คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 271
ขอเห็นย้อนศรกับหลายความเห็นในนี้ค่ะ
1. เรื่องที่คิดว่า จขกท. ยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป หรือ อคติกับพี่สะใภ้มากเกินไป---
อันนี้เราเห็นต่างค่ะ จริงอยู่ที่ ตัวอย่างที่จขกท. ยกมาดูจะเหมือนหยุมหยิมจุกจิก แต่จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กต่อให้เห็นภาพใหญ่ค่ะ
ในกรณีของความขัดแย้งนี้ ต่างฝ่ายต่างถืออัตตา เกินกว่าจะมาดีกันเองได้โดยไม่มีคนกลางที่ดี การจะพยายามเป็นคนกลางที่ดีได้ (แม้ว่าจะไม่ชอบพี่สะใภ้ก็ตาม) ก็คงอยากได้มุมมองจากหลาย ๆ แง่มุม
ถ้า จขกท. อยากให้พี่สะใภ้ถูกรุมด่าจริง ๆ คงไม่มาขอความเห็นอะไรในนี้มากมาย เม้าธ์กันเองในหมู่ญาติมันกว่า ไม่ต้องมาคอยปกปิดรายละเอียดต่าง ๆ ด้วย ดูจากล็อคอินจขกท. ก็คงจะขาประจำพันทิปล่ะค่ะ สมัครล็อคอินใหม่มาขอความเห็นโดยเฉพาะ ก็คงไม่อยากให้ใครรู้ด้วยว่า พี่สะใภ้ตัวเองน่ะใคร
จขกท. อาจจะเห็นว่า พี่สะใภ้แรง แต่ก็ขนาดเปรียบเธอแบบภรรยาของจอร์จ คลูนีย์ (แหม่ ... ถ้ามีใครมาเปรียบอิชั้นเสียขนาดนั้น นั่นมันคำชมชัด ๆ ไม่ว่าโทนเสียงจะออกมาในรูปแบบไหนก็เถิด) แสดงว่า เธอก็ชื่นชมพี่สะใภ้ในระดับหนึ่ง
จะบอกว่า ยุ่งมาก จุ้นจ้านเกินไป ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องของ กงสี ส่งผลต่อทุกคนในบ้าน และทิศทางธุรกิจของตระกูล
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่า จะอะไรกันนักกันหนา กับ พี่ชายใหญ่ หรือ ตั่วเฮีย ในบ้าน
พี่ชายใหญ่ ในบ้านคนจีน มีนัยยะที่สำคัญมาก เพราะเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจที่สุดรองจากพ่อ
ทรัพย์สมบัติ ส่วนแบ่ง ก็มักจะได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน
ตามธรรมเนียมจีน หรือ ที่เห็นส่วนมาก พี่ชายใหญ่มักจะคุมกงสี หรือ หากมีการแบ่งมรดกกัน บางครอบครัว ตั่วเฮียจะได้มากที่สุด หรือ อาจได้ทั้งหมด แล้วให้ตั่วเฮียเป็นคนจัดสรรเองเลยก็ได้ (ครอบครัวอากง อาม่า ดิฉัน มีสวนยาง 500 ไร่ อากง อาม่า เสีย ตั่วกู่ หรือ น้าชายที่เป็นลูกชายคนโต ได้คนเดียวถึง 250 ไร่ นอกนั้นแบ่งกับพี่น้องที่เหลือ)
ฟังเหมือนจะสบาย แต่ในความเป็นจริง ถ้าเป็นครอบครัวที่ร่วมสร้างเนื้อสร้างตัวกันมา ตั่วเฮีย นี่แหละที่ต้องคอยเสียสละให้น้อง ออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ถ้าข้าวเหลือน้อย ต้องให้น้องได้กินก่อน
เพราะความเสียสละที่พี่ชายใหญ่ต้องให้กับน้อง ทำให้ได้ส่วนแบ่งมากกว่าเพื่อน เมียพี่ชายใหญ่ หรือ ซ้อใหญ่ ก็จะต้องคอยดูแลน้อง ๆ ตั่วเฮีย เหมือนเป็นแม่คนที่สอง อดทน เสียสละ เก็บออมถ้อยคำพูดจา แต่สิทธิพิเศษที่ได้คือ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ (เหมือน spiderman ไหมคะ ?)
เดาเอาว่า ครอบครัว จกขท. น่าจะรวยมาแต่กำเนิด พี่ชายใหญ่ของคุณโตมาแบบฮ่องเต้น้อย ไม่เคยต้องปากกัดตีนถีบช่วยพ่อแม่ ดูแลสร้างกิจการมา ก็เลยอาจไม่ทันตระหนักถึงภาระหน้าที่ตรงนี้อะไรมากมาย
เลยทำอะไรตามใจมากกว่าตามจารีต ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ก็นำมาสู่เหตุการณ์อย่างนี้ล่ะค่ะ
2. เราบอกไว้ในความคิดเห็นต้น ๆ ว่า ให้คุณแม่เจ้าของกระทู้ปล่อยวาง หาก "ทั้งคู่อยู่ได้ด้วยลำแข้งตนเองโดยไม่มาเกี่ยวข้องกับครอบครัวคุณ"
แต่มานึกดูอีกที จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ เพราะธุรกิจกงสี อาศัยสมาชิกในครอบครัวร่วมแรงกัน
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องขอร้องให้คุณแม่คุณปล่อยวางให้ได้ ต่างคนต่างอยู่ไป และตัดใจจากหลานให้ได้ (กรณีที่เรื่องมันบานปลาย) เพราะถ้าตัดไม่ได้ คุณแม่เองนั่นแหละที่ต้องเปลี่ยนมุมมอง ท่าที และ ทัศนคติครั้งใหญ่
3. เราไม่เห็นโทนเสียงตำหนิพี่ชายของคุณ จขกท. เลย เห็นด้วยกับคุณ Handyhung คคห.ที่ 252 ค่ะ
ทั้งหมดอยู่ที่พี่ชายคุณ กับวิธีเลี้ยงดูของคุณแม่คุณที่เลี้ยงพี่ชายมา
คุณอาจแชร์ความกังวลกับพี่คุณได้ในบางมุมมอง (เช่น เรื่องที่กระทบความรู้สึกแม่ อย่างเรื่องการไม่ค่อยให้อะไรแม่ ไม่ค่อยได้ปรนนิบัติแม่ แต่ตามใจเมียทุกอย่าง ทำให้แม่น้อยใจ) แต่อย่าพูดในเชิงกล่าวหา เพราะพี่ชายคุณคงตั้งป้อมแน่ ๆ
ไม่ต้องพูดให้พี่ทำดีกับเมียน้อยลง แต่ชี้ให้พี่ทำดีกับพ่อแม่มากขึ้น
4. เราเห็นด้วยที่สุดกับคุณ สุขอยู่ที่ใจ ความคิดเห็นที่ 209
พี่สะใภ้คุณก็ควรรู้จักประนีประนอมด้วย สามารถมั่นคงกับจุดยืนของตัวเองด้วยวิธีที่นิ่มนวลได้
ถ้าจะเอาฝรั่งเป็นเกณฑ์ก็ต้องบอกว่า มาจากที่เค้าเรียก iron fists in velvet gloves หรือ กำปั้นเหล็กในถุงมือกำมะหยี่
ตอนเราอายุน้อยกว่านี้ เราคงเข้าข้างพี่สะใภ้คุณ แล้วสะใจกับสิ่งที่แม่คุณโดน เพราะเราเองก็เป็นคนแรง
แต่เมื่อเราโตขึ้น เรากลับเห็นด้วยกับ quotation ของคุณตือ สมบัษร ที่เคยเขียนไว้ว่า "ความสะใจเป็นรางวัลของคนโง่"
จะสะใจไปเพื่ออะไร ถ้าผลลัพธ์สุดท้าย คือ ความร้าวฉานของทุกฝ่าย
ในฐานะลูกสาว คุณควรพูดอย่างอ่อนโยน ให้แม่คุณรู้จักปล่อยวาง และปรับทัศนคติ
แต่เอาจริง ๆ นะ จะหาว่าเราหยาบคายก็ได้ เราคิดว่า พี่สะใภ้คุณเป็น "ผู้ดี" โดยการอบรม ไม่ได้เป็นโดยเนื้อแท้และจิตใจ
ผู้ดีในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง คนที่มารยาทดี และวางตัวสง่างามเท่านั้น แต่มาจากทัศนคติที่รู้จักเกรงใจผู้อื่น สำรวมกาย วาจา ใจ ได้บ้างเพื่อความสงบสุขโดยรวม
พี่สะใภ้คุณเอง ก็จะต้องอดทนแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เดี๋ยวก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว เพราะชัดเจนเรื่องบ้านที่แยกกัน
ไม่เห็นแก่ใคร ก็เห็นแก่ปั๋วตัวเองบ้าง ที่ก็ยอมตัวเองหลายอย่างเหมือนกัน
แต่วิธีที่เค้า "สวนทุกดอกอย่างแรง" แถมบางครั้ง ต่อหน้าทุกคนบนโต๊ะ แบบนี้ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ยกเว้นกริยาที่ถูกสอนให้สำรวมมา
นี่มันวิธีแม่ค้าชัด ๆ (เรากล้าพูด เพราะเราก็แม่ค้าจ้ะ เราใช้วิธีนี้เหมือนกันเมื่อจำเป็น ^^ )
ที่อาจจะทำให้หมั่นไส้คือ บางคนน่ะ ทำแบบแม่ค้าทั่วไปนี่ล่ะค่ะ แต่มีวิธีแสดงออก ที่เหมือนเหยียดคนอื่น ราวกับว่า ตัวเองสูงส่งกว่างั้นแหละ หุหุหุ (อันนี้ พูดทั่ว ๆ ไปนะคะ)
ที่เราสนับสนุนให้ผู้หญิงบางคนยอมแม่ผัวบ้าง (ถ้าท่านก็มีส่วนดีบ้างอ่ะนะคะ) ก็เพราะ
นึกภาพสิคะ ผู้หญิงคนหนึ่ง เลี้ยงลูกชายตั้งแต่ตัวน้อย ๆ มาอย่างทะนุถนอม วันหนึ่ง ลูกชายออกจากบ้านไปอยู่กับคนอื่น
และเพราะตัวเองเลี้ยงลูกมาอย่างถนอมกล่อมเกลี้ยง ทำให้ทุกอย่าง ทำกับข้าว เอาใจ
ไม่เคยให้ลูกชายต้องมาลำบากดูแลตัวเองคืนเลย
ถ้าวันหนึ่ง ลูกชายมีเมียไป ทำทุกอย่างที่แม่เคยทำให้ตัว ให้กับเมียตัวเอง ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งจะน้อยใจบ้าง
ใจเสียบ้าง อิจฉาบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
สะใภ้บางบ้านไม่ชอบแม่ผัว ก็ยิ่งชอบใจ สะใจเวลาเห็นลูกชายแม่ทำอะไรที่ไม่เคยทำ (ทำกับข้าว ถูบ้าน นวดเนื้อ นวดตัว) ให้กับตัวเอง
แถม ... บางที จงใจให้แม่ผัวเห็นภาพบาดตานั้น ...
ดิฉันพูดตรง ๆ บางครั้ง ก็นึกสงสารแม่ผัวค่ะ นึกถึงใจเค้าใจเราบ้างเถิดค่ะ
บางคน ที่สามีรัก ตามใจ เวลากลับบ้านสามีไปน่ะ ไล่ให้พ่อตัวดี ไปทำดีกับแม่เค้าแบบนี้บ้างเถิด หรือ เลี่ยงไม่ให้แม่เค้าเห็นบ้างเถิด สงสารคนแก่บ้าง
เพื่อนสนิทดิฉัน ต้องกลับไปค้างบ้านแม่สามีทุกอาทิตย์ ปกติแล้ว สามีเค้าจะออกไปซื้อกาแฟให้ทุกเช้า แต่เพื่อนจะตาลีตาเหลือกตื่นมาชงกาแฟเองหรือไปซื้อกาแฟเองเวลาอยู่กับแม่สามี เค้าบอกว่า กลัวแม่ (สามี) เสียใจ
5. คุณยังไม่ได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องการแบ่งเงิน ใช้จ่ายเงิน หรือ การรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเลย ไม่งั้นล่ะก็ บทวิเคราะห์ยาวกว่านี้แน่ ๆ
เราทุกคนต่างรู้จักคุณจากภายนอก ภายใต้ข้อมูลเท่าที่คุณเล่าให้ฟัง เราจะไม่ตัดสินว่าใครร้าย หรือ ใครสมควรได้ หรือ ไม่ได้อะไรยังไง
เพราะในชีวิตจริงที่เคยเจอ
บางคนปากร้ายขี้บ่น แต่ใจดี๊ดี ช่วยเหลือไม่อิดออดในยามคับขัน
แต่บางคนร้ายลึก จิกกัด เดินเกมส์ภายในสูง ยุแหย่เงียบ ๆ
บางคนอาจดูไม่ร้าย แต่พอโดนฟาดไปก่อน ก็จะตอบโต้เกินกว่าเหตุ คว้าปืนมายิงรัว ๆ กระทืบอีกฝ่ายจมดินไป
คนนอก ไม่มีทางรู้หมดว่าใครเป็นแบบไหน
กระทู้แบบนี้ ส่วนใหญ่เวลาอ่านคอมเม้นท์ จะเจองานมโนมาเต็มไปหมด (เราก็คงเป็นหนึ่งในนั้น)
ปล่อยวางบ้าง คุณย่อมรู้ภาพลึกมากกว่าใคร
6. อยากให้คุณเล่าข้อดีของพี่สะใภ้คุณบ้าง ที่ไม่ใช่เรื่อง สวย เก๋ เก่ง ฉลาด หรือ ความเป็นผู้ดีเก่า
ลองนึกถึง ความพยายามที่คุณพี่สะใภ้เคยพยายามปรับตัว หรือ แสดงน้ำใจอะไรกับคนในบ้านคุณบ้างน่ะค่ะ ว่ามีบ้างไหม ?
เผื่อจะทำให้ คุณเปิดมุมมองใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
7. อยากรู้บทบาทคุณพ่อคุณจังว่า ท่านมีท่าที หรือ มีความเห็นยังไงในสถานการณ์แบบนี้
ปล. ข้อสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ความคิดเห็นนี้ จะทำให้ดิฉัน ได้รับความรู้สึก "สยอง" จากเพื่อนสมาชิกมากที่สุดนับตั้งแต่เล่นพันทิปมา
1. เรื่องที่คิดว่า จขกท. ยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป หรือ อคติกับพี่สะใภ้มากเกินไป---
อันนี้เราเห็นต่างค่ะ จริงอยู่ที่ ตัวอย่างที่จขกท. ยกมาดูจะเหมือนหยุมหยิมจุกจิก แต่จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กต่อให้เห็นภาพใหญ่ค่ะ
ในกรณีของความขัดแย้งนี้ ต่างฝ่ายต่างถืออัตตา เกินกว่าจะมาดีกันเองได้โดยไม่มีคนกลางที่ดี การจะพยายามเป็นคนกลางที่ดีได้ (แม้ว่าจะไม่ชอบพี่สะใภ้ก็ตาม) ก็คงอยากได้มุมมองจากหลาย ๆ แง่มุม
ถ้า จขกท. อยากให้พี่สะใภ้ถูกรุมด่าจริง ๆ คงไม่มาขอความเห็นอะไรในนี้มากมาย เม้าธ์กันเองในหมู่ญาติมันกว่า ไม่ต้องมาคอยปกปิดรายละเอียดต่าง ๆ ด้วย ดูจากล็อคอินจขกท. ก็คงจะขาประจำพันทิปล่ะค่ะ สมัครล็อคอินใหม่มาขอความเห็นโดยเฉพาะ ก็คงไม่อยากให้ใครรู้ด้วยว่า พี่สะใภ้ตัวเองน่ะใคร
จขกท. อาจจะเห็นว่า พี่สะใภ้แรง แต่ก็ขนาดเปรียบเธอแบบภรรยาของจอร์จ คลูนีย์ (แหม่ ... ถ้ามีใครมาเปรียบอิชั้นเสียขนาดนั้น นั่นมันคำชมชัด ๆ ไม่ว่าโทนเสียงจะออกมาในรูปแบบไหนก็เถิด) แสดงว่า เธอก็ชื่นชมพี่สะใภ้ในระดับหนึ่ง
จะบอกว่า ยุ่งมาก จุ้นจ้านเกินไป ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องของ กงสี ส่งผลต่อทุกคนในบ้าน และทิศทางธุรกิจของตระกูล
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่า จะอะไรกันนักกันหนา กับ พี่ชายใหญ่ หรือ ตั่วเฮีย ในบ้าน
พี่ชายใหญ่ ในบ้านคนจีน มีนัยยะที่สำคัญมาก เพราะเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจที่สุดรองจากพ่อ
ทรัพย์สมบัติ ส่วนแบ่ง ก็มักจะได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน
ตามธรรมเนียมจีน หรือ ที่เห็นส่วนมาก พี่ชายใหญ่มักจะคุมกงสี หรือ หากมีการแบ่งมรดกกัน บางครอบครัว ตั่วเฮียจะได้มากที่สุด หรือ อาจได้ทั้งหมด แล้วให้ตั่วเฮียเป็นคนจัดสรรเองเลยก็ได้ (ครอบครัวอากง อาม่า ดิฉัน มีสวนยาง 500 ไร่ อากง อาม่า เสีย ตั่วกู่ หรือ น้าชายที่เป็นลูกชายคนโต ได้คนเดียวถึง 250 ไร่ นอกนั้นแบ่งกับพี่น้องที่เหลือ)
ฟังเหมือนจะสบาย แต่ในความเป็นจริง ถ้าเป็นครอบครัวที่ร่วมสร้างเนื้อสร้างตัวกันมา ตั่วเฮีย นี่แหละที่ต้องคอยเสียสละให้น้อง ออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ถ้าข้าวเหลือน้อย ต้องให้น้องได้กินก่อน
เพราะความเสียสละที่พี่ชายใหญ่ต้องให้กับน้อง ทำให้ได้ส่วนแบ่งมากกว่าเพื่อน เมียพี่ชายใหญ่ หรือ ซ้อใหญ่ ก็จะต้องคอยดูแลน้อง ๆ ตั่วเฮีย เหมือนเป็นแม่คนที่สอง อดทน เสียสละ เก็บออมถ้อยคำพูดจา แต่สิทธิพิเศษที่ได้คือ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ (เหมือน spiderman ไหมคะ ?)
