รักภักดิ์ดี (8)

กระทู้สนทนา


ชลัน

               บทที่ 8 ความผิดสีขาว

               หลังจากกลับมาจากวังน้ำเขียวทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับจิมมี่ยังไม่มีใครรู้นอกจากผู้บริหารอีกสองคนและพริมาที่เป็นพนักงานอีกหนึ่งคน จิมมี่ขอทุกคนว่าอย่าเพิ่งบอกใคร อยากให้กานณดาฝึกงานจบเสียก่อนเขาถึงจะเปิดเผยความสัมพันธ์ ทุกคนรับปากและจะปิดเป็นความลับเอาไว้อย่างดี

              พอกานณดาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมเดียวกันกับเขาแถมห้องยังติดกันอีก หนุ่มลูกครึ่งก็อาสารับหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้หญิงสาวนั่งไปทำงานด้วยทุกวัน ตอนเย็นก็กลับพร้อมกัน หากวันไหนจิมมี่งานยุ่งเธอก็ขอกลับมาก่อน หรือไม่ก็อยู่รอกลับพร้อมกันเลย เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ชายหนุ่มรอรับเด็กฝึกงานคนพิเศษไปด้วย

                "เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ไปกันเถอะพี่จิม" กานณดาส่งข้อความบอกคนข้างห้อง หล่อนแต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมไปทำงานในเช้าอันสดใส ก่อนจะเปิดประตูออกมาปะทะกัน สาวเจ้ายืนตรงหน้าแฟนหนุ่ม แค่เพียงมองหน้าก็ทำให้หล่อนหวั่นไหวไม่รู้จบ "วันนี้พี่จิมแต่งตัวเนี้ยบจังค่ะ หล่อน่ะ" กานณดาชมจากใจตามสิ่งที่ตาเห็น ยิ้มขำกับคำชมของตน พอตกลงคบกันหญิงสาวก็กล้าพูดในสิ่งที่ใจคิดกับเขามากขึ้น

               "วันนี้พี่ต้องเข้าไปพบลูกค้ารายใหญ่เรื่องการพิตชิ่งงาน พี่เลยต้องแต่งตัวให้ดูดี เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่เริ่มแรกที่คุยงาน" ชายหนุ่มอธิบายขณะเดินไปยังลิฟต์ด้วยกัน กานณดาพยักหน้าเข้าใจ "จริง ๆ เรื่องแค่นี่กานต์เองก็น่าจะรู้"

                  "อ้าวว่ากานต์เฉย" คนในชุดนักศึกษาทำงอน ทว่าเป็นไปในแนวทางขำขัน บทจะอยากว่าก็ว่าออกมาตรง ๆ

                "เปล่า... หาเรื่องเค้าอีกแล้วตัวเองน่ะ นี่รู้มั้ยว่าเป็นผู้หญิงต้องดูแลตัวเองอยู่ตลอดเวลา คนอื่นเขาจะได้มองแล้วดูสดชื่น ดูอย่างนาราสิ รายนั้นไปทางไหนก็มีแต่คนมอง สนใจ ผู้หญิงคือสิ่งสวยงามของโลกใบนี้"

                 "พี่นาราสวยอยู่แล้วไงคะ ทำยังไงก็สวย" คนที่เห็นว่าการแต่งตัวไม่สำคัญเถียง แค่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ผมเพ้าไม่รุงรังเท่านี้ก็คงอยู่ในสังคมได้หล่อนคิด

                 "ผู้หญิงน่ะสวยทุกคน อยู่ที่มุมมองและการนำเสนอต่างหาก" เขาว่า ตอนนี้ออกจากลิฟต์แล้วและกำลังเดินไปที่รถ จิมมี่เห็นว่ากานณดาตั้งใจฟังจึงพูดต่อด้วยความหวังดี พร้อมให้คำเสนอแนะ "ถ้ากานต์มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ กล้าคิดกล้าทำมันจะดีต่อตัวน้องกานต์มากนะ เพราะงานที่พวกเราทำอยู่เป็นงานที่ต้องกล้าแสดงความคิด และพี่อยากให้ปรับการแต่งตัวนิด ๆ เฉพาะวันทำงานน่ะ ก็เพราะงานสายนี้ต้องเจอคนมากมายเขาก็จะมองเราจากภายนอกก่อน และนี่คือเหตุผลที่พี่ต้องแต่งตัวเนี้ยบแบบนี้ไงล่ะ"
                 
               ว่าแล้วก็ยกมือวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ถึงไม่แต่งตัวอะไรมากมายอย่างที่เขาพูด สาวเจ้าก็ทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ทว่าที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องของงานล้วน ๆ เพราะการแต่งตัวก็มีส่วนให้ได้งานดี ๆ มาเหมือนกัน

              "วันนี้ตอนเช้าพี่จิมต้องไปพบลูกค้าใช่มั้ยคะ" หล่อนถามย้ำขณะนั่งอยู่ในรถไปฝึกงานกับเขา คนรับหน้าที่เป็นสารถีพยักหน้า "กานต์ขอไปพบลูกค้าด้วยได้มั้ยคะ" กานณดามองเห็นโอกาสที่จะหาข้อมูลให้กับชยุต

              คำขอนั้นง่ายแสนง่าย แต่คำตอบนั้นยากแสนยาก เพราะเป็นความลับของบริษัทเลยก็ว่าได้

.....

