[CR] [Review ลดน้ำหนัก+รูปเยอะ] จากใจจากคนน้ำหนัก 96 ลดเหลือ 70 ภายในเจ็ดเดือน!

กระทู้รีวิว
สวัสดีครับผมชื่อ เด่น เรียนอยู่ มัลติมีเดีย บางมด ปีสามครับ (:
ผมตั้งกระทู้ครั้งแรก อาจจะพิมพ์ถูก พิมพ์ผิด บ้าง และ อาจจะพูดวนไปวนมาด้วย 5555 ขอโทษด้วยนะครับ
มีอะไรสงสัยตรงไหน หรืออยากรู้อะไรเพิ่มเติม ทักมาคุยได้นะครับ
ฝากเฟสบุคผมด้วยครับ อิอิ  https://www.facebook.com/dentiste.denix
.
วันนี้มีประสบการณ์ดีดีอยากจะแชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่อยากจะลดน้ำหนัก แต่ทำยังไงก็ลดไม่ได้สักที !!
จากหัวข้อกระทู้ ใช่ครับ ผมหนักสูงสุดคือ 96 กิโลกรัม แต่ตอนนี้ลดมาอยู่ที่ 70 ลดไปทั้งหมด 26 กิโลครับ  (ใช้เวลา 7 เดือน)
ลืมบอกไปครับ ผมอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆเลย โตมาพร้อมกับน้ำหนักเลย ยิ่งโตน้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ฮ่าๆ
.
ทีนี้ทุกคนก็อยากรู้วิธี หรือแนวทางที่ผมทำมาตลอด เจ็ดเดือนที่ผ่านมาใช่ไหมครับ ว่าทำยังไง ? ผมจะค่อยๆเล่า เป็นช่วงๆของน้ำหนักพร้อมกับมีรูปประกอบไปเรื่อยๆนะครับ
มาดูกันเลยครับ.




นี่คืออดีตของผม ตอนนั้นผม ม.6 กินไม่เลือก ไม่คิดจะดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตแบบอยู่เพื่อกิน555  คำว่า 'ออกกำลังกาย' ไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย เพื่อนชวนไปกินอะไรไปหมด ไม่เคยปฎิเสธ  จนกระทั้งน้ำหนักผมเกือบทะลุ100kg ตอนนั้นรู้สึกว่าจะหนัก 96 โลนิดๆ กว่าจะรู้ตัวก็เป็นซะแบบนี้แล้ว





นี่รูปช่วงตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ น้ำหนักก็ยังคงอยู่ที่ 96 ฮ่าๆ จะเหยียบร้อยอยู่แล้ว ก็ไม่คิดจะลดเลย ใครจะว่าไอ้อ้วนยังไงก็ชั่ง ก็ยังสนุกอยู่กับการกินเหมือนเดิม โดยเฉพาะอาหารบุฟเฟ่ต์ ของทอด เลย์ ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หนักตรงแป๊ปซี่นี่แหละต้องกินทุกวัน เหมือนเป็นโรคเสพติดแป๊ปซี่ ไม่กินวันนึงจะอารมณ์ไม่ดี ติดมากมาก


ตอนไปเซนทรัลเวริลกับเพื่อน โอ้วโห้ววว เหนียงสิบชั้น 5555


ตอนช่วงเฉลยสายของภาควิขา ถ่ายกับน้องสายรหัส อ้วนสุดๆ ยังยัง ยังสนุกกับการกินอยู่ 5555


ก็ยังกินอยู่เรื่อยๆ จะทำไม กินแล้วไปหนักหัวใครหรอ ? 55555 นี่ตอนไปเอเชียทีคกับเพื่อน ตอนถ่ายรูปคิดว่าตัวเองผอม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย อ้วนจะเต็มเฟรมอยู่แล้ว 55555


ยังเล่นโทรศัพท์ต่อไป ยังคิดไม่ได้ ว่าควรลดได้แล้วนะ



และนี่คือสองรูปสุดท้ายสำหรับ ช่วงหนัก 96-90 กิโล

.........................................................................................................................

