โดยปกติแล้วผมจะเป็นคนที่ชอบคุยไปเรื่อยๆ ยาวๆ หลายๆเดือน ให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปเอง รอดูนิสัยกันให้เห็นทุกมุมทุกด้านว่าจะรับกันได้มั้ย
แต่มีอยู่วันนึง มีคนทักเฟสบุคของผมมา แล้วเราก็เลยได้คุยกัน ผมใช้เวลาคุยกับคนคนนี้ไม่ถึงเดือนเลยครับ ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย คุยกันทั้งวัน โทรหากันบ่อยๆ โทรไปปลุกให้เค้าไปเรียนตอนเช้า เค้าก็โทรมาปลุกผม ความสัมพันธ์คืบหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยประมานสองอาทิตย์เอง จนกำแพงที่ผมสร้างไว้ก็ค่อยๆถูกทำลายไปโดยที่เราไม่รู้ตัว
และแล้วก็ถึงวันนึง บังเอิญมีเหตุที่ผมต้องไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยแห่งนึง อยู๋ไม่ไกลจากที่พักของเค้าเท่าไหร่ ผมเลยแกล้งทักไลน์ไปบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ๆ มาทำธุระ แล้วฟ้าก็เป็นใจ เค้าบอกกับผมว่าเค้าว่างพอดี มาหามั้ย ผมก็ไม่รอช้าตอบตกลงด้วยความที่อยากเจอมากๆแล้ว ใจสั่นตื่นเต้นไปหมดเลย พอผมทำธุระเสร็จ (ด้วยความเร่งรีบ เพราะอยากเจอแล้ว) ผมก็รีบถ่อสังขารไปหาเค้าใต้คอนโด ยืนรออยู่สักพักนึง ผมเลยเปิดกล้องหน้าเช็คหน้าเช็คผมด้วยความไม่มั่นใจ กลัวเจอตัวจริงแล้วเค้าจะไม่ชอบผม พอเค้าลงมาเค้าก็เรียกผมขึ้นห้องไป ผมยังไม่อ้าปากพูดอะไรสักคำ ด้วยที่ผมเป็นคนขี้อาย บวกกับความไม่มั่นใจในตัวเองแบบสุดๆ
เราขึ้นไปถึงห้องของเค้า ห้องเค้าไม่ใหญ่มาก แต่สวยในระดับนึง เค้าเป็นคนชอบแต่งห้องมาก เรานั่งคุยกันสักพักนึง ผมก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วเค้าก็มากอดผม ผมแทบจะละลาย ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าเค้าจะจู่โจมเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเป็นคนเรียบร้อยพอสมควร ผมก็เลยนอนตัวแข็งทื่อให้เค้ากอดอยู่อย่างงั้น แต่ในใจเคลิ้มสุดๆ สักพักเค้าก็ปล่อยแล้วชวนเราไปทำกับข้าวกินกัน ห้องนอนเค้ามีอาหารสดตุนตลอดเวลา เพราะเค้าเป็นคนที่ชอบทำกับข้าวกิน แต่รสชาติไม่ได้เรื่องเลย 555 เราช่วยกันทำอาหาร ไม่สิ เค้าทำคนเดียว เพราะผมยังคงทำอะไรไม่ถูกอยู่ ที่มันไม่คุ้นเนอะ พอเค้าทำเสร็จเค้าก็จัดการจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วเรียกเรามากิน หน้าตาเค้าดูมีความสุขมาก ผมก็ดีใจและวาดฝันอนาคตไปไกลแล้วตอนนี้ อยากจะได้คนนี้เป็นแฟนก็ชั้นนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน อิอิ กินเสร็จเราก็ผลัดกันไปอาบน้ำแล้วเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นผมมีสอบตอนบ่าย
