ศตายุ และ ภาคินี ความสัมพันธ์ของคนคู่นี้เริ่มต้นด้วยการ "ยี้" ถึงขั้นสุด
สำหรับศตายุ ภาคินี คือ คุณหนูไฮโซ เริ่ดเชิ่ด เหวี่ยงวีน รู้จักแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่รู้จักความต้องการของคนอื่น ที่ของภาคินีคือบนหอคอยงาช้าง และ ก็ควรจะสถิตย์อยู่ตรงนั้นแหละ ... จะได้ไม่เป็นภาระสังคม สำหรับภาคินี ศตายุ คือ ผู้ชายปากจัด ไร้มารยาท โหวกเหวกโวยวาย ไม่รู้จัก กิ่งก้อยหัวแม่มือเลยซักนิด ใครนายจ้าง ใครลูกจ้าง หมอนี่จะรู้จักคำนี้ไหม เก็บปากตะไกรใส่ตะกร้อไว้เหอะ ไม่เป็นภาระบริษัท ลิ่มแห่งความแตกร้าวเริ่มต้องย้ำลึกลงไปอีก เมื่อศตายุได้รู้รส "ชั้นเชิงธุรกิจ" ของสุทธกานต์ ศตายุคับแค้นใจยิ่งนักที่ช่วยอะไรเคทไม่ได้ ส่วนภาคินีมองศตายุเป็ยภัยคุกคามของพี่ชายที่รัก
แต่ในความ "ยี้" ทั้งคู่ต่างมี professionalism เพียงพอ ที่จะก้มหน้าก้มตาทำงาน เมื่อแรกเริ่มความขัดแย้งยังแหลมคม ศตายุมักจะหงุดหงิดและปฏิเสธการเข้ามาของภาคนีเสมอ ๆ ส่วนภาคินี ... ถึงจะเป็นนักธุรกิจที่เขี้ยวและคมแต่เธอก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรนัก ยังคงมีความสงสารและเห็นใจให้กับศตายุอยู่ ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่ได้จะถือสาหาความอะไรกับการช่างหาเรื่องของนายปุ๊ ศตายุ และ อดรู้สึกไม่ได้เหมือนกันว่าอันที่จริงหมอนี่มันก็มีอะไรขำ ๆ ดี และ ยิ่งทำให้ตานี่สงบลงได้เร็วเท่าไหร่ ภาระที่ตกหนักกับพี่ชายก็จะยิ่งคลี่คลายลงได้เร็วเท่านั้น
เมื่อดีดลูกคิดรางแก้วเรียบร้อยแล้ว ... ดีกับผู้ชายคนนี้หน่อยก็คงไม่เสียหลายละน่า
เมื่อเจอกันบ่อยครั้งเข้า "ธาตุ" ที่เหมือนกันของทั้งคู่ก็เริ่มฉายชัดมาให้เห็น ศตายุได้เห็นว่าภายใต้อวจนะภาษาของภาคินีที่ดูเป็นเซเลปไฮโซ ผู้หญิงคนนี้เป็นนักสู้ และ นักเสี่ยง เสื้อผ้าหน้าผมของเธออาจจะดูเลิศลอยแต่เธอสามารถลงเรือ เดินท้องร่อง แน่ล่ะ มันดูขัดเขิน และ ไม่เคย แต่ ภาคินีก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไรกับมัน ดูกลมกลืนกับสถานที่ ทั้งที่สรรพสิ่งบนเนื้อตัวเธอมันโดดเด้งออกจากทัศนียภาพ และ สุดท้ายเธอก็สามารถพาร่างในชุดหรูกระเป๋าแพง ยืนนั่งเดิน ในกระท่อมมุงจากแบบเป็นธรรมชาติ สบาย ๆ ติดดินได้ พอ ๆ กับที่ศตายุติดดินเหมือนกันนั่นแหละ ในทางกลับกันภาพของศตายุในใจของภาคินีก็เปลี่ยนไปทีละน้อย จากภาพผู้ชายวาจากระโชกโฮกฮากไม่รู้จักมารยาท แท้จริง ๆ เขาก็ไม่ต่างอะไรจากเธอ เป็นคนที่คิดอะไรพูดอย่างนั้น ตรงไปตรงมา ใช่คือใช่ ไม่คือไม่ ชอบก็ชอบ เกลียดก็เกลียด แถมดูมีอารมณ์ขัน และ ความคิด "ทัน" กันอยู่ไม่น้อย ที่สำคัญ "แมน" พอ ๆ กัน
จากตรงนี้นี่เองที่ความสัมพันธ์แบบ "อริที่รัก" ได้เริ่มต้น
คงจริงที่ความขัดแย้งของศตายุกับ "สุทธกานต์" ยังคงอยู่ แต่บัดนี้ "ภาพ" ของศตายุ กับ ภาคินี ในสายตาของกันและกัน ได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ภายนอกจะต่างกันคนละขั้ว แต่แท้ที่จริงแล้วนิสัย ไม่ได้ต่างกันเลย เมื่อได้ปฏิบัติต่อกันด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น สำหรับศตายุแล้ว ภาคินีกลายเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนคุย กล้าพอที่จะลากหล่อนลงมาจากหอคอยงาช้างเพื่อเล่นสนุกโลดโผนด้วยกัน อย่างที่ไม่เคยทำกับใคร "แม้แต่กับเคท" สำหรับเคทแล้ว ปุ๊ทั้งรักทั้งบูชา ทุกอย่างก้าวคือความอ่อนโยน ดูแล ใส่ใจ แต่ปุ๊แสดงทั้งหมดของตัวเองหรือไม่ เปล่า ... ก็มีเพียงด้านอ่อนหวานใช่ไหมล่ะ
แต่ตัวจริงของปุ๊เป็นยังไง ความเกรียน โลดโผนโจนทะยาน วาจาเลี้ยวลด จิกกัด ที่เหมือนพูดกับแม่ แม่ที่เห็นตัวจริงของปุ๊มาตั้งแต่เด็ก บัดนี้ปุ๊ทำแบบนั้นกับใคร ก็จะใครถ้าไม่ใช่ "ภา" ไม่ปุ๊เองก็ไม่เฉลียวใจเลยว่า เมื่ออยู่กับ "ภา" เขาเป็นตัวเองได้มากแค่ไหน มากพอ ๆ กับการอยู่กับแม่เลยด้วยซ้ำ ทุกวันนี้โลกของปุ๊ไม่ได้มีแต่เคท เรื่องที่ปุ๊เล่าให้แม่คนที่ใกล้ชิดที่สุดไม่ใช่แค่เคทอีกต่อไป แต่มีชื่อ "ภาคินี สุทธกานต์" ติดอยู่ที่ริมฝีกปากบ่อยครั้ง ถึงขั้นอวดโอ้ด้วยซ้ำ ว่าไม่มีใครกล้าทำกับภาเหมือนที่เขาทำ ...
