การเมืองเรื่องอำนาจในอาณาจักรลาวล้านช้าง ก็ไม่ต่างจากกรุงศรีอยุธยาเท่าไหร่ มีการแก่งแย่งชิงราชสมบัติศึกสายเลือดหรือศึกระหว่างราชวงศ์กับขุนนางอยู่เนืองๆ .....ต่อมาถึงขั้นเคยแบ่งอาณาจักรออกเป็นสามส่วน หลวงพระบาง เวียงจันท์ และจำปาสัก
หลังยุครุ่งเรืองในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแล้ว ก็มาถึงสมเด็จพระสุริยวงศาธรรมิกราช ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองโดยแท้จริง ทั้งในด้านวรรณกรรม ศาสนา และการต่างประเทศ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองลาวอย่างยาวนานถึง57ปี!! ทรงถือทศพิศราชธรรมปกครองลาวล้านช้างอย่างยุติธรรม ที่สำคัญทรงตรากฏหมายด้วยยึดศีลห้าเป็นหลัก แบ่งออกเป็น5 หมวดหลัก หมวดปาณา หมวดอทินา หมวดกาเม หมวดมุสา และหมวดสุรา แล้วซอยปลีกย่อยของแต่ละหมวดๆ ออกไป เช่นว่าการทะเลาะวิวาท ก็อยู่ในหมวดมุสา เป็นต้น พระองค์ทรงเป็นที่แสร้ซ้องสรรเสริญเมื่อทรงตัดสินประหารชีวิตราชโอรสในกรณีที่ราชโอรสของพระองค์ไปเป็นชู้กับหญิงชาวบ้าน นั่นเป็นเหตุให้พระองค์ไม่มีคนสืบราชสมบัติเลย
ตรงนี้ก็ให้นึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงตัดสินประหารชีวิตราชโอรสคือเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศเหมือนกัน ในกรณีคล้ายๆ กันนั่นก็คือลอบเป็นชู้กับพระสนมของราชบิดา แต่ขุนนางมหาอำมาตย์ขอไว้ จึงทรงลดโทษเหลือโบยร้อยที แต่เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นพระชนม์เมื่อถูกโบยไม่ถึงห้าสิบครั้ง ตรงนี้ ผมก็อดที่จะตั้งคำถามขึ้นไม่ได้แหละว่า หากเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ(หรือที่รู้จักกันดีในหมู่นักกวีว่า “เจ้าฟ้ากุ้ง”)ไม่สิ้นพระชนม์เสียแล้ว ท่านคงต้องได้ขึ้นครองราชย์ และถ้าหากพระองค์ทรงนำรบกับพม่าแล้ว เราจะเสียกรุงครั้งที่สองหรือไม่ อันนี้คิดไปเรื่อยเปื่อยของผมนะ เพราะเจ้าฟ้ากุ้งนั้นมีพระทัยห้าวหาญพอตัว......เจ้าสามกรมที่ถือว่ากร่างและวางอำนาจใหญ่โตในยุคนั้น โดนเจ้าฟ้ากุ้งเรียกตัวไปปรับทัศนะคติถึงกับเลิกกร่างไปเลย พระองค์เป็นพระโอรสองค์โตในพระมเหสีของพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งมีเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ เจ้าฟ้าเอกทัศน์ เจ้าฟ้าอุทุมพร
ย้อนกลับมาที่ล้านช้าง ในยุคสมัยของสมเด็จพระเจ้าสุรยิวงศาธรรมิกราช มีบาทหลวงจากอินโดนีเซียเดินทางล่องขึ้นน้ำโขงเข้าล้านช้างเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์ และได้พรรณาถึงความงดงามของเมืองเวียงจันท์ไว้ในจดหมายเหตุ ตลอดระยะเวลา57 ปี พระองค์ทรงปกครองประชาราษฏรด้วยพื้นฐานของศีลห้าอันเป็นกฏหมายสูงสุด และเป็นยุ่งที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของอาณาจักรลาวล้านช้างทีเดียว
เห็นและติดตามแป๊ะ บอวอนสัก ร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญแล้ว นึกอยากจะนิมนต์ท่านเจ้าคุณพิพิธฯ ไปให้ศีลแก่บอวอนสักสักที แต่ก็เกรงว่าท่านเจ้าคุณฯ จะโดนหักเก็บภาษีอีกแระ....เฮ้อ! สิเฮ็ดจั๋งได๋??
