สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากที่เราได้อ่านเรื่องลี้ลับของเพื่อนๆ ใน Pantip จนทำให้เราอยากเล่าถึงประสบการณ์ที่เราได้เจอมาบ้าง...
กระทู้นี้เราขอเล่าเรื่อง ปีใหม่ที่แม่แตง ก่อนนะคะ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ ได้สัมผัสถึงการมีอยู่ของคนที่ไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ว่ามีอยู่จริง...
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จะเชื่อหรือไม่ ก็
โปรดใช้จักรยาน
(วิจารณญาณ) ในการอ่านนะคะ
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ ปวช.1 เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ปีใหม่ หน้าหนาว เราต้องขึ้นเหนือรับลมหนาวกัน! เย่!!
เช้าวันที่ 30 ธันวาคม เราและครอบครัวออกเดินทางจากกรุงเทพ กันตั้งแต่เช้ามืด ไปถึงลำพูน ก็ช่วงเย็นแล้ว เราน่าจะเป็นครอบครัวสุดท้ายที่มาถึง เพราะไปถึงญาติๆ ก็มากันครบหมดแล้ว ทุกครั้งที่มาเที่ยวภาคเหนือ เราและญาติๆ ก็จะมาพักกันที่ลำพูนเสมอ เพราะเป็นบ้านของญาติทางฝั่งสามีป้า (เราก็ไม่รู้ว่าเรียกอะไรดี 555)
ซึ่งตอนไปถึง เหมือนทุกคนจะเปลี่ยนแผนจากที่ว่าจะนอนบ้านที่ลำพูน จะย้ายไปนอนที่ แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของญาติสามีของป้าอีกคนนึง ทุกคนก็ตกลงที่จะไปพักที่นั่น คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะมาเหนือทีไร ก็พักที่ลำพูน ทุกที...
ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากนอนบ้านที่ลำพูนอยู่แล้ว เพราะเมื่อครั้งยังเด็ก น่าจะช่วงประถม เทศกาลปีใหม่นี่แหละ เรามาพักที่นี่ เราจำได้ขึ้นใจว่า ช่วงเย็นๆ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จแล้วที่ชั้น 2 เราเปิดประตูห้องน้ำออกมา ตรงข้ามห้องน้ำเป็นห้องนอนของใครซักคนในบ้านหลังนี้ ซึ่งปิดประตูอยู่ แต่ด้วยความที่ประตูอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1-2 นิ้ว ทำให้เราเห็นเท้าใครซักคนเดินอยู่ในห้องนั้น ในตอนนั้นเราคิดว่าเป็นน้าเรา เราเลยเปิดประตูเข้าไปดูปรากฏว่าไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว จึงทำให้เราไม่ค่อยอยากมานอนพักที่บ้านลำพูนมากนัก และทุกครั้งที่มาพัก เราก็ไม่เคยขึ้นไปชั้น 2 อีกเลย
กลับเข้ามาเข้าเรื่อง 555 หลังจากตกลง บอกเส้นทางกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายขึ้นรถที่ตัวเองนั่งมา ด้วยความที่มียาย 1 คน ซึ่งท่านก็อายุมากแล้วเดินไม่ค่อยไหว ป้าเราจึงขอให้เอารถเข็นของย่าที่ลำพูน ซึ่งย่าท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ป้าจึงขอให้เอารถเข็นของย่าฝากไว้ที่รถของครอบครัวเรา (ตอนนั้นที่บ้านเราใช้ ฟอร์จูเนอร์ ซึ่งครอบครัวเรามีกันแค่ 4 คน แน่นอนว่าด้านหลังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับรถเข็นแค่ 1 คัน)
แต่บ้านเราเป็นคนที่ค่อนข้างถือเรื่องของคนตายจะไม่นำเข้าบ้าน หรือไว้ในรถ เพราะกลัวว่าจะเป็นสื่อ แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะว่าก็ญาติๆ กัน ทั้งนั้น พอนำรถเข็นขึ้นรถ ก็มุ่งหน้าสู่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กันเลย!!
