สวัสดีค่ะ
ดิฉันได้อ่านเรื่องราวดาวพลูโต ของผู้ชายคนหนึ่งที่มาแชร์ประสบการณ์เค้ามีดาวพลูโตเป็นของตัวเองค่ะ ดิฉันชื่นชอบกระทู้นั่นมาก
ดิฉัน ก็มีประสบการณ์เป็นพลูโตมาค่ะ
แต่วันนี้ ดิฉันขอเปรียบตัวเองเป็นพระจันทร์แทนน่ะค่ะ ทำไมถึงต้องเป็นพระจันทร์น่ะหรอค่ะ เพราะดวงจันทร์เป็นบริวาลของโลกที่คอยโคจรรอบโลก และไม่เคยจากไปไหน
ดิฉันเป็นเด็กจากต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ ดิฉันได้สอบเข้าชั้น ม1ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ก็ได้เรียนสมใจ
พอได้ไปเรียนที่นั่น ดิฉันได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่ง
พี่เค้าอยู่ ม3 เป็นคนหน้าตาดี เรียนเก่ง และเป็นเด็กกิจกรรมอีก ต่างกันลิบลับกับดิฉันเลยค่ะ ตรงกันข้ามแทบทุกอย่าง-_-!
แต่ดิฉันก็ไม่เจียมค่ะ รู้ว่าเสี่ยงแต่ถ้าไม่ลองดูจะรู้หรอค่ะ?? ถึงดวงจันทร์จะเป็นแค่บริวาลของโลก แต่อย่างน้อยในเวลากลางคืนเวลาที่ท้องฟ้าไม่มีดาว คนในโลกมองขึ้นมา ในท้องฟ้าก็มีดวงจันทร์อยู่เสมอ
ดิฉันเลือกที่จะเดินเข้าไปเสี่ยงค่ะ สมัยนั้น เฟสบุ๊คพึ่งเข้ามาในไทยค่ะ ดิฉันทักแชทพี่เค้าไป ทำความรู้จักถามสารทุกสุขดิบ พี่เค้าเป็นเพื่อนคุยที่ดีค่ะ คุยกันจนสนิทในระดับหนึ่งแต่ก็เป็นแค่เพื่อนคุนในอินเตอร์เน็ต พี่เค้าไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
การที่ได้เจอและได้รู้จักพี่เค้า ทำให้ชีวิตดิฉันมีความสุขได้แทบทุกๆวันเลยค่ะ
มีความสุขกับการตื่นเช้าไปโรงเรียนเพื่อนนั่งรอพี่เค้าเดินมาโรงเรียนทุกวัน มันอาจไม่กี่วินาที แต่แค่ได้เห็นหน้า ดิฉันก็ยิ้มได้ทั้งวันแล้วค่ะ
มีความสุขที่ต้องลุ้นเวลาเดินเรียน ว่าวันนี้พี่เค้าจะนั่งโต๊ะไหน คาบนี้เราจะเห็นเค้ามั้ย คาบนี้เราจะเดินสวนกะพี่เค้ารึป่าว
มีความสุขเวลาเลิกเรียนที่ต้องรีบวิ่งกลับบ้านรีบปั่นการบ้านช่วยงานแม่ให้เสร็ด แล้วนั่งจ้องหน้าคอม รอเวลาพี่เค้าออนไลน์...
แปลกดีน่ะค่ะ เวลาที่จุดสีเขียวๆบอกสถานะว่าเค้ากำลังออนไลน์ จะมีอธิพลต่อจิตใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนานนั้น
เวลาผ่านไป..การทักทายพูดคุยในเฟสบุ๊คเริ่ทจะลดน้อยลง อาจเป็นเพราะความเริ่มเกรงใจ กลัวพี่เค้ารำคาญ และประเด็นสำคัญเลย คือเค้าเริ่มที่จะไม่ตอบเราค่ะ
และแล้วเวลาปรากฏตัวก็มาถึงค่ะ วัดเกิดพี่เค้า ตรงกับวันกีฬาสีของโรงเรียนพอดีเป๊ะเลยค่ะ
ดิฉันรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาพี่เค้าแล้วเรียกชื่อพี่เค้าพร้อมยื่นกล่องของขวัญให้
"พี่...ค่ะ สุขสันต์วันเกิดน่ะค่ะ" พี่เค้ายิ้มรับพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ดิฉันรีบเดินออกมาเพราะตอนนั้นเขินมาก ได้ยินเสียงพี่เค้าพูดดังมาจากข้างหลังว่า"เห้ย!ๆ มีคนให้ของขวัญวันเกิดกูด้วย" ตกเย็น ดิฉันกลับบ้าน ก็นั่งเล่นคอมตามปกติค่ะ อยู่ดีๆ พี่เค้าก็ทักขึ้นมา พร้อมกับข้อความที่ว่า "ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดน่ะครับ .." เท่านั้นแหละค่ะ เขินจนตัวแทบจะติดผนังนั่งบิดไปบิดมา พี่เค้าจำเราได้ พี่เค้ารู้จักเรา ตอนนั้นปลื้มมากค่ะ
หลังจากวันนั้นมา การเจอหน้ากันในเวลาที่เดินสวนกัน ไม่ใช่แค่ดิฉันที่แอบมองพี่เค้า เวลาเดินผ่านพี่เค้ามองมาแล้วยิ้มให้เสมอเลยค่ะ รู้ตัวอีกทีพี่เค้ากลายเป็นโลกของดิฉันไปแล้วค่ะ
เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก จากเด็ก ม1
โตเป็นเด็ก ม4 และพี่เข้าขึ้น ม6 ค่ะ แต่ความรู้สึกดิฉันก็ยังเหมือนเดิมกิจวัตรประจำวันที่เคยทำตอนม1 จนถึงม4 ดิฉันทำมันมาตลอด มานั่งรอพี่เค้าเดินเข้าโรงเรียน นั่งรอเวลาพี่เค้าจะเดินผ่าน และรอพี่เค้าออนไลน์ แต่ก็ไม่เคยออนเลย มารู้อีกที คือพี่เค้าต้องอ่านหนังสือเพื่อที่จะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เลยปิดเฟสบุ๊คค่ะ ณ จุดๆนั้น ในเวลานั้น ดิฉัน ใจหายอย่างบอกไม่ถูกเวลามันผ่านไปเร็วมาก เผลอแป๊ปเดียวพี่เค้าก็จะจบการศึกษาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดิฉันไม่รอให้เวลาศูนย์ไปโดยเปล่าประโยชน์พยายาม เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีค่าให้ได้มากที่สุด ทำตัวเหมือนพระจันทร์ ที่คอยยิ้มให้เค้าอยู่ตลอดเวลา คอยให้กำลังใจพยายามเข้าหา พยายามตีสนิท จนรู้จักเพื่อนในห้องพี่เค้าแทบทุกคน และทุกคนในห้องพี่เค้าต่างก็รู้ว่าดิฉันรู้สึกยังไง จะมีแต่พี่เค้านั่นแหละ ที่ทำเป็นเฉย ทำเหมือนไม่รู้ว่าดิฉันคิดยังไง
วันวาเลนไทม์ วันนี้เป็นฉากสำคัญในชีวิตของดิฉันเลยค่ะ วันนั้นเป็นวันที่ พี่ ม6 ต้องเรียนวันสุดท้าย ดิฉันรวบรวมเอาความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ เดินตรงไปหาพี่เค้าที่ยืนรอเพื่อนอยู่ แล้วพูดไปอย่างไม่อายที่จะบอกว่าดิฉันชอบพี่เค้า..
พี่เค้ายิ้มรับแล้วเข้ามากอด วินาทีนั้น ดิฉันร้องไห้โฮเลยค่ะ ความรู้สึกหรอค่ะ มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันน่ะ มีทั้งดีใจและเสียใจ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ระบายความในใจที่เก็บไว้ตลอด5ปีที่ผ่านมา เสียใจที่วันนี้จะได้เห็นหน้าพี่เค้าเป็นวันสุดท้าย และอาจจะไม่ได้เจอเค้าอีกจริงๆ
และแล้ว พี่เค้าก็จบการศึกษาไป
ทางเดียวที่ดิฉันสามารถรับรู้ได้ ว่าเค้าทำอะไรที่ไหนอย่างไร คือเฟสบุ๊คค่ะ พี่เค้าเปิดเฟสหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดิฉันคอยสอดส่องตามเฟสนั่นแหละค่ะ ว่าพี่เค้าเป็นยังไงทำอะไรอยู่ ก็เป็นเหมือนดวงจ้นทร์แหละค่ะ ไม่เคยจากที่จะโคจรโลกไปไหน
และแล้ว วันหนึ่ง พี่เค้าอัปเดทสถานะเฟสบุ๊คว่า...............มีแฟนแล้ว........................
