สวัสดีค่ะ เรามีปัญหากลุ้มใจอยากจะมาระบาย และขอคำแนะนำจากคนในห้องนี้ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า คุณพ่อเรามีภรรยาน้อยค่ะ และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ส่วนเราเป็นลูกภรรยาหลวงนะคะ
ที่บ้านเรามีกิจการส่วนตัวในรูปบริษัท แต่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ซึ่งคุณพ่อลงทุนหุ้นกับพี่น้องอีก 1 คน และมีเงินส่วนตัวของคุณแม่เราลงไปด้วย
วันนึงคุณพ่อพาลูกภรรยาน้อยมาเข้าทำงานที่บริษัทค่ะ เรากับคุณแม่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่ายังไงฝั่งนั้นเขาก็ลูกเหมือนกัน และก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรใหญ่โต(แต่ก็แอบระแวงบ้างเล็กน้อย)
ลูกภรรยาน้อยทำงานมา 2-3 ปี งานส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ปัญหาเพิ่งมาเกิดตรงที่ว่า เรากับคุณแม่จับได้ว่าภรรยาน้อยเดือดร้อนเรื่องบ้านที่อาศัยอยู่กำลังจะถูกยึดเพราะภรรยาน้อยมีหนี้สินเยอะ คุณพ่อก็เอาเงินไปช่วยทางนู้นเป็นหลักล้าน เพื่อไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร แล้วเปลี่ยนเป็นทำจำนองกับคุณพ่อแทน ซึ่งสัญญาจำนองไม่ได้ระบุวันครบกำหนดชำระ หรืออัตราดอกเบี้ยอะไรเลย และคุณพ่อสารภาพว่าภรรยาน้อยก็ไม่เคยส่งต้นส่งดอกอะไรเลย
เรากับคุณแม่เริ่มเครียดค่ะ คุณแม่โวยวายหาว่าคุณพ่อช่วยทางนู้นเพราะยังมีเยื่อใย ยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ใช่ไหม(ลืมบอกไปว่าคุณพ่อเลิกกับภรรยาน้อยตั้งแต่ลูกภรรยาน้อยยังเล็กๆ ค่ะ และตอนนี้คุณพ่อเราอายุเกือบ 70ปี ทางนู้นก็ 60 กว่าปี)
คุณพ่อแก้ตัวว่าที่ช่วยเพราะบ้านหลังนั้นลูกภรรยาน้อยกู้ร่วมด้วย ที่ช่วยเพราะเห็นแก่ลูก แต่คุณแม่ก็ยังระแวงค่ะ
ตอนนี้ที่บ้านร้อนเป็นไฟเลยค่ะ คุณแม่กลัวว่าคุณพ่อจะแบ่งหุ้นในบริษัทให้ลูกภรรยาน้อย(คุณพ่อเป็นกรรมการบริษัทคนเดียว คุณแม่เราแค่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น) คุณแม่ไม่ต้องการให้ลูกภรรยาน้อยมามีสิทธิ์มีเสียงในทรัพย์สมบัติอะไรทั้งสิ้นค่ะ เราเองก็รู้สึกว่าบริษัทนี้คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็ญาติฝั่งเราเป็นคนลงทุนลงแรง ก็ไม่อยากให้ทางนู้นเขามาชุบมือเปิบเหมือนกันค่ะ
ไม่ทราบพอจะมีวิธีอะไรป้องกันได้ไหมคะ
ไม่อยากให้ลูกเมียน้อยมาชุบมือเปิบ
เรื่องมีอยู่ว่า คุณพ่อเรามีภรรยาน้อยค่ะ และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ส่วนเราเป็นลูกภรรยาหลวงนะคะ
ที่บ้านเรามีกิจการส่วนตัวในรูปบริษัท แต่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ซึ่งคุณพ่อลงทุนหุ้นกับพี่น้องอีก 1 คน และมีเงินส่วนตัวของคุณแม่เราลงไปด้วย
วันนึงคุณพ่อพาลูกภรรยาน้อยมาเข้าทำงานที่บริษัทค่ะ เรากับคุณแม่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่ายังไงฝั่งนั้นเขาก็ลูกเหมือนกัน และก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรใหญ่โต(แต่ก็แอบระแวงบ้างเล็กน้อย)
ลูกภรรยาน้อยทำงานมา 2-3 ปี งานส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ปัญหาเพิ่งมาเกิดตรงที่ว่า เรากับคุณแม่จับได้ว่าภรรยาน้อยเดือดร้อนเรื่องบ้านที่อาศัยอยู่กำลังจะถูกยึดเพราะภรรยาน้อยมีหนี้สินเยอะ คุณพ่อก็เอาเงินไปช่วยทางนู้นเป็นหลักล้าน เพื่อไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร แล้วเปลี่ยนเป็นทำจำนองกับคุณพ่อแทน ซึ่งสัญญาจำนองไม่ได้ระบุวันครบกำหนดชำระ หรืออัตราดอกเบี้ยอะไรเลย และคุณพ่อสารภาพว่าภรรยาน้อยก็ไม่เคยส่งต้นส่งดอกอะไรเลย
เรากับคุณแม่เริ่มเครียดค่ะ คุณแม่โวยวายหาว่าคุณพ่อช่วยทางนู้นเพราะยังมีเยื่อใย ยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ใช่ไหม(ลืมบอกไปว่าคุณพ่อเลิกกับภรรยาน้อยตั้งแต่ลูกภรรยาน้อยยังเล็กๆ ค่ะ และตอนนี้คุณพ่อเราอายุเกือบ 70ปี ทางนู้นก็ 60 กว่าปี)
คุณพ่อแก้ตัวว่าที่ช่วยเพราะบ้านหลังนั้นลูกภรรยาน้อยกู้ร่วมด้วย ที่ช่วยเพราะเห็นแก่ลูก แต่คุณแม่ก็ยังระแวงค่ะ
ตอนนี้ที่บ้านร้อนเป็นไฟเลยค่ะ คุณแม่กลัวว่าคุณพ่อจะแบ่งหุ้นในบริษัทให้ลูกภรรยาน้อย(คุณพ่อเป็นกรรมการบริษัทคนเดียว คุณแม่เราแค่มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น) คุณแม่ไม่ต้องการให้ลูกภรรยาน้อยมามีสิทธิ์มีเสียงในทรัพย์สมบัติอะไรทั้งสิ้นค่ะ เราเองก็รู้สึกว่าบริษัทนี้คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็ญาติฝั่งเราเป็นคนลงทุนลงแรง ก็ไม่อยากให้ทางนู้นเขามาชุบมือเปิบเหมือนกันค่ะ
ไม่ทราบพอจะมีวิธีอะไรป้องกันได้ไหมคะ