เดาเอาว่า ครอบครัว จกขท. น่าจะรวยมาแต่กำเนิด พี่ชายใหญ่ของคุณโตมาแบบฮ่องเต้น้อย ไม่เคยต้องปากกัดตีนถีบช่วยพ่อแม่ ดูแลสร้างกิจการมา ก็เลยอาจไม่ทันตระหนักถึงภาระหน้าที่ตรงนี้อะไรมากมาย
เลยทำอะไรตามใจมากกว่าตามจารีต ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ก็นำมาสู่เหตุการณ์อย่างนี้ล่ะค่ะ
2. เราบอกไว้ในความคิดเห็นต้น ๆ ว่า ให้คุณแม่เจ้าของกระทู้ปล่อยวาง หาก "ทั้งคู่อยู่ได้ด้วยลำแข้งตนเองโดยไม่มาเกี่ยวข้องกับครอบครัวคุณ"
แต่มานึกดูอีกที จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ เพราะธุรกิจกงสี อาศัยสมาชิกในครอบครัวร่วมแรงกัน
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องขอร้องให้คุณแม่คุณปล่อยวางให้ได้ ต่างคนต่างอยู่ไป และตัดใจจากหลานให้ได้ (กรณีที่เรื่องมันบานปลาย) เพราะถ้าตัดไม่ได้ คุณแม่เองนั่นแหละที่ต้องเปลี่ยนมุมมอง ท่าที และ ทัศนคติครั้งใหญ่
3. เราไม่เห็นโทนเสียงตำหนิพี่ชายของคุณ จขกท. เลย เห็นด้วยกับคุณ Handyhung คคห.ที่ 252 ค่ะ
ทั้งหมดอยู่ที่พี่ชายคุณ กับวิธีเลี้ยงดูของคุณแม่คุณที่เลี้ยงพี่ชายมา
คุณอาจแชร์ความกังวลกับพี่คุณได้ในบางมุมมอง (เช่น เรื่องที่กระทบความรู้สึกแม่ อย่างเรื่องการไม่ค่อยให้อะไรแม่ ไม่ค่อยได้ปรนนิบัติแม่ แต่ตามใจเมียทุกอย่าง ทำให้แม่น้อยใจ) แต่อย่าพูดในเชิงกล่าวหา เพราะพี่ชายคุณคงตั้งป้อมแน่ ๆ
ไม่ต้องพูดให้พี่ทำดีกับเมียน้อยลง แต่ชี้ให้พี่ทำดีกับพ่อแม่มากขึ้น
4. เราเห็นด้วยที่สุดกับคุณ สุขอยู่ที่ใจ ความคิดเห็นที่ 209
พี่สะใภ้คุณก็ควรรู้จักประนีประนอมด้วย สามารถมั่นคงกับจุดยืนของตัวเองด้วยวิธีที่นิ่มนวลได้
ถ้าจะเอาฝรั่งเป็นเกณฑ์ก็ต้องบอกว่า มาจากที่เค้าเรียก iron fists in velvet gloves หรือ กำปั้นเหล็กในถุงมือกำมะหยี่
ตอนเราอายุน้อยกว่านี้ เราคงเข้าข้างพี่สะใภ้คุณ แล้วสะใจกับสิ่งที่แม่คุณโดน เพราะเราเองก็เป็นคนแรง
แต่เมื่อเราโตขึ้น เรากลับเห็นด้วยกับ quotation ของคุณตือ สมบัษร ที่เคยเขียนไว้ว่า "ความสะใจเป็นรางวัลของคนโง่"
จะสะใจไปเพื่ออะไร ถ้าผลลัพธ์สุดท้าย คือ ความร้าวฉานของทุกฝ่าย
ในฐานะลูกสาว คุณควรพูดอย่างอ่อนโยน ให้แม่คุณรู้จักปล่อยวาง และปรับทัศนคติ
แต่เอาจริง ๆ นะ จะหาว่าเราหยาบคายก็ได้ เราคิดว่า พี่สะใภ้คุณเป็น "ผู้ดี" โดยการอบรม ไม่ได้เป็นโดยเนื้อแท้และจิตใจ
ผู้ดีในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง คนที่มารยาทดี และวางตัวสง่างามเท่านั้น แต่มาจากทัศนคติที่รู้จักเกรงใจผู้อื่น สำรวมกาย วาจา ใจ ได้บ้างเพื่อความสงบสุขโดยรวม
พี่สะใภ้คุณเอง ก็จะต้องอดทนแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เดี๋ยวก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว เพราะชัดเจนเรื่องบ้านที่แยกกัน
ไม่เห็นแก่ใคร ก็เห็นแก่ปั๋วตัวเองบ้าง ที่ก็ยอมตัวเองหลายอย่างเหมือนกัน
แต่วิธีที่เค้า "สวนทุกดอกอย่างแรง" แถมบางครั้ง ต่อหน้าทุกคนบนโต๊ะ แบบนี้ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ยกเว้นกริยาที่ถูกสอนให้สำรวมมา
นี่มันวิธีแม่ค้าชัด ๆ (เรากล้าพูด เพราะเราก็แม่ค้าจ้ะ เราใช้วิธีนี้เหมือนกันเมื่อจำเป็น ^^ )
ที่อาจจะทำให้หมั่นไส้คือ บางคนน่ะ ทำแบบแม่ค้าทั่วไปนี่ล่ะค่ะ แต่มีวิธีแสดงออก ที่เหมือนเหยียดคนอื่น ราวกับว่า ตัวเองสูงส่งกว่างั้นแหละ หุหุหุ (อันนี้ พูดทั่ว ๆ ไปนะคะ)
ที่เราสนับสนุนให้ผู้หญิงบางคนยอมแม่ผัวบ้าง (ถ้าท่านก็มีส่วนดีบ้างอ่ะนะคะ) ก็เพราะ
นึกภาพสิคะ ผู้หญิงคนหนึ่ง เลี้ยงลูกชายตั้งแต่ตัวน้อย ๆ มาอย่างทะนุถนอม วันหนึ่ง ลูกชายออกจากบ้านไปอยู่กับคนอื่น
และเพราะตัวเองเลี้ยงลูกมาอย่างถนอมกล่อมเกลี้ยง ทำให้ทุกอย่าง ทำกับข้าว เอาใจ
ไม่เคยให้ลูกชายต้องมาลำบากดูแลตัวเองคืนเลย
ถ้าวันหนึ่ง ลูกชายมีเมียไป ทำทุกอย่างที่แม่เคยทำให้ตัว ให้กับเมียตัวเอง ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งจะน้อยใจบ้าง
ใจเสียบ้าง อิจฉาบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
สะใภ้บางบ้านไม่ชอบแม่ผัว ก็ยิ่งชอบใจ สะใจเวลาเห็นลูกชายแม่ทำอะไรที่ไม่เคยทำ (ทำกับข้าว ถูบ้าน นวดเนื้อ นวดตัว) ให้กับตัวเอง
แถม ... บางที จงใจให้แม่ผัวเห็นภาพบาดตานั้น ...
ดิฉันพูดตรง ๆ บางครั้ง ก็นึกสงสารแม่ผัวค่ะ นึกถึงใจเค้าใจเราบ้างเถิดค่ะ
บางคน ที่สามีรัก ตามใจ เวลากลับบ้านสามีไปน่ะ ไล่ให้พ่อตัวดี ไปทำดีกับแม่เค้าแบบนี้บ้างเถิด หรือ เลี่ยงไม่ให้แม่เค้าเห็นบ้างเถิด สงสารคนแก่บ้าง
เพื่อนสนิทดิฉัน ต้องกลับไปค้างบ้านแม่สามีทุกอาทิตย์ ปกติแล้ว สามีเค้าจะออกไปซื้อกาแฟให้ทุกเช้า แต่เพื่อนจะตาลีตาเหลือกตื่นมาชงกาแฟเองหรือไปซื้อกาแฟเองเวลาอยู่กับแม่สามี เค้าบอกว่า กลัวแม่ (สามี) เสียใจ
5. คุณยังไม่ได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องการแบ่งเงิน ใช้จ่ายเงิน หรือ การรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเลย ไม่งั้นล่ะก็ บทวิเคราะห์ยาวกว่านี้แน่ ๆ
เราทุกคนต่างรู้จักคุณจากภายนอก ภายใต้ข้อมูลเท่าที่คุณเล่าให้ฟัง เราจะไม่ตัดสินว่าใครร้าย หรือ ใครสมควรได้ หรือ ไม่ได้อะไรยังไง
เพราะในชีวิตจริงที่เคยเจอ
บางคนปากร้ายขี้บ่น แต่ใจดี๊ดี ช่วยเหลือไม่อิดออดในยามคับขัน
แต่บางคนร้ายลึก จิกกัด เดินเกมส์ภายในสูง ยุแหย่เงียบ ๆ
บางคนอาจดูไม่ร้าย แต่พอโดนฟาดไปก่อน ก็จะตอบโต้เกินกว่าเหตุ คว้าปืนมายิงรัว ๆ กระทืบอีกฝ่ายจมดินไป
คนนอก ไม่มีทางรู้หมดว่าใครเป็นแบบไหน
กระทู้แบบนี้ ส่วนใหญ่เวลาอ่านคอมเม้นท์ จะเจองานมโนมาเต็มไปหมด (เราก็คงเป็นหนึ่งในนั้น)

ปล่อยวางบ้าง คุณย่อมรู้ภาพลึกมากกว่าใคร
6. อยากให้คุณเล่าข้อดีของพี่สะใภ้คุณบ้าง ที่ไม่ใช่เรื่อง สวย เก๋ เก่ง ฉลาด หรือ ความเป็นผู้ดีเก่า
ลองนึกถึง ความพยายามที่คุณพี่สะใภ้เคยพยายามปรับตัว หรือ แสดงน้ำใจอะไรกับคนในบ้านคุณบ้างน่ะค่ะ ว่ามีบ้างไหม ?
เผื่อจะทำให้ คุณเปิดมุมมองใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
7. อยากรู้บทบาทคุณพ่อคุณจังว่า ท่านมีท่าที หรือ มีความเห็นยังไงในสถานการณ์แบบนี้
ปล. ข้อสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ความคิดเห็นนี้ จะทำให้ดิฉัน ได้รับความรู้สึก "สยอง" จากเพื่อนสมาชิกมากที่สุดนับตั้งแต่เล่นพันทิปมา

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มันอยู่ที่พี่ชายคุณค่ะ ถ้าสามีเค้าพอใจในตัวภรรยาแล้วคนนอกจะไปยุ่งอะไรคะ เท่าที่อ่านมาทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ของคุณก็พยายามไม่เป็นภาระกับครอบครัวคุณเลย ตอนแต่งงานก็จัดกันเอง เงินสินสอดก็เป็นเงินเก็บฝ่ายชาย พอแต่งแล้วก็แยกบ้านไปอยู่กันเอง มีแต่ทางบ้านคุณที่ไปยุ่งกับเค้าเอง ไปบอกว่าบ้านเค้าขายลูกสาวกินบ้างล่ะ (อันนี้เราสะใจมากที่บ้านคุณโดนตอกกลับแบบนั้น ตัวพี่ชายคุณที่เป็นออกค่าสินสอดยังไม่บ่น) อยากให้รีบท้องบ้างล่ะ เอาไปเปรียบกับแฟนเก่าบ้างล่ะ จุกจิกเกินไป คนที่ไม่ได้โตมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวแบบไม่เข้าใจหรอกค่ะ
การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนค่ะ อย่าให้ชีวิตคู่ต้องมาไม่มีความสุขเพราะคนรอบตัว ถ้าบ้านคุณอยากให้พี่ชายคุณมีความสุขปล่อยๆไปบ้างค่ะ เดี๋ยวก็ตายจากกันไปแล้ว ชีวิตของเค้าเราดูแค่ห่างๆพอค่ะ
การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนค่ะ อย่าให้ชีวิตคู่ต้องมาไม่มีความสุขเพราะคนรอบตัว ถ้าบ้านคุณอยากให้พี่ชายคุณมีความสุขปล่อยๆไปบ้างค่ะ เดี๋ยวก็ตายจากกันไปแล้ว ชีวิตของเค้าเราดูแค่ห่างๆพอค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
เรามองว่าพี่สะใภ้คุณไม่ได้แย่ขนาดนั้น...
แต่เป็นคนรักษาสิทธิเสรีภาพของตัวเองอย่างหนักหน่วง
รักตัวเองค่อนข้างมาก มั่นใจในตัวเองสูงมากจริงๆ
อารมณ์เหมือนรู้ว่าตัวเองก็มีดี เลยไม่แคร์
พ่อแม่คนอื่นไม่ใช่พ่อแม่เรา ทำไมเราต้องทนให้เขาตำหนิ ดูถูก
ประเพณีคืนสินสอด .... อันนี้แล้วแต่ประเพณีความเชื่อ
คนที่เขาเอาสินสอด อย่าไปว่าว่าเขาขายลูกกิน
ประเพณีเขาเป็นแบบนั้น คิดกันแบบนั้น เชื่อกันแบบนั้น...
สมัยนี้พอเรียกสินสอด ก็หาว่าขายลูกกินทันที ถ้าการเรียกสินสอดนั้นแย่
เราว่าการที่คิดและยึดถือว่า สะใภ้แต่งแล้วเป็นคนของฝั่งสามี ก็แย่พอๆ กัน
คนรอบตัวเราเจอเยอะ แต่งแล้ว แค่จะกลับบ้านยังมีปัญหา
ไม่อยากให้สะใภ้กลับบ้านแม่ ไม่อยากให้หลานไปคลุกลีกับฝ่าตายาย
ประเพณียกน้ำชา ... อันนี้ควรจะมีนะ ไม่หนักหนาอะไรเลย
ขนาดชมพู่กับน็อต สินสอดร้อยแปดล้านยังมีเลย ชมพู่ลูกครึ่งด้วยซ้ำ
เรื่องสีผิว ... อันนี้เห็นด้วยกับเธอ ทำไมต้องขาว ทำไมต้องอย่างนั้นอย่างนี้
เรื่องนี้ออกจะจุ้นจ้านและดูถูกคนผิวไม่ขาวไปหน่อย
เราว่าบ้านคุณก็แอบแอนตี้เรื่องที่เขาเป็นคนไทย ผิวไม่ขาวอยู่ด้วยใช่ไหม
เราว่าเธอรู้สึกได้ เลยแสดงกริยาออกมาอย่างที่เห็น
ออกจากงานมาเลี้ยงลูก ทำงานกงสี ... เป็นเราเราก็ไม่เอา
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ยังทำงานของตัวเองไปได้ เป็นเรื่องที่ดีที่สุด
เพราะเวลาเราเลิกกับสามี เรายังช่วยเหลือตัวเองได้
เธอมีเงินใช้เอง ยืนได้ด้วยตัวเอง อาจจะดีกว่าให้มาเกาะพี่คุณอยู่เฉยๆ
จริงๆ นะ เงินก็เงินเธออ่ะ อยากใช้เท่าไรก็ใช้ ไม่ได้ขอใครจริงๆ
เรื่องงานบ้าน เลี้ยงลูก เรื่องนี้ต้องช่วยกันเลี้ยง ช่วยกันดู
ถ้าพี่คุณต้องรับหน้าที่มากกว่า ก็ไม่ไหวนะ คนจะทำงานกงสีหรืองานบริษัท
ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ทำงานกงสี อาจจะอะลุ้มอะล่วยเวลาได้มากกว่า
เรื่องเรียกอากงอาม่า ถ้าเธอจงใจเปลี่ยน ก็ไม่สมควรอย่างรุนแรง
แต่ถ้าเกิดจากความเคยชิน ก็ว่าไปอย่าง เราเคยเห็นสะใภ้คนไทยบางคน
ติดเรียกคุณตา คุณยาย คุณน้า คุณอา คือ ติดปากเรียกแบบนั้น ไม่ได้รังเกียจ
แต่ถ้ารังเกียจคนจีน ก็แสดงว่าเธอเกลียดตัวแต่กินไข่...
เอาเธอไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่า เป็นเราเราก็ปรี๊ดค่ะ...
เรื่องเจ้ายศเจ้าอย่าง กรณีนี้เราว่าเธอก็ทำเกินไปจริงๆ
เธอไม่รู้จักปรับตัว เข้ากับบ้านคุณไม่ได้
บางบ้านคนรับใช้ ก็เหมือนคนในครอบครัว นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันได้
แต่บ้างบ้านก็ไม่ได้ เพราะถือตัวและกลัวถูกตีเสมอ..
สรุปนะ ... คือเราแอบเห็นใจสะใภ้อ่ะ เพราะอาจมีเรื่องที่คุณไม่รู้
เล่ามาไม่หมดก็ได้ คือ พี่สาวเราเป็นคนจีนแต่งเข้าบ้านคนจีน
บางอย่างก็เกินไปจริงๆ เราก็เลยคิดว่า ความเคยชินบางอย่างในครอบครัวของคุณ
อาจทำให้เธอรู้สึกโดนเอาเปรียบ ดูถูกอะไรแบบนี้อยู่น่ะค่ะ
ส่วนจะทำยังไง ก็คงต้องปล่อยไป ห้ามอะไรไม่ได้ ชีวิตเขาสองคน
พวกคุณคอยรอรับวันที่พี่ชายไม่ไหวจริงๆ ก็พอค่ะ
อย่าต่อต้านพี่ชาย เพราะยิ่งต่อต้านจะยิ่งทำให้พี่ชายไปเข้ากับอีกฝ่ายค่ะ
อีกอย่างร้อยพ่อพันแม่ การแต่งงานกันต้องปรับตัวกันทั้งคู่
ถ้าสามารถคุยกันได้ (คำแนะนำเดิมๆ แต่มันก็ต้องแบบนี้) ก็ดีที่สุดค่ะ
แต่เป็นคนรักษาสิทธิเสรีภาพของตัวเองอย่างหนักหน่วง
รักตัวเองค่อนข้างมาก มั่นใจในตัวเองสูงมากจริงๆ
อารมณ์เหมือนรู้ว่าตัวเองก็มีดี เลยไม่แคร์
พ่อแม่คนอื่นไม่ใช่พ่อแม่เรา ทำไมเราต้องทนให้เขาตำหนิ ดูถูก
ประเพณีคืนสินสอด .... อันนี้แล้วแต่ประเพณีความเชื่อ
คนที่เขาเอาสินสอด อย่าไปว่าว่าเขาขายลูกกิน
ประเพณีเขาเป็นแบบนั้น คิดกันแบบนั้น เชื่อกันแบบนั้น...
สมัยนี้พอเรียกสินสอด ก็หาว่าขายลูกกินทันที ถ้าการเรียกสินสอดนั้นแย่
เราว่าการที่คิดและยึดถือว่า สะใภ้แต่งแล้วเป็นคนของฝั่งสามี ก็แย่พอๆ กัน
คนรอบตัวเราเจอเยอะ แต่งแล้ว แค่จะกลับบ้านยังมีปัญหา
ไม่อยากให้สะใภ้กลับบ้านแม่ ไม่อยากให้หลานไปคลุกลีกับฝ่าตายาย
ประเพณียกน้ำชา ... อันนี้ควรจะมีนะ ไม่หนักหนาอะไรเลย
ขนาดชมพู่กับน็อต สินสอดร้อยแปดล้านยังมีเลย ชมพู่ลูกครึ่งด้วยซ้ำ
เรื่องสีผิว ... อันนี้เห็นด้วยกับเธอ ทำไมต้องขาว ทำไมต้องอย่างนั้นอย่างนี้
เรื่องนี้ออกจะจุ้นจ้านและดูถูกคนผิวไม่ขาวไปหน่อย
เราว่าบ้านคุณก็แอบแอนตี้เรื่องที่เขาเป็นคนไทย ผิวไม่ขาวอยู่ด้วยใช่ไหม
เราว่าเธอรู้สึกได้ เลยแสดงกริยาออกมาอย่างที่เห็น
ออกจากงานมาเลี้ยงลูก ทำงานกงสี ... เป็นเราเราก็ไม่เอา
ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ยังทำงานของตัวเองไปได้ เป็นเรื่องที่ดีที่สุด
เพราะเวลาเราเลิกกับสามี เรายังช่วยเหลือตัวเองได้
เธอมีเงินใช้เอง ยืนได้ด้วยตัวเอง อาจจะดีกว่าให้มาเกาะพี่คุณอยู่เฉยๆ
จริงๆ นะ เงินก็เงินเธออ่ะ อยากใช้เท่าไรก็ใช้ ไม่ได้ขอใครจริงๆ
เรื่องงานบ้าน เลี้ยงลูก เรื่องนี้ต้องช่วยกันเลี้ยง ช่วยกันดู
ถ้าพี่คุณต้องรับหน้าที่มากกว่า ก็ไม่ไหวนะ คนจะทำงานกงสีหรืองานบริษัท
ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ทำงานกงสี อาจจะอะลุ้มอะล่วยเวลาได้มากกว่า
เรื่องเรียกอากงอาม่า ถ้าเธอจงใจเปลี่ยน ก็ไม่สมควรอย่างรุนแรง
แต่ถ้าเกิดจากความเคยชิน ก็ว่าไปอย่าง เราเคยเห็นสะใภ้คนไทยบางคน
ติดเรียกคุณตา คุณยาย คุณน้า คุณอา คือ ติดปากเรียกแบบนั้น ไม่ได้รังเกียจ
แต่ถ้ารังเกียจคนจีน ก็แสดงว่าเธอเกลียดตัวแต่กินไข่...
เอาเธอไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่า เป็นเราเราก็ปรี๊ดค่ะ...
เรื่องเจ้ายศเจ้าอย่าง กรณีนี้เราว่าเธอก็ทำเกินไปจริงๆ
เธอไม่รู้จักปรับตัว เข้ากับบ้านคุณไม่ได้
บางบ้านคนรับใช้ ก็เหมือนคนในครอบครัว นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันได้
แต่บ้างบ้านก็ไม่ได้ เพราะถือตัวและกลัวถูกตีเสมอ..
สรุปนะ ... คือเราแอบเห็นใจสะใภ้อ่ะ เพราะอาจมีเรื่องที่คุณไม่รู้
เล่ามาไม่หมดก็ได้ คือ พี่สาวเราเป็นคนจีนแต่งเข้าบ้านคนจีน
บางอย่างก็เกินไปจริงๆ เราก็เลยคิดว่า ความเคยชินบางอย่างในครอบครัวของคุณ
อาจทำให้เธอรู้สึกโดนเอาเปรียบ ดูถูกอะไรแบบนี้อยู่น่ะค่ะ
ส่วนจะทำยังไง ก็คงต้องปล่อยไป ห้ามอะไรไม่ได้ ชีวิตเขาสองคน
พวกคุณคอยรอรับวันที่พี่ชายไม่ไหวจริงๆ ก็พอค่ะ
อย่าต่อต้านพี่ชาย เพราะยิ่งต่อต้านจะยิ่งทำให้พี่ชายไปเข้ากับอีกฝ่ายค่ะ
อีกอย่างร้อยพ่อพันแม่ การแต่งงานกันต้องปรับตัวกันทั้งคู่
ถ้าสามารถคุยกันได้ (คำแนะนำเดิมๆ แต่มันก็ต้องแบบนี้) ก็ดีที่สุดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
เราว่าบ้านคุณเรื่องมากค่ะ ถ้าเราเจอพ่อแม่สามีแบบบ้านคุณ เราก็ไม่ชอบเหมือนกัน (ปล เราเป็นคนจีน ไม่มีเชื้อสายไทย)
เค้าแต่งงานแยกครอบครัวออกมาแล้ว. จะไปยุ่งเจ้าการเจ้าการอะไรกับเค้าล่ะคะ
เราว่าที่เค้าปฏิบัติกับบ้านคุณแบบนี้ อาจจะเพราะบ้านคุณไปวุ่นวาย อคติ ตั้งแง่กับเค้าก่อน (เช่น เรื่องสีผิว เปรียบเทียบกับแฟนเก่า อคติว่าเค้าข่ม ตอนใส่ชุดเครื่องทอง etc)
1. เรื่องแต่งงาน ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวจัดการกันเอง ผู้ใหญ่ไม่ควรไปยุ่ง
2. เรื่องมีลูก ก็ไม่ควรไปกดดันเค้า เค้าจะมีหรือไม่มี หรือจะมีเมื่อไหร่ ก็เรื่องของเค้า
3. เรื่องสินสอด เราเห็นด้วยกับบ้านคุณว่า ฝ่ายเจ้าสาวไม่ควรเก็บไว้
4. แต่งงานแล้วย้ายออกมาอยู่คอนโดด้วยกัน ดีแล้วค่ะ พี่ชายคุณกับเค้ามีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย
5. เรื่องคนงาน เราว่าสะใภ้เยอะค่ะ ทำไม่ถูกเหมือนกัน
6, เรื่องไม่ทำกับข้าว ส่วนพี่ชายคุณทำ ถ้าพี่คุณไม่ว่าอะไร ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกัน ใครถนัดอะไรก็ทำอันนั้น
7. เรื่องตั้งชื่อ เป็นสิทธิ์ของพ่อแม่เด็กค่ะ บ้านคุณไม่ควรไปยุ่ง
8. เรื่องเรียกชื่อ ปู่ย่าตายาย ก็ธรรมดาค่ะ เค้ามีสิทธิ์สอนลูกเค้า
9. ธรรมเนียมจีน...คนที่ไม่เชื่อ ก็คือไม่เชื่อค่ะ เราไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้เค้าในสิ่งที่เค้าไม่เชื่อ ไม่นับถือ ...อย่างเรา ไม่เชื่อในพิธีกรรมทางศาสนา ถ้าบ้านสามีให้เราไปไหว้พระ ทำบุญ เราก็ไม่ไปค่ะ
10. เรื่องเปลี่ยนนามสกุล...ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เลือกค่ะ
11. เรื่องผู้ชายช่วยเลี้ยงดูลูก เข็นรถลูก ...ก็ดีแล้วนี่คะ
12. เรื่องสีผิว...บ้านคุณดูถูกคนอื่นค่ะ discrimination นะคะ
13. เรื่องให้ลาออกไปช่วยงาน ...เป็นเรา เราก็ไม่เอาค่ะ ...ทำงาน หาเงินได้เอง มีอิสระ ดีกว่าไปทำงาน กินเงินกงสีค่ะ
ปล. แก้ไขเพิ่มความเห็น
เค้าแต่งงานแยกครอบครัวออกมาแล้ว. จะไปยุ่งเจ้าการเจ้าการอะไรกับเค้าล่ะคะ
เราว่าที่เค้าปฏิบัติกับบ้านคุณแบบนี้ อาจจะเพราะบ้านคุณไปวุ่นวาย อคติ ตั้งแง่กับเค้าก่อน (เช่น เรื่องสีผิว เปรียบเทียบกับแฟนเก่า อคติว่าเค้าข่ม ตอนใส่ชุดเครื่องทอง etc)
1. เรื่องแต่งงาน ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวจัดการกันเอง ผู้ใหญ่ไม่ควรไปยุ่ง
2. เรื่องมีลูก ก็ไม่ควรไปกดดันเค้า เค้าจะมีหรือไม่มี หรือจะมีเมื่อไหร่ ก็เรื่องของเค้า
3. เรื่องสินสอด เราเห็นด้วยกับบ้านคุณว่า ฝ่ายเจ้าสาวไม่ควรเก็บไว้
4. แต่งงานแล้วย้ายออกมาอยู่คอนโดด้วยกัน ดีแล้วค่ะ พี่ชายคุณกับเค้ามีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าบ้านฝ่ายชาย
5. เรื่องคนงาน เราว่าสะใภ้เยอะค่ะ ทำไม่ถูกเหมือนกัน
6, เรื่องไม่ทำกับข้าว ส่วนพี่ชายคุณทำ ถ้าพี่คุณไม่ว่าอะไร ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกัน ใครถนัดอะไรก็ทำอันนั้น
7. เรื่องตั้งชื่อ เป็นสิทธิ์ของพ่อแม่เด็กค่ะ บ้านคุณไม่ควรไปยุ่ง
8. เรื่องเรียกชื่อ ปู่ย่าตายาย ก็ธรรมดาค่ะ เค้ามีสิทธิ์สอนลูกเค้า
9. ธรรมเนียมจีน...คนที่ไม่เชื่อ ก็คือไม่เชื่อค่ะ เราไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้เค้าในสิ่งที่เค้าไม่เชื่อ ไม่นับถือ ...อย่างเรา ไม่เชื่อในพิธีกรรมทางศาสนา ถ้าบ้านสามีให้เราไปไหว้พระ ทำบุญ เราก็ไม่ไปค่ะ
10. เรื่องเปลี่ยนนามสกุล...ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เลือกค่ะ
11. เรื่องผู้ชายช่วยเลี้ยงดูลูก เข็นรถลูก ...ก็ดีแล้วนี่คะ
12. เรื่องสีผิว...บ้านคุณดูถูกคนอื่นค่ะ discrimination นะคะ
13. เรื่องให้ลาออกไปช่วยงาน ...เป็นเรา เราก็ไม่เอาค่ะ ...ทำงาน หาเงินได้เอง มีอิสระ ดีกว่าไปทำงาน กินเงินกงสีค่ะ
ปล. แก้ไขเพิ่มความเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
มีใครเคยเจอแบบเราบ้างมั้ยคะ เราควรทำยังไงดี
เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา ก็คงต้องตามใจพี่ชาย
ผู้หญิงน่าจะได้รับค่านิยมมาจากต่างประเทศค่อนข้างมาก จึงมีความเป็นตัวของตัวเอง และภาวะความเป็นผู้นำสูง
และเขาก็คงไม่ค่อยจะชอบธรรมเนียมจีนครับ อาจจะออกแนวต่อต้านด้วย
คนที่จบสูง ลูกท่านหลานเธอ การงานดีหลายคนมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น สะใภ้ใหญ่ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้
แต่เมื่อพี่ชายเลือกเขาเป็นภรรยา ก็ต้องกลับไปโทษพี่ชายคุณ ว่าทำไปไปเลือกคนแบบนี้ที่เข้ากับครอบครัวไม่ได้เอามาเป็นภรรยา
ผู้หญิงไม่ค่อยมางานครอบครับฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายต้องไปงานครอบครัวฝ่ายหญิง
อันนี้ ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา อันนี้ของมองอีกด้านหนึ่งว่า พี่ชายคุณเป็นคนหัวอ่อน
ขาดความเป็นผู้นำ ก่อนแต่งก็เชื่อว่าพี่ชายคุณก็รู้นิสัยนี้อยู่แล้ว จะยังคงตัดสินใจแต่ง เรื่องนี้ก็คงต้องโทษพี่ชายคุณ
อีกครั้งที่ขาดความเป็นผู้นำ และดันไปเลือกเขา แต่คนหนึ่งแข็ง คนหนึ่งอ่อน ก็มีแนวโน้มว่าจะไปกันรอดนะครับ
ถ้าแข็งทั้งคู่ คงเลิกกันไปนานแล้ว
สะใภ้ใหญ่ ไม่ทำกับข้าวค่ะ พี่ชายเราเป็นคนทำทั้งหมด อันนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัว และเป็นการทึกทักไปเองว่า
ผู้หญิงต้องทำกับข้าว สมัยก่อนผู้หญิงไม่ทำงาน หน้าที่นี้จึงมอบให้ผู้หญิง แต่สังคมปัจจุบัน ผู้หญิงก็ต้องทำงาน
และสะใภ้ทำงานจนดึก ถ้าต้องทำงานดึกและต้องมาทำอาหาร มาทำงานบ้าน ทำทุกอย่าง มันก็เกินไปสำหรับผู้หญิง
อีกอย่าง ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนทำกับข้าวเป็น/ทำอาหารอร่อย มีทฤษฎีว่า ผู้ชายทำอาหารอร่อยกว่าผู้หญิงด้วย
ตามภัตตาคารใหญ่ ภัตตาคารจีน มีแต่พ่อครัวทั้งนั้น ไม่ค่อยเห็นแม่ครัวเลย