                 บ่ายวันนี้มีประชุมอีกครั้งหลังจากที่ผู้บริหารทั้งสามกลับจากพบลูกค้า และหล่อนก็ได้เข้าประชุมด้วยอีก กานณดาพยายามเก็บข้อมูลมาให้มากที่สุด หญิงสาวแอบบันทึกเสียงของการประชุมในครั้งนี้เอาไว้ด้วย นึกเสียดายที่ประชุมครั้งก่อนตนไม่ได้บันทึกไว้รอบนี้จึงไม่พลาด เมื่อประชุมเสร็จหลังจากออกจากห้องประชุม สิ่งแรกที่หญิงสาวจะต้องทำ คือ รายงานชยุต ครั้นจะรอรายงานทีเดียวตอนเลิกงานเลย เกรงว่าตนจะลืมหมดเสียก่อน  

                กานณดาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหมายจะส่งข้อความหาเพื่อนพี่ชาย ทว่ามัวแต่เดินก้มพิมพ์ข้อความไม่ดูทางจนทำให้ชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง ทำให้โทรศัพท์มือถือของหล่อนหล่นลงพื้น ผลลัพธ์คือหน้าจอแตกแยกชิ้นส่วนและเครื่องดับ

                "อุ้ยขอโทษค่ะพี่กรณ์เจ็บมั้ย กานต์มัวแต่ก้มดูโทรศัพท์มากไปหน่อย" กานณดาพูดขอโทษอลงกรณ์เพื่อนรุ่นพี่ สาวเจ้ายิ้มแหย ๆ ให้อย่างรู้สึกผิด

                "พี่น่ะไม่เป็นไร แต่เราสิเป็นไรหรือเปล่าแยกชิ้นส่วนขนาดนั้น" ชายหนุ่มว่า กานณดาอ้าปากค้าง เมื่อมองเห็นโทรศัพท์มือถือของตนแตกกระจายอยู่ที่พื้น หญิงสาวทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะร้องแหล่มิร้องแหล่จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก แต่หล่อนมั่นใจว่าหากให้เลือกก็อยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ มากกว่า โทรศัพท์เครื่องนี้กว่าจะเก็บเงินซื้อมาได้ กันตภณให้ทำงานในไร่แลกมา ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำแค่ไหนกว่าจะได้รุ่นนี้มา
               
              "ฮือ... หน้าจอดับเลย แตกด้วย" กานณดาโอดครวญ ถึงมันจะตกรุ่นไปแล้วก็เถอะ มันก็ยังแพงมากสำหรับหล่อนอยู่ดี หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม น้ำตาซึมให้กับโทรศัพท์มือถือเครื่องรักที่มันเคยราคาแพงมากในสมัยที่หล่อนซื้อมาสำหรับคนที่ไม่มีรายได้อย่างตน อีกทั้งกังวลเรื่องของชยุตอีก เขาและหล่อนจะติดต่อกันอย่างไร  ยังไม่อยากขอเงินพี่ชายซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่
              
               "ไหนพี่ดูหน่อย มันอาจซ่อมได้น่าอย่าเพิ่งคิดมากเลย แต่ว่าน้องกานต์ต้องไปเปลี่ยนฟิล์มใหม่นะ มันซ่อมได้เดี๋ยวจะลองเอาไปให้พี่ซีดูให้ พี่แกเคยเป็นช่างซ่อมโทรศัพท์มาก่อนน่ะ" อลงกรณ์อาสาเอาไปซ่อมให้ด้วยความหวังดีแกมเสน่ห์หา เด็กฝึกงานคนนี้ช่างน่ามองที่สุด แต่พอนึกถึงสายตาของจิมมี่ที่มองตนราวกับเคยเป็นคู่อริกันมาก่อนก็สยองขึ้นมาดื้อ ๆ เขาอยากจะคิดว่า สองคนนี้ต้องมีอะไรเกินกว่าเด็กฝึกงานกับคนสอนงานแน่ ๆ

