เรื่องที่จะมาเล่านี้ ไม่มีเทคนิคเคล็ดลับของการทำธุรกิจอะไรนะครับ ประเด็นคือ อยากเล่าเรื่องการอดทน และการสร้างกำลังใจนะครับ ที่อยากแบ่งปัน ถึงตอนนี้ ก็กำลังสู้กับปัญหาอยู่ แต่หลายๆ อย่างมันดีขึ้นบ้างแล้ว
อยากจะฝากว่า ให้อดทนสู้กับปัญหาต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอ tag เรื่องการเงิน กับธนาคารด้วยนะครับ เพราะไม่รู้จะ tag อะไรดี
ผมอยู่ต่างประเทศครับ เรื่องมีอยู่ว่า ตอนเดือนตุลาคม ปี 2014 ผมเพิ่ง ลาออกจากงานที่ทำอยู่ และออกมาเริ่มเปิดธุรกิจของตัวเอง เอาเงินไปลงทุนกับเพื่อนก็คนละเป็นหมื่นเหรียญอยู่
แล้วประเด็นคือ รถของผมยังผ่อนอยู่ แต่ไม่ได้ผ่อนในชื่อผม แต่ผ่อนในชื่อของเจ้านายของที่ทำงานที่ผมลาออกมา เพราะตอนซื้อรถเค้าเซ็นค้ำประกันให้ ตอนซื้อเค้าเสนอเซ็นให้นะ แล้วผมก็เอาเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ที่รู้จักทั้งผมและเค้า คนอื่นก็บอกว่า ก็รับไว้สิ เราสองคนก็สนิทกันอยู่แล้ว ร่วมงานกันมานานหลายปี
1 เดือนต่อมาคือ เดือนพฤศจิกายน หลังจากลาออกมา เจ้านายของที่ทำงานเก่า เค้าบอกว่าเค้าอยากซื้อรถใหม่ แต่กู้ไม่ผ่าน เพราะติดผ่อนรถผมอยู่ คือจริงๆ มันผ่อนจากบัญชีผมนะ แต่ใช้ชื่อเค้า เค้าเลยอยากให้ผมโอนไปผ่อนเป็นชื่อของตัวเอง ซึ่งตอนนั้น ผมเองก็ยังเครดิทไม่ดีเลย ซื้อรถอีกคันมาทำธุรกิจยังต้องซื้อสด เพราะกู้ไม่ผ่าน เงินสดก็เอาไปซื้อรถใหม่ กับซื้อเครื่องจักรเข้าบริษัทหมดแล้ว
เจ้านายเค้าก็ถามว่า ให้คนอื่นมาเซ็นค้ำประกันต่อจากเค้าได้มั้ย ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า ใครจะมาไว้ใจผมเท่าพี่ ในเมืองนี้ ไม่มีอีกแล้ว แล้วผมก็ไม่อยากหาใครมาเซ็นค้ำประกันให้แล้วด้วย เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องกันแบบนี้
ตอนนั้น ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ว่าทำไมพอผมลาออกมาเปิดธุรกิจเป็นตัวเองปุ๊ป ต้องมาตัดเส้นสายกันแบบนี้ ผมอาจจะใช้คำอธิบายไม่ชัดเจนนะ หมายถึงว่า (ผมคิดเอาเองนะ) เหมือนเห็นผมมีเงินออกมาเปิดธุรกิจตัวเองแล้ว ก็เลยตัดท่อน้ำเลี้ยงเลย (ไม่ใช่ดังแล้วแยกวงนะครับ เพราะธุรกิจผมกับเค้า คนละโลก คนละสายงาน ไม่แย่งลูกค้ากันแน่นอน เหมือนคนนึงซ่อมเครื่องบิน อีกคนปลูกสวนมะนาว อะไรเงี้ย)
หนี้รถยนต์ที่เหลืออยู่ตอนนั้น คือ ประมาณ 10,000 ดอลล่า ธุรกิจผมเองก็ยังต้องการเงินหมุนเวียนอยู่ในแต่ละเดือน แล้วตอนนั้น ที่เจ้านายบอกผมคือ เดือนพฤศจิกายน เค้าก็บอกว่า ให้ถึงสักเดือน มกราคม หรือ กุมภาพันธ์ก็ได้ ผมก็แบบว่า 2 - 3 เดือน จะไปหาเงินก้อนหมื่นเหรียญมาได้ยังไง เพราะรายจ่ายทุกวันนี้ เยอะมาก ธุรกิจก็เพิ่งเริ่ม ยังไม่ค่อยมีรายได้เข้าเลย
เคราะห์ซ้ำเข้าไป ด้วยพายุหิมะครับ หนักที่สุดในรอบ 20 ปี ธุรกิจผมเงียบหนักกว่าเก่าอีก
ใจผมตอนนั้น อยากหนีกลับไทยมาก หนีหนี้รถ หนีเจ้านายคนนี้ หนีหนี้ธุรกิจด้วย ช่างมัน แฟนก็มาบอกเลิกด้วย เพราะบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต ผมก็โอเค ไม่เป็นไร