วันรุ่งขึ้น ผมมีสอบบ่ายโมงตรง ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 8 โมง กะออกจากคอนโด 9 โมง เพราะมหาวิทยาลัยของผมค่อนข้างอยู่ไกล (ต่างจังหวัดและคอนโดอยู่กรุงเทพ) ผมรีบลุกแล้วเข้าไปอาบน้ำเพราะกลัวไปสอบไม่ทัน พอผมอาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาปรากฏว่าเค้ากำลังทำข้าวต้มอยู่ อะไรจะขยันตื่นมาขนาดน้านนนนน โปรโมชั่นป่ะเนี่ยยย ผมรีบแต่งตัวแล้วเราก็มานั่งกินข้าวด้วยกัน พอเสร็จเค้าก็ลงไปส่งผมใต้คอนโดผมก็นั่งรถกลับมหาวิทยาลัยไปสอบแทบไม่ทัน มัวแต่สวีทกับข้าวต้ม(ไม่อร่อย)อยู่ 55555555555555
ผมเข้าห้องสอบบ่ายโมง สอบเสร็จตอน 4 โมงเย็น ผมเปิดโทรศัพท์คุ้ยหาตารางสอบอย่างเร่งรีบ เพราะผมไม่ได้อ่านหนังสือเลยแม้แต่ตัวเดียว ปรากฏว่า แท่นแท้นนนนนนนน วันพรุ่งนี้หยุด สอบมะรืนตอนบ่าย ผมไม่รอช้า ด้วยรักและห่วงใย ด้วยน้ำใจจากทรูวิชชั่น เอ้ยไม่ใช่ ผมรีบโทรหาแล้วถามว่าว่างมั้ย จะนั่งรถกลับไปหาเลย อยากอยู่ด้วย แหมมมม ข้าวใหม่ปลามันหนิเนอะ ปรากฏว่าเค้าตอบว่าว่าง ผมเลยรีบขึ้นหอไปเก็บของแล้วนั่งรถกลับไปหาเค้าที่คอนโด (ระยะทางประมาน 70 กิโลได้) ทุ่มเทฝุดๆ เรากลับไปเจอกันที่คอนโด ผมก็ไปยืนอ่อย เอ้ย ยืนรออยู่ใต้คอนโดเหมือนเดิม เค้าลงมารับแล้วก็เป็นกิจวัตรเดิมๆที่ทำกัน เราทำกับข้าวหาอะไรกินกันแล้วก็เข้านอนไว เพราะพรุ่งนี้เค้ามีสอบ
วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาอย่างงัวเงียด้วยเสียงปลุก ตื่นนนนนนนนนน เพื่อจะบอกว่าเค้าจะออกไปสอบแล้วนะ เฝ้าห้องด้วย เดี๋ยวรีบกลับมา ผมดึงเค้าลงมากอดแล้วหอมแก้มไปฟ้อดใหญ่ๆแล้วกระซิบข้างหูว่า ตั้งใจสอบนะ คนเก่งของเค้า แล้วเราก็หลับต่ออย่างเมามันส์ พอเค้ากลับมาปุ้บ เค้าก็ชวนเราไปห้างใกล้ๆหาอะไรกินกัน เค้าจะไปซื้อของ แต่เวลานั้นเป็นเวลา 1 ทุ่มแล้ว ผมอาบนำ้แต่งตัวแล้วออกไปกับเค้า พอเข้าห้างปุ๊บเดินผ่านโรงหนังปรากฏว่าหนังเรื่องที่เราเคยคุยกันไว้ มีฉายตอนนี้ เราทั้งสองคนเลยตัดสินใจเข้าไปดูหนัง ผมมโนภาพในหัวไว้มากมาย จะได้ซบ จะได้กอดกัน เรารีบซื้อตั๋วแล้วรีบวิ่งเข้าโรงหนังกัน เพราะหนังเริ่มฉายแล้ว โรงหนังโล่งมาก บรรยากาศเป็นใจ ดูหนังผีอีกตะหาก แต่แล้วสิ่งที่ผมมโนไว้ก็สลายไปในอากาศ เพราะตอนดูหนังเค้าเป็นคนที่ดูซีเรียสกับการดูหนังมาก ต้องดูทุกฉาก ทุกชอท พลาดไม่ได้เลย หน้าเรายังไม่มองเลย ต่างกับเราซึ่งเราเองไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไหร่ แต่เราอยากดูเพราะมีเธอมาดูด้วยตะหาก เชอะ
