[ประสบการณ์] ・JAPAN FIRST TIME・ ญี่ปุ่นครั้งแรกกับทุนทัศนศึกษา 15 วันและมิตรภาพต่างแดน



สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านนะคะ นี่เป็นกะทู้แรกของเราและเกิดจากความกระหายอยากแบ่งปันล้วนๆค่ะ
ถ้ามีการใช้คำ ใช้ภาษาไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


จขกท. เพิ่งจบชั้นม.ปลายค่ะ ตอนนี้ได้มหาลัย มีที่เรียนแล้วหลังจากรอแอดมิดชั่นมาหลายเดือน (หนูทำได้แล้วค่ะแม่ TwT)
เลยว่างๆ อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับการไปญี่ปุ่นครั้งแรกที่ไม่รู้ลืมของตัวเองค่ะ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราเพิ่งขึ้นชั้นม.6ใหม่ๆ ความอยากในการตั้งกะทู้นี้คือ "คิดถึงเพื่อนๆและเรื่องราวดีๆใน 15 วันที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น" ค่ะ
เนื้อหาจะแบ่งเป็นหลายตอนให้อ่านกันได้ง่าย ตั้งแต่เริ่มว่าได้ทุนมายังไง ทำอะไรบ้างกันเลยทีเดียว เพราะอยากเล่าให้ฟังทั้งหมด ค่อนข้างจะยาว มีอะไรก็ติชมได้เลยนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบค่ะ


     โครงการที่เราได้รับทุนนี้ ชื่อโครงการว่า '2014 Japanese-Language Program for High School Student' เป็นโครงการของ Japan Foundation (หรือเรียกสั้นๆว่า JF) เป็นโครงการที่คัดเลือกนักเรียนมัธยมปลายเดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 15 วัน ส่วนในเรื่องของจำนวนคนที่จะได้รับคัดเลือกนั้น แต่ละปีจะไม่เท่ากันค่ะ ส่วนใหญ่จะได้ไปกันปีละประมาณ 3 คน แต่ว่าปีของเราได้ไปกัน 4 คนค่ะ หรรษามาก แต่ก็ใช่ว่าในโครงการจะมีแต่เด็กไทยอย่างพวกเราสี่คนนะคะ ในโครงการนี้ มีผู้ร่วมโครงการจาก 11 ประเทศค่ะ อันได้แก่
จีน 2 , ฮ่องกง 1, มองโกเลีย 3 (ครูอีก 1 คน), อินโดนีเซีย 4, มาเลเซีย 3, ฟิลิปปินส์ 2, ไทย 4, เวียดนาม 3, อินเดีย 4, บราซิล 4 และ รัสเซีย 4 รวมผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมดเป็น 35 คนค่ะ
     โดยทุนนี้ เป็นทุนเต็มจำนวน เขาจะออกค่าใช้จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (อย่างตัวเราเอง เราอยู่ที่ภูเก็ต เขาก็จะออกค่าเครื่องให้ตั้งแต่ภูเก็ตจนถึงญี่ปุ่นเลย) ค่าที่พัก ค่าโครงการ ให้เงินเบี้ยเลี้ยงเล็กๆน้อยๆอีก บอกได้เลยว่าคุ้มมาก ฟินสุดๆ เราพกไปแต่เงิน pocket money ส่วนตัวก็พอค่ะ
ปล. จขกท.ไม่กล้าเรียกว่าตัวเองเป็น 'นักเรียนแลกเปลี่ยน' ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้ไปนานขนาดนั้น แล้วชื่อทุนก็บอกชัดเจนว่าเป็น 'ทุนทัศนศึกษา' ค่ะ

[PART 1 ...กว่าจะได้ไปญี่ปุ่นสมใจ audition round ? ]