ใช่เลย ไม่มีใครกล้ากับ "ภา" ทั้ง ๆ ที่ "ภา" ก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากบุคคลทั่วไป เธอเล่นได้ เธอสนุกได้ เพียงแต่ไม่มีใครที่จะกล้าอาจเอื้อม เมื่อศตายุทะลุกรอบตรงนั้นเข้ามา เราจึงได้เห็นอีกด้านหนึ่ง นอกจากมาดเปรี้ยวจี๊ดของ working woman คนเก่ง เธอพลาดได้ ตลกได้ เฮฮาได้ และ แสดงออกได้ว่าภายใต้คราบที่เหมือนคนไม่ติดดิน เธอติดดินได้แค่ไหน ผ่อนคลายได้แค่ไหน และ เธอจริงใจได้แค่ไหน
ฟันเฟืองแห่งความสัมพันธ์เคลื่อนที่ไป สิ่งที่เปลี่ยนไปคงไม่มีทางจะย้อนกลับได้อีก
ไม่ทันไรจากอริ กลายเป็น frienemy และ จาก frienemy ดูมีเค้าลางจะกลายเป็น อริที่รักเสียแล้ว
ต่อให้หนีอย่างไร ไปให้แสนสุดไกล แต่สุดท้ายเธอก็ยัง
อยู่ในความคิดและหัวใจ อยากจะหนีอย่างไร ก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรักเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก ที่รักของฉัน
เล่ห์รตี : ศตายุ ภาคินี beloved frienemy เพื่อนอริที่รัก
สำหรับศตายุ ภาคินี คือ คุณหนูไฮโซ เริ่ดเชิ่ด เหวี่ยงวีน รู้จักแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่รู้จักความต้องการของคนอื่น ที่ของภาคินีคือบนหอคอยงาช้าง และ ก็ควรจะสถิตย์อยู่ตรงนั้นแหละ ... จะได้ไม่เป็นภาระสังคม สำหรับภาคินี ศตายุ คือ ผู้ชายปากจัด ไร้มารยาท โหวกเหวกโวยวาย ไม่รู้จัก กิ่งก้อยหัวแม่มือเลยซักนิด ใครนายจ้าง ใครลูกจ้าง หมอนี่จะรู้จักคำนี้ไหม เก็บปากตะไกรใส่ตะกร้อไว้เหอะ ไม่เป็นภาระบริษัท ลิ่มแห่งความแตกร้าวเริ่มต้องย้ำลึกลงไปอีก เมื่อศตายุได้รู้รส "ชั้นเชิงธุรกิจ" ของสุทธกานต์ ศตายุคับแค้นใจยิ่งนักที่ช่วยอะไรเคทไม่ได้ ส่วนภาคินีมองศตายุเป็ยภัยคุกคามของพี่ชายที่รัก
แต่ในความ "ยี้" ทั้งคู่ต่างมี professionalism เพียงพอ ที่จะก้มหน้าก้มตาทำงาน เมื่อแรกเริ่มความขัดแย้งยังแหลมคม ศตายุมักจะหงุดหงิดและปฏิเสธการเข้ามาของภาคนีเสมอ ๆ ส่วนภาคินี ... ถึงจะเป็นนักธุรกิจที่เขี้ยวและคมแต่เธอก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรนัก ยังคงมีความสงสารและเห็นใจให้กับศตายุอยู่ ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่ได้จะถือสาหาความอะไรกับการช่างหาเรื่องของนายปุ๊ ศตายุ และ อดรู้สึกไม่ได้เหมือนกันว่าอันที่จริงหมอนี่มันก็มีอะไรขำ ๆ ดี และ ยิ่งทำให้ตานี่สงบลงได้เร็วเท่าไหร่ ภาระที่ตกหนักกับพี่ชายก็จะยิ่งคลี่คลายลงได้เร็วเท่านั้น
