SQ Thai cabin crew recruitment in June 2015

วันนี้อยากออกมาเล่าเรื่องราวของการสมัครแอร์ค่ะ
เป็นโพรเซสที่รวดเร็วมากๆ จนคนที่เคยเจอแต่โพรเซสต่อเนื่อง 2 3 วันแบบเรา อึ้งไปเลย

ของ สิงคโปร์แอร์ไลนส์นั่นเองค่ะ
มารับลูกเรือไปเมื่อ วันที่ 13 14 มิถุนายน ปีนี้
ขอดีใจให้กับสายการบินที่ดีเป็นอันดับที่สองของโลกด้วยนะคะ
หวังว่าจะได้อีเมลคอนแกรตส์ และร่วมงานกันเร็วๆนี้ค่ะ

ไปถึงที่โรงแรมอนันตารา สยาม บ้านราชประสงค์กับคุณแฟน ประมาณ บ่ายโมงค่ะ
มีเพื่อนๆที่ไปรอบเช้านั่งรออยู่ พร้อมกดดันว่าเมื่อเช้ามีเพื่อนที่มาครั้งแรกได้ไปสองคน
อิชั้นนี่กุมขมับเลยค่ะ นึกในใจว่าเพื่อนได้เราก็ต้องได้เหมือนกัน
เตรียมตัวมาตั้งนาน ต้องพร้อม และต้องได้เท่านั้นค่ะ 55555555555
กรอกแบบฟอร์มต่อหน้าเพื่อน เพราะบอกตรงๆว่างงกับฟอร์มเขาเค้าจริงๆค่ะ
พยายามด้วยตัวเองคนเดียวแล้วไม่สำเร็จค่ะ ขนาดปริ๊นมายังปริ๊นมาไม่ครบเลยค่ะ T T
ไม่ควรเอาอย่างนะคะเพราะฟอร์มนางมี 4 หน้าค่ะ คุณผู้อ่าน
แถมยังถามละเอียดแบบว่า เลขพาสปอร์ตคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องค่ะ
โชคดีที่คุณแม่อยู่บ้านไม่งั้นงานเข้าแน่นอนเลย

เข้าเรื่องละ โพรเซสของสิงคโปร์เป็นแบบวันเดียวจบค่ะ


1. การเช็คเอกสาร
สำหรับเอกสารเขาบอกให้เราเอาไปเยอะมากค่ะ ตรวจสามวิเสร็จ
สำหรับเอกสารที่ขอนะคะ มีต้นฉบับของอีเมล invitation ที่มีชื่อของเรา สำเนาสูติบัตร พาสปอร์ตตัวจริง
สำเนาบัตรประชาชน สำเนาการจบการศึกษา สำเนาคะแนนโทอิค และapplication form ค่ะ
ที่น่าสะพรึงคือสายการบินนี้ขอเอกสารแปลด้วยค่ะ ได้แก่ บัตรประชาชน และ ใบเกิดค่ะ
จะมีเจ้าหน้าที่เชคเสร็จแล้วจะคืนเอกสารให้เราค่ะ

* เพื่อนของเราตกรอบนี้ค่ะ เพราะในพาสปอร์ตส่วนสูงไม่ถึง158 ซม.
ถึงแม้ปัจจุบันจะสูงเกิรแล้วก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านค่ะ ยึดตามพาสปอร์ตเป็นหลัก
ดังนั้นใครที่พาสปอร์ตเก่าแล้วหรือส่วนสูงน่าเป้นห่วงแบบนี้ ทำใหม่นะคะ จะได้ไม่เสียโอกาส
** สำหรับเอกสารแปลเราแปลไปตามที่เขาเมลมาค่ะ
เอาไปแปลที่ร้าน แถวๆสุขุมวิทซอย1 (บีทีเอสเพลินจิต)
ซึ่งเราเพิ่งมาเจอว่าตรงศาลาแดงก็มีค่ะ เจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
ค่าแปลถือว่าสูงสำหรับเรานะคะ เพราะออกเองด้วยส่วนหนึ่ง
ปกติค่าใช้จ่ายจะรบกวนแม่กับป๊าและคุณแฟนบ้าง ตามอัธยาศัยและจังหวะค่ะ


