ทริปเกาะช้าง - 22-24 เมษา 66 ทริปกินปูม้าและทุเรียนประจำปี
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน
หลังจากไปเจอแหล่งกินปูม้าที่ใหม่ที่เกาะช้าง จากที่เมื่อก่อนจะนัดกันไปกินแถวระยอง แต่ช่วงหลังขนาดของปูม้าเริ่มเล็กลงและราคาแพงขึ้น ประกอบกับมีพ่อค้าแม่ค้าจากที่อื่นมาขายและเอาของจากที่อื่นซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยดีมาขายราคาแพง เลยต้องหาที่กินใหม่
โชคดีที่ได้มาเจอร้านอาหารแบบบ้านๆ ราคาไม่แพงแต่ได้ของดีและสด อย่างเช่น ปลาเก๋าเป็นๆโลละ 200-300 บาท ในขณะที่เคยไปกินแถวบางขุนเทียน-ชายทะเล ต้องจ่ายถึงโลละ 850 บาท
มาครั้งนี้ก็ยังมากับก๊วนเดิมๆ แต่รอบนี้มากันแค่ 4 คนคือผม ป๊อป โจ๊ก และแมว รอบนี้ใช้รถนิสสัน X-Trail ปี 2012 ซึ่งมักจะใช้คันนี้เป็นประจำเวลาไปทริปกับน้องๆในกลุ่ม นัดเจอกันเช้าวันเสาร์ที่ 22 เวลา 6 โมงเช้าหน้า The Nine พระราม 9
ออกจาก The Nine ใกล้เคียงกับเวลานัดหมาย ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ขับยาวๆไปออกบ้านบึง แล้วไปต่อเส้นบ้านบึง-แกลง ช่วงนี้รักษาความเร็วอยู่ที่ 100-105 กม./ชม.เพราะคราวก่อนโดนใบสั่งที่ความเร็ว 111 กม./ชม. ประกอบกับคราวนี้มีรถวิ่งกันพอควรและไม่ได้ใช้ความเร็วกันมากกว่านี้ เลยขับแบบไปเรื่อยๆ
เดิมทีว่าจะแวะร้านแกงป่าป้าต่ำที่อยู่แถวแยกอำเภอแกลง แต่ 2 วันก่อนจะมา ป๊อปไปเจออีกร้านนึงซึ่งห่างออกไปไม่เกิน 2 กม. ก็เลยแวะมาลองกัน
ประมาณ 8 โมงก็มาถึงร้านบ้านมะกอก ฐิตาภา สั่งข้าวกะเพราะขาหมู ส่วนคนอื่นสั่งต้มเลือดหมู กับข้าวขาหมูกัน
อาหารรสชาติใช้ได้ จานละ 50 บาท เสียดายที่ว่าหมูกรอบเค้ายังทำไม่เสร็จ ไว้คราวหน้าอาจจะโทรมาบอกที่ร้านเค้าก่อนว่าจะแวะมาถึงกี่โมง เผื่อว่าเค้าจะทำเตรียมไว้ให้



เกือบ 8 โมงครึ่งก็ออกจากร้านข้าว แวะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซื้อกาแฟกันคนละแก้ว (ยกเว้นป๊อป) 8 โมง 45 ก็ไปกันต่อระหว่างทางก็โทรหาร้านป้าแจ๋วสลักคอกเพื่อถามเรื่องปลาไว้ก่อนและสั่งอาหารไป 4 อย่าง ส่วนป๊อปโทรจองปูม้าไว้ 3 โล และก็โทรถามพี่แหววว่าวันนี้มีทุเรียนกับขนมถ้วยมั้ย แต่ร้านพี่แหวววันนี้ไม่ได้ขายของเพราะปิดปรับปรุงร้าน
ราว 10 โมงครึ่งก่อนจะถึงแยกที่เลี้ยวเข้าไปท่าเรืออ่าวธรรมชาติ แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท.และเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย ขับต่อไปถึงท่าเรือเกือบ 11 โมง รอคิวขึ้นแพขนานยนต์ประมาณชั่วโมงนึง เที่ยงถึงจะได้ขึ้นแพกัน