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี
๒. อทินนาทานา เวรมณี
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี
๔. มุสาวาทา เวรมณี
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี
......รัฐธรรมนูญ บนพื้นฐานศีลห้า......
หลังยุครุ่งเรืองในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแล้ว ก็มาถึงสมเด็จพระสุริยวงศาธรรมิกราช ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองโดยแท้จริง ทั้งในด้านวรรณกรรม ศาสนา และการต่างประเทศ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ปกครองลาวอย่างยาวนานถึง57ปี!! ทรงถือทศพิศราชธรรมปกครองลาวล้านช้างอย่างยุติธรรม ที่สำคัญทรงตรากฏหมายด้วยยึดศีลห้าเป็นหลัก แบ่งออกเป็น5 หมวดหลัก หมวดปาณา หมวดอทินา หมวดกาเม หมวดมุสา และหมวดสุรา แล้วซอยปลีกย่อยของแต่ละหมวดๆ ออกไป เช่นว่าการทะเลาะวิวาท ก็อยู่ในหมวดมุสา เป็นต้น พระองค์ทรงเป็นที่แสร้ซ้องสรรเสริญเมื่อทรงตัดสินประหารชีวิตราชโอรสในกรณีที่ราชโอรสของพระองค์ไปเป็นชู้กับหญิงชาวบ้าน นั่นเป็นเหตุให้พระองค์ไม่มีคนสืบราชสมบัติเลย
ตรงนี้ก็ให้นึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงตัดสินประหารชีวิตราชโอรสคือเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศเหมือนกัน ในกรณีคล้ายๆ กันนั่นก็คือลอบเป็นชู้กับพระสนมของราชบิดา แต่ขุนนางมหาอำมาตย์ขอไว้ จึงทรงลดโทษเหลือโบยร้อยที แต่เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นพระชนม์เมื่อถูกโบยไม่ถึงห้าสิบครั้ง ตรงนี้ ผมก็อดที่จะตั้งคำถามขึ้นไม่ได้แหละว่า หากเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ(หรือที่รู้จักกันดีในหมู่นักกวีว่า “เจ้าฟ้ากุ้ง”)ไม่สิ้นพระชนม์เสียแล้ว ท่านคงต้องได้ขึ้นครองราชย์ และถ้าหากพระองค์ทรงนำรบกับพม่าแล้ว เราจะเสียกรุงครั้งที่สองหรือไม่ อันนี้คิดไปเรื่อยเปื่อยของผมนะ เพราะเจ้าฟ้ากุ้งนั้นมีพระทัยห้าวหาญพอตัว......เจ้าสามกรมที่ถือว่ากร่างและวางอำนาจใหญ่โตในยุคนั้น โดนเจ้าฟ้ากุ้งเรียกตัวไปปรับทัศนะคติถึงกับเลิกกร่างไปเลย พระองค์เป็นพระโอรสองค์โตในพระมเหสีของพระเจ้าบรมโกศ ซึ่งมีเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ เจ้าฟ้าเอกทัศน์ เจ้าฟ้าอุทุมพร
ย้อนกลับมาที่ล้านช้าง ในยุคสมัยของสมเด็จพระเจ้าสุรยิวงศาธรรมิกราช มีบาทหลวงจากอินโดนีเซียเดินทางล่องขึ้นน้ำโขงเข้าล้านช้างเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์ และได้พรรณาถึงความงดงามของเมืองเวียงจันท์ไว้ในจดหมายเหตุ ตลอดระยะเวลา57 ปี พระองค์ทรงปกครองประชาราษฏรด้วยพื้นฐานของศีลห้าอันเป็นกฏหมายสูงสุด และเป็นยุ่งที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของอาณาจักรลาวล้านช้างทีเดียว
เห็นและติดตามแป๊ะ บอวอนสัก ร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญแล้ว นึกอยากจะนิมนต์ท่านเจ้าคุณพิพิธฯ ไปให้ศีลแก่บอวอนสักสักที แต่ก็เกรงว่าท่านเจ้าคุณฯ จะโดนหักเก็บภาษีอีกแระ....เฮ้อ! สิเฮ็ดจั๋งได๋??
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี
๒. อทินนาทานา เวรมณี
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี
๔. มุสาวาทา เวรมณี
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี