ขอโทษ
ดรัสวันต์
คำพูดสั้นๆ มีความหมายยิ่งใหญ่ แต่ยากนักสำหรับบางคนที่จะเปล่งมันออกมา โดยเฉพาะ กานต์
หนุ่มโสดที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถทางธุรกิจของเขาไม่เป็นรองใคร แต่จะหาใครรักเขาอย่างแท้จริง ยังเป็นคำถาม
ชายหนุ่มระแวงเสมอว่าคนที่เข้ามารู้จักใกล้ชิดเขาส่วนใหญ่ก็มาเพื่อหวังจะหาประโยชน์จากเขาทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้หญิง เขาจึงควงสาวไม่ซ้ำหน้า และหาความสุขกับการเที่ยวเตร่ แต่เขาก็ไม่ประมาทและระมัดระวังเสมอ
กานต์นอกจากจะเก่งธุรกิจแล้วเขายังโชคดีที่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้อย่างยงยุทธ เขาช่วยปลดหนี้ให้ยงยุทธ แล้วให้เพื่อนมาทำงานชดใช้ ซึ่งยงยุทธก็รู้ซึ้งในบุญคุณครั้งนี้อย่างยิ่ง เพราะหากกานต์ไม่ช่วยเขาไว้ เขาจะต้องหมดตัว บ้านจะต้องถูกยึดแล้วเขาต้องไปนอนข้างถนนแน่นอน เช่นนี้แล้วกานต์มั่นใจเหลือเกินว่าคนที่กตัญญูอย่างยงยุทธจะต้องทำงานให้เขาอย่างมอบกายถวายหัวแน่นอน
เพราะฉะนั้น บ่อยครั้งที่กานต์หงุดหงิด เขาจะมาลงกับยงยุทธเสมอ แม้บางครั้งที่เขาเองเป็นฝ่ายผิดแต่เขาไม่เคยขอโทษ ยงยุทธจึงได้ก้มหน้า และให้อภัยว่ากานต์คือคนที่มีพระคุณกับเขา เลขานุการอย่างสุดาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องรองรับอารมณ์ของนาย จนบางครั้งสุดาก็อดที่จะปรับทุกข์กับยงยุทธไม่ได้ว่า
“ดาไม่ได้พิมพ์ผิดเลยนะคะคุณยุทธ บอสอ่านไม่ละเอียดไม่เตรียมตัวเอง ถึงได้ผิดพลาด พอดาชี้ให้ดู ก็ทำคอแข็ง ตัวเองผิดเอง อย่างน้อยยืดอกขอโทษสักคำ นี่ทำเป็นแถ แล้วคุยเรื่องอื่นกลบเกลื่อน”
“กานต์เขาไม่เคยขอโทษใครหรอก ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่มีเพื่อน เขาหงุดหงิดไม่พอใจใครเขาก็เลิกคบ ไปหาเพื่อนใหม่ คนแบบนี้เขาไม่มีวันมีเพื่อนแท้หรอก มีแต่เพื่อนกินหรือไม่ก็พวกจ้องจะหาผลประโยชน์ เท่านั้น เฮ้อ เราเป็นลูกจ้างนะคุณดา ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถอะ คนเป็นนายเขาไม่มีวันขอโทษลูกน้องหรอก เสียศักดิ์ศรี เสียการปกครอง”
เพราะเจ้านายอย่างกานต์ถือคติว่า The boss always right
แต่มาวันนี้ กานต์กำลังนั่งอยู่หน้าอัฐิของเพื่อนทั้งสี่คน และเขากำลังกล่าวคำขอโทษพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ
“ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่พวกเธอต้องตาย”
ที่กานต์ต้องมากล่าวคำขอโทษในวันนี้เพราะเมื่อคืนเขาฝันเห็นเพื่อนๆ ทั้งสี่ ไก่ มล เจนและฟ้า ทั้งหมดมายืนตรงหน้าและชี้มือมาที่เขา
‘ถ้านายไม่ทิ้งภา ถ้านายทำให้ภามีความสุข ภาคงไม่ฆ่าตัวตาย และพี่สาวฝาแฝดของภาก็คงไม่มาแก้แค้นพวกเราแบบนี้’
‘ใช่ พวกเราตาย แต่นายรอด มันยุติธรรมตรงไหน นายมันก็ทำร้ายภาไม่ต่างไปจากพวกเรา’
