การที่แปลคำว่า สักกายทิฏฐิ ว่าหมายถึง มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา นั้นเป็นการแปลที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าแปลอย่างนี้มันไม่ดูง่ายไปหรือ? คือมันเข้าใจได้ง่ายเกินไป ใครๆที่เขาพอจะมีความรู้หน่อยเขาก็เข้าใจแล้วว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว
คำว่า สักกายทิฏฐิ ที่ถูกต้องจะแปลว่า ความเห็นว่ามีตัวเรา (อัตตา) อยู่ในกลุ่ม (กาย=กลุ่ม) ของชีวิตนี้ (คือในรูปกาย=กลุ่มของร่างกาย กับ นามกาย=กลุ่มของจิตใจ) หรือพูดง่ายๆก็คือ ความเห็นว่ามีตัวเราอยู่ในชีวิตนี้ (คือในร่างกายและจิตใจ) หรือสรุปแล้วก็คือความเห็นว่า "จิตใจนี้คือตัวเรา ที่เวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายได้" นั่นเอง ซึ่งนี่แหละคือสักกายทิฏฐิของแท้ ที่ยากนักที่จะมีใครละได้ เพราะมีความเชื่อว่ามีตัวเราที่ไม่สูญหายแม้ร่างกายจะไม่มีแล้วก็ตามมาครอบงำความสติปัญญาอยู่
สรุปก็คือความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายนั่นเอง ที่เป็นตัวสักกายทิฏฐิอย่างเต็มที่ ถ้ายังละสักกายทิฏฐิไม่ได้ ก็ทำลายสังโยชน์ตัวแรกนี้ไม่ได้ ถ้ายังทำลายสังโยชน์ตัวนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางศึกษาพุทธศาสนาให้มีความเห็นที่ถูกต้อง (มีสัมมาทิฏฐิ) ได้ เพราะการทำลายสักกายทิฏฐิได้ก็ทำให้(ใกล้)บรรลุถึงความเป็นโสดาบันแล้ว ซึ่งวิธีการทำลายสักกายทิฏฐินั้นก็ต้องใช้การพิจารณาถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับหายไปของขันธ์ ๕ (ร่างกายกับจิตใจ) ด้วยเหตุด้วยผลตามความเป็นจริง ก็จะทำลายสักกายทิฏฐิได้ (ลองอ่านจากบทความของอาตมานี้
http://www.whatami.net/lum/lum185.html )
การแปลคำว่า สักกายทิฏฐิ ที่ถูกต้อง
ถ้าแปลอย่างนี้มันไม่ดูง่ายไปหรือ? คือมันเข้าใจได้ง่ายเกินไป ใครๆที่เขาพอจะมีความรู้หน่อยเขาก็เข้าใจแล้วว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว
คำว่า สักกายทิฏฐิ ที่ถูกต้องจะแปลว่า ความเห็นว่ามีตัวเรา (อัตตา) อยู่ในกลุ่ม (กาย=กลุ่ม) ของชีวิตนี้ (คือในรูปกาย=กลุ่มของร่างกาย กับ นามกาย=กลุ่มของจิตใจ) หรือพูดง่ายๆก็คือ ความเห็นว่ามีตัวเราอยู่ในชีวิตนี้ (คือในร่างกายและจิตใจ) หรือสรุปแล้วก็คือความเห็นว่า "จิตใจนี้คือตัวเรา ที่เวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายได้" นั่นเอง ซึ่งนี่แหละคือสักกายทิฏฐิของแท้ ที่ยากนักที่จะมีใครละได้ เพราะมีความเชื่อว่ามีตัวเราที่ไม่สูญหายแม้ร่างกายจะไม่มีแล้วก็ตามมาครอบงำความสติปัญญาอยู่
สรุปก็คือความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายนั่นเอง ที่เป็นตัวสักกายทิฏฐิอย่างเต็มที่ ถ้ายังละสักกายทิฏฐิไม่ได้ ก็ทำลายสังโยชน์ตัวแรกนี้ไม่ได้ ถ้ายังทำลายสังโยชน์ตัวนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางศึกษาพุทธศาสนาให้มีความเห็นที่ถูกต้อง (มีสัมมาทิฏฐิ) ได้ เพราะการทำลายสักกายทิฏฐิได้ก็ทำให้(ใกล้)บรรลุถึงความเป็นโสดาบันแล้ว ซึ่งวิธีการทำลายสักกายทิฏฐินั้นก็ต้องใช้การพิจารณาถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับหายไปของขันธ์ ๕ (ร่างกายกับจิตใจ) ด้วยเหตุด้วยผลตามความเป็นจริง ก็จะทำลายสักกายทิฏฐิได้ (ลองอ่านจากบทความของอาตมานี้ http://www.whatami.net/lum/lum185.html )