สวัสดีค่ะ เราอายุ 18 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มมาจากเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมานี่แหละค่ะ เพื่อนบ้านของเรา (บ้านอยู่ติดกัน) แม่เขาเสียชีวิต และตัวเขาก็พิการช่วงล่าง เดินไม่ได้ต้องใช้วีลแชร์ เขาอายุพอๆกับพ่อของเราค่ะ ประมาณสี่สิบกลางๆ เราเรียกเขาว่าลุงจ.ก็แล้วกันนะคะ คือเราก็นึกสงสารเขาเพราะต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่แม่ของเขาเสียไป เขาเคยเห็นเรามาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ เพราะเขาก็เป็นเพื่อนกับพ่อเราและสนิทกันในระดับหนึ่ง เมื่อก่อนเราเลิกเรียนเดินผ่านก็ยกมือไหว้เป็นประจำ พอผลสอบออกเขาก็เจียดเงินเล็กๆน้อยๆมาซื้อขนมให้เราเป็นรางวัล ที่บ้านเราก็บอกว่าลุงจ.เป็นคนดีค่ะ ดูจากภายนอกแล้วเขาดูเป็นคนธรรมะธรรมโม เขาสนใจในเรื่องพระเรื่องศาสนาด้วยค่ะ
หลังจากที่งานศพของแม่เขาผ่านไปได้สักพัก เราก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอมเพื่อรอมหาลัยเปิดนั่นก็ทำให้เราได้เข้าไปคลุกคลีกับลุงคนนี้ด้วยการไปนั่งเล่นพูดคุยเป็นเพื่อน บางทีก็ไปเกือบครึ่งวันเลยค่ะเพราะเขาเป็นคุยสนุก จนสนิทกันได้นิดนึงเขาก็บอกกับเราว่าตัวลุงน่ะได้เงินจากซองช่วยงานศพมาเยอะเลย สบายแล้ว ตอนนั้นเราก็ไใ่ได้คิดอะไรนะ ยังขำๆอยู่ด้วยซ้ำ
แต่หลังจากนั้นทุกวันที่เราไปคุยเขาก็จะซื้อขนมหรือน้ำให้เราแบบหลายรอบมากๆจนเกรงใจ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเงินเขาเยอะแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ตงิดอะไรเลย จนกระทั่งเขาขอจับมือค่ะ เขาบอกว่าอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ เราก็ไม่ว่าอะไร แต่พอนานเข้าๆจากจับมือก็กลายเป็นจับแขน ลูบขา หลังๆก็เอาหน้าเข้ามาถูกับน่องขาเราเลยค่ะ แต่เขาก็ทำทีเล่นทีจริงนะ เราก็แยกไม่ออกว่าเขาเอ็นดูหรือคิดไม่ซื่อกันแน่ ตอนนั้นเราคิดว่าเขาเป็นเพื่อนพ่อเราเห็นเรามาตั้งแต่แบเบาะคงไม่เป็นไรหรอก
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เราไปนั่งคุยกับเขาอีกเขาก็ทำมากกว่าเดิมเรื่อยๆ บางทีก็วิจารณ์หุ่นเราจาบจ้วงไปถึงหน้าอกบั้นท้าย แล้วเขาก็จะตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแล้วบอกว่าเขาก็พูดแบบนี้กับเด็กทุกคน ตอนนั้นเราก็ยังเชื่อค่ะ แม้จะมีแอบรำคาญบ้างว่าจะอะไรกับหุ่นเรานักหนา แต่มันก็เริ่มมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้ตัว คือเราเข้าไปคุยกับเขาในตอนเช้า คราวนี้เรานั่งพื้น (ปกติเราจะนั่งเก้าอี้) แล้วลุงจ.