              "ไม่เป็นไรค่ะพี่กรณ์ เดี๋ยวกานต์เอาไปซ่อมเอง" หล่อนเกรงใจ

              "งั้นก็ตามใจ" ชายหนุ่มว่า ก่อนจะขอตัวไปทำงานในส่วนของตน และกานณดาก็เดินคอตกไปห้องทำงานของจิมมี่เหมือนกัน ชายหนุ่มยังไม่ออกมาจากห้องประชุม เพราะอยู่คุยงานกันสามคนต่ออีกแค่เพียงผู้บริหารเท่านั้น หล่อนอยากรู้นักว่าคุยอะไรกัน แต่นาราภัทรไม่ยอมให้ใครอยู่เลยสักคน

               ร่างบางในชุดนักศึกษานั่งหน้าหงอยอยู่คนเดียว พยายามกดเปิดแล้วกดเปิดอีกมันก็ไม่ติดสักที ไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามา หล่อนจึงเลิกยุ่งกับมัน ทว่าใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของสาวเจ้าทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาจับสังเกตได้

               "น้องกานต์หงุดหงิดอะไรเหรอ คิดถึงพี่เหรอ ขอโทษมาช้าไปนิดนึงน่า นี่รีบสุด ๆ แล้วนะ" ชายหนุ่มหาเรื่องแหย่แฟนสาว ตั้งแต่กลับจากวังน้ำเขียวด้วยกัน รู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวของเขามันดูง่ายและมีแต่ความสบายใจไปเสียหมด

              "คิดเองเออเองสุด ๆ" หญิงสาวตอบ

             "อ๋อไม่คิดถึงเค้าเลยว่างั้น" ชายหนุ่มถามส่วนเจ้าตัวเงียบไม่ยอมตอบ ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพียงเห็นว่าเธอกำลังทำหน้าเหมือนเบื่อโลกอยู่ แค่อยากแหย่ให้ยิ้มเท่านั้น "สรุปแล้วน้องกานต์เป็นอะไร ถึงหน้าบูดขนาดนั้น"

              "มือถือกานต์พัง เดินชนกับพี่กรณ์แล้วมันร่วงลงพื้นน่ะ เปิดไม่ติดเลยค่ะ ไม่กล้าขอเงินพี่กันต์ซื้อเครื่องใหม่ด้วย" กานณดาเล่าความทุกข์ใจของตนออกมาให้เขาฟัง

             "พี่ซื้อเครื่องใหม่ให้เอามั้ย"

             "ไม่ค่ะ... กานต์อยากซ่อม มันยังดีอยู่เลย" หล่อนปฏิเสธเสียงแข็ง สาวเจ้ารู้ว่าเขาทำจริงอย่างที่พูด ทว่าหล่อนไม่อยากให้เขาเสียเงินโดยใช่เหตุ อีกอย่างก็อยากจะซ่อมมันให้ถึงที่สุดก่อน

              "ไหนขอพี่ดูหน่อย" จิมมี่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอมาดูพลิกไปพลิกมา ลองกดเปิดดูแต่ไม่ติด "เดี๋ยวพี่ลองเอาไปให้ฝ่ายพร็อพดูให้" ชายหนุ่มหมายถึงฝ่ายอุปกรณ์ประกอบฉาก "ในนั้นมีหนึ่งคนที่เคยเป็นช่างมาก่อน"

               "ชื่อพี่ซีหรือเปล่าคะ"

               "ใช่ ทำไมกานต์รู้" หนุ่มลูกครึ่งหรี่ตามองคนตรงหน้า เพราะเขายังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นใคร ก็คงไม่แปลกหากจะรู้ อาจจะเคยคุยกันมาบ้างแล้ว

                   "อ้อ พี่กรณ์บอกกานต์ค่ะ แต่กานต์ปฏิเสธว่าจะเอาไปซ่อมเอง" หญิงสาวว่า

               "ไม่ต้องเอาไปซ่อมเองให้เปลืองตังค์ในกระเป๋า มาเดี๋ยวพี่เอาไปให้ซีซ่อมให้" สุดท้ายกานณดาก็ยอมให้เขานำโทรศัพท์มือถือไปซ่อม "พรุ่งนี้น่าจะได้ เพราะแผนกนั้นก็ไม่ค่อยจะว่าง หรือไม่ก็อาจมากกว่าหนึ่งวันนะ แล้วน้องกานต์มีโทรศัพท์ใช่มั้ย" จิมมี่ถาม หญิงสาวส่ายหน้า เขานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเปิดลิ้นชักนำโทรศัพท์ของออฟฟิศให้เธอใช้ไปก่อน  "เครื่องนี้เป็นโทรศัพท์ของแผนกเรา พี่ไม่ได้ใช้น่ะ กานต์เอาไปใช้ก่อน เผื่ออยากโทรหาที่บ้าน" เขายื่นให้