ท้องฟ้าวันนี้ดูขมุกขมัว ตอนแรกคิดว่าฝนตก แต่ก็ไม่ใช่ ยังคิดอยู่เลยว่าเป็นพวกฝุ่น PM2.5 รึเปล่า
ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเกาะช้าง ขึ้นเกาะแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปกินมื้อกลางวันกันก่อน ก่อนจะถึงร้านป้าแหวว แวะชลอดูทุเรียนสวนลุงวิจิตร แต่น่าจะไม่มีทุเรียนสุกเลยไม่มีเอามาวางขาย ก็เลยขับเลยไปหน่อย แวะอีกร้านที่คราวก่อนซื้อทุเรียนกลับบ้าน ร้านอยู่ตรงข้ามที่ทำการอำเภอเกาะช้าง ไม่มีชื่อร้าน ตอนนี้ทุเรียนชะนีเกาะช้างราคาอยู่ที่โลละ120 บาท ให้ที่ร้านแกะให้กินลูกนึงก่อนเพราะแมวกับโจ๊กยังไม่เคยกินทุเรียนชะนีเกาะช้าง
มาเกาะช้างช่วงนี้ ตั้งใจจะมากินทุเรียนชะนีเกาะช้างโดยเฉพาะ เพราะมันคือ GI ที่ย่อมาจาก Geographical Indication ซึ่งก็คือ เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจาก แหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจงซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ ดังกล่าว GI จึงเปรียบเสมือนแบรนด์ของท้องถิ่นที่บอกคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า
ตอนแรกว่าจะชิมกันแค่คนละเม็ด แต่ลูกแรกก็กินกันจนหมด เลยบอกให้แกะเพิ่มอีกลูก
ลูกที่สองเนื้อทุเรียนออกกรอบนิดๆ ยังไม่ใช่ขนาดกำลังกิน แต่ก็อร่อย แต่ทางร้านบอกว่ามันไม่ค่อยดี เลยหาลูกใหม่ให้ และร้านก็แกะลูกที่สองให้มากินเกือบทั้งลูกแบบไม่คิดเงิน
ลูกที่สามเนื้อดีเหมือนลูกแรก รวมสองลูกน้ำหนัก 1.80 กับ 1.60 โล จ่ายไป 400 บาท เหลือแพ็คใส่กล่องไปลูกครึ่งเอาไว้ไปกินหลังอาหาร ระหว่างที่ยืนชิมทุเรียนอยู่ก็โทรไปบอกป้าแจ๋วให้ทำอาหารไว้เลย เพราะจากตรงนั้นขับรถราว 20 นาทีก็ถึง
ประมาณบ่ายโมง 20 ก็ถึงร้านป้าแจ๋ว โผล่หน้าเข้าไปหน่อย ทั้งลุงกับป้าและคนอื่นๆในร้านก็ทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะจำได้
เดินเข้าไปดูในครัวหน่อยนึง เผื่อจะมีของสดอย่างอื่นเพิ่ม เลยถ่ายรูปปลาเปี๊ยะกับหมึกมา

วันนี้สั่งปลาเปี๊ยะนึ่งซีอิ๊ว หมึกน้ำดำ หมึกกะเพรา กุ้งแช่น้ำปลา แล้วป๊อปก็ไปเอาปูม้าที่สั่งไว้ 3 โลมาให้ป้าแจ๋วต้มให้







วันนี้อาหารร้านป้าแจ๋วรสชาติดีทุกอย่าง อร่อยยันน้ำจิ้มซีฟู๊ด จ่ายเงินร้านป้าแจ๋วไปรวม 1,185 บาท ส่วนปูม้าที่ซื้อมาอีก 900 บาท เบ็ดเสร็จมื้อนี้ 2,085 บาท กินกันจนต้องร้องขอชีวิต
