สวัสดีครับ เห็นช่วงนี้เรื่องผีเยอะอย่างกับช่วงฮาโลวีน ขออภัยด้วยถ้ามีอะไรผิดพลาดนี่เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ เห็นกระทู้อื่นๆเป็นแรงบันดาลใจให้ผมที่จะเล่าเรื่องของตัวเองอย่างมาก ก่อนอื่นผมต้องขอเปิดแบบเชยๆเหมือนคนอื่นๆที่เล่าๆกันมาเลยนะครับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน และ ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยครับ ออกแนวท้าทายลบหลู่ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาน ผี ของดำ ของขาว เวรกรรม ต่างๆนาๆ ผมเชื่อมาตลอดว่าหากผีมีจริงผมต้องได้เจอกับลุง ปู่ ตา อา หรือย่าทวด ที่จากผมไปแล้ว ผมไม่เคยกลัวที่จะเจอพวกเขาเหล่านั้นเลยครับ ตั้งหน้าตั้งตารอด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่จะมาหาผมมั่ง บางคนบอก 7 วัน 3 วัน ผมรอมาหลายปีแล้วครับ แม้แต่ฝันยังไม่เคย
ผมเลยไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง!!! หลังวันเกิดผม 3 วัน วันเกิดอายุครบรอบ 25 พอดี ซึ่งเป็นวัยเบญจเพส ที่หลายคนย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่แน่นอนครับผมไม่เชื่อ อายุมันจะมามีส่วนกับการใช้ชีวิตยังไง ผมยังคงเที่ยวหลั่นล้ากับเพื่อนๆเหมือนปกติครับ จนวันนั้น พวกเราไปเที่ยวทะเลกัน 5 คน ขอแทนตัวเองว่า A นะครับเพื่อนที่เหลือก็เป็น B-E ไป ผมไม่คิดเลยครับว่าการไปเที่ยวครั้งนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเราทั้ง 5 ไปตลอดกาล
จังหวัดที่เราไปอยู่ทางภาคเหนือครับ โรงแรมตั้งอยู่ริมชายหาดเป็นบังกะโลแบบ Contemporary ครับ สองชั้น 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ มีสวนหย่อมและน้ำพุอยู่กลางบ้าน เชื่อไหมครับตอนแรกพวกเราหาบ้านหลังนี้ยังไงก็ไม่เจอครับ ขนาดใช้ Google Maps เปิดช่วยกันทั้ง 5 เครื่อง จนต้องจอดรถถามทางดาบตำรวจท่านหนึ่ง พอผมบอกชื่อบังกะโลเท่านั้นแหละครับ ดาบตอบกลับมาด้วยเสียงสั้นๆว่า "ไม่รู้จัก" ครับพวกผมก็ต้องคลำหาทางกันต่อไป จนในที่สุดก็เจอครับ ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อตรงที่ว่าเราได้ผ่านที่ตรงนั้นมา 3 รอบแล้ว...........พิมพ์ๆอยู่ยังขนลุกเลยครับ ทำไมไม่มีใครมองเห็นป้าย ทั้งๆที่หลอดนีออกสีรุ้งเหมือนงานวัดประดับหราอยู่ที่ป้าย
ในที่สุดเราก็ถึงบังกะโลที่จองครับ ตอนรับกุญแจนี่เด็กต้อนรับทำหน้ามีความสุขเหมือนได้ขายห้องยังไงก็ไม่รู้ซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะน่าจะเป็นปกติอยู่แล้วที่พนักงานต้อนรับต้องยิ้มทักทายตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตัดภาพมาที่บังกะโลครับ สัมผัสแรกผมไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าบังกะโล 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำที่ทุกคน 5 คนถึงจะต้องมีคนแชร์ห้องกันแต่ก็มีห้องน้ำส่วนตัวคนละห้องที่ผมหาราคาจากเว็บไซต์จองห้องพักเลื่องชื่อในราคาไม่ถึง 1500 บาท!!! จะมีสภาพสวยงามเหมือนภาพในอินเตอร์เน็ตขนาดนี้
แต่เมื่อพวกเราทั้ง 5 ก้าวเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่ได้ยินจนทุกคนต้องหันมามองหน้ากันคือเสียงแมวกรี๊ดครับ ใครไม่รู้ว่าแมวกรี๊ดเป็นยังไงลองไปแหย่แมวแปลกหน้าดูครับมันจะขู่ๆเรา ซึ่งที่หน้าแปลกใจไปอีกคือแถวนั้นผมมองไม่เห็นแมวซักตัว..........