เพิ่งผ่านอุปสรรคเล็กๆ ของชีวิตมาได้ เลยเอามาเล่าเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลำบาก
อยากจะฝากว่า ให้อดทนสู้กับปัญหาต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอ tag เรื่องการเงิน กับธนาคารด้วยนะครับ เพราะไม่รู้จะ tag อะไรดี
ผมอยู่ต่างประเทศครับ เรื่องมีอยู่ว่า ตอนเดือนตุลาคม ปี 2014 ผมเพิ่ง ลาออกจากงานที่ทำอยู่ และออกมาเริ่มเปิดธุรกิจของตัวเอง เอาเงินไปลงทุนกับเพื่อนก็คนละเป็นหมื่นเหรียญอยู่
แล้วประเด็นคือ รถของผมยังผ่อนอยู่ แต่ไม่ได้ผ่อนในชื่อผม แต่ผ่อนในชื่อของเจ้านายของที่ทำงานที่ผมลาออกมา เพราะตอนซื้อรถเค้าเซ็นค้ำประกันให้ ตอนซื้อเค้าเสนอเซ็นให้นะ แล้วผมก็เอาเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ที่รู้จักทั้งผมและเค้า คนอื่นก็บอกว่า ก็รับไว้สิ เราสองคนก็สนิทกันอยู่แล้ว ร่วมงานกันมานานหลายปี
1 เดือนต่อมาคือ เดือนพฤศจิกายน หลังจากลาออกมา เจ้านายของที่ทำงานเก่า เค้าบอกว่าเค้าอยากซื้อรถใหม่ แต่กู้ไม่ผ่าน เพราะติดผ่อนรถผมอยู่ คือจริงๆ มันผ่อนจากบัญชีผมนะ แต่ใช้ชื่อเค้า เค้าเลยอยากให้ผมโอนไปผ่อนเป็นชื่อของตัวเอง ซึ่งตอนนั้น ผมเองก็ยังเครดิทไม่ดีเลย ซื้อรถอีกคันมาทำธุรกิจยังต้องซื้อสด เพราะกู้ไม่ผ่าน เงินสดก็เอาไปซื้อรถใหม่ กับซื้อเครื่องจักรเข้าบริษัทหมดแล้ว
เจ้านายเค้าก็ถามว่า ให้คนอื่นมาเซ็นค้ำประกันต่อจากเค้าได้มั้ย ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า ใครจะมาไว้ใจผมเท่าพี่ ในเมืองนี้ ไม่มีอีกแล้ว แล้วผมก็ไม่อยากหาใครมาเซ็นค้ำประกันให้แล้วด้วย เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องกันแบบนี้
ตอนนั้น ผมรู้สึกไม่ดีเอามากๆ ว่าทำไมพอผมลาออกมาเปิดธุรกิจเป็นตัวเองปุ๊ป ต้องมาตัดเส้นสายกันแบบนี้ ผมอาจจะใช้คำอธิบายไม่ชัดเจนนะ หมายถึงว่า (ผมคิดเอาเองนะ) เหมือนเห็นผมมีเงินออกมาเปิดธุรกิจตัวเองแล้ว ก็เลยตัดท่อน้ำเลี้ยงเลย (ไม่ใช่ดังแล้วแยกวงนะครับ เพราะธุรกิจผมกับเค้า คนละโลก คนละสายงาน ไม่แย่งลูกค้ากันแน่นอน เหมือนคนนึงซ่อมเครื่องบิน อีกคนปลูกสวนมะนาว อะไรเงี้ย)
หนี้รถยนต์ที่เหลืออยู่ตอนนั้น คือ ประมาณ 10,000 ดอลล่า ธุรกิจผมเองก็ยังต้องการเงินหมุนเวียนอยู่ในแต่ละเดือน แล้วตอนนั้น ที่เจ้านายบอกผมคือ เดือนพฤศจิกายน เค้าก็บอกว่า ให้ถึงสักเดือน มกราคม หรือ กุมภาพันธ์ก็ได้ ผมก็แบบว่า 2 - 3 เดือน จะไปหาเงินก้อนหมื่นเหรียญมาได้ยังไง เพราะรายจ่ายทุกวันนี้ เยอะมาก ธุรกิจก็เพิ่งเริ่ม ยังไม่ค่อยมีรายได้เข้าเลย
เคราะห์ซ้ำเข้าไป ด้วยพายุหิมะครับ หนักที่สุดในรอบ 20 ปี ธุรกิจผมเงียบหนักกว่าเก่าอีก
ใจผมตอนนั้น อยากหนีกลับไทยมาก หนีหนี้รถ หนีเจ้านายคนนี้ หนีหนี้ธุรกิจด้วย ช่างมัน แฟนก็มาบอกเลิกด้วย เพราะบอกว่ามองไม่เห็นอนาคต ผมก็โอเค ไม่เป็นไร