กานต์สะดุ้งตื่นจากความฝันอันโหดร้ายนั้น นับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมที่เพื่อนเขาทั้งสี่ถูกระเบิดไฟคลอกตายมานั้น กานต์ไม่เคยนอนหลับเต็มตา เขาฝันซ้ำๆ ถึงเหตุการณ์ที่ไฟลุกท่วม และมีร่างของเพื่อนทั้งสี่ติดอยู่ในนั้น เป็นภาพที่หลอกหลอนเขามาตลอด
เมื่อครั้งงานศพ บรรดาญาติ พ่อแม่และสามีคนตายต่างจ้องมองเขาอย่างระแวงสงสัยที่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมา แม้แต่ตำรวจ เขาก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งเขาถูกเชิญให้มาสอบปากคำหลายครั้งว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับการฆาตกรรมครั้งนี้ แต่กานต์ก็เล่าความจริงทุกอย่าง จนเมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัวเขา ตำรวจจึงต้องปล่อยตัว
แต่ฝันร้ายและความรู้สึกผิดเผาผลาญจิตใจของชายหนุ่มตลอดมา เขาอยากจะย้อนวันเวลาเหล่านั้น อยากจะขอโทษภา อยากจะขอโทษเพื่อนๆ แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
หรือนี่คือการแก้แค้นอีกรูปแบบหนึ่ง ความทรมานที่กัดกร่อนกินใจให้เขาตายไปช้าๆ กับความรู้สึกผิด กับคำขอโทษที่เขาไม่ได้พูดออกไปในตอนนั้น และเขาไม่สามารถหันหน้าไปปรึกษาใครได้ เพราะเขาไม่มีเพื่อน ไม่มีใครที่เขาจะหันหน้าไปคุยไปปรับทุกข์ด้วยได้ เขารู้ซึ้งถึงความเหงาอย่างจับจิตจับใจในตอนนี้แล้ว
กานต์หาทางออกด้วยการเที่ยวเตร่มากขึ้น ผู้หญิงที่เขาคุยด้วยหล่อนก็สนใจแค่อยากให้เขาพาไปช้อปปิ้ง หรือซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด แต่หลังจากที่เขาซื้อมาปรนเปรอเอาใจ เจ้าหล่อนก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมัน ปล่อยให้เขากระดกเหล้าลงคอ
เขาเปลี่ยนผู้หญิงอีกคน ท่าทางหล่อนมีความรู้และน่าจะมีวุฒิภาวะพอจะคุยกับเขาได้ แต่หล่อนก็ไม่อยากฟังเรื่องของเขา มันไม่บันเทิงสำหรับหล่อน
บ่อยครั้งที่กานต์รู้สึกเครียดจนคล้ายแน่นหน้าอก เขาอยากจะพูดบอกใครสักคน เผื่อว่าสิ่งที่คับข้องอยู่ในใจจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง มองไปรอบตัวตอนนี้เขาต้องถามตัวเองว่าเขามีใคร เขาไม่มีใครเลยนอกจาก ยงยุทธ กับสุดา ไม่หรอก คนพวกนั้นเป็นลูกน้อง ลูกน้องที่เจ้านายอย่างเขาจะต้องวางฟอร์ม ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้เห็น
กานต์ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ดึกสงัดแล้ว แต่เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากไปจมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่เงียบเหงา แม้วันนี้เขาจะไปเคารพอัฐิของเพื่อนและกล่าวคำขอโทษ อย่างที่เขาต้องการจะกล่าวเป็นร้อยครั้งพันครั้ง แต่มันไม่สามารถดึงทุกอย่างกลับมาได้
