ออกตัวก่อนนะ ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร
มีสามีก็ตอนที่ยังเรียนไม่จบเพราะสามีส่งเรียน
เรียนจบแล้วจึงแค่ผูกข้อไม้ข้อมือเฉยๆไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โต
แต่ก่อนที่ฉันตัดสินใจจะคบผู้ชายคนนี้
ฉันไปดูหลักฐานบ้านช่อง ไปดูฐานะความเป็นอยู่บ้านเค้า
ดูนิสัยใจคอว่าเค้าจะเลี้ยงดูแลฉันได้มั้ย(แม่เค้าเองจริงๆไม่ชอบฉันนะเพราะบ้านฉันมันจนฐานะทางบ้านเค้าดีกว่า)
เค้าเรียนจบแล้วมีงานทำที่มั่นคงฉันจึงยอมมีอะไรด้วย
ซึ่งฉันก็ไม่ผิดหวังนะเพราะเค้าดูแลฉันกับลูกๆดีมาก
เค้ารับผิดชอบทั้งหมด(เพราะเค้าไม่ให้ฉันทำงาน)
เค้าส่งเสียจนตอนนี้ลูกๆเรียนจบปริญญาทำงานแล้วทั้งสองคน
แล้วเกี่ยวอะไรกับท้องไม่พร้อม
ฉันมีลูกชายหนึ่งคนเป็นลูกคนแรกซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม
จะเล่าวีรกรรมของลูกกับเพื่อนสาวให้ฟัง
ลูกชายพาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยตั้งแต่มันอยู่ ม5
โดยที่ฉันเองเป็นฝ่ายตกใจปรึกษากับพ่อของลูกว่า
เราควรจะไปคุยกับพ่อแม่เค้านะเพราะเค้าเป็นผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย
ฉันถาม หนูพาแม่ไปหาพ่อกับแม่นะจะได้ไปคุยกัน
สาวน้อย ตอบ ไม่ต้อง.
ฉันเงิบซิแต่ก็คิดในใจ ฉันทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
อยู่ที่บ้านฉันฉันก็เลี้ยงและรักดูแลเหมือนมีลูกสาวเพิ่มอีกคน
จ่ายรายวันให้ลูกชายฉันก็จ่ายให้เธอด้วย
เค้าก็อยู่กันมาจนลูกชายฉันจบ ม6 (ผู้หญิงจบตรีแล้วอายุมากกว่าลูกชาย4-5ปี)
ถึงเวลาลูกชายต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย
สาวน้อยก็ตามไปด้วยลูกชายไปเรียนสาวน้อยไปหางานทำ
ถึงตอนนี้ลูกไกลหูไกลตาละ(เรียนต่างจังหวัด)ไม่รู้ว่าเค้าปฏิบัติตัวกันยังไง
ลูกชายทางมหาวิทยาลัยบังคับให้เด็กปีหนึ่งต้องอยู่หอใน
ความห่างไกลเริ่มบังเกิดลูกชายฉันเองก็คงไม่เบา
เกิดไปปิ๊งเด็กปีหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน
สาวน้อยคนแรกก็ตามราวี จนสุดท้ายก็เลิกกันไป
(มารู้ทีหลังว่าทำไมเธอไม่ให้ฉันไปพบพ่อกับแม่เธอกลัวว่าฉันจะรู้เรื่องที่เธอเคยมีลูกมาแล้วซึ่งพ่อกับแม่เธอเลี้ยงไว้)
ส่วนลูกชายก็คบกับสาวปีหนึ่งต่อ
ฉันเองก็อยู่ต่างจังหวัดห่างไกลลูก(คนละภาค)
ก็ได้แต่โทรคุยกัน
จนวันหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมลูก
อ้าวววว มันอยู่ด้วยกันนิ
ฉันก็ไม่รู้จะทำไงบ้านช่องเค้าฉันก็ไม่รู้จัก
ฉันก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
ลูกชายก็เรียนจนไปฝึกงานก็ไปเจอสาวอีกคนเป็นรุ่นพี่
ก็เลิกกับสาวปีหนึ่งมาอยู่กินกับสาวรุ่นพี่
คือลูกพามาบ้านนี่เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วฉันรู้ทีหลังทุกที
รุ่นพี่คนนี้ฉันคิดว่าจะเป็นคนสุดท้าย ฉันกับพ่อเค้าไปถึงบ้านรุ่นพี่คนนี้เลยซึ่งอยู่คนละภาคกับบ้านฉัน
ไปบอกกับแม่เค้าว่าผู้ใหญ่รับรู้แล้วนะขอเวลาให้เค้าทำงานสักปีสองปีจะมาจัดการสู่ขอให้เรียบร้อย
ก็ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
ฉันกลับบ้านยังไม่ทันไรรู้ข่าวอีกทีมันเลิกกันอีกแล้ว ฉันละกลุ้ม....
คนนี้โทรมาร้องห่มร้องไห้ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำไง
ฉันถามลูก ลูกก็พูดอย่าง ฝ่ายรุ่นพี่ก็พูดอย่างก็ไม่รู้จะเชื่อใคร
ฉันเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของลูกมาก
บอกลูกว่าถ้าเลิกกันกับรุ่นพี่ก็ทำตัวให้ว่างสักพักนะ
แล้วถ้าไม่คิดจะจริงจังกับใครก็อย่าพามาบ้านเพราะแม่เจ็บปวดกับพวกเค้า
ลูกก็รับคำ แต่ก็ไม่นาน
ขอพาสาวอีกคนมาบ้าน
คนนี้ก็เหมือนเดิมกว่าฉันจะรู้เค้าก็ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
แล้วก็ไม่นาน...
เค้าก็เลิกกัน คนนี้ก็โทรมาร้องห่ม ร้องไห้
สงสารนะฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ฉันตอบเค้าไปว่า(ช่วงนั้นฉันกำลังมีปัญหากับพ่อของลูกพอดี)
แม่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะตัวแม่เองแม่ก็ยังเอาไม่รอดเลย
จริ๊งงงงฉันบอกเค้าเเบบนี้จริงจริง
เค้าก็จัดการปัญหากันเองได้ข่าวว่าผู้หญิงทุบทำลายข้าวของ
ทุบรถ ฉันไม่เคยว่าผู้หญิงสักคำเพราะลูกฉันมันไม่ดี(ฉันไม่รู้เรื่องพวกเค้าจริงๆแต่โทษลูกไว้ก่อน)
ครั้งนี้เห็นว่าหมดไปหลายหมื่น
ฉันก็ปล่อยให้แก้ปัญหากันเอง ฉันคงตามไปแก้ให้ไม่ได้ทุกเรื่อง
ฉันยิ่งเบื่อลูกมากขึ้น คาดโทษไว้เลยถ้าคราวนี้พามาบ้านอีกเจอดีแน่
เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องแบบนี้สงสารผู้หญิง
จะพามาอีกทีคือให้เข้ามาบอกเลยว่า แม่คนนี้คือคนสุดท้ายที่จะแต่งงานด้วย
ครั้งนี้ดราม่าหนัก
ลูกขาดการติดต่อฉันไปเลยโทรหาก็ไม่รับสาย/บล็อคเฟส
ฉันก็เฉย....
ผ่านไปหลายเดือนจนวันหนึ่งเค้าแอดฉัน/ฉันรับแอด
เค้าถ่ายรูปคู่กับสาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันโพสลงเฟส
ฉันเห็นก็ดูเฉยๆไม่แสดงความคิดเห็น/ไม่กดไลค์
ลูกก็โพสนู่นนี่นั่น. ฉันไม่เคยถามลูกสักคำ ว่าใคร ทำอะไรที่ไหน
ฉันเห็นเธอถือทะเบียนสมรสถ่ายคู่กับลูกชาย ฉันยังไม่ถามเลย คิดดู
แต่ฉันก็คุยกับลูกปกตินะ แต่ไม่ถามถึงคนนั้น
ทั้งหมดทั้งมวลฉันไม่ได้รังเกียจเธอนะแต่ฉันเบื่อลูกชายมากกกกกกกกกก
ฉันเคยโพสเฟสฯแล้วแท๊กถึงลูกชายเธอเข้ามากดไลค์ให้เป็นคนแรก
ข้อความที่ฉันโพสคือ"เมื่อไหร่จะพอ. (กุร้องเพลง)"
ผ่านไปหลายเดือน
จนวันนี้ ฉันถามลูกว่า จดทะเบียนแล้วหรอ(ทั้งๆที่เห็นก็ถาม)
ลูกตอบครับแม่
ฉันถาม คิดดีแล้วหรอ ลูกตอบครับ ฉันบอกตามใจ
ฉันถามต่อ แล้วไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวหรอ(หมายถึงงานแต่ง)
ลูกบอก ลูกไปมัดมือมาแล้ว อุ๊แม่เจ้าโวยยยย ทำไมมันรวดเร็วทันใจดีแท้
ลูกบอกต่อ พ่อแม่เค้าไม่ว่าอะไร ขอแค่อย่าขี้เกียจ ให้ช่วยกันทำมาหากิน
ลูกบอกเดี๋ยวขอเวลาเก็บเงินจะจัดงานแต่ง อยากเก็บเงินกันเองจะไม่รบกวนแม่
ฉันคิด เห้ยยยเอาที่เมิงสบายใจละกัน
คิดจะตกลงใช้ชีวิตกับใครสักคนนี่เค้าไม่คิดจะสืบเถือกเถาเหล่ากอกันเลยหรอ(ถามจริง)
จะด่าว่าฉันก็ได้นะว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดี ฉันแค่อยากแชร์ ปสก ทำไมถึงมีกะทู้ท้องไม่พร้อมเยอะจริงๆ
ปล ฉันเองมีลูกสาวนะฉันส่งเธอถึงฝั่งแล้ว(เรียนจบมีงานทำ)ฉันให้ลูกตัดสินใจเอง
อิสระในทุกเรื่องเพราะถือว่าเธอโตแล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้
เคารพในการตัดสินใจของลูกค่ะ
กะทู้"ท้องไม่พร้อม""ไม่พร้อมมีท้อง"ที่เราเห็นมีคนตั้งทุกวัน มันเป็นเพราะ.....
มีสามีก็ตอนที่ยังเรียนไม่จบเพราะสามีส่งเรียน
เรียนจบแล้วจึงแค่ผูกข้อไม้ข้อมือเฉยๆไม่ได้จัดงานแต่งใหญ่โต
แต่ก่อนที่ฉันตัดสินใจจะคบผู้ชายคนนี้
ฉันไปดูหลักฐานบ้านช่อง ไปดูฐานะความเป็นอยู่บ้านเค้า
ดูนิสัยใจคอว่าเค้าจะเลี้ยงดูแลฉันได้มั้ย(แม่เค้าเองจริงๆไม่ชอบฉันนะเพราะบ้านฉันมันจนฐานะทางบ้านเค้าดีกว่า)
เค้าเรียนจบแล้วมีงานทำที่มั่นคงฉันจึงยอมมีอะไรด้วย
ซึ่งฉันก็ไม่ผิดหวังนะเพราะเค้าดูแลฉันกับลูกๆดีมาก
เค้ารับผิดชอบทั้งหมด(เพราะเค้าไม่ให้ฉันทำงาน)
เค้าส่งเสียจนตอนนี้ลูกๆเรียนจบปริญญาทำงานแล้วทั้งสองคน
แล้วเกี่ยวอะไรกับท้องไม่พร้อม
ฉันมีลูกชายหนึ่งคนเป็นลูกคนแรกซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในวัยหนุ่ม
จะเล่าวีรกรรมของลูกกับเพื่อนสาวให้ฟัง
ลูกชายพาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยตั้งแต่มันอยู่ ม5
โดยที่ฉันเองเป็นฝ่ายตกใจปรึกษากับพ่อของลูกว่า
เราควรจะไปคุยกับพ่อแม่เค้านะเพราะเค้าเป็นผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย
ฉันถาม หนูพาแม่ไปหาพ่อกับแม่นะจะได้ไปคุยกัน
สาวน้อย ตอบ ไม่ต้อง.
ฉันเงิบซิแต่ก็คิดในใจ ฉันทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
อยู่ที่บ้านฉันฉันก็เลี้ยงและรักดูแลเหมือนมีลูกสาวเพิ่มอีกคน
จ่ายรายวันให้ลูกชายฉันก็จ่ายให้เธอด้วย
เค้าก็อยู่กันมาจนลูกชายฉันจบ ม6 (ผู้หญิงจบตรีแล้วอายุมากกว่าลูกชาย4-5ปี)
ถึงเวลาลูกชายต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย
สาวน้อยก็ตามไปด้วยลูกชายไปเรียนสาวน้อยไปหางานทำ
ถึงตอนนี้ลูกไกลหูไกลตาละ(เรียนต่างจังหวัด)ไม่รู้ว่าเค้าปฏิบัติตัวกันยังไง
ลูกชายทางมหาวิทยาลัยบังคับให้เด็กปีหนึ่งต้องอยู่หอใน
ความห่างไกลเริ่มบังเกิดลูกชายฉันเองก็คงไม่เบา
เกิดไปปิ๊งเด็กปีหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน
สาวน้อยคนแรกก็ตามราวี จนสุดท้ายก็เลิกกันไป
(มารู้ทีหลังว่าทำไมเธอไม่ให้ฉันไปพบพ่อกับแม่เธอกลัวว่าฉันจะรู้เรื่องที่เธอเคยมีลูกมาแล้วซึ่งพ่อกับแม่เธอเลี้ยงไว้)
ส่วนลูกชายก็คบกับสาวปีหนึ่งต่อ
ฉันเองก็อยู่ต่างจังหวัดห่างไกลลูก(คนละภาค)
ก็ได้แต่โทรคุยกัน
จนวันหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมลูก
อ้าวววว มันอยู่ด้วยกันนิ
ฉันก็ไม่รู้จะทำไงบ้านช่องเค้าฉันก็ไม่รู้จัก
ฉันก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
ลูกชายก็เรียนจนไปฝึกงานก็ไปเจอสาวอีกคนเป็นรุ่นพี่
ก็เลิกกับสาวปีหนึ่งมาอยู่กินกับสาวรุ่นพี่
คือลูกพามาบ้านนี่เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วฉันรู้ทีหลังทุกที
รุ่นพี่คนนี้ฉันคิดว่าจะเป็นคนสุดท้าย ฉันกับพ่อเค้าไปถึงบ้านรุ่นพี่คนนี้เลยซึ่งอยู่คนละภาคกับบ้านฉัน
ไปบอกกับแม่เค้าว่าผู้ใหญ่รับรู้แล้วนะขอเวลาให้เค้าทำงานสักปีสองปีจะมาจัดการสู่ขอให้เรียบร้อย
ก็ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้
ฉันกลับบ้านยังไม่ทันไรรู้ข่าวอีกทีมันเลิกกันอีกแล้ว ฉันละกลุ้ม....
คนนี้โทรมาร้องห่มร้องไห้ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำไง
ฉันถามลูก ลูกก็พูดอย่าง ฝ่ายรุ่นพี่ก็พูดอย่างก็ไม่รู้จะเชื่อใคร
ฉันเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของลูกมาก
บอกลูกว่าถ้าเลิกกันกับรุ่นพี่ก็ทำตัวให้ว่างสักพักนะ
แล้วถ้าไม่คิดจะจริงจังกับใครก็อย่าพามาบ้านเพราะแม่เจ็บปวดกับพวกเค้า
ลูกก็รับคำ แต่ก็ไม่นาน
ขอพาสาวอีกคนมาบ้าน
คนนี้ก็เหมือนเดิมกว่าฉันจะรู้เค้าก็ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
แล้วก็ไม่นาน...