ก็นั่นแหละฮะท่านผู้อ่าน พวกผมไม่ได้เอะใจอะไรมากมายยังคงนั่งเมาสุราปาร์ตี้เล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน ทุกคนเมาหลับไปตื่นมาตอนเช้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
เช้าวันต่อมาเพื่อนผมเจ้า B ได้ถามว่าเมื่อวานใครเปิดบทสวดก่อนนอนรึเปล่า พวกเราทั้ง 4 ที่เหลือไม่มีใครทราบเลยครับ รับรองได้ว่าไม่มีใครมานั่งอุตริเปิดบทสวดก่อนนอนกันแน่ เพราะพวกเราต่างก็ไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้ ไปนอนที่ไหนเจ้าที่ก็ไม่เคยไหว้ครับ ขออะไรก็ไม่เคยขอ หลังจากนั้น B ก็เริ่มดูวิตกจริตกว่าที่ควร ทีนี้เรื่องมันเกิดอยู่ที่ว่า C ครับ ไอ้นี่มันซนมันชอบหยิบนู่นจับนั่นมาเล่น แล้วทีนี้นึกอารมณ์บังกะโลริมทะเลออกใช่ไหมครับ ตรงเตาผิงเค้าจะชอบประดับหัวกวางมูสกัน มันก็ไปจับเขาเล่นครับ
ละเขามันก็หักลงมาห้องลับหลังเตาผิงก็เปิดขึ้น พวกเราที่เหลือมองหน้ากันเลิกลักเลย ในใจนี่คิดว่า Ship หายแล้ว ผมสาบานเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผี ในหัวนี่สายลับ 007 ลอยมาก่อนเลยครับ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นพวกเราทั้ง 5 จึงตกลงว่า 4 คนลงไปอีกหนึ่งคนรออยู่ข้างนอกเผื่อประตูมันปิดเอง ข้างในค่อนข้างมืดครับทางเดินเดินลงไปข้างล่างผมมั่นใจว่ามันคือห้องใต้ดิน
เสียงข้างในห้องเงียบมากจนได้ยินเสียงหายใจของเพื่อนคนอื่น ผมยืนนำหน้าสุดครับด้วยความที่ว่าชอบอะไรแบบนี้ แต่เมื่อลบันไดไปได้ 17 ขั้นผมก็ต้องหยุดครับ ผมเห็นแสงสีเขียวลอยผ่านจากด้านขวาไปซ้ายด้วยความเร็ว แล้วหายไป ผมคิดในใจว่าต้องเป็นไฟฟ้าลัดวงจรแน่ๆเพราะห้องนี้ดูจากสภาพแล้วน่าจะไม่ได้ใช้งานมานาน พอผมก้าวลงไปอีกขั้นนึงเท่านั้นแหละครับ ผมได้ยินเสียงระนาดครับ บรรเลงเป็นเพลง See you again ที่เป็น original soundtrack ของ ฟาส 7 เพื่อนที่เหลืออีก 3 คน 2 คนทิ้งผมไปแล้วครับเหลือก็แต่ไอ้ D เราสองคนตัดสินใจหาสวิตซ์ไฟเพื่อที่จะได้รู้ว่าเรามีแขกอยู่ด้วยอีกคนหรือไม่
พรึ่บ เพียงแค่คิดครับไฟก็เปิดทันทีเหมือนมี Jarvis คอยควบคุมระบบแบบใน สตาร์ค ทาวเวอร์ ที่น่าตกใจกว่านั้นครับในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ระนาด วิทยุ เครื่องเล่นเสียง หรืออะไรก็ตาม แต่ที่พื้นห้องมี ตุ๊กตาเต้นแทงโก้ตั้งอยู่หนึ่งตัวพร้อมตัวอักษรเม็กซิกัน ด้วยความมือบอนของผมผมจึงไปหยิบขึ้นมาดูครับซึ่งถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมคงไม่ทัน
หลังจากที่หยิบนั้นผมได้ยินเพื่อนข้างบนส่งเสียงโวยวายด้วยความตกใจผมกับ D รีบวิ่งขึ้นไปครับ แต่พอขึ้นไปภาพที่น่าตกใจกว่าคือเพื่อนข้างบนทั้งสามคนนอนอยู่ที่พื้นครับ ที่ร่างกายมีรอยเข็มทิ่มเกือบร้อยเข็ม ครับทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว C คนที่หักเขากวางเขียน Dying message ไว้ข้างตัวเป็นรูปตัว M ครับ
เย็นวันนั้นตำรวจก็มา เจ้าหน้าที่มาเก็บศพอะไรเรียบร้อยผมกับ D ค่อนข้างช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับในใจยังคงคิดว่าเป็นแค่ความฝัน โดยเฉพาะ D นี่พูดอะไรไม่ออกเลยครับ สุดท้ายแล้วเราตัดสินใจกลับบ้านกันครับ โดยดาบที่ไม่รู้จักบังกะโลคนเดิมขับรถมาส่งพวกเราที่กรุงเทพ ผมกับ D ตัดสินใจไปร่วมงานศพเพื่อนทั้ง 3 ครับ ทุกคนเผาที่เดียวกันเนื่องจากเราสนิทกันมาก เคยร่วมสาบานกันที่สวนทุเรียนว่าจะเป็นพี่น้องกันจนกว่าจะหาไม่ วันนั้นงานศพทั้งสามคนหลังจากเผาเสร็จแล้วหมาหอนพร้อมกันประมาณ 16 ตัว พร้อมกับรถกับข้าวที่เข้ามาขายในวัดอีก 2 คน ทุกคนในงานมองหน้ากันเลิกลักเลยครับ
หลังจากงานศพผมกับ D ก็ไปถวายเพนหลวงพ่อหนึ่งองค์ครับ D ก็ถามหลวงพ่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งท่านก็ตอบมาว่าท่านช่วยอะไรไม่ได้ ท่านไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ท่านเป็นพระจะไปเห็นผีได้อย่างไร ท่านบวชเพื่อศึกษาธรรมะและอยู่ในวิถีของเหตุและผล ผมกับ D ก็เหมือนได้รับฟังธรรมจากท่านจึงได้ลากลับ ขากลับมัคทายกได้ทัก D และผมว่า ถวายสังฆทานไหม ช่วงนี้สองคนดวงตกนะ ระวังเค้าอยากได้เราไปอยู่ด้วย
ผมจึงถามกลับว่าใครคือเค้า มัคทายกก็บอกคนที่ตามเรามาไงหละ ผมเลยหันกลับไปบอก D ว่ามันไม่ใช่สเปคผมอย่ามายุ่งกับผมแล้วเดินจากปล่อยมัคทายกยืนหน้างงไป
วันนั้นผมกลับบ้านมาก็ได้เจอกลับเรื่องประหลาดตอนกลางคืนครับ ผมนอนๆอยู่ก็หายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมาทับหน้าอก ในใจคิดว่าโดนแล้วแน่ๆผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูประกฎว่าราวตากผ้าในห้องมันหล่นลงมาทับ ผมน่าจะเชื่อฟังแม่ว่าอย่าตากผ้าในห้อง เกือบไปแล้วไหมหละ....
เหตุการณ์แปลกๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ D เดินกลับบ้าน ซึ่งบ้านของ D อยู่ในซอยเปลี่ยวและมืดวันนั้นมันเล่าให้ฟังว่ามันเห็นสิ่งที่มันต้องจดจำไปตลอดชีวิตมันเห็นผู้หญิงผมสั้นเซ็ททรงโมฮ็อค กรีดอายไลเนอร์ ยืนใส่เสื้อลายดอกเหมือนจะไปเล่นน้ำสงกรานต์สีบานเย็นแล้วหายวับไปกับตาต่อหน้ามันตรงกลางซอยบ้าน ผมตอนนั้นยอมรับเลยครับว่าไม่เชื่อมันหรอกผีที่ไหนจะทำผมโมฮ็อค ปกติเค้าต้องไว้ยาวใส่ชุดดำไม่ก็ขาว หน้าต้องเปื้อนเลือดหรือซีดๆ แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเชื่อครับ
เย็นวันถัดมาผมตี LOL กับเพื่อนอยู่ในห้อง(หาทีมครับใครอยากเล่นด้วยแอดมาหลังไมค์นะ) มีคนมาเรียกชื่อผมหน้ารั้วครับ เรียกจนผมไม่มีสมาธิตีป้อมเลยต้องเดินไปดู ผมตกใจมากครับ ผมเห็นเงาสีเขียวเหมือนกรีนแลนเทิร์นยืนอยู่หน้าประตูแล้วบินหายไปเหมือนกับที่เจอในห้องลับที่บังกะโลนั้น ในใจผมคิดถึงสาวโมฮอร์คที่ไอ้ D มันบอกเลยครับ ถ้าผมเจอผีระดับกรีนแลนเทิร์นแล้วทำไมมันจะเจอผีโมฮอร์คไม่ได้
เรื่องที่แปลกๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ เช่นระหว่างทางเดินเข้าบ้านไอ้ D ที่เป็นทางเปลี่ยวมันบอกเดินๆอยู่ขนก็ลุกแล้วก็ได้ยินเสียงเพลงระนาดเป็นเพลง wiggle ของ snoop dogg
พวกผมทนกันต่อไปไม่ได้แล้วครับ ณ จุดๆนั้นจึงตัดสินใจกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนั่นก็คือ บังกะโล นั้นนั่นเอง
คืนนั้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงครับผมจำได้แม่น ผมกับ D เดินทางไปถึงเกือบสามทุ่มว่าจะไปเค้นความจากเด็กต้อนรับที่โรงแรมว่าบังกะโลนั้นคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่ผมได้พบต้องตกใจมากครับ เด็กต้อนรับคนนั้นลาออกไปทำงานกับบังกะโลคู่แข่งข้างๆแทนครับ แต่เราไปไม่เสียเที่ยวครับ ผมกับ D ได้เจอกับลุงมัคทายกซึ่งตอนนี้ได้รับการ promote เป็น มัคทายกป่า (มาขายสังฆทานในวัดป่า)
ลุงมัคทายกบอกว่าเราไปเล่นกับของแรงแล้ว ลุงถามว่าเราเป็นเบญจเพสใช่ไหม แล้วได้เก็บตุ๊กตาแทงโก้ที่มีอักขระเม็กซิกันมาใช่ไหม ผมนึกออกทันทีว่าผมเก็บไว้กับตัวตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องแถมตอนนี้รู้สึกว่าไอ้ด่างที่บ้านเอาไปแทะเล่นแล้วด้วย ผมจึงถามลุงมัคทายกว่าควรทำอย่างไรดี ลุงเลยแนะนำว่าให้ไปหาพ่อหมอ พ่อหมอคนนี้ดังมากครับ ท่านอยู่แถวย่านอโศกในเมือง ที่เรียกพ่อหมอเพราะลูกเค้าทำงานเป็นหมออยู่โรงพยาบาล ก้าวแรกที่ผมกับ D เข้าไปหาพ่อหมอเค้าตะโกนบอกเลยครับ เอ็งอย่าเข้ามา!! ข้าต้อนรับแต่คน!! ผมกับ D หันหลังไปมองก็เจอหมาที่เดินตามมาจากเซเว่น ผมอุส่าห์บอก D แล้วว่าอย่าให้ลูกชิ้นมันมันก็ไม่เชื่อเกือบเป็นเรื่องแล้วไหมหละ
หลังจากคุยกับพ่อหมอประมาณ 8 ชั่วโมงแถมเลี้ยงสตาร์บัคพ่อหมอไป 3 แก้ว ก็ได้รับคำแนะนำมาครับว่าให้บินเอาตุ๊กตาเต้นแทงโก้กลับไปไว้ที่เม็กซิโก ผมซึ่งไม่มีเงินทุกจึงได้จ้างไปรษณีย์ไทยให้ไปส่ง แต่หลังจากนั้นได้ 1 อาทิตย์ที่เรื่องเงียบสงบไม่เจอเหตุการณ์ผิดปกติอะไร ก็เกิดเรื่องอีกจนได้ ผมเจอแสงสีเขียวของกรีนแลนเทิร์นอีกครั้ง D ยังคงต้องฟังเสียงระนาดที่บรรเลงเป็นเพลง Let it go จนทนไม่ไหวกระโดดออกมาจากชั้นสอง คอหัก
นั่นทำให้ผมเสียเพื่อนไปอีกคน.....
ผมกลับไปหาพ่อหมออีกครั้ง โดยแกบอกว่าตุ๊ตาเต้นแทงโก้ที่ส่งไปนั้นเสียหายระหว่างทาง ทำให้เจ้าของโกรธมาก มีทางเดียวที่เราจะทำได้คือต้องไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์โดยนอนในยานอวกาศแล้วปล่อยลอยออกไปนอกอวกาศ โดยตัวผมจะต้องแอบหนีมาแล้วใส่หุ่นไปแทนเพื่อที่วิญญานจะได้ตามไปที่อวกาศแล้วขาดใจตายไปอีกรอบ ซึ่งหลังจากที่ผมทำนั้นชีวิตผมก็อยู่เป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ก็ 10 ปีแล้วครับ
ไม่น่าเชื่อจริงๆแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ยังไงเรื่องนี้มันก็ยังตามหลอกหลอนผมอยู่ถึงปัจจุบันเนี่ยแหละครับถึงแม้ผมจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นมาแล้ว
ปล. ผมได้เช็คประวัติบังกะโลหลังนั้น เคยมีการพ่นฆ่ายุงที่ห้องนั่งเล่นหลายศพ นั่นอาจเป็นเหตุว่าเพื่อนผมโดนวิญญานยุงอาฆาตกัดจนเลือดหมดตัวตาย และที่ตรงนั้นเคยเป็นที่หมู่บ้านไส้เดือนเก่า แต่ถูกทำลายไปสร้างเป็นบังกะโล ส่วนผีสาวโมฮ็อคกับเสียงระนาดนั้นคาดว่าน่าจะเป็นวิญญานที่รักในเสียงดนตรีที่สิ่งสู่ในตุ๊กตาแทงโก้
ปล2. ส่วนแสงสีเขียวของกรีนแลนเทิร์นนั้นผมยังหาที่มาที่ไปไม่เจอจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับไม่แน่อาจจะไปปรากฏอยู่หน้าบ้านท่านผู้อ่านก็ได้ครับ ระมัดระวังกันด้วย.......