นั่งกินกันไปเรื่อยๆแบบไม่รีบ กินเสร็จก็คุยกับป้าแจ๋วซักพักนึง แกก็บอกว่า ช่วงหลังไม่ค่อยกล้ารับออเดอร์ทางโทรศัพท์เพราะไม่กี่เดือนก่อนเจอลูกค้าอยู่คนนึงโทรมาสั่งอาหารสำหรับ 9 คน พอถึงเวลานัดก็ไม่มา ทางร้านก็โทรไปถามแต่ทางนั้นก็กดตัดสายทิ้ง ร้านโทรหาหลายครั้งและโดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง แกก็เลยกลัวไปเลยเพราะเตรียมทำอาหารไว้แล้วแต่มาเจอแบบนี้ มิน่าล่ะว่าตอนโทรหาแกแล้วแกก็เหมือนอึกๆอักๆ แบ่งรับแบ่งสู้เรื่องสั่งอาหารไว้แล้วให้ทำเตรียมไว้เลย
บ่าย 3 ครึ่งถึงจะได้ออกจากร้านป้าแจ๋ว แวะหาพี่แหววแป๊ปนึงเพราะขับเลยทางเข้าสลักคอกไปแค่ 2-300 เมตรก็ถึงร้านพี่แหวว
ขับไปจอดหน้าร้านพี่แหวว ชะโงกหน้าให้แกเห็นหน่อยนึงเพราะแกมองเข้ามาว่ารถใครมาจอด พอแกเห็นก็จำได้เลยจอดรถเสร็จก็ลงไปคุยและทักทายกับพี่แหววและพี่โก
วันนี้ไม่มีของขาย แต่มีทุเรียนหมอนทองอยู่ลูกนึง พี่โกจะแกะมาให้ชิมกัน แต่พอกรีดดูแล้วมันยังไม่สุกดี เลย
บอกแกไปว่าเดี๋ยววันจันทร์จะแวะมาราวๆบ่ายโมง แกเลยบอกเดี๋ยวจะเก็บไว้ให้ เพราะน่าจะสุกกำลังกินเย็นๆวันพรุ่งนี้ไม่ก็เช้าวันจันทร์
ถามถึงทุเรียนชะนีของสวนพี่แหวว แกเหลือไว้ให้ 6 ลูก กำลังจะสุกพร้อมตัด 1-2 วันนี้ ก็เลยบอกแกว่าเอามาหมดเลยแต่แกก็ออกตัวก่อนเลยว่าของแกจะแพงกว่าเค้าเพราะแกขายโลละ 150 บาท และแกมั่นใจว่าทุเรียนแกดีกว่าเจ้าอื่น
ปีนี้ช่วงต้นเดือนมีทุเรียนกระดุม ซึ่งปีก่อนได้มาลองกินของที่พักลูกนึง อร่อยมาก แต่พี่แหววบอกว่าหมดช่วงมันไปแล้วและปีนี้ค่อนข้างแพง โลละ 260 บาท เลยบอกแกว่าไว้ปีหน้าจะมาลอง และก็บอกพี่แหววไปว่า วันจันทร์ที่จะแวะมา ถ้ามีขนมถ้วยหรือขนมอื่นๆก็ให้เก็บไว้ให้หน่อย
บ่าย 4 โมง 15 ออกจากพี่แหวว ขับกลับมาทางขวาหาร้านซ่อมไฟท้ายเพราะไฟท้ายกับไฟเบรคค้าง เจอร้านทำไฟเลยปั๊มปตท.มาหน่อยนึง ช่างตรวจสอบดูเจอว่า บู๊ทขาไฟเบรคหัก จ่ายค่าซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ไป 300 บาท ปกติราคาซ่อมเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ช่างมัน เพราะมันฉุกเฉิน ยังไงก็ต้องจ่าย ดีกว่าไม่ได้แพงจนเกินไป