สินสอด ตามกฏหมายนั้น คือสิ่งที่ฝ่ายชายมอบให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะให้คืนหรือไม่คืนก็ได้
เพราะสิทธิเป็นของพ่อแม่ฝ่ายหญิง
พ่อเค้าบอกด้วยว่า ลูกสาวเค้าไม่มีการให้แต่งเข้าบ้านเราเด็ดขาด
อันนี้พ่อผมก็บอกผมเหมือนกันว่า แต่งแล้วอย่าอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ เพราะมันจะทะเลาะกัน
ให้แยกครอบครัวไปเลย เพราะลูกตัวเองปกติ จะดีเลิศอยู่แล้ว คนเป็นพ่อแม่ทนได้
แต่ลูกสะใภ้เนี่ยสิจะอึดอัดมาก อันนี้ผมเห็นด้วย แต่หลายคนต้องอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ เพราะไม่มีทางเลือก
อย่างที่บอกว่าเหมือนเขาจะรับค่านิยมตะวันตกมาเต็มๆ ซึ่งฝรั่งจะเลี้ยงแตกต่างจะคนเอเซียจริงๆ
เช่นเขาจับเด็กแยกห้องตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน บางคนแยกตั้งแต่ไม่กี่วัน ฝรั่งจะเลี้ยงให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง
รับผิดชอบตัวเอง ซึ่งหลายอย่างก็ขัดกับความรู้สึกคนไทยอย่างผมเหมือนกันจริงๆ แต่ผมก็เข้าใจเขานะ
คุณก็พูดว่า พี่ชายเปลี่ยนจากหนุ่มเพลย์บอย กับต้องมาเข็นรถเข็นเด็กในห้าง ผมว่านั่นก็น่าจะเป็นเรื่องดี
ไม่ยอมออกจากงานเพราะห่วงเงินเดือนหลักแสน ผมว่าเขาคิดถูกนะ ใครๆก็ห่วง เพราะปัจจุบัน ทุกอย่างต้องใช้เงิน
หากวันหนึ่ง พี่ชายคุณเปลี่ยนไป ทะเลาะกัน เข้ากันไม่ได้ สุดท้าย มีเหตุต้องเลิกกัน แล้วเขาจะทำอย่างไร
เพราะเรื่องอย่างนี้เห็นดราม่าในพันทิปเต็มไปหมด และอย่าคิดว่าโอกาสน้อย
เพราะสถิติการหย่าในประเทศไทยก็ไม่น้อย คือ 30% ของผู้ที่แต่งงานแล้วจะจบด้วยการหย่า
แถมเขาเข้ากับครอบครัวฝ่ายชายไม่ได้ โอกาสเลิกกันในอนาคตมีสูงมาก
ฝ่ายหญิงไม่อยากเปลี่ยนนามสกุล อันนี้ก็สิทธิส่วนบุคคล ทำไมต้องให้ผู้หญิงเปลี่ยน
ภรรยาผมก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลเหมือนกัน แถมยังคงใช้คำนำหน้าว่า นางสาว ด้วย
แม่เราอยากให้เค้ามาช่วยงานที่บ้าน แต่เพราะงานที่เค้าทำอยู่ทำให้เค้าไม่มีเวลาให้ลูก กลายเป็นพี่ชายเราต้องทำทุกอย่าง
สำหรับเรื่องนี้ แฟนผมก็ทำงานกลับบ้านดึกทุกวัน กลายเป็นผมต้องมาคอยดูลูก สอนการบ้านลูก พาเขาขึ้นนอน
บ่อยครั้ง ลูกนอนก่อนแม่จะกลับอีก แฟนไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยทำอาหาร จะออกจากงานก็ห่วงเงินแสนเหมือนกับที่สะใภ้ใหญ่ของคุณเป็น
อันนี้ก็ต้องเห็นใจเขานะ
สรุปคือ หากจะโทษ ผมโทษที่พี่ชายคุณเป็นหลักครับ
เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา ก็คงต้องตามใจพี่ชาย
ผู้หญิงน่าจะได้รับค่านิยมมาจากต่างประเทศค่อนข้างมาก จึงมีความเป็นตัวของตัวเอง และภาวะความเป็นผู้นำสูง
และเขาก็คงไม่ค่อยจะชอบธรรมเนียมจีนครับ อาจจะออกแนวต่อต้านด้วย
คนที่จบสูง ลูกท่านหลานเธอ การงานดีหลายคนมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น สะใภ้ใหญ่ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้
แต่เมื่อพี่ชายเลือกเขาเป็นภรรยา ก็ต้องกลับไปโทษพี่ชายคุณ ว่าทำไปไปเลือกคนแบบนี้ที่เข้ากับครอบครัวไม่ได้เอามาเป็นภรรยา
ผู้หญิงไม่ค่อยมางานครอบครับฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายต้องไปงานครอบครัวฝ่ายหญิง
อันนี้ ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา อันนี้ของมองอีกด้านหนึ่งว่า พี่ชายคุณเป็นคนหัวอ่อน
ขาดความเป็นผู้นำ ก่อนแต่งก็เชื่อว่าพี่ชายคุณก็รู้นิสัยนี้อยู่แล้ว จะยังคงตัดสินใจแต่ง เรื่องนี้ก็คงต้องโทษพี่ชายคุณ
อีกครั้งที่ขาดความเป็นผู้นำ และดันไปเลือกเขา แต่คนหนึ่งแข็ง คนหนึ่งอ่อน ก็มีแนวโน้มว่าจะไปกันรอดนะครับ
ถ้าแข็งทั้งคู่ คงเลิกกันไปนานแล้ว
สะใภ้ใหญ่ ไม่ทำกับข้าวค่ะ พี่ชายเราเป็นคนทำทั้งหมด อันนี้ก็เป็นเรื่องของครอบครัว และเป็นการทึกทักไปเองว่า
ผู้หญิงต้องทำกับข้าว สมัยก่อนผู้หญิงไม่ทำงาน หน้าที่นี้จึงมอบให้ผู้หญิง แต่สังคมปัจจุบัน ผู้หญิงก็ต้องทำงาน
และสะใภ้ทำงานจนดึก ถ้าต้องทำงานดึกและต้องมาทำอาหาร มาทำงานบ้าน ทำทุกอย่าง มันก็เกินไปสำหรับผู้หญิง
อีกอย่าง ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนทำกับข้าวเป็น/ทำอาหารอร่อย มีทฤษฎีว่า ผู้ชายทำอาหารอร่อยกว่าผู้หญิงด้วย
ตามภัตตาคารใหญ่ ภัตตาคารจีน มีแต่พ่อครัวทั้งนั้น ไม่ค่อยเห็นแม่ครัวเลย
สินสอด ตามกฏหมายนั้น คือสิ่งที่ฝ่ายชายมอบให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะให้คืนหรือไม่คืนก็ได้
เพราะสิทธิเป็นของพ่อแม่ฝ่ายหญิง
พ่อเค้าบอกด้วยว่า ลูกสาวเค้าไม่มีการให้แต่งเข้าบ้านเราเด็ดขาด
อันนี้พ่อผมก็บอกผมเหมือนกันว่า แต่งแล้วอย่าอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ เพราะมันจะทะเลาะกัน
ให้แยกครอบครัวไปเลย เพราะลูกตัวเองปกติ จะดีเลิศอยู่แล้ว คนเป็นพ่อแม่ทนได้
แต่ลูกสะใภ้เนี่ยสิจะอึดอัดมาก อันนี้ผมเห็นด้วย แต่หลายคนต้องอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ เพราะไม่มีทางเลือก
อย่างที่บอกว่าเหมือนเขาจะรับค่านิยมตะวันตกมาเต็มๆ ซึ่งฝรั่งจะเลี้ยงแตกต่างจะคนเอเซียจริงๆ
เช่นเขาจับเด็กแยกห้องตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน บางคนแยกตั้งแต่ไม่กี่วัน ฝรั่งจะเลี้ยงให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง
รับผิดชอบตัวเอง ซึ่งหลายอย่างก็ขัดกับความรู้สึกคนไทยอย่างผมเหมือนกันจริงๆ แต่ผมก็เข้าใจเขานะ
คุณก็พูดว่า พี่ชายเปลี่ยนจากหนุ่มเพลย์บอย กับต้องมาเข็นรถเข็นเด็กในห้าง ผมว่านั่นก็น่าจะเป็นเรื่องดี
ไม่ยอมออกจากงานเพราะห่วงเงินเดือนหลักแสน ผมว่าเขาคิดถูกนะ ใครๆก็ห่วง เพราะปัจจุบัน ทุกอย่างต้องใช้เงิน
หากวันหนึ่ง พี่ชายคุณเปลี่ยนไป ทะเลาะกัน เข้ากันไม่ได้ สุดท้าย มีเหตุต้องเลิกกัน แล้วเขาจะทำอย่างไร
เพราะเรื่องอย่างนี้เห็นดราม่าในพันทิปเต็มไปหมด และอย่าคิดว่าโอกาสน้อย
เพราะสถิติการหย่าในประเทศไทยก็ไม่น้อย คือ 30% ของผู้ที่แต่งงานแล้วจะจบด้วยการหย่า
แถมเขาเข้ากับครอบครัวฝ่ายชายไม่ได้ โอกาสเลิกกันในอนาคตมีสูงมาก
ฝ่ายหญิงไม่อยากเปลี่ยนนามสกุล อันนี้ก็สิทธิส่วนบุคคล ทำไมต้องให้ผู้หญิงเปลี่ยน
ภรรยาผมก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลเหมือนกัน แถมยังคงใช้คำนำหน้าว่า นางสาว ด้วย
แม่เราอยากให้เค้ามาช่วยงานที่บ้าน แต่เพราะงานที่เค้าทำอยู่ทำให้เค้าไม่มีเวลาให้ลูก กลายเป็นพี่ชายเราต้องทำทุกอย่าง
สำหรับเรื่องนี้ แฟนผมก็ทำงานกลับบ้านดึกทุกวัน กลายเป็นผมต้องมาคอยดูลูก สอนการบ้านลูก พาเขาขึ้นนอน
บ่อยครั้ง ลูกนอนก่อนแม่จะกลับอีก แฟนไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยทำอาหาร จะออกจากงานก็ห่วงเงินแสนเหมือนกับที่สะใภ้ใหญ่ของคุณเป็น
อันนี้ก็ต้องเห็นใจเขานะ
สรุปคือ หากจะโทษ ผมโทษที่พี่ชายคุณเป็นหลักครับ
แสดงความคิดเห็น
จะทำอย่างไรกับสะใภ้คนไทยหัวนอก ที่ไม่ชอบครอบครัวคนจีนดีคะ?
