คริสเตียนทุกคนต้องมีความมั่นใจในความรอด นั่นคือ มั่นใจว่าเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาหรือเมื่อความตายมาเยือน เขาจะได้ไปอยู่กับพระเยซูในสวรรค์ วัตถุประสงค์ของยอห์นในการเขียนจดหมายฉบับแรกคือเพื่อให้คนของพระเจ้ามีความมั่นใจนั้น เราจะสังเกตได้ว่าไม่มีตอนใดค้ำประกันในความรอด การทึกทักเอาว่าเราได้มีชีวิตนิรันดร์โดยอิงอยู่กับประสบการณ์ในอดีตหรือความเชื่อที่ตายแล้วนั้นเป็นความผิดพลาดร้ายแรง จดหมายของยอห์นฉบับที่หนึ่ง ได้กำหนดวิธีการ 9 ประการที่ทำให้เรามีความมั่นใจว่าเรายังคงอยู่ในความสัมพันธ์แห่งความรอดกับพระเยซูคริสต์ ดังนี้
1. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราเชื่อ "ในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า" หากปราศจากความเชื่อในพระคริสต์อย่างจริงจังซึ่งยอมรับว่า พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ถูกส่งลงมาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ก็จะไม่มีชีวิตนิรันดร์หรือความมั่นใจในความรอด
2. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราถวายเกียรติแด่พระคริสต์ในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเรา และเพียรพยายามเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์อย่างจริงจัง "ถ้าเราเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ เราก็รู้แน่ว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่พูดว่า "เรารู้จักพระองค์" แต่ไม่ทำตามสิ่งที่ทรงบัญชา ผู้นั้นก็โกหกและความจริงไม่ได้อยู่ในเขาเลย แต่ถ้าผู้ใดเชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์ ความรักของพระเจ้า ก็เต็มบริบูรณ์อยู่ในผู้นั้น ด้วยวิธีนี้เราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์"
3. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารักพระบิดาและพระบุตรแทนที่จะรักโลก และหากเรามีชัยชนะเหนืออิทธิพลของโลก "อย่ารักโลกหรือสิ่งใด ๆ ในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นตัณหาของเนื้อหนัง ตัณหาของตา และความทะนงในสิ่งที่ตนมีหรือทำ ไม่ได้มาจากพระบิดาแต่มาจากโลก"
4. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรายึดมั่นที่จะประพฤติตนในความชอบธรรม แทนที่จะทำบาป "หากท่านรู้ว่าพระองค์ทรงชอบธรรม ท่านย่อมรู้ว่าทุกคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องได้บังเกิดจากพระองค์" ในด้านตรงกันข้าม "ผู้ที่ทำบาปก็มาจากมาร"
5. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารักพี่น้องของเรา "เรารู้ว่าเราผ่านพ้นความตายเข้าสู่ชีวิตเพราะเรารักพี่น้องของเรา ผู้ใดไม่รักผู้นั้นยังคงอยู่ในความตาย...ดังนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ฝ่ายความจริงและทำให้เราใจสงบต่อหน้าพระเจ้า"
6. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารู้สึกตัวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตภายในเรา "เช่นนี้เราจึงรู้สึกว่าพระองค์ (พระเยซูคริสต์) ทรงอยู่ในเรา คือเรารู้โดยพระวิญญาณที่ได้ประทานแก่เรา" อีกครั้งหนึ่ง "เรารู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่เรา"
7. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรามุ่งมั่นติดตามแบบอย่างของพระเยซูและดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์ "ผู้ใดอ้างว่าอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นต้องดำเนินชีวิตอย่างที่พระเยซูได้ทรงดำเนิน"
8. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราเชื่อ ยอมรับ และยังคงอยู่ใน "พระวาทะแห่งชีวิต" นั่นคือพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ และยึดมั่นในคำสอนดั้งเดิมของพระคริสต์และของอัครทูตในสมัยพันธสัญญาใหม่ "จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่แรกดำรงอยู่ในท่าน หากสิ่งนี้ดำรงอยู่ในท่าน ท่านก็จะดำรงอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย"
9. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรามีความปรารถนาที่กระตือรือร้นและความหวังอย่างไม่เปลี่ยนแปลงในการเสด็จกลับมาของพระคริสต์เพื่อรับเราไปอยู่กับพระองค์ของพระคริสต์ "เพื่อนที่รัก บัดนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า ภายหน้าจะเป็นอย่างไรเราไม่อาจรู้ได้ แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏเราจะเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์เช่นนี้ย่อมชำระตนเองให้บริสุทธิ์เหมือนที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์"