ออกจากร้านซ่อมไฟมา เป็นช่วงขึ้นเขา ปรากฎว่ารถรถไม่มีแรง ต้องวนกลับไปพื้นราบ รอจังหวะรถว่างๆแล้วเร่งเครื่องขึ้นมาใหม่ มีบางช่วงเป็นทางชันมากและโค้งหักศอกก็ต้องเหยียบคันเร่งให้รอบสูงๆเข้าไว้ถึงจะผ่านมาได้ สมาชิกในรถก็ลุ้นกันทั้งคัน แต่ก็ผ่านมาได้ เดี๋ยวกลับไปกรุงเทพคงต้องเอาไปเข้าอู่ให้เค้าเช็คหาสาเหตุและซ่อมให้เรียบร้อย
เกือบ 5 โมงเย็นก็มาถึงที่พัก พักที่จินดารีสอร์ท ที่เดิมที่เคยมาเมื่อปีก่อนเดือนพฤษภาคมที่ขี่มอเตอร์ไซด์มากัน 4 คัน
จินดารีสอร์ทอยู่แถวหาดทรายขาว พอลงเขามาถึงพื้นราบฝั่งขวาก็ถึงเลย อยู่ฝั่งซ้ายมือ ตรงข้ามมี 7-11 และถ้าเดินทะลุข้างๆ 7-11 ไปก็จะเจอหาดทรายขาวเลย
รอบนี้ได้ห้องอีกฝั่งที่เก่ากว่า แต่ก็โอเค พอรับได้กับราคา 2 คืน 999 บาทต่อคนรวมอาหารมื้อเย็นและเช้า ทั้งหมด 4 มื้อ ลุงกับป้าเจ้าของที่พักยังจำผมกับป๊อปได้
จริงๆแล้วราคาที่พักที่เค้าขายปกติคือ 1,200 บาทต่อคนต่อคืน และมีให้แค่อาหารเช้า แต่ด้วยความที่ว่าเราเป็นลูกค้าเก่า ทางที่พักเลยให้ราคานี้มา



ผมนอนกับป๊อป ส่วนโจ๊กนอนกับแมว แยกย้ายกันเข้าห้องแล้วขออาบน้ำก่อนเพราะอากาศช่วงนี้ร้อนเหลือเกิน
อาบน้ำเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย เราขอนอนเล่นรอในห้องเพราะขี้เกียจออกไปเดินและยังเดินไม่ค่อยสะดวก ส่วนสมาชิก 3 คนออกไปเดินชายหาด ให้ป๊อปแจ้งที่พักว่าขอนัดเวลากินมื้อเย็นประมาณทุ่มนึงเพราะยังอิ่มจากมื้อกลางวันกันอยู่
6 โมงครึ่งมานั่งเล่นบอร์ดเกมส์ระหว่างรอไปกินมื้อเย็น พอทุ่มนึงก็ออกมากินมื้อเย็นที่ทางที่พักจัดไว้ให้ วันนี้มี หมึกนึ่งมะนาว ปลากระพงทอดน้ำปลา กุ้งแช่น้ำปลา และกุ้งลายเสือผัดพริกเกลือ กุ้งลายเสือขนาดอย่างใหญ่ จานนึงมี 8 ตัวคนละ 2 ตัว ใหญ่ถึงขนาดเกี่ยงกันกินเพราะยังอิ่มจากมื้อกลางวันอยู่เลย กินกุ้งลายเสือแค่ตัวเดียวก็อาจจะจุกได้
กุ้งแช่น้ำปลาดูตัวเล็ก แต่ตอนคุยกับพี่แหวว แกมีเอากุ้งแบบนี้มาโชว์ให้ดูแล้วบอกว่าเป็นกุ้งที่จับแบบน้ำตื้น รสชาติจะหวานมาก พอที่พักเอามาเสิร์ฟก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบเดียวกัน ชิมแล้วเหมือนกุ้งหวานแบบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้กัน




นอกจากนี้ทางที่พักยังเอาทุเรียนชะนีเกาะช้างมาให้อีกกล่องนึง แทบจะร้องขอชีวิตกันอีกรอบเลยทีเดียว
ต่อกันด้วยโรตีมะม่วงหน้า 7-11 อีกกล่องเพราะป๊อปอยากกิน
โรตีมะม่วง กล่องละ 80 บาท ให้มาอย่างเยอะ มะม่วงทั้งลูก
พอใกล้ๆ 3 ทุ่มก็ชวนกันไปเล่นบอร์ดเกมส์ กว่าจะเข้านอนกันสำหรับวันแรกก็เกือบตี 1