เด็กผู้หญิง คนหนึ่งซึ่งตอนนี้เป็นนักเรียนชั้น ม5 ได้เห็นสถานะของรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มว่ามีเจ้าของแล้ว วินาทีนั้น จุก!ค่ะ มันมีความรู้สึกว่ามันแน่นไปหมด อึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูกซักพักน้ำตาก็ไหลโดยที่ไม่ต้องสั่ง
นี่สิน่ะ ที่เค้าเรียกว่าอกหัก มาจนถึงจุดนี้แล้ว มี2ทางให้เลือค่ะ ว่าดิฉัน จะเลือกที่จะลืม หรือ เลือกที่จะจำ//
แด่ดิฉัน เลือกที่จะไม่ลืมค่ะ ทำไมหรอค่ะ..
ถ้าคุณชอบใครซักคนแล้วคุณอยากครอบครอง
นั่นแสดงว่า คุณแค่ชอบเค้า
แต่ ถ้าคุณชอบเค้า แล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรจากเค้า แค่คุณเห็นเค้ามีความสุข คุณก็ดีใจ มันเป็นสัญญานบ่งบอกว่าคุณกำลังรักเค้า ไม่เชื่อคุณลองหันกลับไปดูพ่อแม่ดูสิค่ะ เหมือนกันค่ะ ถ้าเรารักใครซักคนแล้วยินดีที่จะเจ็บปวด แค่ให้เค้ามีความสุขมันไม่ใช่ความรักที่เสียหายน่ะค่ะ
ตัวดิฉัน ก็เหมือนพระจันทร์ ที่กำลังยิ้มให้ใครคนนั้นอยู่ โดยที่เค้าไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ส่วนใหญ่ของดวงจันทร์ มันคือความมืดที่ปกปิดไว้ เพื่อให้ส่วรที่เหลือกลายเป็นรอยยิ้มและคอยยิ้มให้โลก....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
พระจันทร์ยิ้ม
ดิฉันได้อ่านเรื่องราวดาวพลูโต ของผู้ชายคนหนึ่งที่มาแชร์ประสบการณ์เค้ามีดาวพลูโตเป็นของตัวเองค่ะ ดิฉันชื่นชอบกระทู้นั่นมาก
ดิฉัน ก็มีประสบการณ์เป็นพลูโตมาค่ะ
แต่วันนี้ ดิฉันขอเปรียบตัวเองเป็นพระจันทร์แทนน่ะค่ะ ทำไมถึงต้องเป็นพระจันทร์น่ะหรอค่ะ เพราะดวงจันทร์เป็นบริวาลของโลกที่คอยโคจรรอบโลก และไม่เคยจากไปไหน
ดิฉันเป็นเด็กจากต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ ดิฉันได้สอบเข้าชั้น ม1ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ก็ได้เรียนสมใจ
พอได้ไปเรียนที่นั่น ดิฉันได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่ง
พี่เค้าอยู่ ม3 เป็นคนหน้าตาดี เรียนเก่ง และเป็นเด็กกิจกรรมอีก ต่างกันลิบลับกับดิฉันเลยค่ะ ตรงกันข้ามแทบทุกอย่าง-_-!
