คลิปที่เปลี่ยนชีวิตผมไปทั้งชีวิต

กระทู้สนทนา
จำได้ว่าคืนนั้นเป็นคืนที่อึมครึมมาก เพราะนอกจากจะต้องปลอบประโลมตัวเองให้ดำเนินชีวิตต่อไปในวันจันทร์ที่แสนหดหู่แล้ว ซ้ำร้ายไฟยังดับอีก แต่มองอีกมุมก็โชคดี เพราะถึงแม้ว่าไฟจะดับ แต่มือถือผมมันไม่ได้ดับไปด้วย ผมเองก็กะเล่นให้ง่วง จะได้หลับๆไป เอานิ้วไถๆหน้าจอซักพัก ก็เจอเพื่อคนนึงแชร์คลิปของ TED ดูได้แปปเดียวก็ถึงกับอึ้งน้ำตาคลอเบ้า อดคิดถึงชีวิตปอนๆในอดีตของตัวเองไม่ได้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Speaker ใน VDO คนนี้เป็นคนเขียน Eat Pray Love หนังสือที่โด่งดังทั่วโลก แต่ใครจะรู้ ว่ากว่าที่เธอจะประสบความสำเร็จนั้น เธอล้มเหลวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอบอกว่า ใน mail box ของเธอตลอด 6 ปี ไม่มีอะไรยกเว้นแต่ rejection letter ที่ตอบปฏิเสธงานของเธอ แล้วอะไรกัน ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด….เธอบอกเพียงแค่ว่า ฉันรู้ว่าฉันรักการเขียน และนั่นคือสิ่งที่ฉันรักมากกว่าฉันรักตัวเองซ๊ะอีก เธอเปรียบการเขียนเหมือนบ้าน ไม่ว่าเธอทำอะไรในช่วงวัน แต่เมื่อครั้งที่เธอกลับบ้าน เธอจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการต่อยอดในสิ่งที่เธอรัก

ผมชอบคำพูดเธอที่ว่า “I'm not going to quit, I'm going home” ความหมายของมันคือ “ฉันจะไม่เลิก แต่ฉันแค่จะกลับบ้าน” เธอบอกว่า การกลับบ้านของเธอไม่ได้หมายถึงการกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ฟาร์ม แต่มันหมายถึงการกลับไปหางานเขียนของเธอ เพราะนั่นคือชีวิตของเธอ และนั่นคือบ้านของเธอ เธอทำแบบนี้มาตลอดจนชีวิตของเธอประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียนคนนึง

สิ่งเหล่านี้เองทำให้ผม นึกถึงอดีตตอนเป็นเด็ก ผมเป็นคนชอบวาดรูปมาก เรียกได้ว่าผมคลุกตัวอยู่ในห้องเพื่อวาดรูปได้ทั้งวัน ผมกวาดรางวัลมาแล้วตั้งแต่ระดับโรงเรียน จนถึงระดับจังหวัด แต่ทุกครั้งที่ผมวาดรูป ครอบครัวผมมักจะถามผมเสมอว่า เอาแต่วาดรูป ไม่อ่านหนังสือ โตขึ้นแกจะทำงานอะไร แล้วเอาอะไรกิน ส่วนพี่ชายผมก็แถมฉายาฟรีให้ผมตลอดว่า ไอ้กุ๊ย ผมได้ยินคำๆนี้บ่อยจนท้อใจ แทบจะบอกกับตัวเองว่าชีวิตนี้ ยังไงเราคงเอาดีด้านนี้ไม่ได้แล้วมั้ง
ช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตตอนนั้นคือ วันนึงผมกำลังขมักเขม่นอยู่กับการวาดรูปเพื่อส่งประกวด ทันใดนั้นเองแม่ผม ก็เดินเข้ามากวาดถาดสีลงพื้น ฉีกภาพที่ผมวาดเป็นชิ้นๆโยนลงถังขยะ ผมร้องไห้แทบไม่หยุด จำได้ว่าช่วงนั้นผมแย่มากๆถึงขนาดไม่คุยกับใครที่บ้านเลยเป็นเดือนๆ หลังจากนั้นพออยากวาดรูปต้องแอบซื้อสีแล้วซ่อนไว้บนฝาห้อง ผมทำแบบนั้นได้ไม่นาน สุดท้ายผมก็ตัดสินใจที่จะเดินตามเส้นทาง ที่พ่อแม่ผม วาดฝันเอาไว้ ผมเรียนสายวิทย์-คณิต ได้เกรดดีทีเดียว ตอนสอบ entrance ผมได้เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งตามที่บ้านหวังไว้ และก็จบมาได้ด้วยเกรดเฉลี่ย 3 กว่า ซึ่งนั่นก็ถือว่าดีมาก สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบอะไรมากนัก ก่อนผมจบ ผมได้ถูกรับเข้าทำงานกับบริษัทไทยชั้นนำบริษัทนึงในฐานะ วิศวกรโรงงานซึ่งผมไม่มีความสุขกับมันเลยจริงๆ หลังจากที่ผมดูคลิปนี้มันทำให้ผมคิดได้ว่า จริงๆ “บ้าน” ของผมมันไม่ได้ไปไหน มันอยู่ในใจผมตลอดเวลา แค่เอามันขึ้นมาปั้นต่อแค่นั้นเอง

หลังจากนั้นไม่นานผมเริ่มสานฝันตัวเองโดยการไปเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิค แล้วผมก็ก้าวข้ามมันมาได้ในที่สุด เพราะในไม่กี่เดือนให้หลัง ผมได้ยืนใบลาออก…และตอนนี้ผมไม่ได้เป็นวิศวกรแล้วครับ ผมทำงานเป็น Designer ให้กับ Agency โฆษณาแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ชีวิตของผมมันจะแค่เริ่มต้น และไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ผมก็มีความสุขกับทุกวันของผม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่