตอนขากลับ)
เดินไปอีกไม่ไกลก็เห็น จิโซ (Jizo) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า "โอจิโซซัง" เลียบริมแม่น้ำที่ส่งเสียง
ทำให้ไม่เงียบเลย ที่สำคัญน้ำใสมาก ถึงน้ำจะแรงก็ใสสุดๆ
ถ้าเดินตามทางด้านล่างจนสุดทางจะเป็นทางขึ้นเขาแล้วเจอถนน มีทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายผ่านสุสาน
ทางเดินจะวกกลับมาลงที่บันไดตรงนี้ บรรยากาศสุสานน่าจะเป็นสุสานโบราณ ดูสงบไม่น่ากลัว

ทางเข้าสุสาน
นั่งชื่นชมบรรยากาศที่นี่สักพักก็เดินกลับ เห็นป้ายรถเมล์ แต่อยากแวะคาเฟ่เลยเดินเล่นต่อไปดีกว่า
เป็นคาเฟ่เล็กๆ หันหน้าเข้าแม่น้ำ Daiya หันหลังให้ถนน มีคุณตา คุณยาย ดูแลลูกค้า
มีทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม นั่งดื่มมัทฉะกับโมจิถั่วแดงต้มชมวิวไปเรื่อยๆ
...
กลับไปเช็คอิน ตอนดึกเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ในเมือง ชื่อ Lion D'or Nikko Store
400 เมตรจากโรงแรม ไม่ไกลจากสถานีด้วย ซื้ออาหารมากินที่โรงแรมอย่างอร่อย
จบวันแรก ไว้มาต่อวันที่สอง
Nikko คนเดียว กับ ใบไม้สีเขียวชุ่มฉ่ำใจ
ได้อาศัยข้อมูลเพื่อนๆ ใน pantip โดยเฉพาะของคุณ Monkey and Jiraffy
ที่เป็นประโยชน์มากๆ ครับ ขอบคุณมากๆ เลยอยากเขียนให้ข้อมูลคนอื่นบ้าง
...
เรามีเวลาแค่ 3 คืนในญี่ปุ่นกับเป้าหมายนิทรรศการของ Kiyoshi Nakashima
งานจัดแสดงที่ Kosugi Hōan Museum of Art อยู่ใกล้กับ สะพานชินเคียว
...
ลงเครื่องที่ Terminal 1 นั่งรถไฟฟ้า Access Express ถึงสถานี Assakusa ราคา 1380 เยน
...
นั่งสบายๆ
ดูใน Google Map เราจะออกที่ทางออก 8 แต่ออกไม่ได้เลยขึ้นมาข้างบนแล้วเดินต่อมาห้าง Matsuya
แวะที่ Tobu Tourist Information Center ซื้อ Nikko Pass เจอน้องเจ้าหน้าที่คนไทยให้ข้อมูลอย่างดี
พร้อมเอกสารท่องเที่ยวภาษาไทยด้วย ขบวนที่เราไปต้องเปลี่ยนที่ Shimo-Imaichi ซึ่งรอไม่นานรถก็มา
โล่งสบายมาก นักท่องเที่ยวไม่เยอะ อีกแป๊บเดียวก็ถึง Tobu-Nikko
...
แวะเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม Hotel Famitec Nikko ด้านหน้ามีล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ด้านในก็มี
ตอนนั้นงงๆ กับล็อคเกอร์ เห็นเขามีสายคล้องกระเป๋าไม่เสียตังด้วย เลยใช้อันนี้แหละ
จองห้องพักคนเดียว ได้ห้องที่มีหน้าต่างและระเบียงด้วย ตรงข้ามโรงแรมเป็น Family Mart สะดวกสุด
...
ว่าแล้วก็ไปหาอะไรกินก่อน เดินไปทางสะพานชินเคียว ชมวิวไปเรื่อยๆ มีคาเฟ่ร้านอาหารพอควร
แต่ช่วงนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาก เลยดูสงบ บางร้านก็ไม่เปิด จนมาได้ร้านฟองเต้าหู้ Yuba
เปิด 12:00 - 18:00 น่าจะเป็นลูกค้าคนแรก มารู้ทีหลังว่า Yuba คืออาหารขึ้นชื่อของ Nikko
สั่งข้าวราดหน้าฟองเต้าหู้ กับเกี๊ยวที่ห่อด้วยฟองเต้าหู้มากิน ไม่มีเนื้อสัตว์เลย แต่อร่อยมาก
...
กินอาหารเสร็จเดินไปพิพิธภัณฑ์ปรากฏว่าปิดวันนี้ ก็อ้าว...ยังเหลือเวลาพรุ่งนี้อีกวันค่อยมา
เลยเดินไปดูโซน World Heritage ชอบความต้นไม้ใหญ่โต ร่มรื่น ชุ่มชื้น
ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวหลัก ตรงจุดนี้คนยังเยอะ รู้สึกพลังงานของความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา
ของผู้คนดี แต่สู้จำนวนคนไม่ไหว แวะเข้าไปสวนไชโย ตรงข้ามวัดรินโนจิก่อน
เสียค่าเข้าชม ซื้อเป็นชุดรวมกับชมวัดได้ ข้างในสวนถ้าเป็นสวนญี่ปุ่น ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยมาก
ออกจากสวนตัดสินใจเดินไป คันมังงาฟุจิ ดูแล้วไม่ไกล เดินไหวสบายๆ สำหรับคนชอบเดิน
...
เดินเลียบแม่น้ำไปผ่านชุมชนมีคาเฟ่เล็กๆ ริมน้ำ ตั้งใจว่าจะมาขากลับ จนข้ามสะพานสีแดง
เห็นคนตกปลาในแม่น้ำ เดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงแล้ว นักท่องเที่ยวบางตา แต่ไม่ถึงขั้นเหงา ดูสงบดี
ซุ้มประตู (ถ่ายตอนขากลับ)
เดินไปอีกไม่ไกลก็เห็น จิโซ (Jizo) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า "โอจิโซซัง" เลียบริมแม่น้ำที่ส่งเสียง
ทำให้ไม่เงียบเลย ที่สำคัญน้ำใสมาก ถึงน้ำจะแรงก็ใสสุดๆ
ถ้าเดินตามทางด้านล่างจนสุดทางจะเป็นทางขึ้นเขาแล้วเจอถนน มีทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายผ่านสุสาน
ทางเดินจะวกกลับมาลงที่บันไดตรงนี้ บรรยากาศสุสานน่าจะเป็นสุสานโบราณ ดูสงบไม่น่ากลัว
ทางเข้าสุสาน
นั่งชื่นชมบรรยากาศที่นี่สักพักก็เดินกลับ เห็นป้ายรถเมล์ แต่อยากแวะคาเฟ่เลยเดินเล่นต่อไปดีกว่า
เป็นคาเฟ่เล็กๆ หันหน้าเข้าแม่น้ำ Daiya หันหลังให้ถนน มีคุณตา คุณยาย ดูแลลูกค้า
มีทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม นั่งดื่มมัทฉะกับโมจิถั่วแดงต้มชมวิวไปเรื่อยๆ
...
กลับไปเช็คอิน ตอนดึกเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ในเมือง ชื่อ Lion D'or Nikko Store
400 เมตรจากโรงแรม ไม่ไกลจากสถานีด้วย ซื้ออาหารมากินที่โรงแรมอย่างอร่อย
จบวันแรก ไว้มาต่อวันที่สอง