ชายหนุ่มเริ่มปวดศีรษะตุ้บๆ กับความเครียด เขาร้องไห้ออกมา ใครบางคนบอกว่าน้ำตาช่วยได้ แต่มันไม่จริงเลย ดวงตาที่พร่าพรายทำให้เขาขับรถต่อไปอีกไม่ได้ กานต์จอดรถแอบเข้าข้างทางซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของสะพานพระรามเก้า เขาไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ดึกแล้วรถไม่ขวักไขว่เหมือนตอนกลางวัน เขาก้าวลงจากรถไปยืนที่ริมสะพานมองลงไปยังเบื้องล่าง สายน้ำอันมืดมิดของเจ้าพระยา
เสียงหนึ่งก้องอยู่ในโสต
‘ไม่ยุติธรรม ทำไมนายรอดอยู่คนเดียว ในขณะที่พวกเราต้องตาย ทำไมนายรอดอยู่คนเดียว ทั้งที่นายก็ทำเลวกับภามากกว่าพวกเรา ทำไม ทำไม’
กานต์น้ำตาไหลพราก เขากระซิบตอบเสียงในหัวของเขาไปว่า ‘ฉันก็ไม่ได้อยากรอด เพื่อมาทรมานเช่นนี้ พวกเธอไม่รู้หรอกว่า การมีชีวิตรอดอยู่กับความรู้สึกผิดมันทรมานเพียงไหน’
“ลาก่อน ชีวิตนี้” เสียงใครคนหนึ่งแว่วมา กานต์หันไปมองอย่างตกใจ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ราวสะพานห่างออกไป
“พี่ ! ทำอะไรน่ะ” กานต์รีบตะโกนห้าม แล้วก้าวเท้าไปหา ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาทำเช่นนั้น ปกติเขาไม่ยุ่งเรื่องของใคร
“เฮ้ย ! อย่ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“พี่กำลังจะกระโดดน้ำหรือ” ถามออกไปแล้วก็ใจหายระคนหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ระทึกตรงหน้า
ขอโทษ
ดรัสวันต์
คำพูดสั้นๆ มีความหมายยิ่งใหญ่ แต่ยากนักสำหรับบางคนที่จะเปล่งมันออกมา โดยเฉพาะ กานต์
หนุ่มโสดที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถทางธุรกิจของเขาไม่เป็นรองใคร แต่จะหาใครรักเขาอย่างแท้จริง ยังเป็นคำถาม
ชายหนุ่มระแวงเสมอว่าคนที่เข้ามารู้จักใกล้ชิดเขาส่วนใหญ่ก็มาเพื่อหวังจะหาประโยชน์จากเขาทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้หญิง เขาจึงควงสาวไม่ซ้ำหน้า และหาความสุขกับการเที่ยวเตร่ แต่เขาก็ไม่ประมาทและระมัดระวังเสมอ
กานต์นอกจากจะเก่งธุรกิจแล้วเขายังโชคดีที่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้อย่างยงยุทธ เขาช่วยปลดหนี้ให้ยงยุทธ แล้วให้เพื่อนมาทำงานชดใช้ ซึ่งยงยุทธก็รู้ซึ้งในบุญคุณครั้งนี้อย่างยิ่ง เพราะหากกานต์ไม่ช่วยเขาไว้ เขาจะต้องหมดตัว บ้านจะต้องถูกยึดแล้วเขาต้องไปนอนข้างถนนแน่นอน เช่นนี้แล้วกานต์มั่นใจเหลือเกินว่าคนที่กตัญญูอย่างยงยุทธจะต้องทำงานให้เขาอย่างมอบกายถวายหัวแน่นอน
เพราะฉะนั้น บ่อยครั้งที่กานต์หงุดหงิด เขาจะมาลงกับยงยุทธเสมอ แม้บางครั้งที่เขาเองเป็นฝ่ายผิดแต่เขาไม่เคยขอโทษ ยงยุทธจึงได้ก้มหน้า และให้อภัยว่ากานต์คือคนที่มีพระคุณกับเขา เลขานุการอย่างสุดาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องรองรับอารมณ์ของนาย จนบางครั้งสุดาก็อดที่จะปรับทุกข์กับยงยุทธไม่ได้ว่า
