สวัสดีค่า เพื่อนๆชาวพันทิป
วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนของเรา เผื่อได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำหรับใครที่อยากมา USA บ้าง
*เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน ขอใช้ภาษาหนาบนิ๊ดดดดดนึง เพราะงั้นขอไม่บอกข้อมูลส่วนตัวนะคะ กลัวคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายครูป้าน้าอามาเห็นเข้า จบเลย55555 (บ้านเราเคร่งเรื่องคำหยาบมากค่า TT ปกติเราพูดแค่กับเพื่อนสนิทเท่านั้น)
เริ่มเลยตอนม.4 เพื่อนชวนไปสอบทุนนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนนั้นเฉยๆ นะ เพื่อนไปเราก็ไป ที่แรกที่สอบคือ *** (ใบ้ว่าโครงการดัง มี3ตัวอักษร ฮ่าาา) ผ่านข้อเขียน ตกสัมภาษณ์ ช็อคไปนิดนึง เราว่าเราพลาดเรื่องการพูด/ฟัง (โดยปกติไม่ดูหนังฝรั่ง ไม่ฟังเพลงฝรั่งเลย พูดได้แต่ประโยคจำเป็นๆ เท่าที่เรียนในห้อง)
มันเหมือนเป็นการท้าทาย ไปนั่งอ่านไดอารี่ของนร.แลกเปลี่ยนที่เขาเขียนลงบล็อค สร้างกำลังใจให้ตัวเอง แล้วตะลุยสอบอีก 3-4 ที่.. ไม่ติดสักที่ ตกสัมภาษณ์ตัลหลอดดด (ส่วนเพื่อนที่ชวนไปสอบ ติดลัตเวีย เตรียมบินปีหน้า)
ม.5 ปีสุดท้ายของการสอบ (ตามกฎคือ ม.3-ม.5 มีสิทธิ์สอบ) ว่าจะไม่ไปสอบ คือท้อ เสียค่าสอบไปเป็นพัน แต่เพื่อนบอก ลองสอบดู ตอนสัมภาษณ์ คือไม่เกร็ง คิดว่าคงไม่ผ่านอีกเคย เลยตอบแบบชิวๆ ไป
สรุป.. ติดตัวสำรองอันดับ 2! คือรู้ปุ๊ป โคตรรรรดีใจ! เกือบไม่มาสอบแล้วไงล่ะกุ5555 เราก็ต้องรอให้ตัวจริง+สำรองอันดับ1 สละสิทธิ์ เราถึงจะได้เลือก.. ก็รอนานพอควร ประมาณ 3 เดือน โครงการก็โทรมาให้เลือกประเทศ มี 4 ประเทศ ที่จำได้คือ USA กับ นอร์เวย์ เราเลือกช้อยแรกอย่างรวดเร็ว5555 (คือพ่อกับแม่อยากให้ฝึกอังกฤษ ถ้าเลือกประเทศอื่นคงกล่อมยาก) แต่แอบเสียดายนอร์เวย์นิดนึง
ได้เวลากล่อมพ่อกล่อมแม่ -__- คือท่านค่อนข้างกังวลที่จะให้ลูกสาวไปท่องโลกกว้างงงง นาน1ปี เรานี้ชักแม่น้ำมาเป็นสิบสาย สุดท้ายเห็นแก่การพยายามของการสอบของเรา เลยอนุญาต (ฮิปปี้ค่าา)
หลังจากนั้นเป็นช่วงปั่นเอกสาร คือเอกสารหาโฮส ทำเสร็จก็มีมาอีก เอกสารโรงเรียน บลาๆ เราโชคดีแก้แค่ครั้งเดียว เห็นเพื่อนบางคนแก้เป็นสิบ เอกสารเราทำเองหมดเลย (รู้สึกเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่..) ตามเอกสาร transcrip ของรร. มีสอบวัดระดับข้อสอบมาจากเมกา บอกเลย ตอนนั้นเหนื่อยมากกก แต่ช่วงเวลาดีๆ ก็มีนะ แบบได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นนร.แลกเปลี่ยนเหมือนกัน สังคมกว้างขึ้น ตอนไปค่ายคือแฮปปี้มากกก พี่ๆ น่ารัก ค่ายสนุกโคตร เป็นสามวันที่คุ้มกับการเหนื่อยยาก

หลังจากนั้น พี่ๆก็นัดไปเที่ยวบ่อยเลยค่ะ555 เราว่าโครงการเราเป็นโครงการที่อบอุ่นมาก ระบบพี่น้อง เราไม่ได้สนิทกับแค่เพื่อนที่จะไปเมกานะ เพื่อนที่ไปยุโรปก็ซี้ คือครื้นเครงดี5555
อ้อ ช่วงนี้เราไปเรียนภาษาเพิ่มด้วย ก็รู้สึกดีขึ้น นิดนึง คือฟังดีขึ้น แต่พูดยังง่อยอยู่ แง๊วว
แต่ช่วงที่เหนื่อยใจสุดๆ คือ นั่งลุ้นรอโฮส.. เราเครียดมาก เพื่อนๆ ทะยอยได้โฮสไปแล้ว จนบินรอบแรก (สิงหา) เราก็ยังไม่ได้ ช่วงนี้คือไปรร. แบบเครียดๆ (ตอนนี้เรียนม.6 แล้ว) รายชื่อบินรอบ 2 (กันยา) ออก ไม่มีชื่อเรา คือตอนนั้นร้องไห้เลย ต้อแต้ๆ ;_; บินรอบสามแหงๆ สุดท้าย โฮสส่งเมล์มา เยสส! โดนเลื่อนไปบินรอบสองงง คือรู้ว่าโดนเลื่อนก่อนบิน 1 วัน เก็บกระเป๋าแทบไม่ทัน5555555
ในที่สุด ความฝัน การเดินทาง เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ปวดตูด..
