ชายวัย 54 ปี จบชีวิตตัวเองในบ้าน พร้อมเขียนจดหมายลา "ให้นำศพไปฝังเอาไว้ใกล้แม่" ขณะที่ อดีตภรรยา เผย ผู้เสียชีวิตเคยมีเงิน 7-8 ล้าน แต่เที่ยวเล่น จนเงินหมดใน 3 ปี ซ้ำ เอาบ้านที่อยู่ไปจำนอง ได้เงิน 1.6 ล้านบาท ก็ใช้หมดใน 3 วัน
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนผูกคอเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพัก ที่ซอยสมิตตะโยธิน ชุมชนสร้างแก้ว 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น เมื่ออาสากู้ภัยฯ เข้าไปถึงประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อส่องดูจากช่องประตูรั้ว พบศพชายไทยทราบชื่อภายหลังว่า นายนันชกร อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เชือกผูกคอกับน็อตเหล็กบนขื่อประตูทางเข้าตัวบ้าน อาสากู้ภัยฯ 2 นาย ต้องปีนประตูรั้วเข้าไปเพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากประตูรั้วถูกล็อกจากด้านใน ก่อนรีบเข้าไปพยังร่างเอาไว้ แล้วใช้มีดตัดเชือกไนล่อนนำร่างลงมานอนหงายไว้ที่พื้น จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีชีพจรแล้ว ที่ลำคอพบว่ามีการผูกเชือกไว้ถึง 6 รอบ จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่ร่องรอยการถูกทำร้าย รอบบริเวณไม่มีร่องรอยการต่อสู้
จากการตรวจสอบที่โต๊ะวางของ ริมหน้าต่างหน้าบ้าน พบทรัพย์สินหลายรายการวางอยู่บนโต๊ะ เช่น นาฬิกาแบรนด์เนม 5 เรือน กล่องแว่นกันแดด 3 กล่อง แหวนประดับหลายวง พระเครื่อง ธนบัตรเก่า และเหรียญเงินเก่า และเล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ รวมทั้งสมุดบัญชี มีการเขียนสั่งลาว่า "ให้นำศพไปฝังเอาไว้ใกล้แม่ ของในบ้านให้พี่อ้วน นาฬิกาให้พ่อ พี่จ่อย พี่นิด โอ๋ มอไซค์ให้ฟิชโช่ 2 คัน" และที่กลางห้องโถงมีฟูกเตียงนอน ปลายเตียงพบขวดเบียร์ถูกเปิดดื่มไปแล้ว 3 ขวด ที่โต๊ะกินข้าวมีจานใส่ขนมขบเคี้ยว และโทรศัพท์คนตายวางอยู่ หลังจากนั้น น.ส.พันธิตา อายุ 50 ปี อดีตภรรยา ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อมาดูศพอดีตสามี และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
น.ส.มลฤดี อายุ 31 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นศพคนแรก เล่าว่า ตนมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านผู้ตาย ตนกลับบ้านมาตั้งแต่ช่วงเย็น แล้วก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนอยู่ด้านบนชั้น 2 ประมาณ 18.50 น. น้องก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้าน ตนเลยเดินลงมาเปิดประตูให้น้อง เมื่อตนมองผ่านช่องประตูรั้วเข้าไปบ้านที่เกิดเหตุ ตนก็เห็นร่างคนห้อยอยู่หน้าประตูในบ้าน ตนเลยเรียกน้องออกมาช่วยกันดู ก็พบว่าเป็นร่างคนผูกคอตาย ชายเจ้าของบ้านที่ผูกคอตายตนไม่สนิท พูดคุยกันตามประสาเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่จะรู้จักกับแฟนสาวของเขา เขามาอยู่ที่บ้านนี้หลายปีแล้ว แฟนคนตายก็จะไปๆมาๆที่บ้านหลังนี้
ด้าน น.ส.นุ๊ก อายุ 30 ปี เพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่เยื้องกัน เล่าว่า ประมาณ 2 – 3 ปีก่อน บ้านหลังนี้เคยติดประกาศขายบ้าน ไม่นานก็ปลดป้ายออก แล้วให้คนเข้ามาเช่า ประมาณ 4 - 5 เดือนที่แล้ว พี่ผู้ชายก็กลับเข้ามาอยู่ในบ้าน ตนก็ไปออกกำลังกายในช่วงเย็น ก็เคยเห็นเขาบ้างแต่ไม่เคยคุยกัน แต่จะมีแฟนตนเข้าไปพูดคุยบ้างแต่ตนก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคนตายทำงานอะไร จะเห็นขี่จักรยานยนต์ออกไปตอนเย็นแล้วก็ขี่เข้ามา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นญาติหรือใครเข้ามาเยี่ยมเขา และตัวคนตายเองก็มักจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน
ขณะที่ อดีตภรรยา เล่าว่า เคยอยู่กินกับคนตาย ร่วมกันเปิดร้านขายโจ๊กข้าวเปียกแกงเส้นอยู่ในซอยทองคำอุทิศ (ซอยกระเทย) เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีเงิน จนกระทั่งมีเงินมีฐานะกันมากขึ้น แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนกับคนตายได้เลิกรากัน ช่วงแรกก็เอาข้าวมาส่ง มาดูแลการเช่าบ้าน แต่เลิกกันจริงจัง ไม่เข้ามาที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว เขาก็บอกว่าให้เลือกจะเอาเงินเก็บ หรือจะเอาร้านขายโจ๊กข้าวเปียกแกงเส้น ตนก็เลยเลือกที่จะเอาร้านไว้ทำมาหากิน แล้วยกเงินเก็บประมาณ 7 – 8 ล้านบาทให้คนตายไป
“คุยกับคนตายล่าสุดประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ตนว่างเลยโทรหา ก็ถามกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนตายก็บอกแย่มาก สภาพตอนนี้รับตัวเองไม่ได้ ไม่เหลืออะไรเลย อดีตสามีเลือกเอาเงินทั้งหมดไป เขาก็ติดกินเที่ยว มีผู้หญิง เอาไปลงทุนเล่นหุ้น ตนเคยบอกเคยเตือนแล้ว พูดให้กำลังใจเขามาตลอด บอกเสมอว่าตนลำบากกว่าเขาหลายร้อยเท่า ต้องเริ่มต้นใหม่ เขายังมีบ้าน ยังมีที่ซุกหัวนอน แต่รู้มาว่าเขาเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองได้ 1.6 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน ก็ใช้จนหมดภายใน 3 วัน ก็เสียใจที่เขาคิดได้เพียงเท่านี้”
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากผูกคอตัวเองจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต และกระดูกต้นคอหลุด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชม. เบื้องต้นมอบศพให้อาสู้ภัยฯ นำไปเก็บรักษาไว้ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมาติดต่อรับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ชาย54จบชีวิตตัวเองเผยเคยมีเงิน8ล้านเท่วเล่นจนหมดใน3ปีเอาบ้านไปจำนอง1.6ล้านใช้หมด3วัน
ชายวัย 54 ปี จบชีวิตตัวเองในบ้าน พร้อมเขียนจดหมายลา "ให้นำศพไปฝังเอาไว้ใกล้แม่" ขณะที่ อดีตภรรยา เผย ผู้เสียชีวิตเคยมีเงิน 7-8 ล้าน แต่เที่ยวเล่น จนเงินหมดใน 3 ปี ซ้ำ เอาบ้านที่อยู่ไปจำนอง ได้เงิน 1.6 ล้านบาท ก็ใช้หมดใน 3 วัน
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนผูกคอเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพัก ที่ซอยสมิตตะโยธิน ชุมชนสร้างแก้ว 2 เขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น เมื่ออาสากู้ภัยฯ เข้าไปถึงประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อส่องดูจากช่องประตูรั้ว พบศพชายไทยทราบชื่อภายหลังว่า นายนันชกร อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน ใช้เชือกผูกคอกับน็อตเหล็กบนขื่อประตูทางเข้าตัวบ้าน อาสากู้ภัยฯ 2 นาย ต้องปีนประตูรั้วเข้าไปเพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากประตูรั้วถูกล็อกจากด้านใน ก่อนรีบเข้าไปพยังร่างเอาไว้ แล้วใช้มีดตัดเชือกไนล่อนนำร่างลงมานอนหงายไว้ที่พื้น จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีชีพจรแล้ว ที่ลำคอพบว่ามีการผูกเชือกไว้ถึง 6 รอบ จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่ร่องรอยการถูกทำร้าย รอบบริเวณไม่มีร่องรอยการต่อสู้
จากการตรวจสอบที่โต๊ะวางของ ริมหน้าต่างหน้าบ้าน พบทรัพย์สินหลายรายการวางอยู่บนโต๊ะ เช่น นาฬิกาแบรนด์เนม 5 เรือน กล่องแว่นกันแดด 3 กล่อง แหวนประดับหลายวง พระเครื่อง ธนบัตรเก่า และเหรียญเงินเก่า และเล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ รวมทั้งสมุดบัญชี มีการเขียนสั่งลาว่า "ให้นำศพไปฝังเอาไว้ใกล้แม่ ของในบ้านให้พี่อ้วน นาฬิกาให้พ่อ พี่จ่อย พี่นิด โอ๋ มอไซค์ให้ฟิชโช่ 2 คัน" และที่กลางห้องโถงมีฟูกเตียงนอน ปลายเตียงพบขวดเบียร์ถูกเปิดดื่มไปแล้ว 3 ขวด ที่โต๊ะกินข้าวมีจานใส่ขนมขบเคี้ยว และโทรศัพท์คนตายวางอยู่ หลังจากนั้น น.ส.พันธิตา อายุ 50 ปี อดีตภรรยา ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อมาดูศพอดีตสามี และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
น.ส.มลฤดี อายุ 31 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นศพคนแรก เล่าว่า ตนมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านผู้ตาย ตนกลับบ้านมาตั้งแต่ช่วงเย็น แล้วก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนอยู่ด้านบนชั้น 2 ประมาณ 18.50 น. น้องก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้าน ตนเลยเดินลงมาเปิดประตูให้น้อง เมื่อตนมองผ่านช่องประตูรั้วเข้าไปบ้านที่เกิดเหตุ ตนก็เห็นร่างคนห้อยอยู่หน้าประตูในบ้าน ตนเลยเรียกน้องออกมาช่วยกันดู ก็พบว่าเป็นร่างคนผูกคอตาย ชายเจ้าของบ้านที่ผูกคอตายตนไม่สนิท พูดคุยกันตามประสาเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่จะรู้จักกับแฟนสาวของเขา เขามาอยู่ที่บ้านนี้หลายปีแล้ว แฟนคนตายก็จะไปๆมาๆที่บ้านหลังนี้
ด้าน น.ส.นุ๊ก อายุ 30 ปี เพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่เยื้องกัน เล่าว่า ประมาณ 2 – 3 ปีก่อน บ้านหลังนี้เคยติดประกาศขายบ้าน ไม่นานก็ปลดป้ายออก แล้วให้คนเข้ามาเช่า ประมาณ 4 - 5 เดือนที่แล้ว พี่ผู้ชายก็กลับเข้ามาอยู่ในบ้าน ตนก็ไปออกกำลังกายในช่วงเย็น ก็เคยเห็นเขาบ้างแต่ไม่เคยคุยกัน แต่จะมีแฟนตนเข้าไปพูดคุยบ้างแต่ตนก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคนตายทำงานอะไร จะเห็นขี่จักรยานยนต์ออกไปตอนเย็นแล้วก็ขี่เข้ามา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นญาติหรือใครเข้ามาเยี่ยมเขา และตัวคนตายเองก็มักจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน
ขณะที่ อดีตภรรยา เล่าว่า เคยอยู่กินกับคนตาย ร่วมกันเปิดร้านขายโจ๊กข้าวเปียกแกงเส้นอยู่ในซอยทองคำอุทิศ (ซอยกระเทย) เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีเงิน จนกระทั่งมีเงินมีฐานะกันมากขึ้น แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนกับคนตายได้เลิกรากัน ช่วงแรกก็เอาข้าวมาส่ง มาดูแลการเช่าบ้าน แต่เลิกกันจริงจัง ไม่เข้ามาที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว เขาก็บอกว่าให้เลือกจะเอาเงินเก็บ หรือจะเอาร้านขายโจ๊กข้าวเปียกแกงเส้น ตนก็เลยเลือกที่จะเอาร้านไว้ทำมาหากิน แล้วยกเงินเก็บประมาณ 7 – 8 ล้านบาทให้คนตายไป
“คุยกับคนตายล่าสุดประมาณ 1 เดือนที่แล้ว ตนว่างเลยโทรหา ก็ถามกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนตายก็บอกแย่มาก สภาพตอนนี้รับตัวเองไม่ได้ ไม่เหลืออะไรเลย อดีตสามีเลือกเอาเงินทั้งหมดไป เขาก็ติดกินเที่ยว มีผู้หญิง เอาไปลงทุนเล่นหุ้น ตนเคยบอกเคยเตือนแล้ว พูดให้กำลังใจเขามาตลอด บอกเสมอว่าตนลำบากกว่าเขาหลายร้อยเท่า ต้องเริ่มต้นใหม่ เขายังมีบ้าน ยังมีที่ซุกหัวนอน แต่รู้มาว่าเขาเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองได้ 1.6 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีก่อน ก็ใช้จนหมดภายใน 3 วัน ก็เสียใจที่เขาคิดได้เพียงเท่านี้”
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากผูกคอตัวเองจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต และกระดูกต้นคอหลุด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชม. เบื้องต้นมอบศพให้อาสู้ภัยฯ นำไปเก็บรักษาไว้ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมาติดต่อรับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป