ประสบการณ์ ผี ผี

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ  
พอดีผมมีเวลาว่างๆ ก็เลยอยากจะเล่าประสบการณ์ ที่เคยเจอเรื่องลี้ลับ มาตั้งแต่เด็กๆหลายๆเรื่อง
เรื่องนี้ขอบอกก่อนนะครับ ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และเกิดจากประสบการณ์ที่เกิดกับตัวเองโดยตรง
และโปรดใช้วิจารณญาณ ในการติดสินได้เลยนะครับ

ผมขอเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ ที่ผมคาดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้พบเจอกับสิ่งลี้ลับ ก่อนนะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากปาก แม่ผมเองนะครับ เป็นคุณป้าของผมที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ ผมจึงเรียกว่าแม่นะครับ
ขอตั้งชื่อเรื่องว่า  

"ปอบ"

เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมอายุประมาณ 3 ขวบ ตอนนั้นผมกำลังเริ่มพูด เป็นประโยคได้บ้าง กำลังช่างเป็นเด็กขี้สงสัย
ผมอาศัยอยู่ที่ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร  แต่ว่าแม่ของผม เค้ามีอาชีพทำนา ซึ่งเค้าต้องกลับไปทำนาที่บ้านเกิดของเค้าซึ่งต้องกลับไปปีละครั้งในฤดูกาลทำนา ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ชื่อว่าบ้านโนนงิ้ว อยู่ในอำเภอวานรนิวาส และเมื่อก่อนถือว่ากันดารมาก ห่างจากอำเภอที่ผมอยู่ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยสมัยนั้นชาวบ้านแถวนั้นเค้าจะมีความเชื่อเรื่องทูตผีปีศาจกันอยู่แล้ว รวมทั้งปัจจุบันด้วย ด้วยความที่ห่างไกลความเจริญ สมัยนั้นการจะเดินทางต้องใช้รถโดยสารประจำทางเป็นรถสองแถวหกล้อ และมีวันละหนึ่งเที่ยวเท่านั้นและใช้เวลาเดินทางประมาณ สองถึงสามชั่วโมง ในระยะทางแค่นั้น
ในปีนั้น เมื่อถึงฤดูกาลทำนาแม่ผมก็ต้องไปทำงานเป็นประจำทุกปี และปีนี้ท่านก็ได้นำผมไปด้วย ซึ่งการทำนานั้นทางแถบชนบทนั้นจะใช้เวลาการดำนาเป็นเวลานานๆ เลยจำเป็นต้องสร้างกระท่อมเล็กๆไว้ที่นา เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในช่วงการทำนา ซึ่งคนอีสานเค้าจะเรียกว่าเถียงนา และคนแถวนั้นก็จะมีเถียงนาใกล้ๆกันหากพื้นที่นาใกล้กัน วันแรกของการทำนาในปีนั้น แม่ก็พาผมไปทำนา ตอนเช้าๆแม่ก็จะทิ้งผมไว้กะเด็กๆ ที่เป็นรุ่นพี่ ก็เล่นกันอยู่ใต้เถียงนาที่ว่านี้ จนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน ก็จะมีการทำกับข้าวกินกัน เป็นส้มตำ กับแกงปลาค่อ (ปลาช่อน)ซึ่งหาได้จากในนานั่นเอง พอถึงช่วงเวลาบ่าย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้พบกับเรื่องราวแปลกๆ ในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ เวลาบ่ายแก่ๆ ประมาณบ่ายสี่โมง โดยประมาณ แต่วันนั้น ฟ้าครื้มเมฆครึ้มฝนเป็นเอามาก ลมก็แรงเป็นพิเศษ ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า ได้พบกับผู้ชายมีอายุคนนึง พร้อมด้วยฝูงหมาดำ ประมาณ ห้าถึงหกตัว เดินผ่านหมู่บ้านไปทางทุ่งนาที่แม่ผททำนาอยู่ ซึ่งก่อนหน้านั้นซักพักนึง ผมได้นั่งกลิ้งผลแตงโมเล่นอยู่ใต้เถียงนา เพียงคนเดียว แต่ด้วยความที่ลมแรง และแม่เป็นห่วงว่าฝนจะตกและกลัวผมวิ่งไปข้างนอก ท่านจึงเอาผมเข้าเปลนอน เปลสมัยก่อนจะใช้ผ้าขาวม้า ผูกหัว และปลาย เข้าไว้กับเสาบ้าน ถึงของผมก็คือเสาเถียงนา พอผมหลับ จึงได้ไปดำนาต่อ ท่านเล่าว่าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก สามารถมองเห็นได้ แต่ถ้าจะเดินหรือวิ่งมาก็ใช้เวลาเกือบๆนาที ในขณะที่ท่านดำนาอยู่นั่นเอง ผู้ชายแก่ๆพร้อมฝูงหมาดำ ได้เดินทางมาถึงเถียงนาที่ผมหลับอยู่ ชาวบ้านที่เห็นเล่าว่า เห็นผู้ชายคนนั้นมาหยุดที่เปลผม แล้วก็ยืนจ้องมองสักพัก และหมาก็หอน เสียงดังมากๆ แต่ด้วยความกลัวทำให้ได้ชาวบ้านคนนั้นได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ แต่เชื่อหรือไม่ครับ หมาหอนเสียงดังขนาดนั้น แม่ผมเล่าให้ฟังว่าไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ยังเห็นผมนอนอยู่บนเปลปกติ หรืออาจจะเป็นเพราะลมแรงทำให้พัดเสียงไปทิศทางอื่น ชาวบ้านคนนนั้นเล่าต่อว่า ในขณะที่ผู้ชายแก่ยืนจ้องผมอยู่นั้นได้มองมาทางที่ เค้าแอบดูอยู่ทำให้เขากลัวและรีบหลบหน้า เพียงแค่ไม่กี่วินาที พอเค้าหันหลังกลับมา ผู้ชายแก่ๆ พร้อมฝูงหมาดำหายไปแล้วครับ แล้วทันใดนั้นเองผมก็ร้องไห้เสียงดัง แม่ผมรีบวิ่งมาดูพร้อมชาวบ้านคนนั้น ผมร้องไห้จ้าหล่ะหวั่น ไม่ยอมหยุด เป็นเวลาหลายชั่วโมงครับ และได้มีหมอตำแยประจำหมู่บ้านมาตรวจดูและบอกว่าผมเป็นไข้ตัวร้อนสูงจึงให้ยาลดไข้กิน ผมจึงหลับไปนานพอสมควร แต่พอครั้นรุ่งเช้า ผมตื่นขึ้นมาพร้อมร้องไห้จ้าละหวั่นเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะหยุด หมอตำยาจึงมารักษาและเอายาลดไข้ให้กินอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่หลับ รวมทั้งยังร้องไห้หนักกว่าเดิมไม่ยอมหยุด ตั้งแต่ ช่วง ตีสี่ไปจนถึงช่วงเย็น ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นต่างลงความเห็นกันแน่นอนแล้วว่า ไม่ใช่แค่เป็นไข้ธรรมดาแน่ๆ และแน่นอนครับ แม่ผมได้พาผมไปที่วัดแถวนั้นทันที พอไปถึงเด็กอายุสามขวบครับ ดิ้นทุรนทุรายพร้อมร้อง กูไม่อยากไปวัด กูไม่อยากไปวัด ไม่ต้องพากูไป แม่เล่าให้ฟังว่าผู้ใหญ่สองคน ที่จับตัวและอุ้มผมไว้นั้น เอาผมแทบจะไม่อยู่ไม่รู้ว่าแรงมาจากไหน แต่พอไปถึงวัดผมนั่งเงียบ  ทั้งที่เป็นเด็กที่ดื้อ แต่นั่งก้มหน้าก้มตา ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเงียบๆ จนกระทั่งพระที่วัด เดินมา จึงจ้องมองไปที่หน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ถามว่า
"เป็นไผ๋"
กูเป็นไผ๋กะซ่างกู อย่ามายุ่ง
"มาเฮ็ดหยัง"
ผมหัวเราะพร้อมทั้งบอกว่า "กูอยู่บ้านนี้มาโดนแล้ว อย่ามายุ่งกับกู"
"สิเอาแม่นบ่" พอหลวงพ่อพูดเสร็จ ได้แจ้งให้คนไปตาม หมอธรรม หรือหมอผี ที่มีชื่อเสียงอีกหมู่บ้านนึงมา
ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาประมาณเกือบๆ สามสิบนาที
ในช่วงเวลานั้น ผมทั้งร้องไห้แบบเด็ก สลับกับการด่า และโต้เถียงกับพระและชาวบ้าน ซึ่งช่วยกันจับผมไว้
จนมีบทสนทนาหนึ่ง  ซึ่งก้เป็นบทสนทนาเดิม  
"เป็นไผ๋"
ผมตอบด้วยเสียงสั่นๆคล้ายผู้ใหญ่ "กูซื่อแดง กูอยู่บ้านแฮ่ (เป็นหมู่บ้านใกล้ๆกันกับบ้านที่แม่ผมไปทำนา)
ต้องการหยัง "กูหิว กูสิกินบักนี่หล่ะ"  "อย่ามายุ่งกะกู" "อย่ามายุ่งกะกู"
ระหว่างนั้นเองหมอธรรมมาถึง ก็เริ่ม บริกรรมคาถา ก็ก็เสกน้ำมนต์ ให้ผมดื่มพร้อมอาบให้กับผม
เชื่อมั้ยครับ ภายในระยะเวลาไม่ถึง สิบนาที แค่นั้นเอง ที่ผมร้องไห้มาทั้งวัน เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
กลับมาเป็นเด็กเหมือนเดิม ดื้อและหลับไปทันที ด้วยความเหนื่อยจากการร้องไห้มาทั้งวัน
ชาวบ้านแถวนั้นรวมทั้หมอธรรมเลยสรุปว่า "ปอบ" เข้าสิงที่ตัวผม

ขอย้ำอีกทีนะครับว่านี่เป็นความเชื่อ นะครับ โปรดใช้วิจารณาญาณนะครับ

ต่อไปจะเป็นเรื่องที่สอง  "คุณยาย"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่