หัวเยิ้ม หน้ามัน สภาพซอมบี้สุดๆ นั่งเครื่อง 20 ชม (ไม่รวมที่ต้องรอต่อเครื่องด้วยนะ) ไปลงชิคาโก้ นั่งรถ 6 ชม ไป Minnesota สรุปเดินทางวันกว่าๆ ไปถึงที่หมายคือ ตี 5 แต่ต้องนั่งประชุม รอโฮสมารับ 5 โมง.. โอเค๊
โฮสเราเป็นคุณตากับคุณยายค่ะ คืออายุมากแล้ว เลยอยู่กันแค่สองคน มีหมา1 แมว2 ผิดหวังเบาๆ คือเราอยากได้เพื่อน/ เด็กเล็กๆ จะได้ฝึกภาษาง่ายๆ (เพื่อนที่ได้อยู่กับเด็ก มีแต่บอกว่าชีวิตดีแล้ว รำคาญเด็ก5555555 ส่วนใหญ่เด็กที่นี่ร้องไห้น่ากลัวมากค่ะ คือร้องแหกปาก ชอบกระโดดทับ เล่นกันแรงมาก ;_; //อันนี้ไปค้างบ้านเพื่อนที่มีน้อง สยอง..แต่เด็กน่ารักมว๊ากกกก หัวใจดำหนา️) เราอยู่ inver grove height, MN เป็นปริมณฑล คือติดเมืองหลวง ก็ค่อนข้างเที่ยวง่าย
==========
" เพื่อน และ โรงเรียน "
1st month : กันยายน
ถึงบ้านโฮส ได้หยุดวันนึง วันต่อมาเริ่มไปรร. เลยค่ะ คือรร.เปิดมาได้สองสัปดาห์แล้ว เขากลัวเราตามไม่ทัน เราไปรร. วันแรกเป็นใบ้..
ชห..
ตรูฟังไม่ออกกกก
เหมือนหลุดมาในหนังที่ไม่ได้เปิดซับไทย

รร.เราค่อนข้างเป็นโรงเรียนใหญ่นะ เราเดินเข้าทุกคาบ เราแนะนำก่อนเลย ชื่อบลาๆ เป็นนร.แลกเปลี่ยนจาก Thailand ..ทุกคาบ ทุกคนเงียบ มีแค่คาบเดียวอ่ะ ที่มีคนหนึ่งขานว่า Hi ได้แต่ปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไร แค่วันแรก เขาคงงงๆไม่ทันตั้งตัว (สนใจกุกันหน่อยเดดดด้)
ช่วงเดือนนี้ทั้งเดือน เราไม่มีความสุขที่รร.เลย ไม่มีใครตื่นเต้นเกี่ยวกับนร.แลกเปลี่ยน (ใครที่ได้รร.เล็กๆ โชคดีมากเลยนะ คือเพื่อนจะสนใจมากกก #เพื่อนเล่า) ยิ่งปกติเราเป็นคนเงียบๆ ยิ่งต้องพูดภาษาอังกฤษ ยิ่งโคตรเงียบบ อยู่ไทยเราแทบไม่ต้องหาเพื่อน เพราะรู้จักตั้งแต่ประถม+มีเพื่อนสนิทบ้าบอๆ เราเลยเฮฮาเพราะมัน แต่ที่นี่ ไม่มีใครตบมุขเราสักคน เสียใจอย่างสุดซึ้ง..
ลืมเล่าเกี่ยวกับโรงเรียน
Simley high school รร.รัฐ ค่อนข้างใหญ่ ที่นี่เขามีสิทธิพิเศษให้นร.แลกเปลี่ยน ข้าวฟรี (แต่เติมไม่ได้ T^T) กีฬาฟรี งานพิธีจบม.ปลายฟรี หรืออย่างคลาส Photography คนเต็มแล้ว เขาก็ให้เราเข้า...ใส่ใจมั่กๆ

- มี 3 เทอมค่ะ มีหยุด 3 รอบ (winter break, spring break และหยุดยาว summer)
- ล็อคเกอร์เปิดโคตรยากกก (2สัปดาห์ เริ่มหมุนเป็นแล้ว แต่ 2 เดือนถึงเซียน55)
- เป็นการเรียนชิวๆ
: กินขนมในคาบได้
: เล่นโทรศัพท์ครูไม่ว่า (บางคาบครูก็ขอให้เก็บ)
: ใช้เครื่องคิดเลขตอนสอบคณิตได้
: มีคาบ study hall เป็นคาบว่างไว้ทำการบ้าน (เราใช้นอน5555)
: เลิกเรียน 2.30 มีกิจกรรมเยอะมากให้เข้าหลังเลิกเรียน
: แต่งตัวไงก็ได้
: เลือกวิชาได้เอง เปลี่ยนทุกๆเทอม (แต่ว่าเขามีกฎที่ว่า วิชาพื้นฐานภายในม.ปลาย 4 ปีนี้ ต้องเรียนให้ครบ เช่น คณิตครบสี่คลาส)
: พักกลางวันเขาแบ่งเป็นสามเวลา 11.15, 11.45, 12.10 ผลัดแต่ละห้องไปค่ะ
: High school มี 4 ปี (เขานับม.3ของเราเป็น ปี1 ของ high school ไล่เป็น freshman (เฟรชเมน), sophomore (ซอฟมอร์), junior (จูเนียร์) ,senior (ซีเนียร์)
โอเค ว๊าบมาดราม่าต่อ5555 อย่างที่บอกว่าไม่มีความสุขเลย ยิ่งกลางวันคือนรก เคยคิดว่าจะยกอาหารไปกินในห้องน้ำด้วย แต่มันท่าจะอนาถไป (แอบนึกถึงซีรี่ย์ญี่ปุ่น) วันแรกเราใช้วิธีเนียนๆ ไปกับเพื่อนในคลาสก่อนกลางวัน เพื่อนกลุ่มนี้ดีค่ะ แต่เราดันเผือกไปเปลี่ยนคลาสวันที่สอง คือไม่ไหวกับ AP cal การย้ายคลาสมีผลกับตารางเวลาข้าวเที่ยงเราด้วย .__. เราก็ใช้วิธีเดิมเนียนๆ กับคนนั่งข้างๆ เรา ไปกินกับเขาสองวันปวดตับมาก.. เขาไม่ชวนเราคุย เขาคุยแต่เรื่องอย่างว่า บลาๆ แบบสาวแซ่บๆอ่ะค่ะ (สาบานว่าม.4) โอเค ย้ายกรุ๊ปโลดดดด (หลังจากย้ายไม่กี่วัน กลุ่มสาวแซ่บทะเลาะตบตีกับโต๊ะข้างๆ ตอนกินข้าว.. โชคดีของตรู ; w ; )
คราวนี้เราขอไปกินกับเพื่อนโต๊ะข้างหน้าเรา นางก็โอเค เราก็ไปกินกับนาง ได้รู้จักเพื่อนเพิ่ม อีกสองคน หญิง 1 กับชาย 1 บนโต๊ะมีอยู่แต่สามคน กับโต๊ะกลมใหญ่หญ่ายยยย (เพื่อนชายเขามีกลุ่มเขาอยู่ เลยแยกโต๊ะ แต่เขาชอบเดินมาแกล้งเพื่อนเรา) โหวงมากบอกเลย เราเลยพึ่งมารู้ว่า นางไม่ค่อยมีคนคบเพราะนิสัยแปลกๆ แปลกยังไง? คือบางทีนางนั่งเหม่อ แบบเหม่อจนต้องเรียนครูมาทำบำบัดไรสักอย่าง (เพื่อนบอกว่าคล้ายสมาธิสั้น อะไรประมาณนั้น) แล้วมีวันนึง จู่ๆ ก็หายไป ไม่มากินข้าวกลางวัน เพื่อนหญิงอีกคนที่นั่งด้วยก็ไปนั่งอีกโต๊ะนึงกับเพื่อน เราเลยตัดสินใจนั่งคนเดียว น้ำตาจะไหลเลยค่ะ ถามว่าทำไมเราไม่ไปขอนั่งกับคนอื่น รอไรวะ? ณ ตอนนั้นเรายังไม่กล้าค่ะ ฟังเขาไม่รู้เรื่อง พูดยังไม่รู้เรื่อง ทำลายบทสนาทนามาหลายรอบมาก
และแล้ว เพื่อนชายคนเดียวที่เรารู้จักก็มาทักเรา
Randall : hey! Why do you sit alone? Where r they? (ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ พวกนั้นไปไหน)
Me : I dont know. (ไม่รู้ (โว๊ยยย))
Randall : tomorrow, join with us. Ok? (งั้นพรุ่งนี้มากินกับเรา โอเค๊?)
คือตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกมีความสุข เรารู้สึกถึงคำว่ามิตรภาพพพ! แค่ประโยคสั้นๆ ไม่มีไรเลยแท้ๆ ตั้งแต่วันนั้นเราก็ย้ายไปนั่งกับแรนดอล แรกๆ ลังเลไปดีมั้ย คือผู้ชายทั้งโต๊ะ ถ้าที่ไทยคงโดนด่าว่าแรดไปแล้ว แต่ลืมไป..ที่นี่เมกา -__- ย้ายไปเลยรู้ว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่จ้าา แต่นางคล้ายทอม55555 ก็เฮฮาดี เขาชอบเอาเกมมาให้เล่น ท้ากินซอสพริก(..ที่ไร้ความเผ็ด) แต่เขาเผ็ดจนหน้าแดง ขำมาก5555
ช่วงนี้เราค่อนข้างมีความสุขแต่ก็ยังเหงามากๆ อยากมีเพื่อนผู้หญิงซี้สักคน (เพื่อนกินข้าวกลางวันคือก็ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้น เราสนิทคนเดียวคือแรนดอล) ตอนเช้าเรานั่งบัสรร. มาถึง 7.20 แต่รร.เข้า 7.40 เรารู้สึกอะโลน เดินไปเดินมา นั่งคนเดียวบ้าง แต่พอได้ซี้กับแรนดอล เราก็ค่อนข้างไปไหนมาไหนกับเขา จนเพื่อนหาว่าเป็นแฟนกัน เราเลยถอยออกมานิดนึง แต่เขาดีมากๆนะ แบบเขาเฮฮา สอนการออกเสียงให้เราด้วย เราก็สอนภาษาไทยกลับ5555
อ้อ เราได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกคน มาเรีย นางชอบคุยกับนร.แลกเปลี่ยน เลยค่อยข้างซี้ๆกัน แต่แปลกปะ! เพื่อนดีๆ สนิทๆ ไม่มีคลาสเดียวกันสักคลาส! เพราะงั้นตอนเรียนในห้องคือนั่งคนเดียวตลอด TvT กุจะงอนคนเมกันแล้วนะ
2nd month : ตุลาคม
และแล้วก็ถึงงาน Homecoming week! สัปดาห์ทั้งสัปดาห์ เขามีธีมแต่งตัวประหลาดๆ กัน กุตลก
Monday : Color Day ( แต่ละชั้นใส่สีเหมือนกัน อย่างเรา senior ใส่สีดำ.. มีคนไม่เชื่อว่าเราเป็นซีเนียร์ด้วย หน้าร้องไห้ดีใจ เขาบอกซอฟมอร์ใส่สีแดงนะ! เปล่า..เราซีเนียร์!55555 เงิบไปเลย)
Tuesday : Jersey (คือเสื้อทีมกีฬาค่ะ คนเมกันเขาบ้ากีฬามากๆ)
Wednesday : Prep Out (แต่งเป็นคุณหญิง คุณชายย้อนยุค ฮาเพื่อนในคลาส choir เขาทำแต่เสียง Err เราก็งงเจ็บคอกันเหรอ เพื่อนก็อธิบายว่า นั่นคือเสียงผู้ดีโดนขัดใจ555555555)
Thursday : Decade day (ย้อนยุคไปโรมัน แต่เราไม่มีผ้า เลยเอาใส่ชุดไทยไป เขินมากกก คนมองตั้งแต่เขารร.ยันกลับบ้าน ;///; แต่คุ้มค่า มีคนทักว่าชอบชุดตั้งหลายคน)
Friday : Spartan spirit (ใส่เสื้อรร.)
Saturday : Homecoming dance!
แต่งตัวสวยๆ ไปแด๊นซ์..ที่โรงอาหาร 5555 แต่จัดงานดูดีสวยมาก ค่าบัตร $10 (320฿) อยู่มาเดือนนึงเริ่มรู้จักคนเยอะ ก็เข้าไปเต้นเนียนๆ 555
3rd month : พฤศจิกายน
ขอทำการปฎิวัติตัวเอง! เราทึมทื่อมา 2 เดือนแล้ว เริ่มชินกับการที่ไร้ตัวตนที่รร. ทุกวันนี้คือมีเพื่อน (ความหมายเพื่อน ณ ตรงนี้คือเรารู้ชื่อเขา เขารู้ชื่อเรา we are friend นะยู) แต่เรายังไม่มีความสุข เราลองปรับมุมมองตัวเองหลายอย่างเลย ทั้งลองแต่งตัวให้ดีขึ้น (ปกติเสื้อยืด+ยีนส์+ปล่อยผม) ลองแต่งหน้าบางๆ , ตื่นเช้าต้องยิ้ม ฟังเพลงร็อคๆ ให้ตัวเองกระฉับกระเฉง, หัดทัก หัดชวนคนอื่นคุยก่อน ...ซึ่ง
มัน - เวิร์ค - มาก!