แต่ดิฉันก็ไม่เจียมค่ะ รู้ว่าเสี่ยงแต่ถ้าไม่ลองดูจะรู้หรอค่ะ?? ถึงดวงจันทร์จะเป็นแค่บริวาลของโลก แต่อย่างน้อยในเวลากลางคืนเวลาที่ท้องฟ้าไม่มีดาว คนในโลกมองขึ้นมา ในท้องฟ้าก็มีดวงจันทร์อยู่เสมอ
ดิฉันเลือกที่จะเดินเข้าไปเสี่ยงค่ะ สมัยนั้น เฟสบุ๊คพึ่งเข้ามาในไทยค่ะ ดิฉันทักแชทพี่เค้าไป ทำความรู้จักถามสารทุกสุขดิบ พี่เค้าเป็นเพื่อนคุยที่ดีค่ะ คุยกันจนสนิทในระดับหนึ่งแต่ก็เป็นแค่เพื่อนคุนในอินเตอร์เน็ต พี่เค้าไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
การที่ได้เจอและได้รู้จักพี่เค้า ทำให้ชีวิตดิฉันมีความสุขได้แทบทุกๆวันเลยค่ะ
มีความสุขกับการตื่นเช้าไปโรงเรียนเพื่อนนั่งรอพี่เค้าเดินมาโรงเรียนทุกวัน มันอาจไม่กี่วินาที แต่แค่ได้เห็นหน้า ดิฉันก็ยิ้มได้ทั้งวันแล้วค่ะ
มีความสุขที่ต้องลุ้นเวลาเดินเรียน ว่าวันนี้พี่เค้าจะนั่งโต๊ะไหน คาบนี้เราจะเห็นเค้ามั้ย คาบนี้เราจะเดินสวนกะพี่เค้ารึป่าว
มีความสุขเวลาเลิกเรียนที่ต้องรีบวิ่งกลับบ้านรีบปั่นการบ้านช่วยงานแม่ให้เสร็ด แล้วนั่งจ้องหน้าคอม รอเวลาพี่เค้าออนไลน์...
แปลกดีน่ะค่ะ เวลาที่จุดสีเขียวๆบอกสถานะว่าเค้ากำลังออนไลน์ จะมีอธิพลต่อจิตใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนานนั้น
เวลาผ่านไป..การทักทายพูดคุยในเฟสบุ๊คเริ่ทจะลดน้อยลง อาจเป็นเพราะความเริ่มเกรงใจ กลัวพี่เค้ารำคาญ และประเด็นสำคัญเลย คือเค้าเริ่มที่จะไม่ตอบเราค่ะ
และแล้วเวลาปรากฏตัวก็มาถึงค่ะ วัดเกิดพี่เค้า ตรงกับวันกีฬาสีของโรงเรียนพอดีเป๊ะเลยค่ะ
ดิฉันรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาพี่เค้าแล้วเรียกชื่อพี่เค้าพร้อมยื่นกล่องของขวัญให้
"พี่...ค่ะ สุขสันต์วันเกิดน่ะค่ะ" พี่เค้ายิ้มรับพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ดิฉันรีบเดินออกมาเพราะตอนนั้นเขินมาก ได้ยินเสียงพี่เค้าพูดดังมาจากข้างหลังว่า"เห้ย!ๆ มีคนให้ของขวัญวันเกิดกูด้วย" ตกเย็น ดิฉันกลับบ้าน ก็นั่งเล่นคอมตามปกติค่ะ อยู่ดีๆ พี่เค้าก็ทักขึ้นมา พร้อมกับข้อความที่ว่า "ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดน่ะครับ .." เท่านั้นแหละค่ะ เขินจนตัวแทบจะติดผนังนั่งบิดไปบิดมา พี่เค้าจำเราได้ พี่เค้ารู้จักเรา ตอนนั้นปลื้มมากค่ะ
หลังจากวันนั้นมา การเจอหน้ากันในเวลาที่เดินสวนกัน ไม่ใช่แค่ดิฉันที่แอบมองพี่เค้า เวลาเดินผ่านพี่เค้ามองมาแล้วยิ้มให้เสมอเลยค่ะ รู้ตัวอีกทีพี่เค้ากลายเป็นโลกของดิฉันไปแล้วค่ะ
เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก จากเด็ก ม1
โตเป็นเด็ก ม4 และพี่เข้าขึ้น ม6 ค่ะ แต่ความรู้สึกดิฉันก็ยังเหมือนเดิมกิจวัตรประจำวันที่เคยทำตอนม1 จนถึงม4 ดิฉันทำมันมาตลอด มานั่งรอพี่เค้าเดินเข้าโรงเรียน นั่งรอเวลาพี่เค้าจะเดินผ่าน และรอพี่เค้าออนไลน์ แต่ก็ไม่เคยออนเลย มารู้อีกที คือพี่เค้าต้องอ่านหนังสือเพื่อที่จะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เลยปิดเฟสบุ๊คค่ะ ณ จุดๆนั้น ในเวลานั้น ดิฉัน ใจหายอย่างบอกไม่ถูกเวลามันผ่านไปเร็วมาก เผลอแป๊ปเดียวพี่เค้าก็จะจบการศึกษาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดิฉันไม่รอให้เวลาศูนย์ไปโดยเปล่าประโยชน์พยายาม เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีค่าให้ได้มากที่สุด ทำตัวเหมือนพระจันทร์ ที่คอยยิ้มให้เค้าอยู่ตลอดเวลา คอยให้กำลังใจพยายามเข้าหา พยายามตีสนิท จนรู้จักเพื่อนในห้องพี่เค้าแทบทุกคน และทุกคนในห้องพี่เค้าต่างก็รู้ว่าดิฉันรู้สึกยังไง จะมีแต่พี่เค้านั่นแหละ ที่ทำเป็นเฉย ทำเหมือนไม่รู้ว่าดิฉันคิดยังไง
วันวาเลนไทม์ วันนี้เป็นฉากสำคัญในชีวิตของดิฉันเลยค่ะ วันนั้นเป็นวันที่ พี่ ม6 ต้องเรียนวันสุดท้าย ดิฉันรวบรวมเอาความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ เดินตรงไปหาพี่เค้าที่ยืนรอเพื่อนอยู่ แล้วพูดไปอย่างไม่อายที่จะบอกว่าดิฉันชอบพี่เค้า..