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก
ปล.3 ขอภัยอาจมีคำไม่เหมะสมหรือพิมพ์ผิดครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ หวังว่าเรื่องของผมคงน่ากลัวสู้เรื่องของเพื่อนๆได้นะครับ


เมื่อคนไม่เชื่อสิ่งลี้ลับ เจอกับสิ่งลี้ลับ!! ม้วนเดียวจบไม่มีเดี๋ยวมาต่อให้ขาดจังหวะ!!
ผมเลยไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง!!! หลังวันเกิดผม 3 วัน วันเกิดอายุครบรอบ 25 พอดี ซึ่งเป็นวัยเบญจเพส ที่หลายคนย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่แน่นอนครับผมไม่เชื่อ อายุมันจะมามีส่วนกับการใช้ชีวิตยังไง ผมยังคงเที่ยวหลั่นล้ากับเพื่อนๆเหมือนปกติครับ จนวันนั้น พวกเราไปเที่ยวทะเลกัน 5 คน ขอแทนตัวเองว่า A นะครับเพื่อนที่เหลือก็เป็น B-E ไป ผมไม่คิดเลยครับว่าการไปเที่ยวครั้งนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเราทั้ง 5 ไปตลอดกาล
จังหวัดที่เราไปอยู่ทางภาคเหนือครับ โรงแรมตั้งอยู่ริมชายหาดเป็นบังกะโลแบบ Contemporary ครับ สองชั้น 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ มีสวนหย่อมและน้ำพุอยู่กลางบ้าน เชื่อไหมครับตอนแรกพวกเราหาบ้านหลังนี้ยังไงก็ไม่เจอครับ ขนาดใช้ Google Maps เปิดช่วยกันทั้ง 5 เครื่อง จนต้องจอดรถถามทางดาบตำรวจท่านหนึ่ง พอผมบอกชื่อบังกะโลเท่านั้นแหละครับ ดาบตอบกลับมาด้วยเสียงสั้นๆว่า "ไม่รู้จัก" ครับพวกผมก็ต้องคลำหาทางกันต่อไป จนในที่สุดก็เจอครับ ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อตรงที่ว่าเราได้ผ่านที่ตรงนั้นมา 3 รอบแล้ว...........พิมพ์ๆอยู่ยังขนลุกเลยครับ ทำไมไม่มีใครมองเห็นป้าย ทั้งๆที่หลอดนีออกสีรุ้งเหมือนงานวัดประดับหราอยู่ที่ป้าย
ในที่สุดเราก็ถึงบังกะโลที่จองครับ ตอนรับกุญแจนี่เด็กต้อนรับทำหน้ามีความสุขเหมือนได้ขายห้องยังไงก็ไม่รู้ซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะน่าจะเป็นปกติอยู่แล้วที่พนักงานต้อนรับต้องยิ้มทักทายตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตัดภาพมาที่บังกะโลครับ สัมผัสแรกผมไม่อยากจะเชื่อเลยครับว่าบังกะโล 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำที่ทุกคน 5 คนถึงจะต้องมีคนแชร์ห้องกันแต่ก็มีห้องน้ำส่วนตัวคนละห้องที่ผมหาราคาจากเว็บไซต์จองห้องพักเลื่องชื่อในราคาไม่ถึง 1500 บาท!!! จะมีสภาพสวยงามเหมือนภาพในอินเตอร์เน็ตขนาดนี้
แต่เมื่อพวกเราทั้ง 5 ก้าวเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่ได้ยินจนทุกคนต้องหันมามองหน้ากันคือเสียงแมวกรี๊ดครับ ใครไม่รู้ว่าแมวกรี๊ดเป็นยังไงลองไปแหย่แมวแปลกหน้าดูครับมันจะขู่ๆเรา ซึ่งที่หน้าแปลกใจไปอีกคือแถวนั้นผมมองไม่เห็นแมวซักตัว..........