เห็นมั้ย ถ้ามองโลกให้สดใส โลกจะสดใสเองงง ; v ; เพื่อนเริ่มทักเรา ชวนเรามากขึ้น ทุกอย่างเป็นสีสัน ชีวิตเริ่มอยู่ตัว มีบางวันบ้างที่ยังรู้สึกเหงาๆ ก็แชทหาเพื่อนที่ไทย บ่นจนมันแทบจะมาเป็นนักเรียนรร. เราได้อยู่แล้ว55555
เพื่อนหลายคนคิดว่าเรามานี่ โพสรูปสวยๆ โพสสเตตัสเฮฮา โอโห้

ดูแฮปปี้ ชีวิตดี เซเลบ.. แต่หารู้ไม่ว่า เราทนทุกข์กับปัญหาหลายอย่าง ซึ่งเราไม่อยากให้พ่อแม่หรือโฮสเรารู้สึกแย่ แต่จริงๆ ก็มีเรื่องดีๆ บ้างนะ แค่ความทุกข์บังอยู่ ณ ตอนนั้น5555
พูดถึงสังคมที่นี่ ก็น่ารักดีนะ คือรุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักทั่วถึง เล่นหัวเล่นตูดกันไม่ว่า แต่ที่แย่คือ เพื่อนมีเป็นพัน แต่สนิทๆ อ่ะหายาก
• นักเรียนแลกเปลี่ยน • USA • a year
วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนของเรา เผื่อได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำหรับใครที่อยากมา USA บ้าง
*เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน ขอใช้ภาษาหนาบนิ๊ดดดดดนึง เพราะงั้นขอไม่บอกข้อมูลส่วนตัวนะคะ กลัวคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายครูป้าน้าอามาเห็นเข้า จบเลย55555 (บ้านเราเคร่งเรื่องคำหยาบมากค่า TT ปกติเราพูดแค่กับเพื่อนสนิทเท่านั้น)
เริ่มเลยตอนม.4 เพื่อนชวนไปสอบทุนนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนนั้นเฉยๆ นะ เพื่อนไปเราก็ไป ที่แรกที่สอบคือ *** (ใบ้ว่าโครงการดัง มี3ตัวอักษร ฮ่าาา) ผ่านข้อเขียน ตกสัมภาษณ์ ช็อคไปนิดนึง เราว่าเราพลาดเรื่องการพูด/ฟัง (โดยปกติไม่ดูหนังฝรั่ง ไม่ฟังเพลงฝรั่งเลย พูดได้แต่ประโยคจำเป็นๆ เท่าที่เรียนในห้อง)
มันเหมือนเป็นการท้าทาย ไปนั่งอ่านไดอารี่ของนร.แลกเปลี่ยนที่เขาเขียนลงบล็อค สร้างกำลังใจให้ตัวเอง แล้วตะลุยสอบอีก 3-4 ที่.. ไม่ติดสักที่ ตกสัมภาษณ์ตัลหลอดดด (ส่วนเพื่อนที่ชวนไปสอบ ติดลัตเวีย เตรียมบินปีหน้า)
ม.5 ปีสุดท้ายของการสอบ (ตามกฎคือ ม.3-ม.5 มีสิทธิ์สอบ) ว่าจะไม่ไปสอบ คือท้อ เสียค่าสอบไปเป็นพัน แต่เพื่อนบอก ลองสอบดู ตอนสัมภาษณ์ คือไม่เกร็ง คิดว่าคงไม่ผ่านอีกเคย เลยตอบแบบชิวๆ ไป
สรุป.. ติดตัวสำรองอันดับ 2! คือรู้ปุ๊ป โคตรรรรดีใจ! เกือบไม่มาสอบแล้วไงล่ะกุ5555 เราก็ต้องรอให้ตัวจริง+สำรองอันดับ1 สละสิทธิ์ เราถึงจะได้เลือก.. ก็รอนานพอควร ประมาณ 3 เดือน โครงการก็โทรมาให้เลือกประเทศ มี 4 ประเทศ ที่จำได้คือ USA กับ นอร์เวย์ เราเลือกช้อยแรกอย่างรวดเร็ว5555 (คือพ่อกับแม่อยากให้ฝึกอังกฤษ ถ้าเลือกประเทศอื่นคงกล่อมยาก) แต่แอบเสียดายนอร์เวย์นิดนึง
ได้เวลากล่อมพ่อกล่อมแม่ -__- คือท่านค่อนข้างกังวลที่จะให้ลูกสาวไปท่องโลกกว้างงงง นาน1ปี เรานี้ชักแม่น้ำมาเป็นสิบสาย สุดท้ายเห็นแก่การพยายามของการสอบของเรา เลยอนุญาต (ฮิปปี้ค่าา)
หลังจากนั้นเป็นช่วงปั่นเอกสาร คือเอกสารหาโฮส ทำเสร็จก็มีมาอีก เอกสารโรงเรียน บลาๆ เราโชคดีแก้แค่ครั้งเดียว เห็นเพื่อนบางคนแก้เป็นสิบ เอกสารเราทำเองหมดเลย (รู้สึกเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่..) ตามเอกสาร transcrip ของรร. มีสอบวัดระดับข้อสอบมาจากเมกา บอกเลย ตอนนั้นเหนื่อยมากกก แต่ช่วงเวลาดีๆ ก็มีนะ แบบได้พบเพื่อนใหม่ที่เป็นนร.แลกเปลี่ยนเหมือนกัน สังคมกว้างขึ้น ตอนไปค่ายคือแฮปปี้มากกก พี่ๆ น่ารัก ค่ายสนุกโคตร เป็นสามวันที่คุ้มกับการเหนื่อยยาก
อ้อ ช่วงนี้เราไปเรียนภาษาเพิ่มด้วย ก็รู้สึกดีขึ้น นิดนึง คือฟังดีขึ้น แต่พูดยังง่อยอยู่ แง๊วว
แต่ช่วงที่เหนื่อยใจสุดๆ คือ นั่งลุ้นรอโฮส.. เราเครียดมาก เพื่อนๆ ทะยอยได้โฮสไปแล้ว จนบินรอบแรก (สิงหา) เราก็ยังไม่ได้ ช่วงนี้คือไปรร. แบบเครียดๆ (ตอนนี้เรียนม.6 แล้ว) รายชื่อบินรอบ 2 (กันยา) ออก ไม่มีชื่อเรา คือตอนนั้นร้องไห้เลย ต้อแต้ๆ ;_; บินรอบสามแหงๆ สุดท้าย โฮสส่งเมล์มา เยสส! โดนเลื่อนไปบินรอบสองงง คือรู้ว่าโดนเลื่อนก่อนบิน 1 วัน เก็บกระเป๋าแทบไม่ทัน5555555
ในที่สุด ความฝัน การเดินทาง เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ปวดตูด..