พี่ชายคนโตเราแต่งงานช้าค่ะ บ้านเราจีนแท้เลย เค้าเป็นลูกชายคนเดียว เป็นคนโปรดของแม่ บ้านเราค่อนข้างมีฐานะค่ะ ทำธุรกิจแบบกงสี ลูกทุกคนมาช่วยงาน ทุกคนแต่งงานไปก่อนแล้ว พี่คนโตเรายังไม่แต่งซักที จนมาเจอน้องคนนี้ที่อายุน้อยกว่ามาก เป็นคนไทยแท้ๆเลยที่บ้านไม่มีเชื้อจีน หัวนอก บ้านแนวผู้ดีเก่า ศักดินา การศึกษาดีมากๆ คือบ้านเราไม่มีใครเรียนเก่งเท่านาง เค้าถูกส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่มัธยม เรียนในยุโรป โรงเรียนเค้าต้องใช้ 3 ภาษา ไม่รวมไทย อังกฤษ ทำให้เค้าพูดได้ 5 ภาษา ฐานะทางบ้านสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ทำงานได้เงินเดือนสูงมาก ปกติพี่ชายเราคบผู้หญิงเน้นขาวๆ สวยๆ กับนิสัยน่ารักช่างเอาใจค่ะ คนนี้มาแนวเก่งๆ มั่นๆ ผิวคล้ำ แต่สวยนะ ยอมนาง ดูเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลมาก ขอให้ลองเทียบกับคู่จอร์จ คลูนี่ย์ กับภรรยา
ตอนพี่ชายประกาศว่าจะแต่งงานที่บ้านดีใจมาก ไม่อยากเชื่อ แม่เราทำใจได้แล้วว่าพี่เราคงไม่แต่ง แฟนเค้าที่ผ่านๆมานิสัยดี คบกันนาน น่ารักทุกคน แม่เราชอบมาก บอกให้แต่งแต่เค้าไม่เคยแพลนเรื่องพวกนี้เลยค่ะ คนนี้เหมือนคบกันแค่ 3 เดือน พี่เราขอแต่งเลย ทีแรกเราคิดว่าเค้าท้องด้วยซ้ำ แถมคบกันไม่นานเลยไม่รู้จักพื้นฐานอะไรกันเลย พี่ชายเราแทบไม่พาเค้าเข้าบ้านเลยก่อนหน้านี้ ญาติๆก็ไม่เคยรู้จักเค้าเลย แม่เรางง จริงๆแม่อยากได้คนเชื้อจีนเหมือนกันจะได้เข้ากับที่บ้านได้ง่ายๆ อยากได้สะใภ้ตัวขาวๆ แต่แม่เราไม่กล้าขัด กลัวพี่เปลี่ยนใจไม่แต่ง แม่อยากอุ้มหลาน บ้านเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย มีแต่เค้าที่ไม่ชอบเราเพราะไม่ชอบธรรมเนียมจีน
ครอบครัวเค้าเป็นคนไทยแท้เลย ปัญหาก็เริ่มตั้งแต่วันสู่ขอ แม่เราอยากให้มียกน้ำชาด้วย เอาตอนรับไหว้ก็ได้ คุณยายเค้าหัวเราะ บอกว่าหลานสาวตัวดำ ให้ใส่ชุดจีนคงไม่เหมาะมั้ง แล้วที่บ้านมีเครื่องทองสมัยเจ้าคุณปู่ จะให้ใส่ในวันแต่งงาน บ้านเราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เหมือนโดนเอาสมบัติประจำตระกูลมาข่ม กลับบ้านอาม่าเราเคืองนิดหน่อยเพราะตามธรรมเนียมแล้วเค้าควรจะให้บ้านเราเป็นฝ่ายตัดสินใจเรื่องงานมากกว่า แต่แม่เราไม่อยากให้มีปัญหากันตั้งแต่ยังไม่แต่ง
เราว่าจริงๆแม่น่าจะห้ามตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงไม่ต้องเจ็บขนาดนี้
พ่อเค้าบอกด้วยว่า ลูกสาวเค้าไม่มีการให้แต่งเข้าบ้านเราเด็ดขาด ให้ไปอยู่ต่างหาก ไม่ให้อยู่บ้านเดียวกัน และเค้าขอเก็บสินสอดไว้ทั้งหมด เพื่อเป็นหลักประกันให้ลูกสาว มาตรงนี้แม่เราโวยใส่พี่เราที่บ้าน ว่ามันผิดธรรมเนียม ปกติเค้าต้องให้ทั้งบ่าวสาว ทำแบบนี้เหมือนขายลูกสาวกิน ฝากให้พี่ชายเราไปบอกแฟน แต่พี่เราไม่ยอมบอก เค้าบอกเค้าจะรับผิดชอบเรื่องสินสอดเอง ให้แม่อยู่เฉยๆ แม่เราเห็นพี่เราต้องเอาเงินเก็บมาขอเมียเแล้วเค้าช้ำใจมากค่ะ พี่เราเป็นคนชอบเที่ยว เงินให้พ่อแม่ยังไม่ค่อยให้เลย แม่เราเลยลองบอกว่าที่สะใภ้ว่าถ้าเป็นคนจีนจะต้องคืนสินสอดมานะ แต่บ้านคนไทยทำไมทำแบบนี้ (พูดตอนทานข้าวกัน) นางตอบกลับมาว่า “ถ้าพ่อกับแม่จะขายหนูจริงๆ เงินที่นี่คงมีไม่พอ…”
เปรี๊ยะ!!! เราฟังแล้วแว้บเลย ยัยคนนี้แรง นี่ขนาดยังไม่แต่งเข้ามานะ แม่เราเปรยกับเราว่าทำไมพี่เราไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่พ่อแม่เค้าใจดี ต้อนรับเรา ไม่ใช่มาแนว คิดว่าลูกเขยต้องง้อ แบบนี้
วันแต่งก็ทำตามที่บ้านเค้ากำหนดทุกอย่างค่ะ อาม่าเราน่าสงสารมาก ถามว่า “นี่ไม่มียกน้ำชาเหรอ” แม่เราต้องบอกว่า ปล่อยให้เด็กๆเค้าจัดกันเอง ค่าใช้จ่ายก็พี่เราเป็นคนออก เพื่อจะได้ทำทุกอย่างโดยไม่ต้องปรึกษาแม่ ส่วนบ้านผู้หญิงเป็นแนวหัวนอก คือเราสับสนเหมือนกัน เค้าจะฝรั่งจ๋ามากในเรื่องครอบครัว นี่เรื่องของชั้น เธอห้ามยุ่ง แต่มาไทยจ๋าศักดินา เจ้ายศเจ้าอย่างบางเวลา โดยเฉพาะเวลาจะข่มด้วยความเป็นผู้ดีเก่าของเค้า เค้าไม่ได้พูดตรงๆ แต่สายตา กิริยา โอ๊ยยยย เยอะค่ะ
แต่งแบบจดทะเบียนกัน แต่ฝ่ายหญิงไม่อยากเปลี่ยนนามสกุล บอกว่าอยากใช้ของตัวเองเพราะเป็นนามสกุลพระราชทาน … นี่ชั้นผิดสินะที่ไม่สามารถย้อนสาแหรกกลับไปแปดชั่วคนแบบเธอได้
แต่งแล้วเค้าก็ไปอยู่คอนโดกัน ประมาณปีกว่าๆ ปัญหายังไม่มี(อีกซักพัก)ค่ะ เพราะไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน จนปีที่สอง เค้ายังไม่ท้องซักที ทุกคนก็ถาม บ้านเราคนจีนก็อยากมีทายาทไว้สืบสกุล ก็มีพูดประเด็นนี้บ้าง เค้าหัวเราะแล้วบอกว่ายังไม่พร้อม งานเค้ายุ่งมาก แม่เราบอกขอหลานชายไว้ให้แม่ซักคน เค้าก็กลอกตา จำเป็นด้วยเหรอคะต้องเป็นผู้ชาย หนูไม่เข้าใจ พอดีที่บ้านเป็นคนไทยค่ะ
บางทีก็พูดทำนองว่า เรื่องมีลูกเป็นเรื่องระหว่างเค้ากับสามี ถ้าเค้าพร้อมเมื่อไหร่เค้าจะมีเอง คนอื่นบอกอยากมีคือคนอื่นไม่ได้ช่วยเธอเลี้ยงซะหน่อย … คือเราเข้าใจความคิดเค้านะ มาแนวฝรั่งจ๋า แต่ไม่เข้าใจว่าเค้าจะพูดให้ญาติๆฟังแบบนั้นทำไม แม่เราเลยไม่ยุ่งค่ะ
แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่เค้าท้อง พี่ชายเรากลัวนางไม่สะดวกสบาย เลยปล่อยคอนโดให้เช่าแล้วเตรียมสร้างบ้านใหม่ เรื่องยุ่งๆก็เกิดขึ้น เรื่องแรกคือ ระหว่างนั้นเค้าต้องมาอยู่ที่บ้านเรา ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรเพราะบ้านเราแบ่งโซนเป็นส่วนๆเลย คนในบ้านมีส่วนของตัวเอง ไม่ต้องมาอยู่ปนกัน ข้าวก็ไม่ต้องทานพร้อมกัน ใครมาก่อนกินก่อน งานบ้านก็ไม่ต้องทำ สบายขนาดนี้ … ปรากฏว่าเธอมีปัญหาจนได้ คือเธอตำหนิว่าคนงานที่บ้านเราไม่มีมารยาท ไม่สวัสดีตอนเช้า ไม่ก้มตัวเวลาเดินผ่าน ไม่รีบเก็บจานเวลาทานเสร็จ พูดไม่มีหางเสียง ทั้งหมดนี่เธอไม่ได้พูดกับแม่เราตรงๆ แต่เธอจิกคนงานเองเลยค่ะ พ่อเรางง บ้านเราไม่ต้องขนาดนั้น เธอก็ทำเหมือนกับว่าบ้านเราคนละชนชั้นกับบ้านเธอ ไม่มีมารยาทเท่าบ้านเธอ
พี่สะใภ้เราเป็นคนที่ดูจากภายนอก สุภาพมากเลยค่ะ มารยาทดี พูดมีหางเสียงทุกคำ ไหว้สวย เราว่าเธอเป็นแบบนั้นก็ดีนะ แต่ทำไมต้องมาบังคับให้คนอื่นเป็นด้วย เธอบอกว่าที่บ้านเธออบรมมาแบบนี้ (นี่หลอกด่ากันสินะ) เวลาเธอเถียง เสียงเธอจะเรียบๆ ไม่ตะโกน ไม่ด่า แต่หน้าจิก
แม่เราเพิ่งรู้หลังจากพี่เราแต่งได้ 2 ปีว่าสะใภ้ใหญ่ ไม่ทำกับข้าวค่ะ เพราะมาอยู่บ้านเดียวกัน เลยได้รู้ว่าตอนอยู่คอนโด พี่ชายเราเป็นคนทำทั้งหมด ส่วนตัวเธองานยุ่ง กลับดึกตลอด พี่เราดูแลอาหารกับจ่ายตลาดทั้งหมด บ้านเราไม่ได้อยากได้สะใภ้มาเป็นคนรับใช้นะคะ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกเราไปเป็นคนรับใช้เค้าเหมือนกัน แม่เราเลยตำหนิว่าเธอควรจะหัดทำไว้บ้าง เธอก็ชักสีหน้า ยักไหล่ ถอนหายใจ .. แสดงความไม่พอใจค่ะ บางทีก็เถียงสวนเดี๋ยวนั้นเลย เราอยู่ในเหตุการณ์บ้าง เราว่าเธอมั่นเกิน คิดว่าชั้นแน่ ชั้นเก่ง ชั้นทำงานหนัก
แล้ววันนึงแม่เราทนไม่ไหว บอกกับเค้าเลยว่า พี่เราคบผู้หญิงมาเป็นสิบๆกว่าจะมาเจอเธอ แต่ละคนก็น่ารัก กุลีกุจอ เรียบร้อย ใจเย็น จริงๆแม่ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงเก่งเวอร์ แต่ขอคนที่ดูแลเอาใจใส่ นิสัยดี คือแม่เราอยากให้เธอสำนึกค่ะ ปรากฎว่าเธอแสยะปากแล้วพูดทำนองว่าพี่ชายเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เธอเป็นเมีย บ้านเธอหวังให้เธอแต่งงานกับคนที่โปรไฟล์ดีกว่านี้ที่เคยมาจีบเธอ แต่เธอเลือกแต่งกับผู้ชายอายุเยอะ ครอบครัวจี๊น จีน แบบพี่เรา แม่เราเดือดมากแต่เราเห็นว่าเค้ากำลังท้องอยู่ อาจจะเป็นฮอร์โมน เลยเข้าไปแยก แต่เราเริ่มอยากคุยกับพี่ชายแล้วค่ะ
กลายเป็นว่าเธอไปฟ้องสามีว่าแม่เอาเธอไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่าพี่ เธอโกรธจนโทร.ไปฟ้องแม่ว่าสามีพามาอยู่บ้านเลยทำให้เธอต้องเจอเรื่องแบบนี้ และเธอกำลังจะขนของกลับไปอยู่บ้าน พี่เราโกรธแม่เรามากที่ไปพูดให้เมียสุดที่รักของเค้าเสียใจ ว่าแม่เราว่าทำไมต้องพูดเรื่องแฟนเก่าเค้าด้วย (ก็ถ้าเมียเธอไม่เยอะแล้วแม่จะต้องว่ามั้ยล่ะ) ท้ายสุดนางยื่นคำขาดว่าจะต้องย้ายออกเท่านั้น จะไม่อยู่บ้านนี้ ไม่งั้นก็ต่างคนต่างอยู่ หมายถึงจะแยกกันอยู่กับพี่เราค่ะ
อันที่จริงเธอเคืองแม่เราตั้งแต่แม่เราบอกให้ทานน้ำมะพร้าวเยอะๆ ลูกจะได้ตัวขาวๆ (เรารู้ว่ามันไม่จริง แต่เป็นความเชื่ออ่ะนะ) เธอเป็นคนผิวคล้ำที่สวยมากๆ (หน้าเหมือนนางเอกหลายคน แต่ขอไม่อธิบายตรงนี้ เผื่อคนรู้จักมาอ่าน) ส่วนบ้านเราขาวจั๊วะ หมวยเลย เธอบอกว่าลูกตัวดำเธอไม่กลัว กลัวลูกตาตี่มากกว่า
เธอถึงขนาดขายที่ศักดินาของเธอเพื่อซื้อคอนโดใหม่ แบบไม่ถามพี่ชายเราซักคำ แต่พี่เราก็ยอม เพื่อลูก
หลานคนแรก แม่เราไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อ เธอจัดการเสร็จสรรพ ไม่ให้ผู้ใหญ่ยุ่ง
ลูกโตขึ้นก็ไม่ให้เรียกอากง อาม่า อาโก จะให้เป็นคุณปู่ คุณย่า คุณอา อย่างเดียว พอเราเรียกนำ เธอก็แก้ เหมือนไม่อยากให้ลูกเป็นคนจีนเลย
วันตรุษ วันสารท วันเชงเม้ง เธอไม่เคยมาร่วม ไม่เคยมาช่วยงาน เธอบอกบ้านเธอไม่มีงานพวกนี้ เธอทำไม่เป็น แต่พี่เราต้องไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่วันสงกรานต์ ไปสรงน้ำพระที่บ้านเค้า นี่เธอไม่ชอบธรรมเนียมจีนขนาดนั้นเลยเหรอ
อาม่าพูดไทยไม่ค่อยได้ พูดจีนใส่เธอ เธอไม่พยายามเข้าใจ แต่งมา 5 – 6 ปีแล้ว ตัวเองพูดได้หลายภาษา สติปัญญาระดับนั้น ทำไมจะพูดไม่ได้ ถ้าใส่ใจจะพูด
เธอไม่ให้พ่อกับแม่เราสอนหลานหรือช่วยเลี้ยงหลาน ลูกพี่สาวเราพ่อกับแม่เราก็ไม่ยุ่งเพราะเป็นหลานนอก เล่นอย่างเดียว ไม่ได้อบรมสั่งสอน พอมีหลานในก็อยากช่วยดู แต่เธอกันท่ามาตลอด อ้างว่ากลัวปู่กับย่าตามใจ แค่มาเยี่ยมเฉยๆพอ
แม่เราอยากให้เค้ามาช่วยงานที่บ้าน (รู้ว่ามันยาก) แต่เพราะงานที่เค้าทำอยู่ทำให้เค้าไม่มีเวลาให้ลูก กลายเป็นพี่ชายเราต้องทำทุกอย่าง จากหนุ่มเพลย์บอย ต้องมาเข็นรถเข็นเด็กในห้าง จะจ้างพี่เลี้ยงให้ พี่สะใภ้ก็ไม่ยอม บอกว่าฝรั่งเค้าไม่มีพี่เลี้ยงยังดูกันเองได้ ไม่ยอมออกจากงานเพราะห่วงเงินเดือนหลักแสน เธอพูดกลางโต๊ะเลยว่าถ้าให้เธอออกมาเฉยๆ พี่ชายเราเลี้ยงเธอไม่ไหวแน่ เพราะเธอใช้เงินเก่ง เราสะอึกเลยค่ะ บ้านเราสอนให้ประหยัดมาตลอด มาเจอแบบ "ชั้นจะฟุ่มเฟือย ใครจะทำไม ก็เงินชั้น" แล้วมันจุก
มีใครเคยเจอแบบเราบ้างมั้ยคะ เราควรทำยังไงดี พี่ชายเราก็ไม่ช่วยเลยค่ะ เหมือนเมียทำอะไรก็ได้ ตามใจเมียทุกอย่าง