                กานณดามองโทรศัพท์ในมือของคนตรงหน้าอย่างชั่งใจ แต่ก็คิดว่าดีกว่าไม่มีใช้ อย่างน้อยก็เอาไว้ใช้ติดต่อกับชยุต รายนั้นไม่ชอบให้พิมพ์เป็นข้อความ ชอบโทรคุยมากกว่า

              "แต่มันเป็นของออฟฟิศนะคะ" ถึงอย่างไรก็นึกเกรงใจอยู่ดี ทำให้หล่อนไม่สบายใจนัก

               "พี่อนุญาตแล้วน่า เอาไปใช้เถอะ อยากโทรไปไหนก็ตามใจเพราะยังไงมันก็จ่ายเหมาเป็นรายเดือนอยู่แล้ว ขออย่างเดียว อย่าโทรไปต่างประเทศกับโทรหาผู้ชายคนอื่นนอกจากพี่ก็พอ แล้วในฐานะที่ให้ยืมโทรศัพท์ ก็อย่าลืมโทรมาบอกฝันดีพี่ทุกคืนด้วยล่ะ เข้าใจมั้ย" จิมมี่พูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ให้เธอ

               "กานต์ไม่โทรหาคนอื่นหรอกค่ะ จะให้กานต์โทรหาใครอีก ก็มีอยู่คนเดียวแถมมีมานานแล้วด้วย" หล่อนตอบยิ้ม ๆ ทั้งหัวใจตอนนี้ก็มีเพียงคนที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น

                จิมมี่กระตุกยิ้มที่มุมปาก "แฟนพี่น่ารักจัง" พูดจบเขาก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ต่างคนต่างทำงานของตนเอง

             กานณดานั่งมองโทรศัพท์มือถือในมือของตนเอง หล่อนไม่กล้าบันทึกเบอร์ของใครเอาไว้ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ของชยุต โชคดีที่จดเบอร์ของเขาเอาไว้ในสมุดพกเล่มเล็กและพกไปไหนมาไหนตลอด ร่างบางเหลือบมองจิมมี่เห็นว่าเขากำลังเข่งขรึมอยู่กับเอกสารตรงหน้า นี่เป็นโอกาสดีที่สาวเจ้าจะส่งข้อความหาชยุต ป่านนี้เขาคงโทรหาหล่อนหรือไม่ก็ไลน์หารัว ๆ แล้วเพราะติดต่อไม่ได้

                 กานต์ : 'พี่ยุตคะ นี่เบอร์ของกานต์เองนะคะ พอดีโทรศัพท์ของกานต์พังค่ะ พี่จิมเลยให้ยืมเครื่องของออฟฟิศ' หล่อนพิมพ์เมสเสจไปบอกเขา

               ชยุต : 'ว่าแล้ว นึกว่าเกิดอะไรขึ้นติดต่อไม่ได้ พี่นึกห่วงแทบแย่ค่ะ เอ่อน้องกานต์ เย็นนี้ว่างมั้ยคะ มาเจอกับพี่หน่อย' เขาพิมพ์เมสเสจตอบกลับมาเช่นกัน

              กานต์ :  'คงไม่ได้ค่ะพี่ยุต เพราะกานต์กลับกับพี่จิม แถมห้องยังติดกันอีกด้วย บังเอิญมากค่ะ กานต์กลัวพี่จิมสงสัย เดี๋ยวกลับถึงห้องกานต์โทรหานะคะ'

             ชยุต : 'เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แล้วพี่จะรอ'

.....

              สองทุ่มกานณดาโทรหาชยุตตามนัด หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย "กานต์ส่งตารางงานของนาราสุที่พี่ยุตขอให้ในแช็ตแล้วนะคะ" หญิงสาวบอก ปากกำลังคุยโทรศัพท์ มืออีกข้างก็กำลังกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ส่งข้อมูลไปให้ในแช็ตของเฟซบุ๊ก

               "ดีมากค่ะน้องกานต์ อยากได้อะไรเป็นรางวัลหรือเปล่าเรา" ชยุตว่า "พี่ยุตอยากรู้ว่าตอนนี้นาราสุเป็นยังไงบ้าง" ชายหนุ่มเปิดดูตารางงานที่หญิงสาวส่งมาให้ มือหนึ่งก็กำลังถือสายคุยโทรศัพท์อยู่ ตาลุกวาวเมื่อเห็นว่านาราสุมีงานเข้ามาเรื่อย ๆ กระตุกยิ้มที่มุมปาก ตอนนี้เท่ากับรู้จำนวนงานและความเคลื่อนไหวคร่าว ๆ ของบริษัทนาราสุ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่