ช่วง 89-80 KG.
หลังจากปล่อยตัวเองอ้วนมานานเป็นสิบๆปี มีอยู่วันนึงเดินเข้าไปร้านเสื้อผ้าในห้างร้านนึง อยากจะได้กางเกงขาสั้นสักตัว แต่พอถามพนง. เค้าบอกว่า น้องคะ กางเกงแบบนี้ไซต์ผลิตมาแค่ ไซต์ L เอว 34-36 ซึ่งตัวเองใส่ไม่ได้ เพราะตัวเอง เอว 40 อยากจะบ้ามากๆ คือกางเกงตัวนั้นเล็งมานานมากๆ แล้วก็เก็บเงินมาเพื่อจะซื้อ แต่วันที่มาซื้อ กลับมารู้อีกทีว่า ไม่มีไซด์ TT และนี่คือจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก !!
หลังจากที่กลับจากร้านเสื้อผ้าวันนั้น คืนนั้นปฎิญาณกับตัวเองเลยว่าจะลดน้ำหนัก เลยหาวิธีต่างๆ ตามเน็ต หากระทู้อ่าน (หลังจากอ่านกระทู้ โอ้วว พวกเค้าทำได้ยังไง ทำไม่ได้แน่ๆ)  หลังจากนั้นทักไปหารุ่นพี่คนนึง พี่เค้าเคยลดน้ำหนักมาก่อน เลยอยากรู้ว่าเค้าทำยังไง เค้าก็แนะนำเรา ให้กำลังใจเรา เค้าบอกเราว่า ลดน้ำหนักจริงๆมันต้องอยู่ที่การกินของเราในแต่ละวัน และก็ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย สิ่งสำคัญ พี่เค้าบอกว่า ต้องให้กำลังใจตัวเองด้วย!! แต่การลดน้ำหนักแต่ละคนก็ลดไม่เหมือนกันเพราะร่างกายแต่ละคนสร้างมาไม่เหมือนกัน เพราะวิธีที่พี่เค้าทำพี่เค้าก็ไม่มั่นใจว่า ถ้าเราเอามาทำ เราจะทำได้ไหม พี่เค้าเลยไม่คอนเฟริม 55555 พี่เค้าเลยบอกให้เราไปหาวิธีที่เหมาะกับเรา แล้วมาบอกพี่เค้าด้วย  
เราก็โอเค !! ทำไม่ได้แน่ๆเลย ไม่ชอบออกกำลังกาย จบกัน

และท้ายที่สุดเราก็ได้วิธีที่เหมาะกับเราจนได้ !!!
ช่วงที่ผมลดน้ำหนัก ผมใช้วิธี ทฤษฎี 21 วัน มันคืออะไรหรอ 21 วัน  เพื่อนๆอาจจะเคยได้ยินว่า ถ้าเราทำอะไรติดต่อกัน 21 วัน โดยที่ไม่เว้นวันเลย เราจะทำมันติดเป็นนิสัยเลย เช่น ถ้าเราอ่านหนังสือก่อนนอน ทุกวัน 21 วันติดต่อกัน เราก็ติดการอ่านหนังสือก่อนนอนไปเลย
แล้วผมก็เอาทฤษฎีนี่แหละ เอามาปรับใช้กับการลดน้ำหนักของเรา
ที่นี้ เราตั้งใจจะเริ่มนับแคลอรี่ในแต่ละวันเลย และก็ตั้งใจจะออกกำลังกายด้วย
ภายใน 21 วัน ติดต่อกัน อยากลองดูว่า มันจะติดเป็นนิสัยจริงๆไหม เพราะตัวเองก็ไม่เชื่อ  และสุดท้ายก็ลองทำ !!

ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่า นับแคลอรี่เป็นยังไง ผมก็ลองผิดลองถูกไปเอง ก็ลองนับแคลอรี่การกินในแต่ละมื้อไปเลย ปกติผู้ชายจะกินวันละไม่เกิน 2000 kcal. ผมเลยตั้งใจไว้เลยว่า จะไม่ให้เกิน 1500 ในแต่ละวัน แล้วก็จะวิ่งอีก เพื่อเป็นการเบรินการกินในแต่ละวันออกไปอีก

ช่วง21วันแรก โอ้วโห้ว ทรมานมากๆ
ผมดูตารางการคิดแคลอรี่จาก http://pantip.com/topic/30434362
ถ้าไม่มีในกระทู้ข้างบน ผมก็จะ Search ใน google ว่า "   (ชื่ออาหาร)  แคลอรี่   "