บ้านที่จะไปพักอยู่ ตี_นภูเขา ซึ่งก่อนจะถึงบ้านพักจะมีวัดอยู่วัดนึง ชื่อวัดอะไรเราก็จำไม่ได้ รถของครอบครัวน้าคงอยากจะรับอากาศบริสุทธิ์ น้าเลยปิดแอร์ และเปิดกระจกไว้ ซึ่งพอรถของครอบครัวน้า ขับผ่านวัด น้าก็พูดขึ้นมาว่า “เหม็น” แต่ก็ไม่ได้ปิดกระจกแต่อย่างใด เพราะอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านพักแล้ว (น้าเป็นคนเล่าให้แม่เราฟัง)
หลังจากที่ถึงบ้านพักกัน ก็ค่อนข้างดึกแล้ว พวกเราก็ยกข้าวของ เสื้อผ้าไปเก็บในห้องนอน เราเลือกที่จะนอนกับครอบครัวน้า เพราะตอนนั้นเราติดน้า มากกว่าติดแม่ซะอีก 555 หลังจากเก็บของอะไรเสร็จ ก็ออกมานั่งปาร์ตี้กันที่ซุ้มไม้ ต้องบอกก่อนว่า บ้านพักที่แม่แตงนี้ เป็นพื้นที่อยู่ ตี_นเขา และกว้างมากๆ คือถ้าสร้างบ้าน 1 หลัง จะได้บ้านหลังใหญ่มาก พร้อมพื้นที่ เหลืออีกมากมาย แต่ไม่ใช่ บ้านที่นี่เค้าปลูกกันเป็นหลังๆ หลังเล็กๆ 1 ชั้น เท่าที่จำไม่ผิด จะมีหลังใหญ่ 1 หลัง (เป็นของเจ้าของบ้าน) แล้วก็หลังเล็กๆ ย่อยๆ อีก ประมาณ 2-3 หลัง นอกนั้นก็เป็นต้นไม้ ใบหญ้า คือธรรมชาติจริงๆ
หลังจากที่ปาร์ตี้ กินโน่น นี่ กันเสร็จ ก็กลับเข้าบ้านพักกันเพื่อเข้านอน ซึ่งได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเราเลือกที่จะนอนกับครอบครัวน้า ในห้องก็จะมี น้า แฟนน้า ลูกของน้า แล้วก็เรา
เรานอนอยู่ริมสุดติดกำแพง ส่วนคนที่นอนถัดเราคือ ลูกของน้า ซึ่งตอนนั้นน้องน่าจะอายุประมาณ 2-3 ขวบ ถัดจากน้อง ก็เป็น น้า และ สามีน้า ตามลำดับ คืนนั้นเราก็สวดมนต์ ขออนุญาตเจ้าที่ เจ้าทางว่าขอมานอนที่นี่นะ อะไรงี้ เรานอนหันหน้าเข้ากำแพง เพราะเป็นคนกลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเราก็หลับไป...
เราไม่รู้ว่าเราหลับไปนานแค่ไหน อยู่ๆ เราก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าเตียงมันขยับ ตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่ เพราะในห้องมืดมาก อารมณ์เหมือนมีใครซักคนกำลังตบตูดให้น้องนอน เราก็คิดในใจว่าคงเป็นน้ามั้ง เรานอนลืมตาให้กำแพงอยู่ซักพักนึง เพื่อให้แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่เราก็ไม่กล้าที่จะหันไปเพราะกลัวว่าหันไป จะไม่ใช่อย่างที่คิด เตียงที่ขยับ ก็คงยังขยับอยู่ แต่เราง่วงไม่ไหวแล้วเราเลยหลับตาเพื่อจะนอน ทันใดนั้นที่หลับตาลง เราได้ยินเสียง ผู้หญิงมีอายุพูดขึ้นมาว่า
‘อย่าแกล้งน้อง’ เท่านั้นแหละ คลุมโปง และข่มตาหลับให้ไว จนถึงตอนเช้าของวันที่ 31 ธันวาคม เราตื่นมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะมาถามน้าว่า เมื่อคืนได้กล่อมน้องนอนหรือเปล่า
และนี่ก็ยังไม่ใช้จุดพีค ของทริปนี้ มันเป็นแต่การเริ่มต้นเท่านั้น เดี๋ยวมาต่อนะ ขอไปกินข้าวก่อนค่ะ
ประสบการณ์ ปีใหม่ ที่แม่แตง (ประทับใจไม่รู้ลืม!)
กระทู้นี้เราขอเล่าเรื่อง ปีใหม่ที่แม่แตง ก่อนนะคะ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ ได้สัมผัสถึงการมีอยู่ของคนที่ไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ว่ามีอยู่จริง...
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จะเชื่อหรือไม่ ก็โปรดใช้จักรยาน (วิจารณญาณ) ในการอ่านนะคะ
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ ปวช.1 เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ปีใหม่ หน้าหนาว เราต้องขึ้นเหนือรับลมหนาวกัน! เย่!!
เช้าวันที่ 30 ธันวาคม เราและครอบครัวออกเดินทางจากกรุงเทพ กันตั้งแต่เช้ามืด ไปถึงลำพูน ก็ช่วงเย็นแล้ว เราน่าจะเป็นครอบครัวสุดท้ายที่มาถึง เพราะไปถึงญาติๆ ก็มากันครบหมดแล้ว ทุกครั้งที่มาเที่ยวภาคเหนือ เราและญาติๆ ก็จะมาพักกันที่ลำพูนเสมอ เพราะเป็นบ้านของญาติทางฝั่งสามีป้า (เราก็ไม่รู้ว่าเรียกอะไรดี 555)
ซึ่งตอนไปถึง เหมือนทุกคนจะเปลี่ยนแผนจากที่ว่าจะนอนบ้านที่ลำพูน จะย้ายไปนอนที่ แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของญาติสามีของป้าอีกคนนึง ทุกคนก็ตกลงที่จะไปพักที่นั่น คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะมาเหนือทีไร ก็พักที่ลำพูน ทุกที...
ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากนอนบ้านที่ลำพูนอยู่แล้ว เพราะเมื่อครั้งยังเด็ก น่าจะช่วงประถม เทศกาลปีใหม่นี่แหละ เรามาพักที่นี่ เราจำได้ขึ้นใจว่า ช่วงเย็นๆ ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จแล้วที่ชั้น 2 เราเปิดประตูห้องน้ำออกมา ตรงข้ามห้องน้ำเป็นห้องนอนของใครซักคนในบ้านหลังนี้ ซึ่งปิดประตูอยู่ แต่ด้วยความที่ประตูอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 1-2 นิ้ว ทำให้เราเห็นเท้าใครซักคนเดินอยู่ในห้องนั้น ในตอนนั้นเราคิดว่าเป็นน้าเรา เราเลยเปิดประตูเข้าไปดูปรากฏว่าไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว จึงทำให้เราไม่ค่อยอยากมานอนพักที่บ้านลำพูนมากนัก และทุกครั้งที่มาพัก เราก็ไม่เคยขึ้นไปชั้น 2 อีกเลย
กลับเข้ามาเข้าเรื่อง 555 หลังจากตกลง บอกเส้นทางกันเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายขึ้นรถที่ตัวเองนั่งมา ด้วยความที่มียาย 1 คน ซึ่งท่านก็อายุมากแล้วเดินไม่ค่อยไหว ป้าเราจึงขอให้เอารถเข็นของย่าที่ลำพูน ซึ่งย่าท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ป้าจึงขอให้เอารถเข็นของย่าฝากไว้ที่รถของครอบครัวเรา (ตอนนั้นที่บ้านเราใช้ ฟอร์จูเนอร์ ซึ่งครอบครัวเรามีกันแค่ 4 คน แน่นอนว่าด้านหลังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับรถเข็นแค่ 1 คัน)
แต่บ้านเราเป็นคนที่ค่อนข้างถือเรื่องของคนตายจะไม่นำเข้าบ้าน หรือไว้ในรถ เพราะกลัวว่าจะเป็นสื่อ แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะว่าก็ญาติๆ กัน ทั้งนั้น พอนำรถเข็นขึ้นรถ ก็มุ่งหน้าสู่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กันเลย!!
บ้านที่จะไปพักอยู่ ตี_นภูเขา ซึ่งก่อนจะถึงบ้านพักจะมีวัดอยู่วัดนึง ชื่อวัดอะไรเราก็จำไม่ได้ รถของครอบครัวน้าคงอยากจะรับอากาศบริสุทธิ์ น้าเลยปิดแอร์ และเปิดกระจกไว้ ซึ่งพอรถของครอบครัวน้า ขับผ่านวัด น้าก็พูดขึ้นมาว่า “เหม็น” แต่ก็ไม่ได้ปิดกระจกแต่อย่างใด เพราะอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านพักแล้ว (น้าเป็นคนเล่าให้แม่เราฟัง)
หลังจากที่ถึงบ้านพักกัน ก็ค่อนข้างดึกแล้ว พวกเราก็ยกข้าวของ เสื้อผ้าไปเก็บในห้องนอน เราเลือกที่จะนอนกับครอบครัวน้า เพราะตอนนั้นเราติดน้า มากกว่าติดแม่ซะอีก 555 หลังจากเก็บของอะไรเสร็จ ก็ออกมานั่งปาร์ตี้กันที่ซุ้มไม้ ต้องบอกก่อนว่า บ้านพักที่แม่แตงนี้ เป็นพื้นที่อยู่ ตี_นเขา และกว้างมากๆ คือถ้าสร้างบ้าน 1 หลัง จะได้บ้านหลังใหญ่มาก พร้อมพื้นที่ เหลืออีกมากมาย แต่ไม่ใช่ บ้านที่นี่เค้าปลูกกันเป็นหลังๆ หลังเล็กๆ 1 ชั้น เท่าที่จำไม่ผิด จะมีหลังใหญ่ 1 หลัง (เป็นของเจ้าของบ้าน) แล้วก็หลังเล็กๆ ย่อยๆ อีก ประมาณ 2-3 หลัง นอกนั้นก็เป็นต้นไม้ ใบหญ้า คือธรรมชาติจริงๆ
หลังจากที่ปาร์ตี้ กินโน่น นี่ กันเสร็จ ก็กลับเข้าบ้านพักกันเพื่อเข้านอน ซึ่งได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่าเราเลือกที่จะนอนกับครอบครัวน้า ในห้องก็จะมี น้า แฟนน้า ลูกของน้า แล้วก็เรา
เรานอนอยู่ริมสุดติดกำแพง ส่วนคนที่นอนถัดเราคือ ลูกของน้า ซึ่งตอนนั้นน้องน่าจะอายุประมาณ 2-3 ขวบ ถัดจากน้อง ก็เป็น น้า และ สามีน้า ตามลำดับ คืนนั้นเราก็สวดมนต์ ขออนุญาตเจ้าที่ เจ้าทางว่าขอมานอนที่นี่นะ อะไรงี้ เรานอนหันหน้าเข้ากำแพง เพราะเป็นคนกลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเราก็หลับไป...
เราไม่รู้ว่าเราหลับไปนานแค่ไหน อยู่ๆ เราก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าเตียงมันขยับ ตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่ เพราะในห้องมืดมาก อารมณ์เหมือนมีใครซักคนกำลังตบตูดให้น้องนอน เราก็คิดในใจว่าคงเป็นน้ามั้ง เรานอนลืมตาให้กำแพงอยู่ซักพักนึง เพื่อให้แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร แต่เราก็ไม่กล้าที่จะหันไปเพราะกลัวว่าหันไป จะไม่ใช่อย่างที่คิด เตียงที่ขยับ ก็คงยังขยับอยู่ แต่เราง่วงไม่ไหวแล้วเราเลยหลับตาเพื่อจะนอน ทันใดนั้นที่หลับตาลง เราได้ยินเสียง ผู้หญิงมีอายุพูดขึ้นมาว่า ‘อย่าแกล้งน้อง’ เท่านั้นแหละ คลุมโปง และข่มตาหลับให้ไว จนถึงตอนเช้าของวันที่ 31 ธันวาคม เราตื่นมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะมาถามน้าว่า เมื่อคืนได้กล่อมน้องนอนหรือเปล่า
และนี่ก็ยังไม่ใช้จุดพีค ของทริปนี้ มันเป็นแต่การเริ่มต้นเท่านั้น เดี๋ยวมาต่อนะ ขอไปกินข้าวก่อนค่ะ