เราควรไปหาหมอสุขภาพจิตมั้ยคะ
ตั้งแต่เด็ก เราโตมากับพ่อ แม่ ย่า ตั้งแต่เราจำความได้เราก็รู้มาตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าพ่อติดยา แต่แม่กับย่า เขาไม่ได้สนับสนุนนะคะ แต่ก็ไม่ได้พยายามจะหาทางแก้จริงจัง ตอนนั้นเราจำได้ว่า พ่อโดยปกติจะขี้โมโห อารมณ์ร้อน แต่เวลาที่พ่อเสพยา พ่อจะอารมณ์ดีค่ะ แล้วก็จะใจดีกับเราด้วย ตอนเด็กเราเลยไม่ได้มีปัญหาเวลาที่พ่อเสพยา ด้วยอารมณ์เด็กเราก็มองว่าดีซะอีก เพราะพ่อจะพูดดีด้วย แต่ก็รู้นะคะว่ายาเสพติดผิดกฏหมาย เราเลยไม่กล้าไปเล่นกับเพื่อนที่รร เพราะถ้าสนิทกัน เพื่อนอาจจะรู้ว่าพ่อเราติดยา กลัวอายเพื่อน ช่วงอนุบาลกับประถมต้นเราเลยไม่ค่อยมีเพื่อน พอพักก็เอาแบบฝึกหัดมาทำแทน ช่วงนี้เราสอบได้ที่หนึ่งทุกเทอม แม่กับพ่อชอบทะเลาะกันบ่อยๆ แต่พอเราสอบได้ที่ 1 ได้ทุน แม่เราเลยไม่เลิกกับพ่อ เพราะเห็นว่าอยู่ที่นี่เราเรียนดี เราเลยใช้ชีวิตแบบนั้นมาเรื่อยๆ พ่อไม่ทำงาน ชอบขอเงินแม่กับย่า บางทีถ้าไม่พอก็จะขโมยของในบ้านเอาไปขาย แม้แต่ของของเรา ทองรับขวัญหลาน เงินที่เราหยอดกระปุกไว้ แต่ก่อนที่พ่อเคยมีงานทำพ่อก้จะเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ไม่ได้ส่งเงินให้เรากับแม่ จนแม่ต้องไปรับเลี้ยงเด็ก
แม่ต้องเอาอาหารเหลือของเด็กที่รับเลี้ยงมาให้เรากินด้วย เพราะไม่มีเงินซื้อข้าว จนแม่คิดว่าไม่ไหวจริงๆ เลยต้องมาทำงานเอง พ่อก็เลยถือโอกาสออกจากงานเลยตอนนั้น พอโตเราเลยพยายามบอกขอให้พ่อเลิกยาได้มั้ย พ่อบอกจะเลิก แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้อยู่ดี
พอขึ้นป.5 แม่จับได้ว่าพ่อมีชู้ และจับได้เพราะพ่อเอาแต่กินเหล้าร้องให้เพราะชู้เขาก็นอกใจพ่อไปหาเพื่อนสนิทพ่อ พ่อกินเหล้ากับเสพยาพร้อมกัน เป็นคอมโบที่แย่มากเลยค่ะ พ่อโมโหร้ายกว่าเดิมอีก โวยวาย ด่าไปทั่ว ซึ่งคนที่เป็นชู้พ่อ พ่อจะชอบพาเราไปหาเขา บอกให้เราไหว้ป้าเขา แล้วแม่ก็เลยโมโหเราไปด้วย บอกว่าเป็นหูเป็นตาให้พ่อ ทั้งๆที่เราไม่รู้จริงๆว่าเขากับพ่อมีความสัมพันธ์กันยังไง หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะพ่อเสพยามานานแล้ว บวกกับเสพหนักด้วยรึเปล่า พ่อก็เริ่มมีอาการหลอนคิดว่าคนอื่นๆรวมหัวกันแกล้งเขา หลังจากนั้นตั้งแต่เราอยู่ป5จนถึงม2 พ่อก็โวยวายทุกวันทั้งกลางวันกลางคืน ด่าตะโกนคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แม่กับพ่อเราทะเลาะกันทุกวัน วันละหลายครั้งด้วย แม่ไม่ได้เลิกกับพ่อทันที เพราะเรายังเรียนไม่จบ แล้วเหมือนช่วงนั้นจะมีโควิด แม่ไม่ได้พาเราย้ายไปไหน และยังอยู่กับพ่อ
พ่อเริ่มขอเงินที่แม่ให้เราไว้ไปโรงเรียน วันละ60บาท เขาจะชอบขอไปทีละ20-30 บอกว่าเติมน้ำมันรถที่จะไปส่ง ถ้าไม่ให้ก็ไม่ต้องไปเรียน จริงๆ แม่เราเติมน้ำมันรถไว้ตลอดอยู่แล้ว เรารู้ เราเลยไม่ให้ ช่วงนั้นเราขาดเรียนบ่อยมาก อาจจะเพราะเราเองก็ไม่อยากไปรร พอพ่ออ้างงี้เราก็ไม่ไป มีวันนึงที่เราตื่นสาย พ่อมาปลุก เราบอกพ่อว่าวันนี้ขอหยุดเรียนนะ แต่พ่อไม่ยอม ไม่รู้ว่าพ่อโมโหอะไรมา พ่อเตะเราที่นอนอยู่บนที่นอนซ้ำๆ จนเราต้องขดตัวเพราะเจ็บ ละเขาก็ไปเอาไม้แขวนเสื้อมาขู่ ให้เราไปห้องน้ำ พอเราไป เราอาบน้ำได้แปปเดียวพ่อก็เร่ง เปิดประตูมา ตบหน้าเรา จนมันแดง เราไปรรต่อแบบนั้น ครูและเพื่อนก็ถามว่าไปโดนอะไรมา เราไม่กล้าบอกเพราะอายก็บอกว่าเดินชนประตู แต่พ่อเอาเรื่องนั้นมาเล่าให้ครูที่รรฟัง แล้วครูก็เอามาเล่าต่อในห้อง สุดท้ายทุกคนก็รู้อยู่ดี ช่วงนี้เราไม่ได้อ่านหนังสือเลย การเรียนเราแย่ลงมาก บวกกับติดช่วงเรียนออนไลน์ พ่อจะชอบยืมโทรศัพท์ไปและทำโทรศัพท์เราพัง เราไม่มีใช้เรียน เราติด0 ส่วนแม่ เราไม่ค่อยได้คุยกับแม่เท่าไหร่เพราะแม่ไปทำงาน
มีวันนึงที่เรามีรอยที่แขนเป็นเหมือนรอยกรีดแขนแต่ไม่ใช่ เราไม่ได้กรีด แม่เราที่เห็นเขาเข้าใจว่าเรากรีดแขน เขาเลยถามเราว่า ทำไมเราไม่กรีดคอตัวเองให้ตายไปเลย แม่เพิ่งทะเลาะกับพ่อมา เลยโมโหเราไปด้วย เพราะแม่บอกว่า เรากับพ่อเป็นเจ้ากรรมนายเวร ทำให้แม่ไปไหนไม่ได้ ชอบบอกว่าเมื่อไหร่เราจะตายไปสักที เพราะเขาจะได้หลุดพ้นจากพ่อด้วย เราเข้าใจได้ว่าแม่เองก็เหนื่อย แม่สามารถทิ้งเราไปเลยก็ได้แต่ไม่ทำ แม่ยอมอยู่ต่อเพราะสงสารที่เรายังเรียนไม่จบ เลยยังทนอยู่กับพ่อต่อ แต่ผลการเรียนของเราที่ออกมามันแย่ ไม่แปลกที่เราจะโดนด่า ส่วนย่า จริงๆย่าเป็นคนดี เขารักลูกชายเขามาก เขาดีกับเรามากด้วย แต่ตอนนั้นเราทำตัวไม่ค่อยน่ารักกับเขา แล้วย่าที่ทำงานหนักจนแก่ก็ป่วย ต้องไปรักษาตัวที่กรุงเทพ ดีที่ย่ามีลูกสาวอีกคนที่ช่วยได้ ในบ้านเลยเหลือแค่เรากับแม่และพ่อ เราคิดว่าพ่อจะปรับตัว เพราะตั้งแต่ย่าไม่อยู่ แม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายคนเดียวและมันไม่พอ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ที่บ้านเราไม่มีแก็สใช้ด้วยซ้ำ น้ำมันก็ไม่มี กินได้แค่ข้าวกับไข่ต้มที่ต้มในหม้อหุงข้าว แถวบ้านที่เราอยู่มีน้ำท่วม เขาเลยมีถุงยังชีพให้ ซึ่งข้าวกับไข่คือของจากถุงนั่นแหละ บางครั้งมีมาม่า ต้ม 2 ห่อ กินด้วยกันสามคน เอามาคลุกกับข้าว เราว่ามันคือช่วงชีวิตที่แย่มากกกก นอกจากจะกินไม่อิ่ม นอนไม่ค่อยหลับ(พ่อเอาแต่โวยวายตอนกลางคืน และเราก็กลัวเขาจะมาฆ่าเราเหมือนในข่าวด้วย) สุขภาพจิตก็ไม่ค่อยจะดี เรื่องที่เราเจอเราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง เพราะคงไม่มีใครอยากฟังอะไรที่มันไม่ดีเท่าไหร่ วันนึงเราเหลือเงินมาจากรร 40 เรากะว่าจะเอามาซื้อน้ำอัดลมกับมาม่าไปกิน แต่พ่อก็เอาเงินเราไป เราขอคืนแต่เขาไม่ให้ เราบอกว่าเราหิวข้าว พ่อก็ไม่ให้ เงินนั่นไม่ได้นำไปใช้ในทางที่มีประโยชน์เลย เขาเอาไปซื้อยา วันนั้นเราตัดสินใจได้ว่าเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พ่อไม่มีทางดีขึ้น
เราบอกแม่ว่าเราจะย้ายไปอยู่กับยาย เราคิดว่ากับสิ่งที่เจอคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วแต่มันมีอีกค่ะ เรามาอยู่กับยายที่เราไม่ค่อยสนิท เขาเลี้ยงหลานลูกคนละแบบกับที่เราโดนเลี้ยงมา เราเลยโดนด่าเยอะมาก อย่างเช่น เราซักผ้าเครื่อง 2 ฝาไม่เป็น เราเลยมักจะโดนด่าเรื่อง ใช้น้ำเยอะ แฟ็บเยอะ บางทีก็ทำผิดจากวิธีที่เขาทำ เขาจะชอบโทรไปด่าแม่เรา ส่วนเราเขาจะเมิน แล้วแซะเอา นอกจากยายแล้วก็มีตา เป็นคนที่เขาชอบให้คนอวย ถ้าคนให้ความสนใจเขา อวยเขา เขาจะชอบ แต่เราประจบประแจงใครไม่ไหวค่ะ จะให้ถือคติว่าผู้ใหญ่ถูกทุกอย่างไม่ไหวจริงๆ เราไม่เคยเถียงเขานะคะ ถ้าพวกเขาด่าเราเราจะเงียบ ยอมให้เขาด่า ถ้าแก้ได้ก็แก้ แต่กลายเป็นพอเราไม่แอคติ้งกับการด่าของพวกเขา เขาจะมองว่าเราเป็นพวกหน้าด้านค่ะ จะหาคำด่าที่แรงขึ้น จะเรียกเราขึ้นต้นด้วยอี ในขณะที่หลานคนอื่นที่เขาเลี้ยงมาแต่เล็กจะเรียกขึ้นต้นว่าน้องค่ะ ด่าว่า

เลว อีบ้า ชั่ว เป็นคำด่าหยาบๆก็เยอะค่ะ
บางครั้งก็พูดเป็นประโยคว่าสงสารแม่เราที่คลอดเราออกมา เราไม่น่าเกิดขึ้นมาเลย หรือตายๆไปก็ดี อย่างน้อยแม่มันก็ได้เงินค่าประกัน อันนี้เขาพูดใส่เราตอนเราเป็นโควิดค่ะ เราตรวจเอง ไปหาหมอ ทำบัตรทอง ทำไรเองทุกอย่างเลยค่ะ เหมือนว่าที่บอกว่าตายๆไปก็ดีจะไม่ใช่แค่ขู่ บางครั้ง เขาจะชอบพูดทำนองว่า เราไม่มีปัญญาสอบติดมหาลัย ดูถูกเราอะค่ะ เขาจะชอบพาหลานเขาไปเที่ยว ซื้อของกินมาฝาก น้าคนอื่นที่เป็นลูกของยายก็จะซื้อของกินมาฝากแค่หลานคนอื่น เราคือคนเดียวที่ไม่ได้ คิดมั้ยคะ ว่าปัญหาจะอยู่ที่เรารึป่าว เราเคยคิดแบบนั้นค่ะ แต่พอมีงานที่รวมญาติมันทำให้เรารู้ว่า บ้านที่เราอยู่ที่ไม่เคยเห็นเราในสายตาเลย พอเทียบกับจำนวนญาติทั้งหมด ก็คือกลุ่มที่ญาติคนอื่นๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เราได้รู้ด้วยว่าสาเหตุที่เขาทำไม่ดีใส่เราไม่ใช่ความผิดเราเลย ส่วนเรื่องการเรียน ตอนนี้ม5แล้วค่ะ สามเทอมที่ผ่านมาเกรดเราดีขึ้นมาก ถ้าเทียบกับที่เคยติด0ติดร เราอยู่กับยายมาได้ 3 ปีกว่า ปัจจุบันก็ยังอยู่ เราเกิดสงสัยว่า จิตใจเรายังโอเคอยู่มั้ยแต่รู้สึกว่าตัวเองปกติ เราควรไปหาหมอมั้ยคะ
เจอแบบนี้ควรไปหาจิตแพทย์มั้ยคะ