นี่คือตารางการกินของผมในแต่ละวันครับ
ตอนเช้า
ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น  (1 แผ่น = 58 kcal) + น้ำเปล่า (0 kcal)
ตอนกลางวันขอจัดเต็ม
ข้าวแพนงไก่ 1 จาน (ประมาณ 600 kcal อันนี้กะเอาเองนะครับ)
ตอนเย็น
กล้วยหอมเซเว่น 1 ลูก (ประมาณ 80 kcal)
น้ำผลไม้มาลีสูตรน้ำตาลน้อย (30 kcal)

รวมแคลอรี่ 768  kcal

ช่วงนั้นกินแบบนี้ตลอดเลย มีเปลี่ยนช่วงกลางวันเป็นพวกก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ไรงี้บ้าง เพราะเบื่อ แต่ส่วนใหญ่ ช่วงมื้อเช้ากับเย็นจะเหมือนเดิม แต่ก็ต้องนับทุกมื้อเลย ตอนนั้นเหมือนคนโรคจิตมากๆ ก่อนกินข้าวทุกมื้อต้องคิดตลอด เอาโทรศัพท์มาเซริทหาตลอดว่า ที่เรากินกี่แคล แล้ววันนี้เรากินไปกี่แคลแล้ว เพื่อนด่าว่าเป็นโรคจิต บ้า จะนับทำไม 5555 แต่ใครจะว่ายังไงก็ชั่ง เราลดเราได้ เราทำเราก็ได้ !!! และช่วงเย็นก็ไปเข้าฟิตเนสวิ่งบนลู่อีก วันละ 30 นาที

แล้วเราก็มาลองกลับมาคิดว่า เราไปวิ่งเบรินออกไปกี่แคลอรี่ ที่เครื่องจะมีบอกเลย ว่าเราใช้เวลาไปเท่าไร เผาผลาญไปกี่แคลอรี่
กลับมาลองคิดดู เห้ยยย เราเบรินออกไปเกือบหมดเลย เหมือนแต่ละวันไม่ได้กินไรเลย 55555
และสิ่งสุดท้ายที่ทำคือ การชั่งน้ำหนัก ทุกวัน ตอนเช้า (โรคจิตอีกแล้ว 55555 เพื่อจะดูว่า ตัวเองน้ำหนักเป็นยังไงในแต่ละวัน แล้วก็ทำให้ตัวเองเครียดเวลาน้ำหนักมันไม่ลง 5555 )
ลองดู ลองทำแบบนี้ไป 21 วัน อยากรู้ว่าจะลดไหม เอาวะ ลองดู จะติดเป็นนิสัยไหม ?
สุดท้าย 21 วันผ่านไป (วิ่งทุกวันตอนเย็น , คำนวณแคลอรี่ในแต่ละวัน , ชั่งน้ำหนักทุกวัน ) ลดลงมา 3 โล  เห้ยย ทำได้วะ ลดแล้ว น้ำหนักลดแล้ว ดีใจมาก อยากจะบอกเลยว่าช่วงนั้นทรมานมากๆ อยากไปหมด อยากกินข้าวเยอะๆ  อยากกินบุฟเฟต่์ อยากกินแป๊ปซี่ของโปรด แต่สุดท้ายก็เอาวะ อย่าเพิ่งกิน เด่วลดได้ค่อยกิน 555
และพอหลังจาก 21 วันนั้นมา เห้ย มันติดเป็นนิสัยไปเลย เหมือนความรู้สึกเรามันสั่งว่า ต้องทำ ต้องไปวิ่ง ต้องคิดแคลอรี่ ไม่มีเบื่อเลย ไม่มีวันไหนที่ไม่อยากทำเลย (แต่ก็มีแอบทรมานนิดๆ 5555)

แต่สักพักมันก็ต้องถึงจุดอิ่มตัว จุดที่เราทำแล้วน้ำหนักไม่ลด คนลดความอ้วนจะรู้ดีเลยว่า มันจะมีจุดนึงที่น้ำหนักเราไม่ลง มันจะค้างอยู่เลขนั้นตลอด ท้อมาก ไม่อยากทำแล้ว อยากจะหยุดแล้ว เหมือนทำไปแล้วไม่ได้อะไร และสุดท้ายก็บอกกับตัวเองว่า เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว สู้ต่อหน่อย !!