เมื่อเจอกันบ่อยครั้งเข้า "ธาตุ" ที่เหมือนกันของทั้งคู่ก็เริ่มฉายชัดมาให้เห็น ศตายุได้เห็นว่าภายใต้อวจนะภาษาของภาคินีที่ดูเป็นเซเลปไฮโซ ผู้หญิงคนนี้เป็นนักสู้ และ นักเสี่ยง เสื้อผ้าหน้าผมของเธออาจจะดูเลิศลอยแต่เธอสามารถลงเรือ เดินท้องร่อง แน่ล่ะ มันดูขัดเขิน และ ไม่เคย แต่ ภาคินีก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไรกับมัน ดูกลมกลืนกับสถานที่ ทั้งที่สรรพสิ่งบนเนื้อตัวเธอมันโดดเด้งออกจากทัศนียภาพ และ สุดท้ายเธอก็สามารถพาร่างในชุดหรูกระเป๋าแพง ยืนนั่งเดิน ในกระท่อมมุงจากแบบเป็นธรรมชาติ สบาย ๆ ติดดินได้ พอ ๆ กับที่ศตายุติดดินเหมือนกันนั่นแหละ ในทางกลับกันภาพของศตายุในใจของภาคินีก็เปลี่ยนไปทีละน้อย จากภาพผู้ชายวาจากระโชกโฮกฮากไม่รู้จักมารยาท แท้จริง ๆ เขาก็ไม่ต่างอะไรจากเธอ เป็นคนที่คิดอะไรพูดอย่างนั้น ตรงไปตรงมา ใช่คือใช่ ไม่คือไม่ ชอบก็ชอบ เกลียดก็เกลียด แถมดูมีอารมณ์ขัน และ ความคิด "ทัน" กันอยู่ไม่น้อย ที่สำคัญ "แมน" พอ ๆ กัน
คงจริงที่ความขัดแย้งของศตายุกับ "สุทธกานต์" ยังคงอยู่ แต่บัดนี้ "ภาพ" ของศตายุ กับ ภาคินี ในสายตาของกันและกัน ได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ภายนอกจะต่างกันคนละขั้ว แต่แท้ที่จริงแล้วนิสัย ไม่ได้ต่างกันเลย เมื่อได้ปฏิบัติต่อกันด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น สำหรับศตายุแล้ว ภาคินีกลายเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนคุย กล้าพอที่จะลากหล่อนลงมาจากหอคอยงาช้างเพื่อเล่นสนุกโลดโผนด้วยกัน อย่างที่ไม่เคยทำกับใคร "แม้แต่กับเคท" สำหรับเคทแล้ว ปุ๊ทั้งรักทั้งบูชา ทุกอย่างก้าวคือความอ่อนโยน ดูแล ใส่ใจ แต่ปุ๊แสดงทั้งหมดของตัวเองหรือไม่ เปล่า ... ก็มีเพียงด้านอ่อนหวานใช่ไหมล่ะ
แต่ตัวจริงของปุ๊เป็นยังไง ความเกรียน โลดโผนโจนทะยาน วาจาเลี้ยวลด จิกกัด ที่เหมือนพูดกับแม่ แม่ที่เห็นตัวจริงของปุ๊มาตั้งแต่เด็ก บัดนี้ปุ๊ทำแบบนั้นกับใคร ก็จะใครถ้าไม่ใช่ "ภา" ไม่ปุ๊เองก็ไม่เฉลียวใจเลยว่า เมื่ออยู่กับ "ภา" เขาเป็นตัวเองได้มากแค่ไหน มากพอ ๆ กับการอยู่กับแม่เลยด้วยซ้ำ ทุกวันนี้โลกของปุ๊ไม่ได้มีแต่เคท เรื่องที่ปุ๊เล่าให้แม่คนที่ใกล้ชิดที่สุดไม่ใช่แค่เคทอีกต่อไป แต่มีชื่อ "ภาคินี สุทธกานต์" ติดอยู่ที่ริมฝีกปากบ่อยครั้ง ถึงขั้นอวดโอ้ด้วยซ้ำ ว่าไม่มีใครกล้าทำกับภาเหมือนที่เขาทำ ...
ใช่เลย ไม่มีใครกล้ากับ "ภา" ทั้ง ๆ ที่ "ภา" ก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากบุคคลทั่วไป เธอเล่นได้ เธอสนุกได้ เพียงแต่ไม่มีใครที่จะกล้าอาจเอื้อม เมื่อศตายุทะลุกรอบตรงนั้นเข้ามา เราจึงได้เห็นอีกด้านหนึ่ง นอกจากมาดเปรี้ยวจี๊ดของ working woman คนเก่ง เธอพลาดได้ ตลกได้ เฮฮาได้ และ แสดงออกได้ว่าภายใต้คราบที่เหมือนคนไม่ติดดิน เธอติดดินได้แค่ไหน ผ่อนคลายได้แค่ไหน และ เธอจริงใจได้แค่ไหน
ไม่ทันไรจากอริ กลายเป็น frienemy และ จาก frienemy ดูมีเค้าลางจะกลายเป็น อริที่รักเสียแล้ว
อยู่ในความคิดและหัวใจ อยากจะหนีอย่างไร ก็คงทำไม่ได้
ต้องยอมรักเธอใช่ไหม ศัตรูที่รัก ที่รักของฉัน