เมื่อปี 2534 เราเป็นประเทศโดดเด่นและมาแรงมากในเซาท์อีสต์เอเซีย เราจะเอาชนะมาเลย์และไปคู่คี่สูสีกับสิงคโปร์ ตอนนั้นผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)อยู่ ที่ 3,600,000,000,000 บาท (งงอ่ะ เขียนเป็นตัวหนังสือดีกว่า) สามล้านหกแสนล้านบาท (ก็ยังงงอยู่ เทียบเป็นประชากรต่อหัวละกัน) ตอนนั้นบ้านเรามีประชากร 57 ล้านคน ดังนั้นความสามารถในการผลิตต่อคนเฉลี่ยแล้วจะได้
64,000 บาท ขอเป็นตัวเลขถ้วน ๆ นะ
กาลเวลาผันผ่านมาจนกระทั่งปี 2552 บรรดาพ่อแม่ก็ช่วยกันผลิตเด็ก ๆ จนได้ประชากร 63.5 ล้านคน และแต่ละคนก็สามารถผลิตสินค้าและบริการเฉลี่ยต่อหัว ได้ถึงคนละ
120,000 บาท (GDP 2552 = 7,653,400,000,000 ) นั่นหมายถึงเราเพิ่มความสามารถในการผลิตได้ถึงเกือบสองเท่า
แล้วมันไปอยู่ตรงไหนหมดล่ะ ?
และนี่คือประเด็นที่ต้องการชี้ให้เห็น เพราะรูปดังต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าไอ้ส่วนเกินที่เราผลิตได้มันไปอยู่ที่ไหน

จากรูปจะเห็นว่า ดัชนีมวลกายของทั้งหญิงและชายเพิ่มมากว่าสองเท่า กล่าวโดยสรุปก็คือ แม้ว่าเราจะผลิตได้มากแค่ไหน แต่เราก็ปรนเปรอตัวเองและบริโภคมากกว่าที่เราผลิตได้นั่นเอง เข้าทำนองที่ว่ามีเงินมากก็ใช้จ่ายมากกินมาก ดัชนีชี้วัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจึงไม่สามารถเอาชนะดัชนีมวลกายได้ (แต่ทั่วทั้งปฐพียังต้องสยบต่อ ดรรชนีเอกสุริยันของอิดเต็งไต้ซือ อันนี้ไม่เกี่ยวแต่อยากบอก)
เพราะฉะนั้น อย่าบ่นว่าคุณอ้วน อย่าบ่นว่าประเทศไม่เจริญเพราะนู่นนี่นั่น เพราะ คุณนั่นแหละ ไอ้อ้วน
ปล.
1.ตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เอามาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
2.รูปดัชนีมวลกายเอามาจาก รายงานสุขภาพคนไทย 2557 (ตัวเต็มน่าอ่านมาก ทำรูปแบบน่าสนใจ ดีมาก)
3.การเอาเรื่องทั้งสองมาโยงกัน ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการโดนด่า และขอโทษด้วยถ้าทำให้เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ แต่ลองลดความอ้วนดูดิ แล้วคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น เพราะตรรกะในการใช้เงินเพื่อการบริโภค(อุปโภค) เป็นตรรกะเดียวกันที่ส่งผลต่อความมั่งคั่ง
เคยสงสัยมั๊ยว่าทำไมประเทศไทยย่ำอยู่กับที่
กาลเวลาผันผ่านมาจนกระทั่งปี 2552 บรรดาพ่อแม่ก็ช่วยกันผลิตเด็ก ๆ จนได้ประชากร 63.5 ล้านคน และแต่ละคนก็สามารถผลิตสินค้าและบริการเฉลี่ยต่อหัว ได้ถึงคนละ 120,000 บาท (GDP 2552 = 7,653,400,000,000 ) นั่นหมายถึงเราเพิ่มความสามารถในการผลิตได้ถึงเกือบสองเท่า
แล้วมันไปอยู่ตรงไหนหมดล่ะ ?
และนี่คือประเด็นที่ต้องการชี้ให้เห็น เพราะรูปดังต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าไอ้ส่วนเกินที่เราผลิตได้มันไปอยู่ที่ไหน
จากรูปจะเห็นว่า ดัชนีมวลกายของทั้งหญิงและชายเพิ่มมากว่าสองเท่า กล่าวโดยสรุปก็คือ แม้ว่าเราจะผลิตได้มากแค่ไหน แต่เราก็ปรนเปรอตัวเองและบริโภคมากกว่าที่เราผลิตได้นั่นเอง เข้าทำนองที่ว่ามีเงินมากก็ใช้จ่ายมากกินมาก ดัชนีชี้วัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจึงไม่สามารถเอาชนะดัชนีมวลกายได้ (แต่ทั่วทั้งปฐพียังต้องสยบต่อ ดรรชนีเอกสุริยันของอิดเต็งไต้ซือ อันนี้ไม่เกี่ยวแต่อยากบอก)
เพราะฉะนั้น อย่าบ่นว่าคุณอ้วน อย่าบ่นว่าประเทศไม่เจริญเพราะนู่นนี่นั่น เพราะ คุณนั่นแหละ ไอ้อ้วน
ปล.
1.ตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เอามาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
2.รูปดัชนีมวลกายเอามาจาก รายงานสุขภาพคนไทย 2557 (ตัวเต็มน่าอ่านมาก ทำรูปแบบน่าสนใจ ดีมาก)
3.การเอาเรื่องทั้งสองมาโยงกัน ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการโดนด่า และขอโทษด้วยถ้าทำให้เสียเวลากับเรื่องไร้สาระ แต่ลองลดความอ้วนดูดิ แล้วคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น เพราะตรรกะในการใช้เงินเพื่อการบริโภค(อุปโภค) เป็นตรรกะเดียวกันที่ส่งผลต่อความมั่งคั่ง