[CR] ทริปเกาะช้าง 3 วัน 2 คืน กินกันให้ตัวแตกทั้ง ทุเรียน ปูม้า และปลาสดๆ กับงบไม่ถึง 4 พันบาท
วันเสาร์ที่ 22 เมษายน
หลังจากไปเจอแหล่งกินปูม้าที่ใหม่ที่เกาะช้าง จากที่เมื่อก่อนจะนัดกันไปกินแถวระยอง แต่ช่วงหลังขนาดของปูม้าเริ่มเล็กลงและราคาแพงขึ้น ประกอบกับมีพ่อค้าแม่ค้าจากที่อื่นมาขายและเอาของจากที่อื่นซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยดีมาขายราคาแพง เลยต้องหาที่กินใหม่
โชคดีที่ได้มาเจอร้านอาหารแบบบ้านๆ ราคาไม่แพงแต่ได้ของดีและสด อย่างเช่น ปลาเก๋าเป็นๆโลละ 200-300 บาท ในขณะที่เคยไปกินแถวบางขุนเทียน-ชายทะเล ต้องจ่ายถึงโลละ 850 บาท
มาครั้งนี้ก็ยังมากับก๊วนเดิมๆ แต่รอบนี้มากันแค่ 4 คนคือผม ป๊อป โจ๊ก และแมว รอบนี้ใช้รถนิสสัน X-Trail ปี 2012 ซึ่งมักจะใช้คันนี้เป็นประจำเวลาไปทริปกับน้องๆในกลุ่ม นัดเจอกันเช้าวันเสาร์ที่ 22 เวลา 6 โมงเช้าหน้า The Nine พระราม 9
ออกจาก The Nine ใกล้เคียงกับเวลานัดหมาย ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ขับยาวๆไปออกบ้านบึง แล้วไปต่อเส้นบ้านบึง-แกลง ช่วงนี้รักษาความเร็วอยู่ที่ 100-105 กม./ชม.เพราะคราวก่อนโดนใบสั่งที่ความเร็ว 111 กม./ชม. ประกอบกับคราวนี้มีรถวิ่งกันพอควรและไม่ได้ใช้ความเร็วกันมากกว่านี้ เลยขับแบบไปเรื่อยๆ
เดิมทีว่าจะแวะร้านแกงป่าป้าต่ำที่อยู่แถวแยกอำเภอแกลง แต่ 2 วันก่อนจะมา ป๊อปไปเจออีกร้านนึงซึ่งห่างออกไปไม่เกิน 2 กม. ก็เลยแวะมาลองกัน
ประมาณ 8 โมงก็มาถึงร้านบ้านมะกอก ฐิตาภา สั่งข้าวกะเพราะขาหมู ส่วนคนอื่นสั่งต้มเลือดหมู กับข้าวขาหมูกัน
อาหารรสชาติใช้ได้ จานละ 50 บาท เสียดายที่ว่าหมูกรอบเค้ายังทำไม่เสร็จ ไว้คราวหน้าอาจจะโทรมาบอกที่ร้านเค้าก่อนว่าจะแวะมาถึงกี่โมง เผื่อว่าเค้าจะทำเตรียมไว้ให้
เกือบ 8 โมงครึ่งก็ออกจากร้านข้าว แวะร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซื้อกาแฟกันคนละแก้ว (ยกเว้นป๊อป) 8 โมง 45 ก็ไปกันต่อระหว่างทางก็โทรหาร้านป้าแจ๋วสลักคอกเพื่อถามเรื่องปลาไว้ก่อนและสั่งอาหารไป 4 อย่าง ส่วนป๊อปโทรจองปูม้าไว้ 3 โล และก็โทรถามพี่แหววว่าวันนี้มีทุเรียนกับขนมถ้วยมั้ย แต่ร้านพี่แหวววันนี้ไม่ได้ขายของเพราะปิดปรับปรุงร้าน
ราว 10 โมงครึ่งก่อนจะถึงแยกที่เลี้ยวเข้าไปท่าเรืออ่าวธรรมชาติ แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท.และเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อย ขับต่อไปถึงท่าเรือเกือบ 11 โมง รอคิวขึ้นแพขนานยนต์ประมาณชั่วโมงนึง เที่ยงถึงจะได้ขึ้นแพกัน