2. พรีสกรีน
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารของเราเรียบร้อยแล้ว ก็จะปล่อยเรามาอีกจุดหนึ่งค่ะ
จุดนี้จะเจอเจ้าหน้าที่ ขอapplication form ของเราไปค่ะ แล้วจะให้สติ้กเก้อตัวเลขมา
ตอนนี้ก็จะมีลัคกี้นัมเบอร์แปะเสื้อกันไว้ จากนั้นรอโดนเรียกไปครั้งละ 10 คนค่ะ
เมื่อเข้าห้องไปเราจะเจอ กรรมการสองท่านค่ะ เป็นสิงคโปร์หนึ่งท่าน คนไทยอีกหนึ่งท่าน
ด่านนี้กรรมการผู้ชายชาวสิงคโปร์ และกรรมการสาวชาวไทยดูน่ารักและใจดีมากๆค่ะ
เริ่มที่ทักทายพวกเราสั้นๆ เชิญนั่ง และบอกโจทย์ของด่านนี้ค่ะ

โจทย์คือ
"แนะนำตัวโดยการบอกชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น อายุ และตอบสั้นๆว่าชอบสิงคโปร์แอร์ไลนส์ตรงไหน"
เราเป็นคนที่6 ของรอบนี้ค่ะ กึ่งๆกลางๆแบบนี้ ใช่ค่ะ ตรงกับกรรมการเป๊ะเลย

ก็ตอบชื่อและนามสกุลของตัวเองไปค่ะ พร้อมกับให้เหตุผลว่า
ชอบสิงคโปร์แอร์ไลนส์ ตั้งแต่สโลแกน Singapore Girl แล้วค่ะ
มันให้ความรู้สึกว่า แอร์สายการบินนี้เป็นภาพลักษณ์ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เป็นคนที่คุณจะฝากชีวิตเอาไว้ตลอดการเดินทาง ด้วยความเป็นสาวเอเชีย
เราจึงจะดูแลคุณด้วยความสามารถที่ถูกฝึกมา ด้วยความอ่อนโยน และgorgeous
ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนในภาษาไทยให้มันไม่เว่อเกินคำนี้จริงๆค่ะ 555555

ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็มีตอบประมาณว่าชอบการบริการบนไฟลต์เพราะเคยบินด้วยมาก่อน
ชอบชุดยูนิฟอร์ม ชอบความยอดเยี่ยยมของสายการบิน
ประมาณนี้ค่ะ
เสร็จแล้วกรรมการจะเชิญเราออกมารอฟังผลหน้าห้อง ใช้เวลาราวๆ 5 นาทีค่ะ
กรรมการก็นำใบผลการคัดเลือกมาให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่นำใบนั้นเดินตรงมาทางพวกเราที่นั่งอยู่ แล้วประกาศว่า
หมายเลข XXX และหมายเลข XXX ผ่านค่ะ ส่วนที่เหลือไม่ผ่านค่ะ กลับบ้านได้เลยนะคะ
ดีใจ และแปลกใจมากๆค่ะ เพราะว่าเพื่อนๆหลายคนตอบดี
พูดรู้เรื่อง และไม่ได้ติดขัดเวลาพูด แต่ไม่ผ่านตั้งหลายคนเลยค่ะ

* เราเองตอนทำรอบนี้ ตั้งใจฟังทุกคนพูดเลยค่ะ
ไม่ใช่อะไรเผื่อว่าตอบเหมือนที่เราคิดจะได้คิดใหม่ทัน 55555555
**นั่งสวยๆนะคะ ยิ้มเวลาฟังเพื่อนด้วยเราว่ามีส่วนค่ะ

ก่อนจะข้ามไปขั้นที่สอง เพื่อนที่ผ่านมาจากกรุ้ปเดียวกันมีสองคนค่ะ
หน้าตาน่ารัก แถมอายุเท่ากัน จบมาจากที่เดียวกัน
แบบนี้ต้องผูกมิตรค่ะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน
ก็เกาะติดเพื่อนคนนั้นทั้งวันเลยค่ะ
* จำได้ไหมคะว่ากรรมการผู้ชายสิงคโปร์ที่ดูใจดีคนนั้น
เรียกเพื่อนเราไปคุยค่ะ เตือนเพื่อนเราว่าให้ยิ้มเยอะๆ เวลาพูดก็ยิ้มด้วย ใจดีชะมัด


