วันนี้ว่างๆ เลยอยากมาเล่ามาเล่าประสบการณ์ ระหว่างไปบรรจุรับราชการ ที่จังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ปกติผมเป็นคนภาคกลาง เมื่อสอบบรรจุข้าราชการครู สาขาอุตสากรรมได้ ก็ไปเลือกที่ลงโรงเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการ ระหว่างเลือกก็มีหลายที่ให้เลือก ทุกคนก็มาขอบอกว่าอยากได้ที่ไหนบ้าง ด้วยความที่ทุกจังหวัดที่เลือกก็ไม่มีใกล้บ้านผมอยู่แล้ว ผมจังไม่ได้ซีเรียส จึงเหลือแค่ภาคใต้ ด้วยความที่ชอบทะเลมี ใกล้สนามบินก็โอเคไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
วันไปรายงานตัวก็ขับรถไปรายงานตัวที่โรงเรียน ครั้งแรกที่เห็นโรงเรียน เป็นโรงเรียนร้าง มีอาคารไม้โรงเรียนสมัยก่อน ที่หน้าต่างประตูหายไปหมดแล้ว หลังคาก็เหลือแค่บางส่วน รอบๆก็เป็นป่าปาล์ม มีบ้านอยู่ห่างๆกัน ก็เดินตามหา ผอ เพื่อรายงานตัว ในห้องเรียนเก่าห้องหนึ่งก็พบ ผอโรงเรียนก็ลักษณะอ้วนๆตัวเล็ก ผิวคล้ำแบบคนใต้ มองรอบๆห้องเห็นมีพระพุทธรูปหลายองค์ หนังสือสวดมนต์บนโต๊ะ พร้อมกลิ่นเหมือนยาสมุนไพร อบอวล ก็คุยเรื่องทำงาน ผอ ก็แจ้งว่าได้รับงบประมาณมาร้อยกว่าล้าน เพื่อสร้างโรงเรียนใหม่ในที่ดินนี้ โดยรับครูอุตสาหกรรมมาเพื่อควบคุมงาน ผมก็รับทราบ ที่โรงเรียนมีครูสองคน ตอนนี้ไปทำงานอีกโรงเรียนนึงเนื่องจากต้องทำเบิกจ่ายในโรงเรียนอื่น ครูอีกคนอยู่แถวนี้ มีเจ้าหน้าที่เอกสาร 2คน งานอีก 2คน
หลังจากคุยเสร็จ ก็พบว่าบ้านพักครูพังหมดแล้วเหลือเพียงส่วนที่เป็นปูนที่เป็นห้องน้ำ ไฟฟ้าจะมีเฉพาะฟ้องสำนักงาน โชคดีผมชอบไปแคมป์ปิ้ง แล้วก็เตรียมเตนท์มาแล้วด้วย จึงขอเอาไปกางบนอาคารเรียนไม้เก่า ที่เตรียมรื้อเพื่อสร้างอาคารใหม่คืนแรกก็นอนในเตนท์กางโรงเรียน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ถ้าอาบน้ำก็ต้องเดินไปอีก 300 เมตร ในห้องน้ำบ้านพักครูแบบโอเพนหลังคา กิจกรรมเป็นไปแบบนี้ทุกวัน
ทุกเย็นผมจะปั่นจักรยานไปกินข้าวตอนค่ำๆ เป็นกิจวัตร ระหว่างทางก็จะผ่านบ้านชาวบ้าน แทบทุกบ้านมองทะลุเข้าไปข้างในเหมือนจะมีศาลอะไรสักอย่างอยู่ในบ้าน แล้วก็จะมีเสียงสวดมนต์ตอนเย็นแบบที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธตลอดดเวลา บางทีก็มีการเข้าทรงกัน มีเสียงดังเป็นระยะ ด้วยความที่ผมเป็นพุทธและเชื่อเสมอว่าเราทำดีต้องได้ดี จึงไม่ได้สนใจคิดว่าเป็นความเชื่อของแต่ละคน วันหนึ่งผมทานข้าวที่ร้านแถวโรงเรียนอยู่ๆก็มียายนุ่งผ้าคล้ายโสร่ง มานั่งจับบ่าพูดเป็นภาษาใต้แบบฟังไม่เข้าใจ จับใจความได้ประมาณว่า "มาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงมานี่ ตาย ผี ป่าช้า " ก็ฟังไม่เข้าใจบ้างก็ชวนคุยก็เลยรู้ว่าเป็นคนแถวนี้ ผมทานเสร็จก็กล่าวลา ยายก็จับมือไว้แล้วพูดอะไรซักอย่างเร็วๆคล้ายคาถาที่ผมฟังไม่เข้าใจ
คืนนั้น ผมอยู่ทำงานในสำนักงานคนเดียว จนถึงค่ำเพราะเร่งทำเกี่ยวกับแปลนโรงเรียน อยู่ๆไฟก็ก็ดับ ด้วยความที่โน้ตบุคแบตยังมีก็พิมงานต่อ มีเสียงลมหวีดพัดเข้ามาผ่านประตูไม้แบบสองบานสไตล์โรงเรียนเก่า มีเสียงประตูดังปึงปังๆ ผมลุกขึ้นไปเพื่อล็อคประปู มีบางสิ่งสีดำพุ่งชนหน้าผมอย่างแรงจนน้ำตาไหล ผมปัดมันออกอย่างรวดเร็วพร้อมพุบนั่งลงกับพื้นพลางหันไปมองทั่วทั้งห้องจรดเพดาน ผมเห็นฝูงค้างคาวจำนวนมากบินวนเป็นวงกลมอยู่ในห้อง ผมค่อยๆคลาน หลบออกไปที่ประตูไม่นานทุกอย่างก็สงบ ไฟก็ติดๆดับๆ ตลอดเวลา ผมเข้านอนในเตนท์ เสียงไม้พื้นดังลั่นพร้อมเสียงประตูหน้าต่างดังตลอด แต่ผมไม่แคร์ คิดว่าแค่พายุจะมาแล้วก็หลับไป กลางดึกผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงสวดมนต์แบบพุทธ ดังแว่วมาจากอาคารสำนักงาน ผมเดินลงไปดูเห็น ผอ นั่งคุกเข่ากับพื้น สวดมนต์อยู่ แกหันมาแล้วก็หยุดสวด แกตอบว่าวันนี้แกจะกลับบ้านไปหาญาติแล้วแกก็ขับรถออกไป ผมกลับไปนอนเหตุการณ์ทุกอย่างปกติ
หลังจากนั้น คนงาน และเจ้าหน้าที่ก็มองผมแปลกไป เหมือนนับถือผมมากขึ้น ผมก็คิดว่าเพราะผมทำงานเดินหน้าได้ไวละมั้งก็ไม่ได้คิดอะไร งานสร้างโรงเรียนก็เริ่มจากรื้อโรงเรียนไม้เก่าออก จะหว่างนั้นก็ทำการประมูลไม้ แบบยื่นซองเสนอราคา ใครให้มากกว่าคนนั้นได้ไป ระหว่างประมูลยายแก่คนนั้นก็มายืนหน้าประตูโรงเรียนมองดูไกลๆอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร จนได้ผู้ชนะ วันทำการรื้อไม้โรงเรียนรื้อหลายวันก็ไม่เสร็จจึงเข้าไปสอบถามทำไมล่าช้า หัวหน้าคนงานบอกว่า คนงานลาออกไปหลายคน มาแล้วก็ออก บางคนก็หนีหายไปเลยไม่รู้ทำไม ผมก็กำชับว่าให้ทำตามกำหนดไม่งั้นผมจะปรับ
หลังจากรื้ออาคารแล้ว ผมก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ โดยได้เช่าบ้านไม้เก่าไม่ไกลจากโรงเรียน วันหนึ่งผมต้องไปอยู่เวรกลางคืนที่โรงเรียนก็นอนบนเปลอยู่ข้างๆสำนักงาน ไม่นานก็ได้ยินเสียงพูดไวๆแบบที่ไม่เข้าใจ มันดังนานเบาบ้างดังบ้าง จึงลุกขึ้นเดินหาต้นตอเสียงพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอก ไหนๆก็นอนไม่หลับแล้วก็เดินหาเลยละกัน หลังโรงเรียนจะมีต้นไทรต้นใหญ่มากๆ อยู่ พยายามเดินไปฟังเสียงพอเดินเข้าใกล้เสียงก็เงียบไป พอกลับออกมาก็ดังอีก เป็นแบบนี้อยู่นานจนเลิกสนใจ แล้วกลับไปนอนต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น ป้าเจ้าหน้าที่ก็มาลงชื่อทำงานกับผม ขณะเซนชื่อก็หงายหลังล้มพับไปกับพื้น พร้อมชักกะแด๋วๆๆ ตาเหลือกมองมาทางผม ผมก็เรียนคนงานมาอุ้มพาไปโรงพยาบาล แล้วขับรถตามไป ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ พยาบาลพยายามฉีดยาแต่ฉีดยาไม่เข้า พร้อมกรี๊ดร้องเสียงดัง บุรุษพยาบาลหลายคนมาพยายามจับมัดป้าแก ในที่สุดแกก็สะบัดหลุดวิ่งออกไปที่ถนน บุรุษพยาบาลก็วิ่งตาม ป้าแกกระโดดให้รถชน โชคดีรถขับไม่เร็วจึงบาดเจ็บไม่มาก บุรุษพยาบาลจึงจับมัดกับเตียง แต่ก็ยังร้องลั่นโรงพยาบาล ร้องอยู่นานมาก แกก็พยายามมองตาถลนมาที่ผม เอามืเอื้อมมาจับไม่รู้ทำไม ไม่นาน ชาวบ้านก็พา ผู้ชายคนนึงมาอายุน่าจะไม่เกิน 40 แต่ตัวนุ่งโสร่งไม่ใส่เสื้อมีลูกทีมมากันสองสามคน โดยบอกคนนี้เป็นเหมือนพ่อหมอ แกก้เอามีกดที่หน้าผากป้าเจ้าหน้าที่ จี้ปุ๊บเงียบปั๊บ สงบเลย ฉีดยาได้เลย ผมเลยเรียกลูกสาวป้าแกให้มารับกลับบ้าน
เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ครับ ไปรับลูกก่อน ^^
เรื่องเล่าครูบรรจุใหม่
วันไปรายงานตัวก็ขับรถไปรายงานตัวที่โรงเรียน ครั้งแรกที่เห็นโรงเรียน เป็นโรงเรียนร้าง มีอาคารไม้โรงเรียนสมัยก่อน ที่หน้าต่างประตูหายไปหมดแล้ว หลังคาก็เหลือแค่บางส่วน รอบๆก็เป็นป่าปาล์ม มีบ้านอยู่ห่างๆกัน ก็เดินตามหา ผอ เพื่อรายงานตัว ในห้องเรียนเก่าห้องหนึ่งก็พบ ผอโรงเรียนก็ลักษณะอ้วนๆตัวเล็ก ผิวคล้ำแบบคนใต้ มองรอบๆห้องเห็นมีพระพุทธรูปหลายองค์ หนังสือสวดมนต์บนโต๊ะ พร้อมกลิ่นเหมือนยาสมุนไพร อบอวล ก็คุยเรื่องทำงาน ผอ ก็แจ้งว่าได้รับงบประมาณมาร้อยกว่าล้าน เพื่อสร้างโรงเรียนใหม่ในที่ดินนี้ โดยรับครูอุตสาหกรรมมาเพื่อควบคุมงาน ผมก็รับทราบ ที่โรงเรียนมีครูสองคน ตอนนี้ไปทำงานอีกโรงเรียนนึงเนื่องจากต้องทำเบิกจ่ายในโรงเรียนอื่น ครูอีกคนอยู่แถวนี้ มีเจ้าหน้าที่เอกสาร 2คน งานอีก 2คน
หลังจากคุยเสร็จ ก็พบว่าบ้านพักครูพังหมดแล้วเหลือเพียงส่วนที่เป็นปูนที่เป็นห้องน้ำ ไฟฟ้าจะมีเฉพาะฟ้องสำนักงาน โชคดีผมชอบไปแคมป์ปิ้ง แล้วก็เตรียมเตนท์มาแล้วด้วย จึงขอเอาไปกางบนอาคารเรียนไม้เก่า ที่เตรียมรื้อเพื่อสร้างอาคารใหม่คืนแรกก็นอนในเตนท์กางโรงเรียน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ถ้าอาบน้ำก็ต้องเดินไปอีก 300 เมตร ในห้องน้ำบ้านพักครูแบบโอเพนหลังคา กิจกรรมเป็นไปแบบนี้ทุกวัน
ทุกเย็นผมจะปั่นจักรยานไปกินข้าวตอนค่ำๆ เป็นกิจวัตร ระหว่างทางก็จะผ่านบ้านชาวบ้าน แทบทุกบ้านมองทะลุเข้าไปข้างในเหมือนจะมีศาลอะไรสักอย่างอยู่ในบ้าน แล้วก็จะมีเสียงสวดมนต์ตอนเย็นแบบที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธตลอดดเวลา บางทีก็มีการเข้าทรงกัน มีเสียงดังเป็นระยะ ด้วยความที่ผมเป็นพุทธและเชื่อเสมอว่าเราทำดีต้องได้ดี จึงไม่ได้สนใจคิดว่าเป็นความเชื่อของแต่ละคน วันหนึ่งผมทานข้าวที่ร้านแถวโรงเรียนอยู่ๆก็มียายนุ่งผ้าคล้ายโสร่ง มานั่งจับบ่าพูดเป็นภาษาใต้แบบฟังไม่เข้าใจ จับใจความได้ประมาณว่า "มาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงมานี่ ตาย ผี ป่าช้า " ก็ฟังไม่เข้าใจบ้างก็ชวนคุยก็เลยรู้ว่าเป็นคนแถวนี้ ผมทานเสร็จก็กล่าวลา ยายก็จับมือไว้แล้วพูดอะไรซักอย่างเร็วๆคล้ายคาถาที่ผมฟังไม่เข้าใจ
คืนนั้น ผมอยู่ทำงานในสำนักงานคนเดียว จนถึงค่ำเพราะเร่งทำเกี่ยวกับแปลนโรงเรียน อยู่ๆไฟก็ก็ดับ ด้วยความที่โน้ตบุคแบตยังมีก็พิมงานต่อ มีเสียงลมหวีดพัดเข้ามาผ่านประตูไม้แบบสองบานสไตล์โรงเรียนเก่า มีเสียงประตูดังปึงปังๆ ผมลุกขึ้นไปเพื่อล็อคประปู มีบางสิ่งสีดำพุ่งชนหน้าผมอย่างแรงจนน้ำตาไหล ผมปัดมันออกอย่างรวดเร็วพร้อมพุบนั่งลงกับพื้นพลางหันไปมองทั่วทั้งห้องจรดเพดาน ผมเห็นฝูงค้างคาวจำนวนมากบินวนเป็นวงกลมอยู่ในห้อง ผมค่อยๆคลาน หลบออกไปที่ประตูไม่นานทุกอย่างก็สงบ ไฟก็ติดๆดับๆ ตลอดเวลา ผมเข้านอนในเตนท์ เสียงไม้พื้นดังลั่นพร้อมเสียงประตูหน้าต่างดังตลอด แต่ผมไม่แคร์ คิดว่าแค่พายุจะมาแล้วก็หลับไป กลางดึกผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงสวดมนต์แบบพุทธ ดังแว่วมาจากอาคารสำนักงาน ผมเดินลงไปดูเห็น ผอ นั่งคุกเข่ากับพื้น สวดมนต์อยู่ แกหันมาแล้วก็หยุดสวด แกตอบว่าวันนี้แกจะกลับบ้านไปหาญาติแล้วแกก็ขับรถออกไป ผมกลับไปนอนเหตุการณ์ทุกอย่างปกติ
หลังจากนั้น คนงาน และเจ้าหน้าที่ก็มองผมแปลกไป เหมือนนับถือผมมากขึ้น ผมก็คิดว่าเพราะผมทำงานเดินหน้าได้ไวละมั้งก็ไม่ได้คิดอะไร งานสร้างโรงเรียนก็เริ่มจากรื้อโรงเรียนไม้เก่าออก จะหว่างนั้นก็ทำการประมูลไม้ แบบยื่นซองเสนอราคา ใครให้มากกว่าคนนั้นได้ไป ระหว่างประมูลยายแก่คนนั้นก็มายืนหน้าประตูโรงเรียนมองดูไกลๆอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร จนได้ผู้ชนะ วันทำการรื้อไม้โรงเรียนรื้อหลายวันก็ไม่เสร็จจึงเข้าไปสอบถามทำไมล่าช้า หัวหน้าคนงานบอกว่า คนงานลาออกไปหลายคน มาแล้วก็ออก บางคนก็หนีหายไปเลยไม่รู้ทำไม ผมก็กำชับว่าให้ทำตามกำหนดไม่งั้นผมจะปรับ
หลังจากรื้ออาคารแล้ว ผมก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ โดยได้เช่าบ้านไม้เก่าไม่ไกลจากโรงเรียน วันหนึ่งผมต้องไปอยู่เวรกลางคืนที่โรงเรียนก็นอนบนเปลอยู่ข้างๆสำนักงาน ไม่นานก็ได้ยินเสียงพูดไวๆแบบที่ไม่เข้าใจ มันดังนานเบาบ้างดังบ้าง จึงลุกขึ้นเดินหาต้นตอเสียงพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอก ไหนๆก็นอนไม่หลับแล้วก็เดินหาเลยละกัน หลังโรงเรียนจะมีต้นไทรต้นใหญ่มากๆ อยู่ พยายามเดินไปฟังเสียงพอเดินเข้าใกล้เสียงก็เงียบไป พอกลับออกมาก็ดังอีก เป็นแบบนี้อยู่นานจนเลิกสนใจ แล้วกลับไปนอนต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น ป้าเจ้าหน้าที่ก็มาลงชื่อทำงานกับผม ขณะเซนชื่อก็หงายหลังล้มพับไปกับพื้น พร้อมชักกะแด๋วๆๆ ตาเหลือกมองมาทางผม ผมก็เรียนคนงานมาอุ้มพาไปโรงพยาบาล แล้วขับรถตามไป ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ พยาบาลพยายามฉีดยาแต่ฉีดยาไม่เข้า พร้อมกรี๊ดร้องเสียงดัง บุรุษพยาบาลหลายคนมาพยายามจับมัดป้าแก ในที่สุดแกก็สะบัดหลุดวิ่งออกไปที่ถนน บุรุษพยาบาลก็วิ่งตาม ป้าแกกระโดดให้รถชน โชคดีรถขับไม่เร็วจึงบาดเจ็บไม่มาก บุรุษพยาบาลจึงจับมัดกับเตียง แต่ก็ยังร้องลั่นโรงพยาบาล ร้องอยู่นานมาก แกก็พยายามมองตาถลนมาที่ผม เอามืเอื้อมมาจับไม่รู้ทำไม ไม่นาน ชาวบ้านก็พา ผู้ชายคนนึงมาอายุน่าจะไม่เกิน 40 แต่ตัวนุ่งโสร่งไม่ใส่เสื้อมีลูกทีมมากันสองสามคน โดยบอกคนนี้เป็นเหมือนพ่อหมอ แกก้เอามีกดที่หน้าผากป้าเจ้าหน้าที่ จี้ปุ๊บเงียบปั๊บ สงบเลย ฉีดยาได้เลย ผมเลยเรียกลูกสาวป้าแกให้มารับกลับบ้าน
เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ครับ ไปรับลูกก่อน ^^