ท้องฟ้าวันนี้ดูขมุกขมัว ตอนแรกคิดว่าฝนตก แต่ก็ไม่ใช่ ยังคิดอยู่เลยว่าเป็นพวกฝุ่น PM2.5 รึเปล่า
ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเกาะช้าง ขึ้นเกาะแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปกินมื้อกลางวันกันก่อน ก่อนจะถึงร้านป้าแหวว แวะชลอดูทุเรียนสวนลุงวิจิตร แต่น่าจะไม่มีทุเรียนสุกเลยไม่มีเอามาวางขาย ก็เลยขับเลยไปหน่อย แวะอีกร้านที่คราวก่อนซื้อทุเรียนกลับบ้าน ร้านอยู่ตรงข้ามที่ทำการอำเภอเกาะช้าง ไม่มีชื่อร้าน ตอนนี้ทุเรียนชะนีเกาะช้างราคาอยู่ที่โลละ120 บาท ให้ที่ร้านแกะให้กินลูกนึงก่อนเพราะแมวกับโจ๊กยังไม่เคยกินทุเรียนชะนีเกาะช้าง
มาเกาะช้างช่วงนี้ ตั้งใจจะมากินทุเรียนชะนีเกาะช้างโดยเฉพาะ เพราะมันคือ GI ที่ย่อมาจาก Geographical Indication ซึ่งก็คือ เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจาก แหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจงซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ ดังกล่าว GI จึงเปรียบเสมือนแบรนด์ของท้องถิ่นที่บอกคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า
ตอนแรกว่าจะชิมกันแค่คนละเม็ด แต่ลูกแรกก็กินกันจนหมด เลยบอกให้แกะเพิ่มอีกลูก
ลูกที่สองเนื้อทุเรียนออกกรอบนิดๆ ยังไม่ใช่ขนาดกำลังกิน แต่ก็อร่อย แต่ทางร้านบอกว่ามันไม่ค่อยดี เลยหาลูกใหม่ให้ และร้านก็แกะลูกที่สองให้มากินเกือบทั้งลูกแบบไม่คิดเงิน
ลูกที่สามเนื้อดีเหมือนลูกแรก รวมสองลูกน้ำหนัก 1.80 กับ 1.60 โล จ่ายไป 400 บาท เหลือแพ็คใส่กล่องไปลูกครึ่งเอาไว้ไปกินหลังอาหาร ระหว่างที่ยืนชิมทุเรียนอยู่ก็โทรไปบอกป้าแจ๋วให้ทำอาหารไว้เลย เพราะจากตรงนั้นขับรถราว 20 นาทีก็ถึง
ประมาณบ่ายโมง 20 ก็ถึงร้านป้าแจ๋ว โผล่หน้าเข้าไปหน่อย ทั้งลุงกับป้าและคนอื่นๆในร้านก็ทักทายอย่างเป็นกันเองเพราะจำได้
เดินเข้าไปดูในครัวหน่อยนึง เผื่อจะมีของสดอย่างอื่นเพิ่ม เลยถ่ายรูปปลาเปี๊ยะกับหมึกมา
วันนี้สั่งปลาเปี๊ยะนึ่งซีอิ๊ว หมึกน้ำดำ หมึกกะเพรา กุ้งแช่น้ำปลา แล้วป๊อปก็ไปเอาปูม้าที่สั่งไว้ 3 โลมาให้ป้าแจ๋วต้มให้
วันนี้อาหารร้านป้าแจ๋วรสชาติดีทุกอย่าง อร่อยยันน้ำจิ้มซีฟู๊ด จ่ายเงินร้านป้าแจ๋วไปรวม 1,185 บาท ส่วนปูม้าที่ซื้อมาอีก 900 บาท เบ็ดเสร็จมื้อนี้ 2,085 บาท กินกันจนต้องร้องขอชีวิต
นั่งกินกันไปเรื่อยๆแบบไม่รีบ กินเสร็จก็คุยกับป้าแจ๋วซักพักนึง แกก็บอกว่า ช่วงหลังไม่ค่อยกล้ารับออเดอร์ทางโทรศัพท์เพราะไม่กี่เดือนก่อนเจอลูกค้าอยู่คนนึงโทรมาสั่งอาหารสำหรับ 9 คน พอถึงเวลานัดก็ไม่มา ทางร้านก็โทรไปถามแต่ทางนั้นก็กดตัดสายทิ้ง ร้านโทรหาหลายครั้งและโดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง แกก็เลยกลัวไปเลยเพราะเตรียมทำอาหารไว้แล้วแต่มาเจอแบบนี้ มิน่าล่ะว่าตอนโทรหาแกแล้วแกก็เหมือนอึกๆอักๆ แบ่งรับแบ่งสู้เรื่องสั่งอาหารไว้แล้วให้ทำเตรียมไว้เลย
บ่าย 3 ครึ่งถึงจะได้ออกจากร้านป้าแจ๋ว แวะหาพี่แหววแป๊ปนึงเพราะขับเลยทางเข้าสลักคอกไปแค่ 2-300 เมตรก็ถึงร้านพี่แหวว
ขับไปจอดหน้าร้านพี่แหวว ชะโงกหน้าให้แกเห็นหน่อยนึงเพราะแกมองเข้ามาว่ารถใครมาจอด พอแกเห็นก็จำได้เลยจอดรถเสร็จก็ลงไปคุยและทักทายกับพี่แหววและพี่โก
วันนี้ไม่มีของขาย แต่มีทุเรียนหมอนทองอยู่ลูกนึง พี่โกจะแกะมาให้ชิมกัน แต่พอกรีดดูแล้วมันยังไม่สุกดี เลย
บอกแกไปว่าเดี๋ยววันจันทร์จะแวะมาราวๆบ่ายโมง แกเลยบอกเดี๋ยวจะเก็บไว้ให้ เพราะน่าจะสุกกำลังกินเย็นๆวันพรุ่งนี้ไม่ก็เช้าวันจันทร์
ถามถึงทุเรียนชะนีของสวนพี่แหวว แกเหลือไว้ให้ 6 ลูก กำลังจะสุกพร้อมตัด 1-2 วันนี้ ก็เลยบอกแกว่าเอามาหมดเลยแต่แกก็ออกตัวก่อนเลยว่าของแกจะแพงกว่าเค้าเพราะแกขายโลละ 150 บาท และแกมั่นใจว่าทุเรียนแกดีกว่าเจ้าอื่น
ปีนี้ช่วงต้นเดือนมีทุเรียนกระดุม ซึ่งปีก่อนได้มาลองกินของที่พักลูกนึง อร่อยมาก แต่พี่แหววบอกว่าหมดช่วงมันไปแล้วและปีนี้ค่อนข้างแพง โลละ 260 บาท เลยบอกแกว่าไว้ปีหน้าจะมาลอง และก็บอกพี่แหววไปว่า วันจันทร์ที่จะแวะมา ถ้ามีขนมถ้วยหรือขนมอื่นๆก็ให้เก็บไว้ให้หน่อย
บ่าย 4 โมง 15 ออกจากพี่แหวว ขับกลับมาทางขวาหาร้านซ่อมไฟท้ายเพราะไฟท้ายกับไฟเบรคค้าง เจอร้านทำไฟเลยปั๊มปตท.มาหน่อยนึง ช่างตรวจสอบดูเจอว่า บู๊ทขาไฟเบรคหัก จ่ายค่าซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ไป 300 บาท ปกติราคาซ่อมเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ช่างมัน เพราะมันฉุกเฉิน ยังไงก็ต้องจ่าย ดีกว่าไม่ได้แพงจนเกินไป
ออกจากร้านซ่อมไฟมา เป็นช่วงขึ้นเขา ปรากฎว่ารถรถไม่มีแรง ต้องวนกลับไปพื้นราบ รอจังหวะรถว่างๆแล้วเร่งเครื่องขึ้นมาใหม่ มีบางช่วงเป็นทางชันมากและโค้งหักศอกก็ต้องเหยียบคันเร่งให้รอบสูงๆเข้าไว้ถึงจะผ่านมาได้ สมาชิกในรถก็ลุ้นกันทั้งคัน แต่ก็ผ่านมาได้ เดี๋ยวกลับไปกรุงเทพคงต้องเอาไปเข้าอู่ให้เค้าเช็คหาสาเหตุและซ่อมให้เรียบร้อย
เกือบ 5 โมงเย็นก็มาถึงที่พัก พักที่จินดารีสอร์ท ที่เดิมที่เคยมาเมื่อปีก่อนเดือนพฤษภาคมที่ขี่มอเตอร์ไซด์มากัน 4 คัน
จินดารีสอร์ทอยู่แถวหาดทรายขาว พอลงเขามาถึงพื้นราบฝั่งขวาก็ถึงเลย อยู่ฝั่งซ้ายมือ ตรงข้ามมี 7-11 และถ้าเดินทะลุข้างๆ 7-11 ไปก็จะเจอหาดทรายขาวเลย
รอบนี้ได้ห้องอีกฝั่งที่เก่ากว่า แต่ก็โอเค พอรับได้กับราคา 2 คืน 999 บาทต่อคนรวมอาหารมื้อเย็นและเช้า ทั้งหมด 4 มื้อ ลุงกับป้าเจ้าของที่พักยังจำผมกับป๊อปได้
จริงๆแล้วราคาที่พักที่เค้าขายปกติคือ 1,200 บาทต่อคนต่อคืน และมีให้แค่อาหารเช้า แต่ด้วยความที่ว่าเราเป็นลูกค้าเก่า ทางที่พักเลยให้ราคานี้มา
ผมนอนกับป๊อป ส่วนโจ๊กนอนกับแมว แยกย้ายกันเข้าห้องแล้วขออาบน้ำก่อนเพราะอากาศช่วงนี้ร้อนเหลือเกิน
อาบน้ำเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย เราขอนอนเล่นรอในห้องเพราะขี้เกียจออกไปเดินและยังเดินไม่ค่อยสะดวก ส่วนสมาชิก 3 คนออกไปเดินชายหาด ให้ป๊อปแจ้งที่พักว่าขอนัดเวลากินมื้อเย็นประมาณทุ่มนึงเพราะยังอิ่มจากมื้อกลางวันกันอยู่
6 โมงครึ่งมานั่งเล่นบอร์ดเกมส์ระหว่างรอไปกินมื้อเย็น พอทุ่มนึงก็ออกมากินมื้อเย็นที่ทางที่พักจัดไว้ให้ วันนี้มี หมึกนึ่งมะนาว ปลากระพงทอดน้ำปลา กุ้งแช่น้ำปลา และกุ้งลายเสือผัดพริกเกลือ กุ้งลายเสือขนาดอย่างใหญ่ จานนึงมี 8 ตัวคนละ 2 ตัว ใหญ่ถึงขนาดเกี่ยงกันกินเพราะยังอิ่มจากมื้อกลางวันอยู่เลย กินกุ้งลายเสือแค่ตัวเดียวก็อาจจะจุกได้
กุ้งแช่น้ำปลาดูตัวเล็ก แต่ตอนคุยกับพี่แหวว แกมีเอากุ้งแบบนี้มาโชว์ให้ดูแล้วบอกว่าเป็นกุ้งที่จับแบบน้ำตื้น รสชาติจะหวานมาก พอที่พักเอามาเสิร์ฟก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบเดียวกัน ชิมแล้วเหมือนกุ้งหวานแบบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใช้กัน
นอกจากนี้ทางที่พักยังเอาทุเรียนชะนีเกาะช้างมาให้อีกกล่องนึง แทบจะร้องขอชีวิตกันอีกรอบเลยทีเดียว
ต่อกันด้วยโรตีมะม่วงหน้า 7-11 อีกกล่องเพราะป๊อปอยากกิน
โรตีมะม่วง กล่องละ 80 บาท ให้มาอย่างเยอะ มะม่วงทั้งลูก
พอใกล้ๆ 3 ทุ่มก็ชวนกันไปเล่นบอร์ดเกมส์ กว่าจะเข้านอนกันสำหรับวันแรกก็เกือบตี 1
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้