นอนคว่ำหันหน้าเข้าหาเรา คุยไปคุยมามือเขาก็อยู่ไม่สุข จับขาจับแขนเรา พอเผลอเข้าคราวนี้ล้วงเข้าไปด้านในกางเกงเลยค่ะ เรากรี๊ด ส่วนเขาก็ทำหน้าตกใจ แล้วเราก็ขอตัวกลับบ้าน หลังจากวันนั้นเราก็อ้างว่ายุ่งไม่ว่างมาคุยค่ะ แต่เขาก็ยังไลน์มาบางทีก็มาเรียกหน้าบ้าน ซึ่งเราไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้คนในบ้านฟังเลยเพราะกลัวว่าที่บ้านเราจะหาว่าเราคิดไปเอง เพราะทุกคนคิดภาพลักษณ์คนดีของเขากันทั้งนั้น คนเดียวที่เราระบายให้ฟังคือน้องสาวค่ะ อึดอัดมากๆ บางวันเราแทบไม่ออกไปไหนบอกที่บ้านว่างานยุ่งแล้วเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แย่มากๆเลยค่ะ
ลืมบอกไปว่าก่อนหน้าที่เราจะหนีห่างออกมานั้นเขาชอบเอาเงินให้เราค่ะ บอกว่าให้เก็บไว้ มากสุดก็เกือบพันบาท ตอนนั้นราไม่เข้าใจเขาก็ยัดให้มา จนมารู้ว่าหลังๆเขาแอบเซฟรูปเราไว้เต็มเลย เราถามเขาก็บอกว่าไว้ดูเวลาคิดถึง แล้วบางทีเขาก็อยากให้เราเรียกเขาว่าพี่แทนลุงด้วย ขยะแขยงมากๆ น้องสาวเราบอกว่าหมือนพวกที่เก็บรูปผญไว้ช่วยตัวเองหรือเปล่า เราก็ยิ่งจิตตกเข้าไปใหญ่ ไม่ไหวเลยค่ะ เพราะหลังๆเขาชวนคุยเรื่องใค้สะดือบ่อยมาก เรากฌได้แต่ยิ้มแหยๆ
ตอนแรกว่าจะเงียบๆ แต่เมื่อครู่นี้เราเปลี่ยนรูปดิสไลน์เขาก็ทักมาว่า " พี่ (ชื่อเรา) สวยที่สุดเลยครับ" เราเกลียดมากๆ บางทีก็เรียกเราพี่แล้วตามด้วยคำชมต่างๆนานาที่เราไม่อินไปกับมันเลย พอมานึกย้อนไปคือเขาแต๊ะอั๋งเราเยอะมาก เพราะไว้ใจจริงๆค่ะ ตอนนี้หวาดมากเลย แต่ก็ไม้รู้จะบอกที่บ้านยังไงเวลาเขาบอกว่าทำไมเราไม่ไปคุยเป็นเพื่อนลุงจ.ล่ะวันนี้
ทำยังไงดีคะ เจตนาแบบนี้คือเขาจงใจลวนลามเราใช่มั้ย สับสนแล้วก็กลัวมากๆค่ะ บางทีถึงกับคิดว่าอยากไปข้างนอกแล้วกลับดึกๆจะได้ไม่ต้องเจอเขา
ถึงพี่ๆให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณพื้นที่ที่ช่วยให้ได้ระบายความอัดอั้นแล้วกันนะคะ
ช่วยด้วยค่ะ รู้สึกเหมือนถูกลวนลาม จิตตกมากๆ
หลังจากที่งานศพของแม่เขาผ่านไปได้สักพัก เราก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอมเพื่อรอมหาลัยเปิดนั่นก็ทำให้เราได้เข้าไปคลุกคลีกับลุงคนนี้ด้วยการไปนั่งเล่นพูดคุยเป็นเพื่อน บางทีก็ไปเกือบครึ่งวันเลยค่ะเพราะเขาเป็นคุยสนุก จนสนิทกันได้นิดนึงเขาก็บอกกับเราว่าตัวลุงน่ะได้เงินจากซองช่วยงานศพมาเยอะเลย สบายแล้ว ตอนนั้นเราก็ไใ่ได้คิดอะไรนะ ยังขำๆอยู่ด้วยซ้ำ
แต่หลังจากนั้นทุกวันที่เราไปคุยเขาก็จะซื้อขนมหรือน้ำให้เราแบบหลายรอบมากๆจนเกรงใจ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเงินเขาเยอะแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ตงิดอะไรเลย จนกระทั่งเขาขอจับมือค่ะ เขาบอกว่าอย่างน้อยจะได้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ เราก็ไม่ว่าอะไร แต่พอนานเข้าๆจากจับมือก็กลายเป็นจับแขน ลูบขา หลังๆก็เอาหน้าเข้ามาถูกับน่องขาเราเลยค่ะ แต่เขาก็ทำทีเล่นทีจริงนะ เราก็แยกไม่ออกว่าเขาเอ็นดูหรือคิดไม่ซื่อกันแน่ ตอนนั้นเราคิดว่าเขาเป็นเพื่อนพ่อเราเห็นเรามาตั้งแต่แบเบาะคงไม่เป็นไรหรอก