หัวเยิ้ม หน้ามัน สภาพซอมบี้สุดๆ นั่งเครื่อง 20 ชม (ไม่รวมที่ต้องรอต่อเครื่องด้วยนะ) ไปลงชิคาโก้ นั่งรถ 6 ชม ไป Minnesota สรุปเดินทางวันกว่าๆ ไปถึงที่หมายคือ ตี 5 แต่ต้องนั่งประชุม รอโฮสมารับ 5 โมง.. โอเค๊
โฮสเราเป็นคุณตากับคุณยายค่ะ คืออายุมากแล้ว เลยอยู่กันแค่สองคน มีหมา1 แมว2 ผิดหวังเบาๆ คือเราอยากได้เพื่อน/ เด็กเล็กๆ จะได้ฝึกภาษาง่ายๆ (เพื่อนที่ได้อยู่กับเด็ก มีแต่บอกว่าชีวิตดีแล้ว รำคาญเด็ก5555555 ส่วนใหญ่เด็กที่นี่ร้องไห้น่ากลัวมากค่ะ คือร้องแหกปาก ชอบกระโดดทับ เล่นกันแรงมาก ;_; //อันนี้ไปค้างบ้านเพื่อนที่มีน้อง สยอง..แต่เด็กน่ารักมว๊ากกกก หัวใจดำหนา️) เราอยู่ inver grove height, MN เป็นปริมณฑล คือติดเมืองหลวง ก็ค่อนข้างเที่ยวง่าย
==========
" เพื่อน และ โรงเรียน "
1st month : กันยายน
ถึงบ้านโฮส ได้หยุดวันนึง วันต่อมาเริ่มไปรร. เลยค่ะ คือรร.เปิดมาได้สองสัปดาห์แล้ว เขากลัวเราตามไม่ทัน เราไปรร. วันแรกเป็นใบ้..
ชห..
ตรูฟังไม่ออกกกก
เหมือนหลุดมาในหนังที่ไม่ได้เปิดซับไทย
ช่วงเดือนนี้ทั้งเดือน เราไม่มีความสุขที่รร.เลย ไม่มีใครตื่นเต้นเกี่ยวกับนร.แลกเปลี่ยน (ใครที่ได้รร.เล็กๆ โชคดีมากเลยนะ คือเพื่อนจะสนใจมากกก #เพื่อนเล่า) ยิ่งปกติเราเป็นคนเงียบๆ ยิ่งต้องพูดภาษาอังกฤษ ยิ่งโคตรเงียบบ อยู่ไทยเราแทบไม่ต้องหาเพื่อน เพราะรู้จักตั้งแต่ประถม+มีเพื่อนสนิทบ้าบอๆ เราเลยเฮฮาเพราะมัน แต่ที่นี่ ไม่มีใครตบมุขเราสักคน เสียใจอย่างสุดซึ้ง..