พี่เค้ายิ้มรับแล้วเข้ามากอด วินาทีนั้น ดิฉันร้องไห้โฮเลยค่ะ ความรู้สึกหรอค่ะ มันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันน่ะ มีทั้งดีใจและเสียใจ ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ระบายความในใจที่เก็บไว้ตลอด5ปีที่ผ่านมา เสียใจที่วันนี้จะได้เห็นหน้าพี่เค้าเป็นวันสุดท้าย และอาจจะไม่ได้เจอเค้าอีกจริงๆ
และแล้ว พี่เค้าก็จบการศึกษาไป
ทางเดียวที่ดิฉันสามารถรับรู้ได้ ว่าเค้าทำอะไรที่ไหนอย่างไร คือเฟสบุ๊คค่ะ พี่เค้าเปิดเฟสหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดิฉันคอยสอดส่องตามเฟสนั่นแหละค่ะ ว่าพี่เค้าเป็นยังไงทำอะไรอยู่ ก็เป็นเหมือนดวงจ้นทร์แหละค่ะ ไม่เคยจากที่จะโคจรโลกไปไหน
และแล้ว วันหนึ่ง พี่เค้าอัปเดทสถานะเฟสบุ๊คว่า...............มีแฟนแล้ว........................
เด็กผู้หญิง คนหนึ่งซึ่งตอนนี้เป็นนักเรียนชั้น ม5 ได้เห็นสถานะของรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มว่ามีเจ้าของแล้ว วินาทีนั้น จุก!ค่ะ มันมีความรู้สึกว่ามันแน่นไปหมด อึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูกซักพักน้ำตาก็ไหลโดยที่ไม่ต้องสั่ง
นี่สิน่ะ ที่เค้าเรียกว่าอกหัก มาจนถึงจุดนี้แล้ว มี2ทางให้เลือค่ะ ว่าดิฉัน จะเลือกที่จะลืม หรือ เลือกที่จะจำ//
แด่ดิฉัน เลือกที่จะไม่ลืมค่ะ ทำไมหรอค่ะ..
ถ้าคุณชอบใครซักคนแล้วคุณอยากครอบครอง
นั่นแสดงว่า คุณแค่ชอบเค้า
แต่ ถ้าคุณชอบเค้า แล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรจากเค้า แค่คุณเห็นเค้ามีความสุข คุณก็ดีใจ มันเป็นสัญญานบ่งบอกว่าคุณกำลังรักเค้า ไม่เชื่อคุณลองหันกลับไปดูพ่อแม่ดูสิค่ะ เหมือนกันค่ะ ถ้าเรารักใครซักคนแล้วยินดีที่จะเจ็บปวด แค่ให้เค้ามีความสุขมันไม่ใช่ความรักที่เสียหายน่ะค่ะ
ตัวดิฉัน ก็เหมือนพระจันทร์ ที่กำลังยิ้มให้ใครคนนั้นอยู่ โดยที่เค้าไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ส่วนใหญ่ของดวงจันทร์ มันคือความมืดที่ปกปิดไว้ เพื่อให้ส่วรที่เหลือกลายเป็นรอยยิ้มและคอยยิ้มให้โลก....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