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เราไปนั่งคุยกับเขาอีกเขาก็ทำมากกว่าเดิมเรื่อยๆ บางทีก็วิจารณ์หุ่นเราจาบจ้วงไปถึงหน้าอกบั้นท้าย แล้วเขาก็จะตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแล้วบอกว่าเขาก็พูดแบบนี้กับเด็กทุกคน ตอนนั้นเราก็ยังเชื่อค่ะ แม้จะมีแอบรำคาญบ้างว่าจะอะไรกับหุ่นเรานักหนา แต่มันก็เริ่มมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้ตัว คือเราเข้าไปคุยกับเขาในตอนเช้า คราวนี้เรานั่งพื้น (ปกติเราจะนั่งเก้าอี้) แล้วลุงจ.นอนคว่ำหันหน้าเข้าหาเรา คุยไปคุยมามือเขาก็อยู่ไม่สุข จับขาจับแขนเรา พอเผลอเข้าคราวนี้ล้วงเข้าไปด้านในกางเกงเลยค่ะ เรากรี๊ด ส่วนเขาก็ทำหน้าตกใจ แล้วเราก็ขอตัวกลับบ้าน หลังจากวันนั้นเราก็อ้างว่ายุ่งไม่ว่างมาคุยค่ะ แต่เขาก็ยังไลน์มาบางทีก็มาเรียกหน้าบ้าน ซึ่งเราไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้คนในบ้านฟังเลยเพราะกลัวว่าที่บ้านเราจะหาว่าเราคิดไปเอง เพราะทุกคนคิดภาพลักษณ์คนดีของเขากันทั้งนั้น คนเดียวที่เราระบายให้ฟังคือน้องสาวค่ะ อึดอัดมากๆ บางวันเราแทบไม่ออกไปไหนบอกที่บ้านว่างานยุ่งแล้วเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แย่มากๆเลยค่ะ
ลืมบอกไปว่าก่อนหน้าที่เราจะหนีห่างออกมานั้นเขาชอบเอาเงินให้เราค่ะ บอกว่าให้เก็บไว้ มากสุดก็เกือบพันบาท ตอนนั้นราไม่เข้าใจเขาก็ยัดให้มา จนมารู้ว่าหลังๆเขาแอบเซฟรูปเราไว้เต็มเลย เราถามเขาก็บอกว่าไว้ดูเวลาคิดถึง แล้วบางทีเขาก็อยากให้เราเรียกเขาว่าพี่แทนลุงด้วย ขยะแขยงมากๆ น้องสาวเราบอกว่าหมือนพวกที่เก็บรูปผญไว้ช่วยตัวเองหรือเปล่า เราก็ยิ่งจิตตกเข้าไปใหญ่ ไม่ไหวเลยค่ะ เพราะหลังๆเขาชวนคุยเรื่องใค้สะดือบ่อยมาก เรากฌได้แต่ยิ้มแหยๆ
ตอนแรกว่าจะเงียบๆ แต่เมื่อครู่นี้เราเปลี่ยนรูปดิสไลน์เขาก็ทักมาว่า " พี่ (ชื่อเรา) สวยที่สุดเลยครับ" เราเกลียดมากๆ บางทีก็เรียกเราพี่แล้วตามด้วยคำชมต่างๆนานาที่เราไม่อินไปกับมันเลย พอมานึกย้อนไปคือเขาแต๊ะอั๋งเราเยอะมาก เพราะไว้ใจจริงๆค่ะ ตอนนี้หวาดมากเลย แต่ก็ไม้รู้จะบอกที่บ้านยังไงเวลาเขาบอกว่าทำไมเราไม่ไปคุยเป็นเพื่อนลุงจ.ล่ะวันนี้
ทำยังไงดีคะ เจตนาแบบนี้คือเขาจงใจลวนลามเราใช่มั้ย สับสนแล้วก็กลัวมากๆค่ะ บางทีถึงกับคิดว่าอยากไปข้างนอกแล้วกลับดึกๆจะได้ไม่ต้องเจอเขา
ถึงพี่ๆให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณพื้นที่ที่ช่วยให้ได้ระบายความอัดอั้นแล้วกันนะคะ