ลืมเล่าเกี่ยวกับโรงเรียน
Simley high school รร.รัฐ ค่อนข้างใหญ่ ที่นี่เขามีสิทธิพิเศษให้นร.แลกเปลี่ยน ข้าวฟรี (แต่เติมไม่ได้ T^T) กีฬาฟรี งานพิธีจบม.ปลายฟรี หรืออย่างคลาส Photography คนเต็มแล้ว เขาก็ให้เราเข้า...ใส่ใจมั่กๆ
- มี 3 เทอมค่ะ มีหยุด 3 รอบ (winter break, spring break และหยุดยาว summer)
- ล็อคเกอร์เปิดโคตรยากกก (2สัปดาห์ เริ่มหมุนเป็นแล้ว แต่ 2 เดือนถึงเซียน55)
- เป็นการเรียนชิวๆ
: กินขนมในคาบได้
: เล่นโทรศัพท์ครูไม่ว่า (บางคาบครูก็ขอให้เก็บ)
: ใช้เครื่องคิดเลขตอนสอบคณิตได้
: มีคาบ study hall เป็นคาบว่างไว้ทำการบ้าน (เราใช้นอน5555)
: เลิกเรียน 2.30 มีกิจกรรมเยอะมากให้เข้าหลังเลิกเรียน
: แต่งตัวไงก็ได้
: เลือกวิชาได้เอง เปลี่ยนทุกๆเทอม (แต่ว่าเขามีกฎที่ว่า วิชาพื้นฐานภายในม.ปลาย 4 ปีนี้ ต้องเรียนให้ครบ เช่น คณิตครบสี่คลาส)
: พักกลางวันเขาแบ่งเป็นสามเวลา 11.15, 11.45, 12.10 ผลัดแต่ละห้องไปค่ะ
: High school มี 4 ปี (เขานับม.3ของเราเป็น ปี1 ของ high school ไล่เป็น freshman (เฟรชเมน), sophomore (ซอฟมอร์), junior (จูเนียร์) ,senior (ซีเนียร์)
โอเค ว๊าบมาดราม่าต่อ5555 อย่างที่บอกว่าไม่มีความสุขเลย ยิ่งกลางวันคือนรก เคยคิดว่าจะยกอาหารไปกินในห้องน้ำด้วย แต่มันท่าจะอนาถไป (แอบนึกถึงซีรี่ย์ญี่ปุ่น) วันแรกเราใช้วิธีเนียนๆ ไปกับเพื่อนในคลาสก่อนกลางวัน เพื่อนกลุ่มนี้ดีค่ะ แต่เราดันเผือกไปเปลี่ยนคลาสวันที่สอง คือไม่ไหวกับ AP cal การย้ายคลาสมีผลกับตารางเวลาข้าวเที่ยงเราด้วย .__. เราก็ใช้วิธีเดิมเนียนๆ กับคนนั่งข้างๆ เรา ไปกินกับเขาสองวันปวดตับมาก.. เขาไม่ชวนเราคุย เขาคุยแต่เรื่องอย่างว่า บลาๆ แบบสาวแซ่บๆอ่ะค่ะ (สาบานว่าม.4) โอเค ย้ายกรุ๊ปโลดดดด (หลังจากย้ายไม่กี่วัน กลุ่มสาวแซ่บทะเลาะตบตีกับโต๊ะข้างๆ ตอนกินข้าว.. โชคดีของตรู ; w ; )
คราวนี้เราขอไปกินกับเพื่อนโต๊ะข้างหน้าเรา นางก็โอเค เราก็ไปกินกับนาง ได้รู้จักเพื่อนเพิ่ม อีกสองคน หญิง 1 กับชาย 1 บนโต๊ะมีอยู่แต่สามคน กับโต๊ะกลมใหญ่หญ่ายยยย (เพื่อนชายเขามีกลุ่มเขาอยู่ เลยแยกโต๊ะ แต่เขาชอบเดินมาแกล้งเพื่อนเรา) โหวงมากบอกเลย เราเลยพึ่งมารู้ว่า นางไม่ค่อยมีคนคบเพราะนิสัยแปลกๆ แปลกยังไง? คือบางทีนางนั่งเหม่อ แบบเหม่อจนต้องเรียนครูมาทำบำบัดไรสักอย่าง (เพื่อนบอกว่าคล้ายสมาธิสั้น อะไรประมาณนั้น) แล้วมีวันนึง จู่ๆ ก็หายไป ไม่มากินข้าวกลางวัน เพื่อนหญิงอีกคนที่นั่งด้วยก็ไปนั่งอีกโต๊ะนึงกับเพื่อน เราเลยตัดสินใจนั่งคนเดียว น้ำตาจะไหลเลยค่ะ ถามว่าทำไมเราไม่ไปขอนั่งกับคนอื่น รอไรวะ? ณ ตอนนั้นเรายังไม่กล้าค่ะ ฟังเขาไม่รู้เรื่อง พูดยังไม่รู้เรื่อง ทำลายบทสนาทนามาหลายรอบมาก
และแล้ว เพื่อนชายคนเดียวที่เรารู้จักก็มาทักเรา
Randall : hey! Why do you sit alone? Where r they? (ทำไมนั่งคนเดียวอ่ะ พวกนั้นไปไหน)
Me : I dont know. (ไม่รู้ (โว๊ยยย))
Randall : tomorrow, join with us. Ok? (งั้นพรุ่งนี้มากินกับเรา โอเค๊?)
คือตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกมีความสุข เรารู้สึกถึงคำว่ามิตรภาพพพ! แค่ประโยคสั้นๆ ไม่มีไรเลยแท้ๆ ตั้งแต่วันนั้นเราก็ย้ายไปนั่งกับแรนดอล แรกๆ ลังเลไปดีมั้ย คือผู้ชายทั้งโต๊ะ ถ้าที่ไทยคงโดนด่าว่าแรดไปแล้ว แต่ลืมไป..ที่นี่เมกา -__- ย้ายไปเลยรู้ว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่จ้าา แต่นางคล้ายทอม55555 ก็เฮฮาดี เขาชอบเอาเกมมาให้เล่น ท้ากินซอสพริก(..ที่ไร้ความเผ็ด) แต่เขาเผ็ดจนหน้าแดง ขำมาก5555
ช่วงนี้เราค่อนข้างมีความสุขแต่ก็ยังเหงามากๆ อยากมีเพื่อนผู้หญิงซี้สักคน (เพื่อนกินข้าวกลางวันคือก็ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้น เราสนิทคนเดียวคือแรนดอล) ตอนเช้าเรานั่งบัสรร. มาถึง 7.20 แต่รร.เข้า 7.40 เรารู้สึกอะโลน เดินไปเดินมา นั่งคนเดียวบ้าง แต่พอได้ซี้กับแรนดอล เราก็ค่อนข้างไปไหนมาไหนกับเขา จนเพื่อนหาว่าเป็นแฟนกัน เราเลยถอยออกมานิดนึง แต่เขาดีมากๆนะ แบบเขาเฮฮา สอนการออกเสียงให้เราด้วย เราก็สอนภาษาไทยกลับ5555
อ้อ เราได้รู้จักเพื่อนเพิ่มอีกคน มาเรีย นางชอบคุยกับนร.แลกเปลี่ยน เลยค่อยข้างซี้ๆกัน แต่แปลกปะ! เพื่อนดีๆ สนิทๆ ไม่มีคลาสเดียวกันสักคลาส! เพราะงั้นตอนเรียนในห้องคือนั่งคนเดียวตลอด TvT กุจะงอนคนเมกันแล้วนะ
2nd month : ตุลาคม
และแล้วก็ถึงงาน Homecoming week! สัปดาห์ทั้งสัปดาห์ เขามีธีมแต่งตัวประหลาดๆ กัน กุตลก
Monday : Color Day ( แต่ละชั้นใส่สีเหมือนกัน อย่างเรา senior ใส่สีดำ.. มีคนไม่เชื่อว่าเราเป็นซีเนียร์ด้วย หน้าร้องไห้ดีใจ เขาบอกซอฟมอร์ใส่สีแดงนะ! เปล่า..เราซีเนียร์!55555 เงิบไปเลย)
Tuesday : Jersey (คือเสื้อทีมกีฬาค่ะ คนเมกันเขาบ้ากีฬามากๆ)
Wednesday : Prep Out (แต่งเป็นคุณหญิง คุณชายย้อนยุค ฮาเพื่อนในคลาส choir เขาทำแต่เสียง Err เราก็งงเจ็บคอกันเหรอ เพื่อนก็อธิบายว่า นั่นคือเสียงผู้ดีโดนขัดใจ555555555)
Thursday : Decade day (ย้อนยุคไปโรมัน แต่เราไม่มีผ้า เลยเอาใส่ชุดไทยไป เขินมากกก คนมองตั้งแต่เขารร.ยันกลับบ้าน ;///; แต่คุ้มค่า มีคนทักว่าชอบชุดตั้งหลายคน)
Friday : Spartan spirit (ใส่เสื้อรร.)
Saturday : Homecoming dance!
แต่งตัวสวยๆ ไปแด๊นซ์..ที่โรงอาหาร 5555 แต่จัดงานดูดีสวยมาก ค่าบัตร $10 (320฿) อยู่มาเดือนนึงเริ่มรู้จักคนเยอะ ก็เข้าไปเต้นเนียนๆ 555
3rd month : พฤศจิกายน
ขอทำการปฎิวัติตัวเอง! เราทึมทื่อมา 2 เดือนแล้ว เริ่มชินกับการที่ไร้ตัวตนที่รร. ทุกวันนี้คือมีเพื่อน (ความหมายเพื่อน ณ ตรงนี้คือเรารู้ชื่อเขา เขารู้ชื่อเรา we are friend นะยู) แต่เรายังไม่มีความสุข เราลองปรับมุมมองตัวเองหลายอย่างเลย ทั้งลองแต่งตัวให้ดีขึ้น (ปกติเสื้อยืด+ยีนส์+ปล่อยผม) ลองแต่งหน้าบางๆ , ตื่นเช้าต้องยิ้ม ฟังเพลงร็อคๆ ให้ตัวเองกระฉับกระเฉง, หัดทัก หัดชวนคนอื่นคุยก่อน ...ซึ่ง
มัน - เวิร์ค - มาก!
เห็นมั้ย ถ้ามองโลกให้สดใส โลกจะสดใสเองงง ; v ; เพื่อนเริ่มทักเรา ชวนเรามากขึ้น ทุกอย่างเป็นสีสัน ชีวิตเริ่มอยู่ตัว มีบางวันบ้างที่ยังรู้สึกเหงาๆ ก็แชทหาเพื่อนที่ไทย บ่นจนมันแทบจะมาเป็นนักเรียนรร. เราได้อยู่แล้ว55555
เพื่อนหลายคนคิดว่าเรามานี่ โพสรูปสวยๆ โพสสเตตัสเฮฮา โอโห้
พูดถึงสังคมที่นี่ ก็น่ารักดีนะ คือรุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักทั่วถึง เล่นหัวเล่นตูดกันไม่ว่า แต่ที่แย่คือ เพื่อนมีเป็นพัน แต่สนิทๆ อ่ะหายาก