เศรษฐกิจนิ่งกริบ! ดัชนีผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 12 เดือน นักวิชาการเตือนสัญญาณอันตราย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือนมิถุนายน  2558 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน ปรับลดจาก 75.6 ในเดือนพฤษภาคม เป็นระดับ 74.4 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 การที่ดัชนีเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังฟื้นตัวขึ้นไม่มากนัก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจาก 56.8 ในเดือนพฤษภาคม เป็นระดับ 55.9 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่มิถุนายน 2557 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ในอนาคตปรับตัวลดลงจาก 82.8 ในเดือนพฤษภาคม เป็นระดับ 81.5 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557

ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดจาก 65.0 ในเดือนพฤษภาคม เป็นระดับ 63.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ ปรับลดจาก 70.3 เป็นระดับ 69.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตลดลงจาก 91.4 เป็นระดับ 90.0 ถือว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ

สำหรับปัจจัยลบที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นมาจาก1.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้เหลือ 3% จากเดิม 3.8% 2.ราคาพืชผลเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ผู้บริโภคกล่าวถึงในการทำสำรวจ ผลจากภัยแล้งทำให้ชาวนาต้องเลื่อนการทำนาปีในพื้นที่ 3.4 ล้านไร่ออกไป 2 เดือน ซึ่งตรงนี้จะทำให้รายได้ของชาวนาจากการขายข้าวในส่วนนี้ประมาณ 15,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช้าลงอีก อาจส่งผลให้จีดีพีลดลง 0.1% ส่วนปัญหาประมงขณะนี้คาดว่ามีผลไม่รุนแรงนัก อาจกระทบรายเล็กที่จะรับรู้รายได้น้อยลงจากการหยุดเดินเรือ  3.ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ อาจส่งผลลบต่อการส่งออกไทยในอนาคต 4.การส่งออกที่ยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น  

คาดการณ์ว่าการบริโภคของภาคประชาชนยังฟื้นตัวขึ้นไม่มากนักในไตรมาสที่ 3 นี้ เนื่องจากประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและโลก ปัญหาภัยแล้ง ระดับราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารามีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของผู้บริโภคจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญหากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบได้การบริโภคน่าจะฟื้นตัวเด่นขึ้นในไตรมาสที่ 4 นี้

ผลของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกันถือเป็นสัญญาณอันตรายของภาวะเศรษฐกิจประเทศ จึงต้องการให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลหามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นแพคเกจ พร้อมๆกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะโครงการที่ลงสู่ชนบท เพื่อสร้างรายได้และสร้างความมั่นใจผู้บริโภคมากขึ้น ที่ผ่านมาแม้จะเบิกจ่ายงบแต่ยังไม่มีสัญญาณการเบิกจ่ายในต่างจังหวัดมากนัก อาจใช้ทั้งนโยบายการคลังและการเงิน กระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อให้กลับมาให้ทันภายใน ไตรมาส 3 เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจอาจเป็นรูปแบบการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร การใช้งบประมาณเม็ดเงินที่มีอยู่เพื่อโครงการขนาดเล็ก เช่น การจ้างงานทาสีปรับปรุงสถานที่ราชการ และควรมีแผนรับมือกับวิกฤตที่จะเกิดในอนาคต เช่น การจัดการภัยแล้ง ด้านการดูแลภาคส่งออก การท่องเที่ยว รัฐควรมีมาตรการจัดการเพื่อทำให้เงินบาทอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ  ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกดีขึ้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435830844
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่