ก็นั่นแหละฮะท่านผู้อ่าน พวกผมไม่ได้เอะใจอะไรมากมายยังคงนั่งเมาสุราปาร์ตี้เล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน ทุกคนเมาหลับไปตื่นมาตอนเช้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
เช้าวันต่อมาเพื่อนผมเจ้า B ได้ถามว่าเมื่อวานใครเปิดบทสวดก่อนนอนรึเปล่า พวกเราทั้ง 4 ที่เหลือไม่มีใครทราบเลยครับ รับรองได้ว่าไม่มีใครมานั่งอุตริเปิดบทสวดก่อนนอนกันแน่ เพราะพวกเราต่างก็ไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้ ไปนอนที่ไหนเจ้าที่ก็ไม่เคยไหว้ครับ ขออะไรก็ไม่เคยขอ หลังจากนั้น B ก็เริ่มดูวิตกจริตกว่าที่ควร ทีนี้เรื่องมันเกิดอยู่ที่ว่า C ครับ ไอ้นี่มันซนมันชอบหยิบนู่นจับนั่นมาเล่น แล้วทีนี้นึกอารมณ์บังกะโลริมทะเลออกใช่ไหมครับ ตรงเตาผิงเค้าจะชอบประดับหัวกวางมูสกัน มันก็ไปจับเขาเล่นครับ
ละเขามันก็หักลงมาห้องลับหลังเตาผิงก็เปิดขึ้น พวกเราที่เหลือมองหน้ากันเลิกลักเลย ในใจนี่คิดว่า Ship หายแล้ว ผมสาบานเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผี ในหัวนี่สายลับ 007 ลอยมาก่อนเลยครับ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นพวกเราทั้ง 5 จึงตกลงว่า 4 คนลงไปอีกหนึ่งคนรออยู่ข้างนอกเผื่อประตูมันปิดเอง ข้างในค่อนข้างมืดครับทางเดินเดินลงไปข้างล่างผมมั่นใจว่ามันคือห้องใต้ดิน
เสียงข้างในห้องเงียบมากจนได้ยินเสียงหายใจของเพื่อนคนอื่น ผมยืนนำหน้าสุดครับด้วยความที่ว่าชอบอะไรแบบนี้ แต่เมื่อลบันไดไปได้ 17 ขั้นผมก็ต้องหยุดครับ ผมเห็นแสงสีเขียวลอยผ่านจากด้านขวาไปซ้ายด้วยความเร็ว แล้วหายไป ผมคิดในใจว่าต้องเป็นไฟฟ้าลัดวงจรแน่ๆเพราะห้องนี้ดูจากสภาพแล้วน่าจะไม่ได้ใช้งานมานาน พอผมก้าวลงไปอีกขั้นนึงเท่านั้นแหละครับ ผมได้ยินเสียงระนาดครับ บรรเลงเป็นเพลง See you again ที่เป็น original soundtrack ของ ฟาส 7 เพื่อนที่เหลืออีก 3 คน 2 คนทิ้งผมไปแล้วครับเหลือก็แต่ไอ้ D เราสองคนตัดสินใจหาสวิตซ์ไฟเพื่อที่จะได้รู้ว่าเรามีแขกอยู่ด้วยอีกคนหรือไม่
พรึ่บ เพียงแค่คิดครับไฟก็เปิดทันทีเหมือนมี Jarvis คอยควบคุมระบบแบบใน สตาร์ค ทาวเวอร์ ที่น่าตกใจกว่านั้นครับในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ระนาด วิทยุ เครื่องเล่นเสียง หรืออะไรก็ตาม แต่ที่พื้นห้องมี ตุ๊กตาเต้นแทงโก้ตั้งอยู่หนึ่งตัวพร้อมตัวอักษรเม็กซิกัน ด้วยความมือบอนของผมผมจึงไปหยิบขึ้นมาดูครับซึ่งถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมคงไม่ทัน
หลังจากที่หยิบนั้นผมได้ยินเพื่อนข้างบนส่งเสียงโวยวายด้วยความตกใจผมกับ D รีบวิ่งขึ้นไปครับ แต่พอขึ้นไปภาพที่น่าตกใจกว่าคือเพื่อนข้างบนทั้งสามคนนอนอยู่ที่พื้นครับ ที่ร่างกายมีรอยเข็มทิ่มเกือบร้อยเข็ม ครับทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว C คนที่หักเขากวางเขียน Dying message ไว้ข้างตัวเป็นรูปตัว M ครับ
เย็นวันนั้นตำรวจก็มา เจ้าหน้าที่มาเก็บศพอะไรเรียบร้อยผมกับ D ค่อนข้างช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับในใจยังคงคิดว่าเป็นแค่ความฝัน โดยเฉพาะ D นี่พูดอะไรไม่ออกเลยครับ สุดท้ายแล้วเราตัดสินใจกลับบ้านกันครับ โดยดาบที่ไม่รู้จักบังกะโลคนเดิมขับรถมาส่งพวกเราที่กรุงเทพ ผมกับ D ตัดสินใจไปร่วมงานศพเพื่อนทั้ง 3 ครับ ทุกคนเผาที่เดียวกันเนื่องจากเราสนิทกันมาก เคยร่วมสาบานกันที่สวนทุเรียนว่าจะเป็นพี่น้องกันจนกว่าจะหาไม่ วันนั้นงานศพทั้งสามคนหลังจากเผาเสร็จแล้วหมาหอนพร้อมกันประมาณ 16 ตัว พร้อมกับรถกับข้าวที่เข้ามาขายในวัดอีก 2 คน ทุกคนในงานมองหน้ากันเลิกลักเลยครับ
หลังจากงานศพผมกับ D ก็ไปถวายเพนหลวงพ่อหนึ่งองค์ครับ D ก็ถามหลวงพ่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งท่านก็ตอบมาว่าท่านช่วยอะไรไม่ได้ ท่านไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ท่านเป็นพระจะไปเห็นผีได้อย่างไร ท่านบวชเพื่อศึกษาธรรมะและอยู่ในวิถีของเหตุและผล ผมกับ D ก็เหมือนได้รับฟังธรรมจากท่านจึงได้ลากลับ ขากลับมัคทายกได้ทัก D และผมว่า ถวายสังฆทานไหม ช่วงนี้สองคนดวงตกนะ ระวังเค้าอยากได้เราไปอยู่ด้วย
ผมจึงถามกลับว่าใครคือเค้า มัคทายกก็บอกคนที่ตามเรามาไงหละ ผมเลยหันกลับไปบอก D ว่ามันไม่ใช่สเปคผมอย่ามายุ่งกับผมแล้วเดินจากปล่อยมัคทายกยืนหน้างงไป
วันนั้นผมกลับบ้านมาก็ได้เจอกลับเรื่องประหลาดตอนกลางคืนครับ ผมนอนๆอยู่ก็หายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรมาทับหน้าอก ในใจคิดว่าโดนแล้วแน่ๆผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูประกฎว่าราวตากผ้าในห้องมันหล่นลงมาทับ ผมน่าจะเชื่อฟังแม่ว่าอย่าตากผ้าในห้อง เกือบไปแล้วไหมหละ....
เหตุการณ์แปลกๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ D เดินกลับบ้าน ซึ่งบ้านของ D อยู่ในซอยเปลี่ยวและมืดวันนั้นมันเล่าให้ฟังว่ามันเห็นสิ่งที่มันต้องจดจำไปตลอดชีวิตมันเห็นผู้หญิงผมสั้นเซ็ททรงโมฮ็อค กรีดอายไลเนอร์ ยืนใส่เสื้อลายดอกเหมือนจะไปเล่นน้ำสงกรานต์สีบานเย็นแล้วหายวับไปกับตาต่อหน้ามันตรงกลางซอยบ้าน ผมตอนนั้นยอมรับเลยครับว่าไม่เชื่อมันหรอกผีที่ไหนจะทำผมโมฮ็อค ปกติเค้าต้องไว้ยาวใส่ชุดดำไม่ก็ขาว หน้าต้องเปื้อนเลือดหรือซีดๆ แต่มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องเชื่อครับ
เย็นวันถัดมาผมตี LOL กับเพื่อนอยู่ในห้อง(หาทีมครับใครอยากเล่นด้วยแอดมาหลังไมค์นะ) มีคนมาเรียกชื่อผมหน้ารั้วครับ เรียกจนผมไม่มีสมาธิตีป้อมเลยต้องเดินไปดู ผมตกใจมากครับ ผมเห็นเงาสีเขียวเหมือนกรีนแลนเทิร์นยืนอยู่หน้าประตูแล้วบินหายไปเหมือนกับที่เจอในห้องลับที่บังกะโลนั้น ในใจผมคิดถึงสาวโมฮอร์คที่ไอ้ D มันบอกเลยครับ ถ้าผมเจอผีระดับกรีนแลนเทิร์นแล้วทำไมมันจะเจอผีโมฮอร์คไม่ได้
เรื่องที่แปลกๆยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ เช่นระหว่างทางเดินเข้าบ้านไอ้ D ที่เป็นทางเปลี่ยวมันบอกเดินๆอยู่ขนก็ลุกแล้วก็ได้ยินเสียงเพลงระนาดเป็นเพลง wiggle ของ snoop dogg
พวกผมทนกันต่อไปไม่ได้แล้วครับ ณ จุดๆนั้นจึงตัดสินใจกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนั่นก็คือ บังกะโล นั้นนั่นเอง
คืนนั้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงครับผมจำได้แม่น ผมกับ D เดินทางไปถึงเกือบสามทุ่มว่าจะไปเค้นความจากเด็กต้อนรับที่โรงแรมว่าบังกะโลนั้นคืออะไรกันแน่ แต่สิ่งที่ผมได้พบต้องตกใจมากครับ เด็กต้อนรับคนนั้นลาออกไปทำงานกับบังกะโลคู่แข่งข้างๆแทนครับ แต่เราไปไม่เสียเที่ยวครับ ผมกับ D ได้เจอกับลุงมัคทายกซึ่งตอนนี้ได้รับการ promote เป็น มัคทายกป่า (มาขายสังฆทานในวัดป่า)
ลุงมัคทายกบอกว่าเราไปเล่นกับของแรงแล้ว ลุงถามว่าเราเป็นเบญจเพสใช่ไหม แล้วได้เก็บตุ๊กตาแทงโก้ที่มีอักขระเม็กซิกันมาใช่ไหม ผมนึกออกทันทีว่าผมเก็บไว้กับตัวตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องแถมตอนนี้รู้สึกว่าไอ้ด่างที่บ้านเอาไปแทะเล่นแล้วด้วย ผมจึงถามลุงมัคทายกว่าควรทำอย่างไรดี ลุงเลยแนะนำว่าให้ไปหาพ่อหมอ พ่อหมอคนนี้ดังมากครับ ท่านอยู่แถวย่านอโศกในเมือง ที่เรียกพ่อหมอเพราะลูกเค้าทำงานเป็นหมออยู่โรงพยาบาล ก้าวแรกที่ผมกับ D เข้าไปหาพ่อหมอเค้าตะโกนบอกเลยครับ เอ็งอย่าเข้ามา!! ข้าต้อนรับแต่คน!! ผมกับ D หันหลังไปมองก็เจอหมาที่เดินตามมาจากเซเว่น ผมอุส่าห์บอก D แล้วว่าอย่าให้ลูกชิ้นมันมันก็ไม่เชื่อเกือบเป็นเรื่องแล้วไหมหละ
หลังจากคุยกับพ่อหมอประมาณ 8 ชั่วโมงแถมเลี้ยงสตาร์บัคพ่อหมอไป 3 แก้ว ก็ได้รับคำแนะนำมาครับว่าให้บินเอาตุ๊กตาเต้นแทงโก้กลับไปไว้ที่เม็กซิโก ผมซึ่งไม่มีเงินทุกจึงได้จ้างไปรษณีย์ไทยให้ไปส่ง แต่หลังจากนั้นได้ 1 อาทิตย์ที่เรื่องเงียบสงบไม่เจอเหตุการณ์ผิดปกติอะไร ก็เกิดเรื่องอีกจนได้ ผมเจอแสงสีเขียวของกรีนแลนเทิร์นอีกครั้ง D ยังคงต้องฟังเสียงระนาดที่บรรเลงเป็นเพลง Let it go จนทนไม่ไหวกระโดดออกมาจากชั้นสอง คอหัก
นั่นทำให้ผมเสียเพื่อนไปอีกคน.....
ผมกลับไปหาพ่อหมออีกครั้ง โดยแกบอกว่าตุ๊ตาเต้นแทงโก้ที่ส่งไปนั้นเสียหายระหว่างทาง ทำให้เจ้าของโกรธมาก มีทางเดียวที่เราจะทำได้คือต้องไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์โดยนอนในยานอวกาศแล้วปล่อยลอยออกไปนอกอวกาศ โดยตัวผมจะต้องแอบหนีมาแล้วใส่หุ่นไปแทนเพื่อที่วิญญานจะได้ตามไปที่อวกาศแล้วขาดใจตายไปอีกรอบ ซึ่งหลังจากที่ผมทำนั้นชีวิตผมก็อยู่เป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ก็ 10 ปีแล้วครับ
ไม่น่าเชื่อจริงๆแค่ไปเที่ยวกับเพื่อนกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ยังไงเรื่องนี้มันก็ยังตามหลอกหลอนผมอยู่ถึงปัจจุบันเนี่ยแหละครับถึงแม้ผมจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นมาแล้ว
ปล. ผมได้เช็คประวัติบังกะโลหลังนั้น เคยมีการพ่นฆ่ายุงที่ห้องนั่งเล่นหลายศพ นั่นอาจเป็นเหตุว่าเพื่อนผมโดนวิญญานยุงอาฆาตกัดจนเลือดหมดตัวตาย และที่ตรงนั้นเคยเป็นที่หมู่บ้านไส้เดือนเก่า แต่ถูกทำลายไปสร้างเป็นบังกะโล ส่วนผีสาวโมฮ็อคกับเสียงระนาดนั้นคาดว่าน่าจะเป็นวิญญานที่รักในเสียงดนตรีที่สิ่งสู่ในตุ๊กตาแทงโก้
ปล2. ส่วนแสงสีเขียวของกรีนแลนเทิร์นนั้นผมยังหาที่มาที่ไปไม่เจอจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับไม่แน่อาจจะไปปรากฏอยู่หน้าบ้านท่านผู้อ่านก็ได้ครับ ระมัดระวังกันด้วย.......ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก
ปล.3 ขอภัยอาจมีคำไม่เหมะสมหรือพิมพ์ผิดครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ หวังว่าเรื่องของผมคงน่ากลัวสู้เรื่องของเพื่อนๆได้นะครับ