Tempy Movies Review รีวิวหนัง: Caché {Michael Haneke} [France], 2005


“ความจริงอาจไม่เป็นดังที่ตาเราเห็น” ข้อความนี้เป็แนวคิดที่ผุดขึ้นมาในยุคโพสต์โมเดิร์นหลังจากในช่วงยุคสมัยแห่งการพัฒนาสังคม เรามักมองความจริงในแง่เดียว ศิลปะมักจะนำเสนอสิ่งที่รู้สึก ภาพที่เห็นออกมาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม ผู้กำกับหนังที่ชอบใช้แนวคิดนี้ไปพัฒนาเป็นเรื่องราวก็คงหนีไม่พ้น Michelangelo Antonioni อย่าง L'Eclisse (1962) และ Blow-Up (1966) ที่พูดถึงความฉาบฉวยของชนชั้นกลางและความตื้นเขินของยุคสมัย และอีกครั้งมันถูกเอามาถกเถียงอีกครั้งในงานของฮาเนเก้

เขาพูดถึงครอบครัวชนชั้นกลางครอบครัวหนึ่ง จอร์จ โลรองต์เป็นหัวหน้าครอบครัว เขาทำงานเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณกรรม บ้านของเขาเองก็มีหนังสือวางตามชั้นมากมาย นั่นอาจบ่งบอกถึงฐานะทางการศึกษาของเขาที่ประสบความสำเร็จ วันหนึ่งจอร์จได้รับวิดิโอเทปปริศนาที่บันทึกภาพบ้านของเขา แล้วตามมาด้วยวิดิโออีกหลายอันซึ่งบันทึกสถานที่อันเกี่ยวโยงระหว่างเขากับประสบการณ์ในวัยเด็กที่เขาปกปิดทุกคนไว้

ในวัยเด็กจอร์มีปัญหากับมายิด เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน พ่อแม่เขาอพยพมาจากอัลจีเรีย (อาณานิคมฝรั่งเศสร้อยกว่าปี ช่วงปี 1954 เกิดการแบ่งแยก ประท้วงโดยประชนชนพื้นเมืองฝ่ายหัวเอียงซ้าย ต้องการเป็นอิสระจากฝรั่งเศส จนนำไปสู่สงครามกลางเมือง และการกวาดล้างผู้ชุมนุมในปารีสปี 1961) พ่อแม่ของมายิดเสียชีวิตในเหตุการประท้วงที่ปารีส ในฐานะคนงานที่ซื่อสัตย์ พ่อแม่ของจอร์จจึงอยากรับเลี้ยงมายิดไว้ แต่จอร์จกลัวว่าจะมาแย่งความรักจากพ่อแม่ จึงสร้างเรื่องให้มายิดไปตัดหัวไก่ แล้วไปบอกพ่อแม่ว่า มายิดแกล้งเขา ปัญหาบานปลาย พ่อแม่จอร์จตัดสินใจส่งมายิดไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

ไก่ในหนังของบุนเยลมักสื่อถึงคนชนชั้นแรงงาน จอร์จเคยเล่าว่าไก่มันชอบจิกเขาตอนเด็ก ก็เหมือนกับมายิดที่เขาอยากกำจัดให้พ้น เป็นเสี่ยนหนามทางใจ เขาจึงหาเรื่องในมายิดไปตัดหัวไก่ (กำจัดมายิด) สะท้อนไปถึงสังคมฝรั่งเศสที่คนพื้นเมืองมองว่าคนจากอาณานิคมฝรั่งเศส (แอฟริกา) เป็นคนร้าย เหยียดผิว ดูถูก (มีฉากหนึ่งที่จอร์จออกมาจากโรงพัก มีชายแอฟริกันผิวดำขับรถจักยานปาดหน้า เพียงแค่เขาเห็นว่าผิวดำก็ด่าออกไป หาว่าเขาผิด ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้น เขาเองก็มีส่วนผิดอยู่ด้วย)

จอร์จ มีลูกชายชื่อเปียโรต์ เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเขาต้องเริ่มเรียนรู้สังคม สร้างอัตลักษณ์ให้ตนเอง แสวงหาสถานภาพทางสังคม และปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคม เรียกได้ว่าเขาอยู่ในวัยเดียวกับจอร์จตอนที่เขาก่อเรื่อง จอร์จแอบไปนอนอบ้านเพื่อนโดยไม่บอกพ่อแม่ เขามีความลับแต่ไม่เปิดเผยให้คนในครอบครัวรู้ เขาเริ่มเหมือนจอร์จในตอนวัยเด็ก นั่นอาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้เขา (จอร์จบอกเองว่าทั้งคู่ยุ่งแต่กับงาน) ทั้งที่วัยรุ่นเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ลำพังวัยนี้ก็ถีบตัวออกห่างครอบครัวอยู่แล้ว ยิ่งพ่อแม่ไม่สนใจลูก ก็อาจทำให้เขาหลงทางได้