    ในแต่ละปี จะมีการคัดเลือกไม่เหมือนกันค่ะ มีเขียนเรียงความภาษาญี่ปุ่นบ้าง ทำคลิปวิดิโอบ้าง หัวข้อในแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกันอีก แต่ในปีที่แล้ว เราต้อง 'ทำคลิปวิดิโอเวลา 5 นาที' ค่ะ มี 3 หัวข้อให้เลือก ได้แก่
    - 私の趣味 (งานอดิเรกของฉัน) / - 私の町 (เมืองของฉัน) / -私の学校 (โรงเรียนของฉัน)
โดยเราเลือกหัวข้อ 'เมืองของฉัน' ค่ะ เพราะเราคิดว่า ตัวเราเองก็อยู่ที่ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่แล้ว สคริปต์หรือการนำเสนอก็ไม่น่ายากเท่าไหร่ ถ้าจะเป็นงานอดิเรกก็มีเหมือนคนอื่นคือดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ บลาๆ ก็ดูจะจืดชืดไปสำหรับวิดิโอ ส่วนหัวข้อโรงเรียนนั้นลืมไปได้เลยค่ะ เพราะช่วงนั้นเป็นตอนปิดเทอม โรงเรียนอย่างเงียบ ไร้เสียงผู้คนสุดๆไปเลยล่ะค่ะ
    ด้วยความที่เซนเซชาวญี่ปุ่น (อาจารย์) ของเราเป็นคนที่ครีเอตมากถึงมากที่สุด จินตนาการล้ำเลิศเลอค่ามาก ไอ้เราจะเเค่แนะนำสถานที่ในภูเก็ตแบบคนทั่วไปมันก็กระไรอยู่ เบื่อแล้ววัดฉลอง หาดป่าตอง เซนเซบอกว่า "มุกซัง วิดิโอเราต้องแปลกนะ ต้องอะคารุ่ย(สดใส ร่าเริง)มากๆนะ แล้วมุกซังจะได้ไป เชื่อเซนเซ" ...ด้วยความที่อยากไปมากๆ เพราะนี่จะเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา ประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน แถมฟรีอีก เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสียละ ลองดูๆ แต่ด้วยความที่ข่าวรับสมัครมาถึงมืออาจารย์ช้า ทำให้เรามีเวลาทำคลิปอย่างด่วนเพียง 2 วันเท่านั้น (รวมเวลาในการตัดต่อแล้ว) ตอนนั้นจำได้ว่าวุ่นไปทั่วเกาะ เหนื่อยสุดๆไปเลย แต่ก็คุ้มค่ามาก ถึงจะเหนื่อยแต่ก็สนุกดีค่ะ
    วิดิโอของเรามีความยาว 4.30 นาที เรียกได้ว่ารีบพูด รีบรวบรัดสุดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดติดกันเป็นพรืด เร็วปาน fast & furious อะไรขนาดนั้นนะ โชคดีที่เรามีเพื่อนที่เซนเซให้ทำคลิปส่งไปด้วยเหมือนกัน เป็นอีกโครงการหนึ่งของ JF แต่ใช้วิธีคัดเลือกกับหัวข้อเหมือนกัน แต่ของเพื่อนทำเรื่องงานอดิเรก แถมเพื่อนก็ขับรถเป็น เราก็เลยให้เพื่อนถ่ายคลิปวิดิโอนี้ให้เรา แล้วเราก็จะถ่ายคลิปวิดิโอนี้ให้เพื่อน ก็แลกกัน ภายใน 1 วันต้องเสร็จให้ได้ 2 คลิป เราเลยขออนุญาตไปนอนค้างบ้านเพื่อนคนนี้ 2 คืน ถ่ายทำเสร็จก็จะได้ตัดต่อ วันรุ่งขึ้นก็จะเอาไปส่งอาจารย์ที่โรงเรียนทันที จะได้ส่งคลิปวิดิโอนี้ไปที่กรุงเทพฯได้ทันเวลา