เค้าก็เลิกกัน คนนี้ก็โทรมาร้องห่ม ร้องไห้
สงสารนะฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ฉันตอบเค้าไปว่า(ช่วงนั้นฉันกำลังมีปัญหากับพ่อของลูกพอดี)
แม่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะตัวแม่เองแม่ก็ยังเอาไม่รอดเลย
จริ๊งงงงฉันบอกเค้าเเบบนี้จริงจริง
เค้าก็จัดการปัญหากันเองได้ข่าวว่าผู้หญิงทุบทำลายข้าวของ
ทุบรถ ฉันไม่เคยว่าผู้หญิงสักคำเพราะลูกฉันมันไม่ดี(ฉันไม่รู้เรื่องพวกเค้าจริงๆแต่โทษลูกไว้ก่อน)
ครั้งนี้เห็นว่าหมดไปหลายหมื่น
ฉันก็ปล่อยให้แก้ปัญหากันเอง ฉันคงตามไปแก้ให้ไม่ได้ทุกเรื่อง
ฉันยิ่งเบื่อลูกมากขึ้น คาดโทษไว้เลยถ้าคราวนี้พามาบ้านอีกเจอดีแน่
เพราะไม่อยากรับรู้เรื่องแบบนี้สงสารผู้หญิง
จะพามาอีกทีคือให้เข้ามาบอกเลยว่า แม่คนนี้คือคนสุดท้ายที่จะแต่งงานด้วย
ครั้งนี้ดราม่าหนัก
ลูกขาดการติดต่อฉันไปเลยโทรหาก็ไม่รับสาย/บล็อคเฟส
ฉันก็เฉย....
ผ่านไปหลายเดือนจนวันหนึ่งเค้าแอดฉัน/ฉันรับแอด
เค้าถ่ายรูปคู่กับสาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกันโพสลงเฟส
ฉันเห็นก็ดูเฉยๆไม่แสดงความคิดเห็น/ไม่กดไลค์
ลูกก็โพสนู่นนี่นั่น. ฉันไม่เคยถามลูกสักคำ ว่าใคร ทำอะไรที่ไหน
ฉันเห็นเธอถือทะเบียนสมรสถ่ายคู่กับลูกชาย ฉันยังไม่ถามเลย คิดดู
แต่ฉันก็คุยกับลูกปกตินะ แต่ไม่ถามถึงคนนั้น
ทั้งหมดทั้งมวลฉันไม่ได้รังเกียจเธอนะแต่ฉันเบื่อลูกชายมากกกกกกกกกก
ฉันเคยโพสเฟสฯแล้วแท๊กถึงลูกชายเธอเข้ามากดไลค์ให้เป็นคนแรก
ข้อความที่ฉันโพสคือ"เมื่อไหร่จะพอ. (กุร้องเพลง)"
ผ่านไปหลายเดือน
จนวันนี้ ฉันถามลูกว่า จดทะเบียนแล้วหรอ(ทั้งๆที่เห็นก็ถาม)
ลูกตอบครับแม่
ฉันถาม คิดดีแล้วหรอ ลูกตอบครับ ฉันบอกตามใจ
ฉันถามต่อ แล้วไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวหรอ(หมายถึงงานแต่ง)
ลูกบอก ลูกไปมัดมือมาแล้ว อุ๊แม่เจ้าโวยยยย ทำไมมันรวดเร็วทันใจดีแท้
ลูกบอกต่อ พ่อแม่เค้าไม่ว่าอะไร ขอแค่อย่าขี้เกียจ ให้ช่วยกันทำมาหากิน
ลูกบอกเดี๋ยวขอเวลาเก็บเงินจะจัดงานแต่ง อยากเก็บเงินกันเองจะไม่รบกวนแม่
ฉันคิด เห้ยยยเอาที่เมิงสบายใจละกัน
คิดจะตกลงใช้ชีวิตกับใครสักคนนี่เค้าไม่คิดจะสืบเถือกเถาเหล่ากอกันเลยหรอ(ถามจริง)
จะด่าว่าฉันก็ได้นะว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดี ฉันแค่อยากแชร์ ปสก ทำไมถึงมีกะทู้ท้องไม่พร้อมเยอะจริงๆ
ปล ฉันเองมีลูกสาวนะฉันส่งเธอถึงฝั่งแล้ว(เรียนจบมีงานทำ)ฉันให้ลูกตัดสินใจเอง
อิสระในทุกเรื่องเพราะถือว่าเธอโตแล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้
เคารพในการตัดสินใจของลูกค่ะ