หนังฉายใกล้จะจบแล้ว เราทำได้มากสุดแค่จับมือข้างนึงเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง หนังจบปุ๊บเราก็รีบออกจากห้าง เพราะตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว พรุ่งนี้เค้าก็มีสอบ เราก็มีสอบ แต่เค้าดันอยากกินทุเรียน เราทั้งคู่ก็เลยออกไปแวะเดินหน้าห้างกันก่อน เดินหาร้านทุเรียนอยู่นาน จนเราเห็นร้านขายผักเลยชวนเค้าทำสุกี้กินกันคืนนี้ แน่ะ ยังอีก มีสอบนะมีสอบเช้านะ ผมซื้อผักมาเยอะแยะกะจัดเต็มกันเลย แต่ก็ยังไม่ได้กลับหรอกครับ ยังติดภารกิจที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย คือทุเรียน เราเดินกันอยู่สักพักเจอร้านทุเรียนเป็นลุงกับป้าขายกันสองคน เค้าก็ซื้อตามปกติแต่ป้าดันมนุษยสัมพันธ์ดี ป้าถามว่า "เป็นแฝดกันหรอหนู ทำไมหน้าเหมือนกันจัง" เราไม่รู้ว่าเค้าอายหรืออะไร เค้าตอบว่าเป็นพี่น้องกันคับ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ลุงกับป้าเหมือนจะยังไม่จบ ลุงหัวเราะเสียงดังแล้วหันไปบอกป้าว่า ''พี่น้องอะไรล่ะ เค้าเป็นแฟนกัน โธ่" ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เขินนะ 5555555555555555555555555555555 บ้าไปแล้วคับตอนนั้น
เรารีบกลับห้องมาทำสุกี้กินกัน เราออกไปนั่งที่ระเบียงกินสุกี้ชมวิวกันบนคอนโดชั้น 20+ บรรยากาศกรุงเทพยามราตรีดีเหมือนกันนะ ผมเพิ่งเคยมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ เรานั่งกินกันจนอิ่มพุงป่องท้องจะแตก พอเสร็จเรียบร้อยก็นั่งคุยกันตามปกติ สักพักเค้าโน้มตัวลงมานอนตักเราแล้วหยิบมือถือเค้ามาเปิดเพลงฟัง แล้วก็หลับไปคาตักเราเลย ผมนั่งอยู่แบบนั้นให้เค้าหนุนตักนอนอยู่สักพักใหญ่ๆ ด้วยความเคลิ้มจนลืมตัวว่าวันรุ่งขึ้นมีสอบ ผมรีบปลุกเค้าแล้วไปอาบน้ำนอนกัน
วันรุ่งขึ้นตื่นมา ต่างคนต่างทำอะไรไม่ทัน รีบอาบน้ำและออกไปพร้อมกันแยกย้ายกันไปสอบ หลังจากนั้นเราก็คุยกันผ่านเฟสบุคอยู่เรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปได้ไม่กี่วัน ก็เริ่มมีอะไรเปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เค้าตอบแชทผมช้าลง เค้าโทรหาผมน้อยลง เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ผมซึมอยู่หลายวันที่อะไรๆมันเริ่มเปลี่ยนไป ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าผมให้ใจเค้าไปหมดแล้ว รู้สึกเหมือนอะไรมันขาดหายไป ผมจึงตัดสินใจพูดกับเค้าว่าเราไม่ได้คุยกันเลยเนอะ เหตุผลของเค้าก็คือเค้าทำงาน(ธุรกิจส่วนตัว) ไม่มีเวลาตอบแชท ไม่มีเวลาโทรหา เค้าบอกกับเราว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ โตได้แล้วนะ เค้าไม่หายไปไหนหรอก แค่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง แต่ความรู้สึกของผมมันแย่ลงไปทุกที ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่มีเวลาตอบแชทเลยหรอ แค่เจียดเวลามาตอบสักหน่อย ถ้าคนยังมีใจให้กันก็คงจะไม่ได้ลำบากอะไรใช่มั้ย ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเค้าไม่ใส่ใจผมแล้ว แต่ก็ยังโทรมาหาบ้าง เฟสตอบบ้าง (หลายๆชั่วโมงตอบที) แล้วหลังจากวันนั้นเราก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย จนถึงตอนนี้
ผมไม่ทราบว่า ผมต้องการมากไปหรือเปล่าครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเร็วมาก จากที่คุยกันทั้งวันกลับห่างหาย จนตอนนี้เหมือนแค่เค้ามาตอบผมตามหน้าที่ที่เค้าต้องตอบ ตอบเสร็จก็หายไปทำงานของเค้าต่อ ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าถ้าเค้าบอกผมว่าเค้ามีหน้าที่ที่เค้าต้องทำ หน้าที่ของเค้าต้องทำตลอดเวลาเลยหรอ ทำจนไม่มีเวลามาตอบแชทเลย แล้วถ้าเค้าไม่มีเวลาจะมาดูแลเอาใจใส่กันและกันแบบนี้ เค้าจะเอาผมเข้ามาในชีวิตทำไม ในเมื่อเค้ายังต้องทำหน้าที่ตรงนั้น จนลืมดูแลเอาใจใส่คนที่เค้าเคยบอกว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
อ่านกันมาตอนแรกคงคิดว่าเรื่องมันจะแฮปปี้เอ็นดิ้งใชมั้ยครับ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้ จนตอนนี้ผมก็ยังค้างคาอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ทุกๆวัน
ผมอยากจะบอกทุกคนว่า จะคบกับใครดูกันไปนานๆนะ อย่าลืมตัวจนรีบแบบผม คบกันไว พอรู้จักนิสัยในด้านที่ไม่เคยรู้จักแล้วมันก็จะกลายเป็นแบบนี้ ผมยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย แต่ผมคงจะเดินต่อไปอย่างสุดความสามารถก่อน ถึงไม่รู้ว่าอนาคตผมจะทนอยู่แบบนี้ได้ไหม แต่ผมก็อยากทำให้เต็มที่ เพราะผมรู้สึก 'รัก' เค้าไปแล้วจริงๆ.
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องของชายกับชายนะครับ ลืมบอก
รอฉันหน่อยฉันตามไม่ค่อยทัน ที่เธอนั้นได้เปลี่ยนไป
แต่มีอยู่วันนึง มีคนทักเฟสบุคของผมมา แล้วเราก็เลยได้คุยกัน ผมใช้เวลาคุยกับคนคนนี้ไม่ถึงเดือนเลยครับ ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย คุยกันทั้งวัน โทรหากันบ่อยๆ โทรไปปลุกให้เค้าไปเรียนตอนเช้า เค้าก็โทรมาปลุกผม ความสัมพันธ์คืบหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยประมานสองอาทิตย์เอง จนกำแพงที่ผมสร้างไว้ก็ค่อยๆถูกทำลายไปโดยที่เราไม่รู้ตัว
และแล้วก็ถึงวันนึง บังเอิญมีเหตุที่ผมต้องไปทำธุระที่มหาวิทยาลัยแห่งนึง อยู๋ไม่ไกลจากที่พักของเค้าเท่าไหร่ ผมเลยแกล้งทักไลน์ไปบอกว่าเราอยู่ตรงนี้ๆ มาทำธุระ แล้วฟ้าก็เป็นใจ เค้าบอกกับผมว่าเค้าว่างพอดี มาหามั้ย ผมก็ไม่รอช้าตอบตกลงด้วยความที่อยากเจอมากๆแล้ว ใจสั่นตื่นเต้นไปหมดเลย พอผมทำธุระเสร็จ (ด้วยความเร่งรีบ เพราะอยากเจอแล้ว) ผมก็รีบถ่อสังขารไปหาเค้าใต้คอนโด ยืนรออยู่สักพักนึง ผมเลยเปิดกล้องหน้าเช็คหน้าเช็คผมด้วยความไม่มั่นใจ กลัวเจอตัวจริงแล้วเค้าจะไม่ชอบผม พอเค้าลงมาเค้าก็เรียกผมขึ้นห้องไป ผมยังไม่อ้าปากพูดอะไรสักคำ ด้วยที่ผมเป็นคนขี้อาย บวกกับความไม่มั่นใจในตัวเองแบบสุดๆ