3. การวัดส่วนสูงและเอื้อมแตะ
จะบอกว่าน่าเป็นห่วงเหมือนกันนะคะสำหรับคนที่สูงพอดีเกณฑ์และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
เพื่อนที่ผ่านรอบเดียวกับเราทำเราใจหายใจคว่ำ
เพราะเค้าตัวเล็กค่ะ เราห่วงว่าจะเอื้อมไม่ถึง ยุให้ยืดตัวใหญ่เลย 555555
ตอนที่เราสอบไม่มีใครไม่ผ่านนะคะ
เขาจะมีเส้นแปะไว้สองเส้น 158 ซม และ 212 ซม ค่ะ
กรรมการตรงนี้เป็นคนไทยนะคะ จะให้วัดส่วนสูงก่อน ใครที่ตัวพอดีเส้นพี่เขาจะเอาบอร์ดสีดำ
วางแปะไว้บนหัวเรา ก็กดๆผมตีโป่งของเราด้วยค่ะ บางคนนี่หัวฟีบเลย
พอวัดเสร็จและผ่าน ก็จะให้เอื้อมแตะค่ะ
ถอดรองเท้า และถอยหลังมายืนตรงเส้นแดงที่พื้น
เราว่าห่างจากผนังประมาน20 ซม มั้งนะคะเราเป็นคนที่กะระยะได้ห่วยแตกมาก 5555
ก็เขย่งแบบสองเท้าค่ะ เอื้อมมือไปให้เลยขอบบนของสกอตเทปนั้น
ต้องเลยเท่านั้นนะคะ ไม่เลยพี่เขาจะให้ทำอยู่ 2 3 ครั้ง ยังไม่ได้ก็ไม่ให้ผ่านค่ะ
ผ่านมาแบบชิวๆเพราะสูง 167 ค่ะ


4. การสอบภาษาอังกฤษ
เอาแล้วไงฟิชเอ๋ย โทอิคก็คะแนนพอถูไถจะเป็นยังไงน้อออ
นั่งรอนานเหมือนกันค่ะกว่าจะได้สอบ เพราะเค้าจะให้เข้าเป็นลอตๆไม่ปนกัน
ก็เป็นโต๊ะตัวยาวของโรงแรมค่ะ โต๊ะนึงนั่งสองคนคนละฝั่ง
ซ้าย ขวา ข้างกันนะคะ ไม่ใช่นั่งหันหน้าใส่กัน 55555
มีเวลาให้ทำข้อสอบ 15 นาทีค่ะ
ข้อสอบมี 2 พาร์ท 20 ข้อ
เป็นเนื้อเรื่องแล้วเอาคำมาเติมในช่องว่าง fill in the blanks 15 ข้อ
ไม่รู้จะต้องบอกว่าก็ยากนะ หรือเราโง่นะ ก็ไม่แน่ใจค่ะ
มีศัพท์มา 20 ค่ะ แปลออก 10คำ ดี๊ดี T T
ใช้หลักแกรมม่าเข้าช่วยเลยค่ะ เพราะอีตัวที่แปลออกมันเติมข้อที่ไม่รู้ไม่ได้ ผิดหลัก
เดาค่ะงานนี้ หน้าตัวนี้ตัวไหนตาม นี่เวิบอดีต เอาเวิบอดีตมา สนุกสนานกันไป
ส่วนพาร์ทรีดดิ้ง คงต้องพูดเลยว่าง่ายกว่าพาร์ทแรกค่ะ มีแค่ 5 ข้อ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับนกในป่า ซึ่งไม่รู้นกอะไร 555555
คำตอบตรงตัวค่ะ text ว่าไง คำตอบว่างั้นเลย
ทำจนครบ 15 นาทีค่ะ ออกคนสุดท้ายของกรุ้ป เสียวสันหลังวาบ
*ในห้องนี่อย่างหนาวค่ะขอบอกมือนี่แทบกระดิกไม่ได้
** อย่าลืมพกปากกาและลิขวิดไปนะคะ จำเป็นนะ
***ผ่านทุกคนค่ะกรุ้ปเรา เค้าประกาศทีละเลขเลย อยากขอดูคะแนนมาก
ว่าผ่านจริงๆใช่ไหม ภูมิใจเหลือเกิน 555555555


5. ดีเบต
เป็นอารมณ์คล้ายๆกรุ้ปดิสคัสชั่นค่ะ แต่จะมีการผนวกการดีเบตมาด้วย
หลังจากผ่านการสอบมาแล้ว ก็จะแบ่งทีมละ 6 คน รันตามตัวเลขค่ะ รอเข้าห้องดีเบต
คราวนี้เราเป็นคนแรกของกรุ้ปเลย
มานั่งรอหน้าห้องก็แอบส่องผ่านประตูเข้าไปค่ะ เห็นนะคะแต่ไม่เกิดประโยชน์
เลยหันมาวางถุงกาวในมือแล้วตั้งสติก่อนค่ะ 5555555555
ในห้องจะแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ มีสองทีมเข้าไปแต่เข้าและออกคนละเวลา
เราโชคดีค่ะ เจอกรรมการคนเดียวกับรอบพรีสกรีน
เค้าดูใจดีค่ะ เราปลื้มมาก เหมือนครูเด็กอนุบาล
เข้าห้องแล้ววว ก็จะนั่งหันหน้าหากรรมการค่ะ เรียงตามตัวเลขเหมือนเดิม

เค้าให้เราแนะนำตัวสั้นๆบอกอายุ และตอบคำถามว่าชอบการเดินทางแบบไหนมากที่สุด
เราเป็นคนแรกค่ะ ก็แนะนำตัวไป บอกชื่อนามสกุล อายุ และสถาบันที่จบมา
ตอบคำถามว่า ชอบการใช้บีทเอสค่ะ เพราะมหาลัยที่เราเรียนสามารถเดินทางได้ด้วยวิธีนี้
เป็นที่ที่เราไปบ่อยที่สุด ใช้มันบ่อยที่สุด และปลอดภัยด้วย เลยรู้สึกว่าชอบมันมากที่สุดค่ะ
จริงๆเพื่อนเราจะรู้ว่า ปกตินั่งรถตู้ไม่ใช่หรอแกกก 55555555

เมื่อแนะนำตัวครบ 6 คนแล้ว ก็ได้โจทย์ดีเบตละค่ะ
โจทย์คือ การแต่งงานตั้งแต่ยังอายุน้อย
แบ่งเป็นสองทีม คือทีมที่สนับสนุนและทีมที่ต่อต้าน เราเป็นทีมต่อต้านค่ะ
เค้าจะให้เวลาทีมละ 2 นาทีค่ะ ในการปรึกษากัน
เป็นภาษาอังกฤนะคะ อย่าพูดภาษาไทยกับกรรมการนะ
เวลาหมดเร็วมาก โชคดีที่พูดขึ้นก่อน ไม่งั้นอาจจะไม่ได้ข้อสรุปของทีม 555
กรรมการให้ฝ่ายสนับสนุนเริ่มก่อนเพราะเห็นว่าตอนแนะนำตัวเราเริ่มไปแล้ว

พูดทีละคนนะคะ ตกลงกันเองได้เลยว่าใครจะเริ่มก่อนของทีมนั้น
ฝั่งนั้นเห็นด้วยว่าควรแต่งงานเร็วเพราะจะได้ไม่ห่างเหินกับลูกเกินไปด้วยช่วงอายุประมาณนี้ค่ะ
พอถึงตาเราก็ให้เลือกเหมือนกันว่าใครจะเป็นคนแรก
เห็นเพื่อนมองหน้ากันไปมาเราเลยอาสาว่าโอเค งั้นเราเอง
เราตอบว่า อิงจากที่ฝั่งนั้นพูดมานะคะ ในมุมมองเราเราว่าอายุไม่ใช่ปัญหาค่ะ
การดูแลลูกเราว่าคนอายุมากน่าจะได้เปรียบด้วย
เพราะว่ารู้และเข้าใจโลกมากกว่า ใจเย็นกว่า
น่าจะพูดคุย สอน หรือ อธิบายอะไรกับเด็กได้ดีกว่า
ซึ่งงงง มันไม่ใช่ที่เราคิดกันไว้ในกลุ่มค่ะ 55555
คือเราเคยดีเบตสมัยมัธยม ฝ่ายค้านจะต้องแย้งข้อสนับสนุนให้ได้
จากนั้นก็ให้เหตุผลว่าทำไม การแต่งงานเร็วจึงไม่เวิคสำหรับความคิดเรา
*ขอบอกว่าท้าทายนะคะ เพราะดิฉันไม่สนใจเลยค่ะว่าใครจะแต่งกันเวลาไหน
รักกันชอบกันจะแต่งกันก็แต่ง ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง 5555

เสร็จแล้ววว ก็มานั่งรอผลการตัดสินชี้ชะตาชีวิตกันนะฮะ
ทั้ง 6 คนของรอบเรา ผ่าน 4 คนค่าา

** ยังไม่จบ เพื่อความสวยงาม ขอตัดตอน ไฟนอลไว้นิดนึงนะคะ **
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่