    ไอเดียของเซนเซตอนintroคลิปของเราคือจะให้ไปนั่งบนเรือหางยาวสวยๆ เก๋ๆ แล้วพูดแนะนำไปอย่างสดใส แต่ด้วยความที่เรารู้ตัวเองดีว่า จะให้นั่งบนเรือน่ะมันก็ทำได้อยู่ แต่ติดปัญหาใหญ่ๆเลยคือมันไม่ใช่เรือของเราไงคะ แถมชาวบ้านก็ต้องใช้เรือทำมาหากิน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็ใช้บริการไม่ขาด ลำบากแน่ๆ เกรงใจเขา มันจะรบกวนเขาเปล่าๆ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่ามันจะผิดพลาดไปซักกี่เทค แล้วทำให้เขาเสียเวลาทำมาหากินไปนานขนาดไหน แต่นับว่าไอเดียนี้เสริมสร้างความสดใสได้แน่นอน จึงแก้ปัญหาโดยการโผล่ขึ้นมาจากโขดหินตรงหน้าหาด แล้วชี้ให้ดูเรือไม้ที่ลอยไปมาอยู่กลางทะเล ...ตรงจังหวะพูดนี่ไม่เท่าไหร่ แต่จังหวะตอนโผล่ขึ้นมานี่ต้องจับกระโปรงนักเรียนให้มั่น คลื่นก็ซัด กระโปรงก็เปียกกันไปตามสภาพ แต่ก็ไม่มากหรอกค่ะ ฮ่าๆ เกือบตกน้ำไป เพราะหินมันลื่น ทุลักทุเลมาก เพราะคลิปเสร็จออกมาจริงๆ ประหนึ่งเราเป็นกัปปะโผล่ขึ้นมาจากน้ำเลยทีเดียว
    หลังจากนั้นก็ไปอีกหลายที่ ทั้งไปแนะนำสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีสในย่านเมืองเก่า ไปรีวิวกิน 'โอ้เอ๋ว' โชว์ แสดงถึงความเอร็ดอร่อยถึงใจ (โอ้เอ๋วเป็นของหวานของภูเก็ตอย่างหนึ่ง เป็นเหมือนน้ำแข็งไสใส่เฉาก๊วย ถั่วแดง และวุ้นโอ้เอ๋วค่ะ เป็นพืชชนิดนึง ตบท้ายด้วยการราดน้ำแดง เย็นชื่นใจ) หลังจากนั้นก็ไปรีวิวนั่งรถสองแถว หรือที่ภูเก็ตเขาจะเรียกว่า 'รถโพถ้อง' ไปตลาดสด ดูแผงขายผักขายปลา ตบท้ายด้วยวิวพระอาทิตย์ตกกับผมอันยุ่งเหยิงของจขกท.ที่เเหลมพรหมเทพ
    แล้วหลังจากส่งคลิปวิดิโอไป ผ่านไปซักประมาณ 4-5 วันได้ ก็มีเจ้าหน้าที่จาก JF โทรมาบอกเราว่า 'ยินดีด้วยนะคะ วิดิโอของน้องได้ผ่านมาสัมภาษณ์แล้วนะคะ รายละเอียดจะแจ้งให้ทางอีเมลค่ะ' โหยยยยยยย กระโดดเลยค่ะคุณ ดีใจน้ำตาจะไหล ปลื้มปริ่มมาก เพื่อนเราที่ช่วยกันทำวิดิโอก็ได้ไปสัมภาษณ์เหมือนกัน ยินดีปรีดากันถ้วนหน้า ความพยายามในการตากแดดทั้งวัน เปียกน้ำทะเลก็ไม่เสียเปล่า มาได้ขนาดนี้ถือว่าคุ้มมากแล้ว

    ถึงวันสัมภาษณ์ที่ Japan foundation กรุงเทพฯ ของเราเป็นรอบเช้า แต่ของเพื่อนเราเป็นรอบบ่าย แต่ก็ไปพร้อมกัน ...ก่อนไปสัมภาษณ์ จำได้ว่าโทรซ้อมตอบคำถามกับเซนเซเป็นภาษาญี่ปุ่นเยอะมาก เก็งคำถามกันสุดฤทธิ์สุดเดช พยายามติวกันกับเพื่อน เราเองก็พิมพ์ไลน์คุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่มีบ้างเพราะอยากได้ความเป็นธรรมชาติ เวลาคิดคำตอบออกมา ...เราไปถึงคนแรกๆเลย มีคนผ่านเข้าไปรอบนี้ประมาณ 10 กว่าคน เราได้เป็นคนที่ 7 ก็เข้าไปพบกรรมการ มีชาวญี่ปุ่น 2 ท่าน อาจารย์ไทยประมาณ 4 ท่าน แต่การสัมภาษณ์จะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด พยายามอย่าพูดภาษาไทย ก็เริ่มบรรเลงเลยค่ะ งัดวิชาความรู้ที่มีมาทั้งหมด หาคำง่ายๆมาตอบ พยายามจะตอบให้ได้ภายในทันที แรกเริ่มก็จะถามเกี่ยวกับคลิปวิดิโอบ้าง ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระบ้าง มีพี่น้องกี่คน? เคยไปต่างประเทศไหม? จนมาที่คำถามที่ต้องถามกันทุกคนคือ อยากไปทำอะไรที่ญี่ปุ่น? เราก็บอกว่า อ๋อ หนูชอบร้องเพลงค่ะ อยากไปร้องคาราโอเกะกับโฮสแฟมิลี่ กรรมการก็ขำกันสักพัก แล้วอาจารย์ชาวญี่ปุ่นก็บอกกลับมาว่า 'ร้องเพลงเหรอ? เพลงอะไรล่ะ ร้องให้ฟังหน่อยสิ' ...เอาละจ้าาาา ทำไงดี เขินก็เขิน แต่ญี่ปุ่นก็อยากไป เออเอา ร้องก็ร้องค่ะ!!! คิดในใจ ประหนึ่งมาออดิชั่นไปแข่ง the voice เลยทีเดียว
     เราก็เลยร้องเพลง Always with me จากเรื่อง Spirited Away ไป เพราะตอนนั้นฟังบ่อย เนื้อเพลงท่อนไหนจำไม่ได้ก็ ลาลาล๊าลาลาไป อาจารย์บอก 'โห รู้จักด้วยเหรอเพลงนี้ เก่าแล้วนะ' 55555555 ก็ฮาๆกันไป
    พอออกมาจากห้องก็มานั่งรอคนอื่นสัมภาษณ์กันให้เสร็จ รอฟังผลประกาศ เวลาผ่านไปสักพัก เราก็ไปเข้าห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จออกมา ก็เห็นเขามุงกันที่กระจก ก็งงว่าทำไม แล้วพี่สาวเราที่ไปด้วยกันก็วิ่งมาหาเรา กุมมือแล้วเขย่าๆพร้อมบอกเราว่า "ได้แล้วๆๆๆ!!! ได้ไปญี่ปุ่นแล้ว!!" ... เพิ่งเข้าใจคำว่า เงิบ ก็วันนั้นแหละค่ะ ในหัววิ้งมาก ก็รีบเดินเข้าไปเช็ค เฮ้ย!!! ชื่อเรา เราติดแล้ว เราได้ไปญี่ปุ่นแล้วววววว ทำได้แล้วววววววววววววว
    เมื่อประกาศเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เรียกผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปนั่งแจกแจงรายละเอียดการเดินทางต่างๆในห้องสำนักงาน ผู้ที่ผ่านไปกับเราก็มีดังนี้
   เซนท์ .. ม.6 จากนครปฐม ll ข้าวปุ้น .. ม.6 จากกรุงเทพฯ ll น้องหญิง .. ม.5 จากลำปาง ll จขกท.(มุก) .. ม.6 จากภูเก็ต

แล้วพวกเราก็ได้แลกไลน์กัน แอดเฟสบุ๊คกันไป จากวันนั้น พวกเราทั้งหมดก็ค่อนข้างจะสนิทกันเร็ว เฮฮาปาร์ตี้กันมากๆ เป็นเพื่อนที่ดีมากๆของเราเลย
จนในที่สุด พวกเราทั้งสี่คนก็ได้มุ่งหน้าไปสู่ประเทศที่ใฝ่ฝัน ... ประเทศญี่ปุ่น!!!

(ไว้จะมาอัพ part 2 ต่อนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่