เราขึ้นไปถึงห้องของเค้า ห้องเค้าไม่ใหญ่มาก แต่สวยในระดับนึง เค้าเป็นคนชอบแต่งห้องมาก เรานั่งคุยกันสักพักนึง ผมก็เดินไปนั่งที่เตียงแล้วเค้าก็มากอดผม ผมแทบจะละลาย ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าเค้าจะจู่โจมเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเป็นคนเรียบร้อยพอสมควร ผมก็เลยนอนตัวแข็งทื่อให้เค้ากอดอยู่อย่างงั้น แต่ในใจเคลิ้มสุดๆ สักพักเค้าก็ปล่อยแล้วชวนเราไปทำกับข้าวกินกัน ห้องนอนเค้ามีอาหารสดตุนตลอดเวลา เพราะเค้าเป็นคนที่ชอบทำกับข้าวกิน แต่รสชาติไม่ได้เรื่องเลย 555 เราช่วยกันทำอาหาร ไม่สิ เค้าทำคนเดียว เพราะผมยังคงทำอะไรไม่ถูกอยู่ ที่มันไม่คุ้นเนอะ พอเค้าทำเสร็จเค้าก็จัดการจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้วเรียกเรามากิน หน้าตาเค้าดูมีความสุขมาก ผมก็ดีใจและวาดฝันอนาคตไปไกลแล้วตอนนี้ อยากจะได้คนนี้เป็นแฟนก็ชั้นนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน อิอิ กินเสร็จเราก็ผลัดกันไปอาบน้ำแล้วเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นผมมีสอบตอนบ่าย
วันรุ่งขึ้น ผมมีสอบบ่ายโมงตรง ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 8 โมง กะออกจากคอนโด 9 โมง เพราะมหาวิทยาลัยของผมค่อนข้างอยู่ไกล (ต่างจังหวัดและคอนโดอยู่กรุงเทพ) ผมรีบลุกแล้วเข้าไปอาบน้ำเพราะกลัวไปสอบไม่ทัน พอผมอาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาปรากฏว่าเค้ากำลังทำข้าวต้มอยู่ อะไรจะขยันตื่นมาขนาดน้านนนนน โปรโมชั่นป่ะเนี่ยยย ผมรีบแต่งตัวแล้วเราก็มานั่งกินข้าวด้วยกัน พอเสร็จเค้าก็ลงไปส่งผมใต้คอนโดผมก็นั่งรถกลับมหาวิทยาลัยไปสอบแทบไม่ทัน มัวแต่สวีทกับข้าวต้ม(ไม่อร่อย)อยู่ 55555555555555
ผมเข้าห้องสอบบ่ายโมง สอบเสร็จตอน 4 โมงเย็น ผมเปิดโทรศัพท์คุ้ยหาตารางสอบอย่างเร่งรีบ เพราะผมไม่ได้อ่านหนังสือเลยแม้แต่ตัวเดียว ปรากฏว่า แท่นแท้นนนนนนนน วันพรุ่งนี้หยุด สอบมะรืนตอนบ่าย ผมไม่รอช้า ด้วยรักและห่วงใย ด้วยน้ำใจจากทรูวิชชั่น เอ้ยไม่ใช่ ผมรีบโทรหาแล้วถามว่าว่างมั้ย จะนั่งรถกลับไปหาเลย อยากอยู่ด้วย แหมมมม ข้าวใหม่ปลามันหนิเนอะ ปรากฏว่าเค้าตอบว่าว่าง ผมเลยรีบขึ้นหอไปเก็บของแล้วนั่งรถกลับไปหาเค้าที่คอนโด (ระยะทางประมาน 70 กิโลได้) ทุ่มเทฝุดๆ เรากลับไปเจอกันที่คอนโด ผมก็ไปยืนอ่อย เอ้ย ยืนรออยู่ใต้คอนโดเหมือนเดิม เค้าลงมารับแล้วก็เป็นกิจวัตรเดิมๆที่ทำกัน เราทำกับข้าวหาอะไรกินกันแล้วก็เข้านอนไว เพราะพรุ่งนี้เค้ามีสอบ
วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาอย่างงัวเงียด้วยเสียงปลุก ตื่นนนนนนนนนน เพื่อจะบอกว่าเค้าจะออกไปสอบแล้วนะ เฝ้าห้องด้วย เดี๋ยวรีบกลับมา ผมดึงเค้าลงมากอดแล้วหอมแก้มไปฟ้อดใหญ่ๆแล้วกระซิบข้างหูว่า ตั้งใจสอบนะ คนเก่งของเค้า แล้วเราก็หลับต่ออย่างเมามันส์ พอเค้ากลับมาปุ้บ เค้าก็ชวนเราไปห้างใกล้ๆหาอะไรกินกัน เค้าจะไปซื้อของ แต่เวลานั้นเป็นเวลา 1 ทุ่มแล้ว ผมอาบนำ้แต่งตัวแล้วออกไปกับเค้า พอเข้าห้างปุ๊บเดินผ่านโรงหนังปรากฏว่าหนังเรื่องที่เราเคยคุยกันไว้ มีฉายตอนนี้ เราทั้งสองคนเลยตัดสินใจเข้าไปดูหนัง ผมมโนภาพในหัวไว้มากมาย จะได้ซบ จะได้กอดกัน เรารีบซื้อตั๋วแล้วรีบวิ่งเข้าโรงหนังกัน เพราะหนังเริ่มฉายแล้ว โรงหนังโล่งมาก บรรยากาศเป็นใจ ดูหนังผีอีกตะหาก แต่แล้วสิ่งที่ผมมโนไว้ก็สลายไปในอากาศ เพราะตอนดูหนังเค้าเป็นคนที่ดูซีเรียสกับการดูหนังมาก ต้องดูทุกฉาก ทุกชอท พลาดไม่ได้เลย หน้าเรายังไม่มองเลย ต่างกับเราซึ่งเราเองไม่ได้ชอบดูหนังเท่าไหร่ แต่เราอยากดูเพราะมีเธอมาดูด้วยตะหาก เชอะ
หนังฉายใกล้จะจบแล้ว เราทำได้มากสุดแค่จับมือข้างนึงเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง หนังจบปุ๊บเราก็รีบออกจากห้าง เพราะตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว พรุ่งนี้เค้าก็มีสอบ เราก็มีสอบ แต่เค้าดันอยากกินทุเรียน เราทั้งคู่ก็เลยออกไปแวะเดินหน้าห้างกันก่อน เดินหาร้านทุเรียนอยู่นาน จนเราเห็นร้านขายผักเลยชวนเค้าทำสุกี้กินกันคืนนี้ แน่ะ ยังอีก มีสอบนะมีสอบเช้านะ ผมซื้อผักมาเยอะแยะกะจัดเต็มกันเลย แต่ก็ยังไม่ได้กลับหรอกครับ ยังติดภารกิจที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย คือทุเรียน เราเดินกันอยู่สักพักเจอร้านทุเรียนเป็นลุงกับป้าขายกันสองคน เค้าก็ซื้อตามปกติแต่ป้าดันมนุษยสัมพันธ์ดี ป้าถามว่า "เป็นแฝดกันหรอหนู ทำไมหน้าเหมือนกันจัง" เราไม่รู้ว่าเค้าอายหรืออะไร เค้าตอบว่าเป็นพี่น้องกันคับ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ลุงกับป้าเหมือนจะยังไม่จบ ลุงหัวเราะเสียงดังแล้วหันไปบอกป้าว่า ''พี่น้องอะไรล่ะ เค้าเป็นแฟนกัน โธ่" ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เขินนะ 5555555555555555555555555555555 บ้าไปแล้วคับตอนนั้น
เรารีบกลับห้องมาทำสุกี้กินกัน เราออกไปนั่งที่ระเบียงกินสุกี้ชมวิวกันบนคอนโดชั้น 20+ บรรยากาศกรุงเทพยามราตรีดีเหมือนกันนะ ผมเพิ่งเคยมีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ เรานั่งกินกันจนอิ่มพุงป่องท้องจะแตก พอเสร็จเรียบร้อยก็นั่งคุยกันตามปกติ สักพักเค้าโน้มตัวลงมานอนตักเราแล้วหยิบมือถือเค้ามาเปิดเพลงฟัง แล้วก็หลับไปคาตักเราเลย ผมนั่งอยู่แบบนั้นให้เค้าหนุนตักนอนอยู่สักพักใหญ่ๆ ด้วยความเคลิ้มจนลืมตัวว่าวันรุ่งขึ้นมีสอบ ผมรีบปลุกเค้าแล้วไปอาบน้ำนอนกัน
วันรุ่งขึ้นตื่นมา ต่างคนต่างทำอะไรไม่ทัน รีบอาบน้ำและออกไปพร้อมกันแยกย้ายกันไปสอบ หลังจากนั้นเราก็คุยกันผ่านเฟสบุคอยู่เรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปได้ไม่กี่วัน ก็เริ่มมีอะไรเปลี่ยนไป ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เค้าตอบแชทผมช้าลง เค้าโทรหาผมน้อยลง เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ผมซึมอยู่หลายวันที่อะไรๆมันเริ่มเปลี่ยนไป ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าผมให้ใจเค้าไปหมดแล้ว รู้สึกเหมือนอะไรมันขาดหายไป ผมจึงตัดสินใจพูดกับเค้าว่าเราไม่ได้คุยกันเลยเนอะ เหตุผลของเค้าก็คือเค้าทำงาน(ธุรกิจส่วนตัว) ไม่มีเวลาตอบแชท ไม่มีเวลาโทรหา เค้าบอกกับเราว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ โตได้แล้วนะ เค้าไม่หายไปไหนหรอก แค่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง แต่ความรู้สึกของผมมันแย่ลงไปทุกที ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ไม่มีเวลาตอบแชทเลยหรอ แค่เจียดเวลามาตอบสักหน่อย ถ้าคนยังมีใจให้กันก็คงจะไม่ได้ลำบากอะไรใช่มั้ย ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเค้าไม่ใส่ใจผมแล้ว แต่ก็ยังโทรมาหาบ้าง เฟสตอบบ้าง (หลายๆชั่วโมงตอบที) แล้วหลังจากวันนั้นเราก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย จนถึงตอนนี้
ผมไม่ทราบว่า ผมต้องการมากไปหรือเปล่าครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเร็วมาก จากที่คุยกันทั้งวันกลับห่างหาย จนตอนนี้เหมือนแค่เค้ามาตอบผมตามหน้าที่ที่เค้าต้องตอบ ตอบเสร็จก็หายไปทำงานของเค้าต่อ ผมเริ่มไม่เข้าใจว่าถ้าเค้าบอกผมว่าเค้ามีหน้าที่ที่เค้าต้องทำ หน้าที่ของเค้าต้องทำตลอดเวลาเลยหรอ ทำจนไม่มีเวลามาตอบแชทเลย แล้วถ้าเค้าไม่มีเวลาจะมาดูแลเอาใจใส่กันและกันแบบนี้ เค้าจะเอาผมเข้ามาในชีวิตทำไม ในเมื่อเค้ายังต้องทำหน้าที่ตรงนั้น จนลืมดูแลเอาใจใส่คนที่เค้าเคยบอกว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
อ่านกันมาตอนแรกคงคิดว่าเรื่องมันจะแฮปปี้เอ็นดิ้งใชมั้ยครับ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้ จนตอนนี้ผมก็ยังค้างคาอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ทุกๆวัน
ผมอยากจะบอกทุกคนว่า จะคบกับใครดูกันไปนานๆนะ อย่าลืมตัวจนรีบแบบผม คบกันไว พอรู้จักนิสัยในด้านที่ไม่เคยรู้จักแล้วมันก็จะกลายเป็นแบบนี้ ผมยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย แต่ผมคงจะเดินต่อไปอย่างสุดความสามารถก่อน ถึงไม่รู้ว่าอนาคตผมจะทนอยู่แบบนี้ได้ไหม แต่ผมก็อยากทำให้เต็มที่ เพราะผมรู้สึก 'รัก' เค้าไปแล้วจริงๆ.
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องของชายกับชายนะครับ ลืมบอก