ความมั่นใจในความรอด
1. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราเชื่อ "ในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า" หากปราศจากความเชื่อในพระคริสต์อย่างจริงจังซึ่งยอมรับว่า พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ถูกส่งลงมาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ก็จะไม่มีชีวิตนิรันดร์หรือความมั่นใจในความรอด
2. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราถวายเกียรติแด่พระคริสต์ในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเรา และเพียรพยายามเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์อย่างจริงจัง "ถ้าเราเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ เราก็รู้แน่ว่าเรารู้จักพระองค์ ผู้ที่พูดว่า "เรารู้จักพระองค์" แต่ไม่ทำตามสิ่งที่ทรงบัญชา ผู้นั้นก็โกหกและความจริงไม่ได้อยู่ในเขาเลย แต่ถ้าผู้ใดเชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์ ความรักของพระเจ้า ก็เต็มบริบูรณ์อยู่ในผู้นั้น ด้วยวิธีนี้เราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์"
3. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารักพระบิดาและพระบุตรแทนที่จะรักโลก และหากเรามีชัยชนะเหนืออิทธิพลของโลก "อย่ารักโลกหรือสิ่งใด ๆ ในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นตัณหาของเนื้อหนัง ตัณหาของตา และความทะนงในสิ่งที่ตนมีหรือทำ ไม่ได้มาจากพระบิดาแต่มาจากโลก"
4. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรายึดมั่นที่จะประพฤติตนในความชอบธรรม แทนที่จะทำบาป "หากท่านรู้ว่าพระองค์ทรงชอบธรรม ท่านย่อมรู้ว่าทุกคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องได้บังเกิดจากพระองค์" ในด้านตรงกันข้าม "ผู้ที่ทำบาปก็มาจากมาร"
5. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารักพี่น้องของเรา "เรารู้ว่าเราผ่านพ้นความตายเข้าสู่ชีวิตเพราะเรารักพี่น้องของเรา ผู้ใดไม่รักผู้นั้นยังคงอยู่ในความตาย...ดังนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ฝ่ายความจริงและทำให้เราใจสงบต่อหน้าพระเจ้า"
6. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรารู้สึกตัวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตภายในเรา "เช่นนี้เราจึงรู้สึกว่าพระองค์ (พระเยซูคริสต์) ทรงอยู่ในเรา คือเรารู้โดยพระวิญญาณที่ได้ประทานแก่เรา" อีกครั้งหนึ่ง "เรารู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ และพระองค์ทรงอยู่ในเรา เพราะพระองค์ได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่เรา"
7. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรามุ่งมั่นติดตามแบบอย่างของพระเยซูและดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์ "ผู้ใดอ้างว่าอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นต้องดำเนินชีวิตอย่างที่พระเยซูได้ทรงดำเนิน"
8. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเราเชื่อ ยอมรับ และยังคงอยู่ใน "พระวาทะแห่งชีวิต" นั่นคือพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ และยึดมั่นในคำสอนดั้งเดิมของพระคริสต์และของอัครทูตในสมัยพันธสัญญาใหม่ "จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่แรกดำรงอยู่ในท่าน หากสิ่งนี้ดำรงอยู่ในท่าน ท่านก็จะดำรงอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย"
9. เรามีความมั่นใจว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ หากเรามีความปรารถนาที่กระตือรือร้นและความหวังอย่างไม่เปลี่ยนแปลงในการเสด็จกลับมาของพระคริสต์เพื่อรับเราไปอยู่กับพระองค์ของพระคริสต์ "เพื่อนที่รัก บัดนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า ภายหน้าจะเป็นอย่างไรเราไม่อาจรู้ได้ แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏเราจะเหมือนพระองค์ เพราะเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์เช่นนี้ย่อมชำระตนเองให้บริสุทธิ์เหมือนที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์"