รายการโทรทัศน์ของจอร์จก็มีการตัดต่อคำพูดของแขกรับเชิญ หนังนำเสนอให้เห็นว่าเราอยู่ในยุคของข่าวสารที่เข้าถึงง่ายผ่านทางโทรทัศน์ แต่ละรายการก็จะนำเสนอความจริงเพียงแง่เดียว มิหนำซ้ำบางช่องก็มีการบิดเบือนข่าวสาร หลอกตาประชาชน เช่นเดียวกับจอร์จที่กุเรื่องราวตอนเด็ก พ่อแม่ฟังความข้างเดียว จอร์จตอนโต ก็บอกความจริงภรรยาไม่หมด เก็บอดีตไว้คนเดียว ฮาเนเก้หลอกล่อเราว่าช่วงไหนที่เป็นวิดิโอหรือภาพเหตุการณ์จริงๆ กว่าเราจะรู้ก็ต้องมีเสียงไม่จอร์จก็ภรรยาเขาพูดขึ้นมา หรือไม่ก็มีการรีไวน์เทปกลับ สอดรับกับแนวคิดที่ว่าบางสิ่งที่เราเห็นอาจเป็นภาพลวงตาหรือเป็นความจริงก็ได้ ตรงนี้คล้ายๆ Close-up (1999) ของ Abbas Kiarostami

ในหนังเราจะเห็นกระจกในหลายๆ ฉากในห้องนอนของจอร์จ ในห้องรับแขก ฉากลูกมายิดในลิฟต์ วิดิโอเทปก็เช่นกัน เพราะวิดิโอเทปเราถึงครอบครัวของเขาและคนดูถึงได้รู้อดีตที่เขาปิดบัง วิดิโอเทปสะท้อนตัวตนของเขา เบื้องลึกว่าทำไมคนฝรั่งเศสจึงรังเกียจดูถูกชาวแอฟริกัน ความตายของผู้เรียกร้องเสรีภาพก็คงไม่มีคุณค่าอะไรเลย เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นก็อาจหายไปจากความทรงจำ ราวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนังเรื่องนี้เองก็ถือว่าเป็นกระจก มันทำให้คนฝรั่งเศสและเราได้จ้องมองตัวเอง เราจะไม่ใช้อดีตให้เป็นบทเรียนหน่อยเลยหรือ

จริงๆ กระจกก็อาจสื่อถึงระยะกระจกของลากอง เพราะในเรื่องก็ดูเหมือนจะพูดประเด็น Alienation ของชาวแอฟริกัน พวกเขาเริ่มรู้สึกตัวว่าที่ฝรั่งเศสไม่ต้อนรับพวกเขา ฝันร้ายจากอดีตก็ตามหลอกหลอน ปัญหาด้านการศึกษาที่ไม่เท่าเทียม เช่นเดียวกับฐานะทางสังคมที่มักถูกมองว่าต่ำต้อย (ทั้งที่ในวงสนทนาของที่บ้านจอร์จก็มีหญิงผิวสีร่วมวงด้วย แต่เขาก็ยังเหยียดผิวสีคนอื่น)

สุดท้ายฮาเนเก้ก็ไม่ได้เฉลยให้เรารู้ว่าวิดิโอนั้นใครเป็นคนทำ ทั้งมายิดและลูกชายมายิดก็ปฏิเสธว่ามีส่วนรู้เห็น ทุกคนต่างมีความลับ ความอัดอั้นในใจไม่ถูกคลี่คลาย คนผิวดำก็ยังถูกกดขี่และไม่ลืมว่าฝรั่งเศสทำอะไรไว้ คนฝรั่งเศสเองก็ยังเหยียดผิวอยู่ ปัญหาต่างๆ มันไม่ได้ถูกคลี่คลายจริงๆ มันเป็นเพราะเราลืมๆ มันไปเท่านั้นเอง อย่างที่แม่ของจอร์จ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า มายิดคือใคร?

ปล. ชอบฉากจอร์จนั่งคุยกับแม่มากๆ ต่างฝ่ายต่างมีอดีตร้ายๆ แต่ก็เลือกจะไม่พูดถึง

ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/survival.king
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่