ผมมีงานทำประจำอยู่แล้ว เป็น พนง. โรงงานแห่งหนึ่งใน สระบุรี ทำมาได้ประมาณ 10 ปี
วันหนึ่ง พ่อ บอกกับผมว่า จะสอนผมให้ทำ เรือใบจำลอง
มันเป็น มรดก ของพ่อ ( พ่อเป็นคนคิดแบบเอง ลองผิด ลองถูก ) มาเป็นเวลา 30 ปี
มาวันนี้ ผมจะขอรับ มรดก ที่พ่อจะให้กับผม (ขอบคุณมากครับ คุณพ่อ)
แม้จะไม่เคยร่ำเรียนด้านศิลปะมาเลย แต่เพราะรักในการประดิษฐ์เรือไม้จำลอง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ “เสน่ห์ ศรีมันตะ” มุ่งมั่นฝึกฝนฝีมือด้วยตัวเองมาต่อเนื่อง และยาวนานกว่า 20ปี จนปัจจุบัน ผลงานเป็นที่ยอมรับและชื่นชมของแทบทุกคนที่ได้พบเห็น ด้วยจุดเด่นสวยงามประณีตบรรจง และเสริมสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง ช่วยให้มีคำสั่งซื้อต่อคิวยาวจนทำไม่ทัน
เจ้าของผลงาน อายุ 55 ปี เล่าว่า ในวัยหนุ่มเคยทำงานก่อสร้าง และขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ขณะที่ส่วนตัว ชอบนำเศษไม้มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆ เป็นงานอดิเรก จนเห็นงานเรือไม้จำลอง เกิดประทับใจอย่างยิ่ง จึงพยายามฝึกทำด้วยตัวเอง มีอุปกรณ์เริ่มต้นแค่เศษไม้ ตะไบ และมีดคัตเตอร์เท่านั้น
“ผมเริ่มทำเมื่อประมาณ พ.ศ.2528 ช่วงกลางวันก็จะขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนกลางคืนก็จะลองหัดทำเรือจำลอง เริ่มจากแบบง่ายๆ แล้ววางขายที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ลำละ 150 บาท ตอนนั้นใครเห็นก็ต้องสบประมาทว่า ฝีมืออ่อนหัด ผมก็ไม่ยอมเลิก พยายามพัฒนาฝีมือจนดีขึ้น แล้วลองหิ้วเรือจำลอง 5 ลำ ไปขายที่แถวคลองถม บังเอิญมีเถ้าแก่ เจ้าของร้านขายสินค้านานาชนิดคนหนึ่ง รับซื้อไว้ทั้งหมด ราคาลำละ 300 บาท ได้เงินก้อนแรกมา 1,500 บาท และยังบอกให้ผมทำมาส่งเรื่อยๆ จะรับซื้อไว้ทั้งหมด ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก” เสน่ห์ ย้อนอดีต
กว่าจะทำเรือให้ออกมาสวยงามน่าพอใจ เขา บอกว่า ใช้เวลาฝึกฝนนานนับปี อาศัยดูแบบจากหนังสือหรือนิตยสารเกี่ยวกับเรือ แล้วมาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เมื่อชำนาญมากขึ้น จึงต่อยอดเพิ่มประเภทเรือที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งเรือสำเภา และเรือขนส่ง ของฝั่งจีน และยุโรป นอกจากนั้น เพิ่มขนาดเรือจำลองให้ใหญ่ขึ้นด้วย
ส่วนช่องทางขายเวลานั้น จะส่งให้แก่ร้านเดิมเพียงเจ้าเดียว มียอดขายประมาณ 20-30 ลำต่อเดือน ซึ่งส่งให้ประจำต่อเนื่องเป็นเวลานานนับ 10 ปี จนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ.2540 ร้านแห่งนี้โดนพิษเศรษฐกิจไปด้วย จำเป็นต้องหยุดสั่งออเดอร์ทันที กลายเป็นผลกระทบต่อเนื่อง ที่ทำให้ช่างต่อเรือจำลองคนนี้เกือบต้องยุติอาชีพที่รัก
“ตอนนั้น ผมทำอย่างเดียว พอเสร็จก็ไปส่งร้านเถ้าแก่ แต่พอร้านนี้ไม่สั่งแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปขายที่ไหน เพราะเราไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลย ผมกับภรรยาก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ จ.สระบุรี ตั้งใจจะหันไปเปิดร้านอาหารแทน แต่จริงๆ แล้ว ก็ยังรักการทำเรือไม้จำลองอยู่ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมเลยเอาเรือจำลองใส่ท้ายรถกระบะ ไปเปิดท้ายขายที่ตลาดในตัวเมืองสระบุรี ประกอบกับแจกใบปลิวและนามบัตรไปด้วย ทำให้เริ่มมีคนสนใจสั่งซื้อเรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ลูกค้าเก่าๆ ก็กลับมาสั่งอีก ทำให้ผมได้กลับมายึดอาชีพนี้อีกครั้ง” เสน่ห์ เล่า
“อาชีพนี้ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ กลับยิ่งขายดี เพราะลูกค้าต้องการเสริมฮวงจุ้ย ให้กิจการเจริญรุดหน้า แต่ปัญหาของผมเวลานี้ คือ มีออเดอร์เข้ามามากจนทำไม่ทัน ซึ่งเบื้องต้นผมแก้ไขด้วยการขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) จำนวน 1 แสนบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน และซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยขึ้น ช่วยให้สามารถจะทำงานได้เร็ว และปริมาณมากขึ้น ส่วนในอนาคตจะสร้างทีมงานขึ้นมาเสริมต่อไป” เสน่ห์ ระบุ
( พ่อผมท่านก็แก่ มากแล้ว อยากสานต่อ ความฝันของแก ไม่อยากให้สูญหาย )
มรดกที่พ่อจะสอนให้ผม (ทำเรือใบจำลอง)
วันหนึ่ง พ่อ บอกกับผมว่า จะสอนผมให้ทำ เรือใบจำลอง
มันเป็น มรดก ของพ่อ ( พ่อเป็นคนคิดแบบเอง ลองผิด ลองถูก ) มาเป็นเวลา 30 ปี
มาวันนี้ ผมจะขอรับ มรดก ที่พ่อจะให้กับผม (ขอบคุณมากครับ คุณพ่อ)
แม้จะไม่เคยร่ำเรียนด้านศิลปะมาเลย แต่เพราะรักในการประดิษฐ์เรือไม้จำลอง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ “เสน่ห์ ศรีมันตะ” มุ่งมั่นฝึกฝนฝีมือด้วยตัวเองมาต่อเนื่อง และยาวนานกว่า 20ปี จนปัจจุบัน ผลงานเป็นที่ยอมรับและชื่นชมของแทบทุกคนที่ได้พบเห็น ด้วยจุดเด่นสวยงามประณีตบรรจง และเสริมสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง ช่วยให้มีคำสั่งซื้อต่อคิวยาวจนทำไม่ทัน
เจ้าของผลงาน อายุ 55 ปี เล่าว่า ในวัยหนุ่มเคยทำงานก่อสร้าง และขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ขณะที่ส่วนตัว ชอบนำเศษไม้มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆ เป็นงานอดิเรก จนเห็นงานเรือไม้จำลอง เกิดประทับใจอย่างยิ่ง จึงพยายามฝึกทำด้วยตัวเอง มีอุปกรณ์เริ่มต้นแค่เศษไม้ ตะไบ และมีดคัตเตอร์เท่านั้น
“ผมเริ่มทำเมื่อประมาณ พ.ศ.2528 ช่วงกลางวันก็จะขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนกลางคืนก็จะลองหัดทำเรือจำลอง เริ่มจากแบบง่ายๆ แล้ววางขายที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ลำละ 150 บาท ตอนนั้นใครเห็นก็ต้องสบประมาทว่า ฝีมืออ่อนหัด ผมก็ไม่ยอมเลิก พยายามพัฒนาฝีมือจนดีขึ้น แล้วลองหิ้วเรือจำลอง 5 ลำ ไปขายที่แถวคลองถม บังเอิญมีเถ้าแก่ เจ้าของร้านขายสินค้านานาชนิดคนหนึ่ง รับซื้อไว้ทั้งหมด ราคาลำละ 300 บาท ได้เงินก้อนแรกมา 1,500 บาท และยังบอกให้ผมทำมาส่งเรื่อยๆ จะรับซื้อไว้ทั้งหมด ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก” เสน่ห์ ย้อนอดีต
กว่าจะทำเรือให้ออกมาสวยงามน่าพอใจ เขา บอกว่า ใช้เวลาฝึกฝนนานนับปี อาศัยดูแบบจากหนังสือหรือนิตยสารเกี่ยวกับเรือ แล้วมาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เมื่อชำนาญมากขึ้น จึงต่อยอดเพิ่มประเภทเรือที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งเรือสำเภา และเรือขนส่ง ของฝั่งจีน และยุโรป นอกจากนั้น เพิ่มขนาดเรือจำลองให้ใหญ่ขึ้นด้วย
ส่วนช่องทางขายเวลานั้น จะส่งให้แก่ร้านเดิมเพียงเจ้าเดียว มียอดขายประมาณ 20-30 ลำต่อเดือน ซึ่งส่งให้ประจำต่อเนื่องเป็นเวลานานนับ 10 ปี จนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง พ.ศ.2540 ร้านแห่งนี้โดนพิษเศรษฐกิจไปด้วย จำเป็นต้องหยุดสั่งออเดอร์ทันที กลายเป็นผลกระทบต่อเนื่อง ที่ทำให้ช่างต่อเรือจำลองคนนี้เกือบต้องยุติอาชีพที่รัก
“ตอนนั้น ผมทำอย่างเดียว พอเสร็จก็ไปส่งร้านเถ้าแก่ แต่พอร้านนี้ไม่สั่งแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปขายที่ไหน เพราะเราไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลย ผมกับภรรยาก็เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ จ.สระบุรี ตั้งใจจะหันไปเปิดร้านอาหารแทน แต่จริงๆ แล้ว ก็ยังรักการทำเรือไม้จำลองอยู่ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมเลยเอาเรือจำลองใส่ท้ายรถกระบะ ไปเปิดท้ายขายที่ตลาดในตัวเมืองสระบุรี ประกอบกับแจกใบปลิวและนามบัตรไปด้วย ทำให้เริ่มมีคนสนใจสั่งซื้อเรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ลูกค้าเก่าๆ ก็กลับมาสั่งอีก ทำให้ผมได้กลับมายึดอาชีพนี้อีกครั้ง” เสน่ห์ เล่า
“อาชีพนี้ ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ กลับยิ่งขายดี เพราะลูกค้าต้องการเสริมฮวงจุ้ย ให้กิจการเจริญรุดหน้า แต่ปัญหาของผมเวลานี้ คือ มีออเดอร์เข้ามามากจนทำไม่ทัน ซึ่งเบื้องต้นผมแก้ไขด้วยการขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) จำนวน 1 แสนบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน และซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยขึ้น ช่วยให้สามารถจะทำงานได้เร็ว และปริมาณมากขึ้น ส่วนในอนาคตจะสร้างทีมงานขึ้นมาเสริมต่อไป” เสน่ห์ ระบุ
( พ่อผมท่านก็แก่ มากแล้ว อยากสานต่อ ความฝันของแก ไม่อยากให้สูญหาย )