“ดาไม่ได้พิมพ์ผิดเลยนะคะคุณยุทธ บอสอ่านไม่ละเอียดไม่เตรียมตัวเอง ถึงได้ผิดพลาด พอดาชี้ให้ดู ก็ทำคอแข็ง ตัวเองผิดเอง อย่างน้อยยืดอกขอโทษสักคำ นี่ทำเป็นแถ แล้วคุยเรื่องอื่นกลบเกลื่อน”
“กานต์เขาไม่เคยขอโทษใครหรอก ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่มีเพื่อน เขาหงุดหงิดไม่พอใจใครเขาก็เลิกคบ ไปหาเพื่อนใหม่ คนแบบนี้เขาไม่มีวันมีเพื่อนแท้หรอก มีแต่เพื่อนกินหรือไม่ก็พวกจ้องจะหาผลประโยชน์ เท่านั้น เฮ้อ เราเป็นลูกจ้างนะคุณดา ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเถอะ คนเป็นนายเขาไม่มีวันขอโทษลูกน้องหรอก เสียศักดิ์ศรี เสียการปกครอง”
เพราะเจ้านายอย่างกานต์ถือคติว่า The boss always right
แต่มาวันนี้ กานต์กำลังนั่งอยู่หน้าอัฐิของเพื่อนทั้งสี่คน และเขากำลังกล่าวคำขอโทษพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ
“ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่พวกเธอต้องตาย”
ที่กานต์ต้องมากล่าวคำขอโทษในวันนี้เพราะเมื่อคืนเขาฝันเห็นเพื่อนๆ ทั้งสี่ ไก่ มล เจนและฟ้า ทั้งหมดมายืนตรงหน้าและชี้มือมาที่เขา
‘ถ้านายไม่ทิ้งภา ถ้านายทำให้ภามีความสุข ภาคงไม่ฆ่าตัวตาย และพี่สาวฝาแฝดของภาก็คงไม่มาแก้แค้นพวกเราแบบนี้’
‘ใช่ พวกเราตาย แต่นายรอด มันยุติธรรมตรงไหน นายมันก็ทำร้ายภาไม่ต่างไปจากพวกเรา’
กานต์สะดุ้งตื่นจากความฝันอันโหดร้ายนั้น นับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมที่เพื่อนเขาทั้งสี่ถูกระเบิดไฟคลอกตายมานั้น กานต์ไม่เคยนอนหลับเต็มตา เขาฝันซ้ำๆ ถึงเหตุการณ์ที่ไฟลุกท่วม และมีร่างของเพื่อนทั้งสี่ติดอยู่ในนั้น เป็นภาพที่หลอกหลอนเขามาตลอด
เมื่อครั้งงานศพ บรรดาญาติ พ่อแม่และสามีคนตายต่างจ้องมองเขาอย่างระแวงสงสัยที่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมา แม้แต่ตำรวจ เขาก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งเขาถูกเชิญให้มาสอบปากคำหลายครั้งว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับการฆาตกรรมครั้งนี้ แต่กานต์ก็เล่าความจริงทุกอย่าง จนเมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัวเขา ตำรวจจึงต้องปล่อยตัว
แต่ฝันร้ายและความรู้สึกผิดเผาผลาญจิตใจของชายหนุ่มตลอดมา เขาอยากจะย้อนวันเวลาเหล่านั้น อยากจะขอโทษภา อยากจะขอโทษเพื่อนๆ แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
หรือนี่คือการแก้แค้นอีกรูปแบบหนึ่ง ความทรมานที่กัดกร่อนกินใจให้เขาตายไปช้าๆ กับความรู้สึกผิด กับคำขอโทษที่เขาไม่ได้พูดออกไปในตอนนั้น และเขาไม่สามารถหันหน้าไปปรึกษาใครได้ เพราะเขาไม่มีเพื่อน ไม่มีใครที่เขาจะหันหน้าไปคุยไปปรับทุกข์ด้วยได้ เขารู้ซึ้งถึงความเหงาอย่างจับจิตจับใจในตอนนี้แล้ว
กานต์หาทางออกด้วยการเที่ยวเตร่มากขึ้น ผู้หญิงที่เขาคุยด้วยหล่อนก็สนใจแค่อยากให้เขาพาไปช้อปปิ้ง หรือซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด แต่หลังจากที่เขาซื้อมาปรนเปรอเอาใจ เจ้าหล่อนก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมัน ปล่อยให้เขากระดกเหล้าลงคอ
เขาเปลี่ยนผู้หญิงอีกคน ท่าทางหล่อนมีความรู้และน่าจะมีวุฒิภาวะพอจะคุยกับเขาได้ แต่หล่อนก็ไม่อยากฟังเรื่องของเขา มันไม่บันเทิงสำหรับหล่อน
บ่อยครั้งที่กานต์รู้สึกเครียดจนคล้ายแน่นหน้าอก เขาอยากจะพูดบอกใครสักคน เผื่อว่าสิ่งที่คับข้องอยู่ในใจจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง มองไปรอบตัวตอนนี้เขาต้องถามตัวเองว่าเขามีใคร เขาไม่มีใครเลยนอกจาก ยงยุทธ กับสุดา ไม่หรอก คนพวกนั้นเป็นลูกน้อง ลูกน้องที่เจ้านายอย่างเขาจะต้องวางฟอร์ม ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้เห็น
กานต์ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ดึกสงัดแล้ว แต่เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากไปจมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่เงียบเหงา แม้วันนี้เขาจะไปเคารพอัฐิของเพื่อนและกล่าวคำขอโทษ อย่างที่เขาต้องการจะกล่าวเป็นร้อยครั้งพันครั้ง แต่มันไม่สามารถดึงทุกอย่างกลับมาได้
ชายหนุ่มเริ่มปวดศีรษะตุ้บๆ กับความเครียด เขาร้องไห้ออกมา ใครบางคนบอกว่าน้ำตาช่วยได้ แต่มันไม่จริงเลย ดวงตาที่พร่าพรายทำให้เขาขับรถต่อไปอีกไม่ได้ กานต์จอดรถแอบเข้าข้างทางซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของสะพานพระรามเก้า เขาไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ดึกแล้วรถไม่ขวักไขว่เหมือนตอนกลางวัน เขาก้าวลงจากรถไปยืนที่ริมสะพานมองลงไปยังเบื้องล่าง สายน้ำอันมืดมิดของเจ้าพระยา
เสียงหนึ่งก้องอยู่ในโสต
‘ไม่ยุติธรรม ทำไมนายรอดอยู่คนเดียว ในขณะที่พวกเราต้องตาย ทำไมนายรอดอยู่คนเดียว ทั้งที่นายก็ทำเลวกับภามากกว่าพวกเรา ทำไม ทำไม’
กานต์น้ำตาไหลพราก เขากระซิบตอบเสียงในหัวของเขาไปว่า ‘ฉันก็ไม่ได้อยากรอด เพื่อมาทรมานเช่นนี้ พวกเธอไม่รู้หรอกว่า การมีชีวิตรอดอยู่กับความรู้สึกผิดมันทรมานเพียงไหน’
“ลาก่อน ชีวิตนี้” เสียงใครคนหนึ่งแว่วมา กานต์หันไปมองอย่างตกใจ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ราวสะพานห่างออกไป
“พี่ ! ทำอะไรน่ะ” กานต์รีบตะโกนห้าม แล้วก้าวเท้าไปหา ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาทำเช่นนั้น ปกติเขาไม่ยุ่งเรื่องของใคร
“เฮ้ย ! อย่ามายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“พี่กำลังจะกระโดดน้ำหรือ” ถามออกไปแล้วก็ใจหายระคนหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ระทึกตรงหน้า