ก็ทำแบบนั้นมาเรื่อยๆ หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนผ่านไป ..... น้ำหนักก็เริ่มลงมาเรื่อยๆ มีบางวันหลุดบ้าง เผลอไปกินบุฟเฟ่ต์บ้าง เผลอกินน้ำอัดลมบ้าง แต่วันรุ่งขึ้นก็รีบไปวิ่งเบรินออกเลย 555


นี่คือรูปช่วงลดแรกๆ ประมาณสองเดือนผ่านไป

ช่วงนี้รู้สึกว่าจะหนัก 89


ช่วงนี้หนัก 85


ช่วงนี้ หนัก 80

.........................................................................................................................
ช่วง 79-75 KG.
หลังจากสองสามเดือนผ่านไป  น้ำหนักก็ลงมาเรื่อยๆ
เราก็แค่ วิ่งทุกวันตอนเย็น , คำนวณแคลอรี่ในแต่ละวัน , ชั่งน้ำหนักทุกวัน แต่ก็มีบางวันที่หลุดไม่ทำบ้าง ไม่ไปวิ่งบ้าง แต่ก็คิดแคลอยู่
ใกล้แล้ว ใกล้ความจริงแล้ว ......


ช่วงนี้เหมือนจะหนัก 79.5


หนัก 78 แล้ว


ช่วงนี้หนัก 76


หนัก 75 แล้วววว เห็นรูปนี้แล้วดีใจมาก พุงหายเกือบจะหมดแล้ว สู้ต่อไป !!!

.........................................................................................................................
ช่วง 74-70KG.
หกเจ็ดเดือนผ่านไป ....
น้ำหนักก็ยังคงลงเรื่อยๆ
วิ่งทุกวันตอนเย็น , คำนวณแคลอรี่ในแต่ละวัน , ชั่งน้ำหนักทุกวัน แต่ก็มีบางวันที่หลุดไม่ทำบ้าง ไม่ไปวิ่งบ้าง แต่ก็คิดแคลอยู่
ใกล้แล้ว ใกล้ความจริงแล้ว ......


73.5 แล้ว


72.5


71

และสุดท้าย 70 กิโลกรัม !!!!!!!!!!!!!!!!






สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักให้ยั่งยืนมีกฎง่ายๆดังนี้
1. เดือนแรกสำคัญที่สุด ใส่ให้เต็มที่ขยันให้สุดๆ เพราะถ้ายิ่งน้ำหนักเดือนแรกลงเยอะมากเท่าไหร่ กำลังใจจะยิ่งเยอะเท่านั้น
2. ห้ามเสียดาย เหลือคือทิ้ง กินของเหลือคืออ้วน เก็บเท่ากับต้องกิน
3. ออกกำลังกาย กับการควบคุมอาหารต้องทำคู่กัน อย่างสมดุล  หยุดโลกสวยไม่มียาเทวดาตัวไหนดีกว่า 2 อย่างนี้
4. หยุดแต่งตัวอำพราง โดยเฉพาะสีดำ จำไว้ อ้วนคืออ้วน ยิ่งตอกย้ำตัวเองยิ่งดี จะได้รู้สักทีว่าต้องลดแล้ว
5. อย่าติดเพื่อน ฝึกไปฟิตเนสคนเดียว ให้ชิน ไม่รู้ให้ถามคนแถวนั้น
6. อย่าอดอาหาร แต่ให้ลดทุกมื้อ ให้กระเพาะหดตัว จำไว้การอดข้าวมื้อใดมื้อหนึ่ง กระเพาะอาหารเท่าเดิม ระบบการเผาผลาญเสีย เพิ่มไขมันสะสม
7. ผลไม้เป็นศัตรูร้าย จำไว้ ผลไม้เกือบทุกชนิดมีน้ำตาลสูตร ช่วงที่ต้องการคุมให้กินผักใบเขียวเอา หิวให้กินผัก เพราะนอกจากไม่อ้วน ยังได้ Fiber ด้วย
8. พยายามงดของทอด ของหวาน และขนมให้ได้ โดยถ้าอยากจริงๆให้กินเท่าที่หายอยาก (อาทิตย์ละครั้งพอ) จำไว้เข้าเท่าไหร่ต้องออกกำลังเท่านั้น
9. ฝึกชั่งตราชั่งทุกวัน ให้เป็นนิสัย จำไว้ตราชั่งเหมือนเพื่อนสนิท ไม่เคยโกหก ถ้าเรากินมากมันจะเตือนเรา ถ้าเราคุมได้ดีมันจะให้กำลังใจเรา
10. อย่าเอาการกินของเราไปเทียบกับใคร เพราะระบบการเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน และรู้จักแบ่งปันซื้ออะไรมากินเท่าที่อยากพอที่
ชื่อสินค้า:   ลดน้ำหนัก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่