[CR] รีวิวทริปไต้หวัน ในมุมมองของคนคอจักรยาน

"บางสิ่งเมื่อเราคิดแล้วก็ต้องลงมือทำ ไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจไม่ได้ทำเช่นนั้นอีกเลยไปตลอดชีวิต”



เนื่องจากมีโอกาสไปไต้หวันเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นเวลา 12 วัน จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง แบบสบายๆ ไม่เน้นวิชาการ ในมุมมองของคนชอบปั่นจักรยาน ฟังกันสนุกๆ และ เป็นกระทู้รีวิวท่องเที่ยว กระทู้แรกของผมเช่นกัน
เดิมไม่เคยคิดอยากไปมาก่อน แต่หลังจากไปแล้ว รู้สึกว่าเป็นประเทศที่น่ารัก น่าอยู่มากที่สุดเท่าที่เคยไปเที่ยวมา ช่วงนี้มีหลายสายการบิน ออกโปรโมชั่นราคาไม่แพง ก็อยากจะชวนเพื่อนๆไปเที่ยวกันครับ



เริ่มจากมาทำความรู้จักกับประเทศไต้หวันกันก่อนแล้วกัน

ไต้หวัน : Republic of China เป็นเกาะขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าว วางตัวแนวตั้ง ระยะทางจากเหนือจรดใต้ ประมาณ 350 กิโลเมตร ความกว้างประมาณ 100 กิโลเมตร มีภูเขาสูงยาวกลางเกาะ ที่ราบทางฝั่งตะวันตกจะกว้างกว่าทางตะวันออก ซึ่งเมืองสำคัญๆ เช่น ไทเป เกาสง ไทจง จะอยู่ทางฝั่งตะวันตกนี้ เพราะได้รับอิทธิพลมรสุมน้อยกว่า แต่ภูมิประเทศทางฝั่งตะวันออก จะมีทัศนียภาพสวยงามสำหรับนักปั่นมากกว่า





ภูมิอากาศที่ไต้หวันเป็นแบบอบอุ่น (คนไทยไปจะบอกหนาว) หน้าหนาวคือปลายปีมีอุณหภูมิ ราวๆ 10 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนช่วงกรกฏาคมก็อาจจะมี 35-40 องศา แต่เจออากาศเมืองไทยก็แพ้หลุยลุ่ย ที่นี่มียอดเขาสูงเกิน 3000เมตรจากระดับน้ำทะเลอยู่หลายยอด ซึ่งจะมีหิมะปกคลุมในหน้าหนาว คนไต้หวันชอบเดินป่า ชมนกชมไม้ รักธรรมชาติ อากาศก็บริสุทธิ์จริงๆ หายใจเต็มปอด





ผมก็คิดแบบไทยไทย ว่าจะไปเดินดูอะไรนักหนาในป่า มาแล้วจึงถึงบางอ้อ เพราะเขามีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเยอะแยะ การบริหารจัดการดีมาก แม้แต่เด็ก คนแก่ ก็ยังมาเดินได้ มีบันได ราวกั้นช่วงที่อาจอันตราย ทางโรยหินกรวด ทำพื้นผิววัสดุ หรือ บั้งไม้กันลื่น เรียกได้ว่า แม้แต่เส้นทางที่ดีที่สุดในไทย ก็ยังไม่ได้ครึ่งของที่ไต้หวัน



คนไต้หวัน : ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 25ล้านคน อย่างที่รู้ๆกันว่า คนไต้หวันก็คือคนจีนที่นายพล เจียงไคเช็ค พาหนีคอมมิวนิสต์ ในสงครามกลางเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มาตั้งถิ่นฐานบนเกาะ หวังจะใช้เป็นฐานที่มั่นเพื่อจะกลับไปทวงคืนแผ่นดินใหญ่กลับมา แต่เวลาผ่านไป จีนคอมมิวนิสต์กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมในการปกครองแผ่นดินจีนโดยยึดหลักจีนเดียว

แต่ด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจของแผ่นดินใหญ่ ทำให้ปัจจุบันมีประเทศที่รับรองสถานะของไต้หวัน เหลือเพียง 25ประเทศ (ส่วนใหญ่เป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีพาวเวอร์อะไร ยกเว้นรัฐวาติกัน) ทางปฏิบัติเสมือนเป็นอีกประเทศหนึ่ง มีรัฐธรรมนูญของตัวเอง มีทุกอย่างที่ประเทศหนึ่งๆพึงจะมี คนไต้หวันมีพาสปอร์ตของตัวเอง แต่ถ้าจะประกาศแยกประเทศเมื่อไร จีนบอกเป็นเรื่องแน่ ยังเป็นปมเล็กๆในใจคนไต้หวันเสมอมา แต่ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อนาคตข้างหน้ายังไงก็คงกลับรวมกันในที่สุด

นอกจากคนจีนที่อพยพตามนายพลเจียงไคเช็คมาแล้ว ยังมีชาวไต้หวันพื้นเมือง เรียกว่าชาว "อะบอริจิน" ฟังดูคุ้นๆใหม ถึงจะเรียกอะบอริจินเหมือนกัน แต่ก็คนละเผ่าที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ที่ไต้หวันจะใกล้ชิดกับพวกเมารี พวกโพลีนีเชียนมากกว่า พวกนี้หน้าตาจะไม่เหมือนคนจีนฮั่นเลย บางคนว่าหน้าตาประมาณชาวเกาะ คือตาโตสองชั้น จมูกโด่ง แต่ปัจจุบันก็มีการแต่งงานข้ามกัน รวมถึงจีนอื่นๆที่อพยพมาจากหลายๆที่ ทำให้คนไต้หวันมีหน้าตาที่หลากหลายกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ โพลหลายสำนักเห็นตรงกันว่า ชายหญิงไต้หวันหน้าตาดีสุดในเอเชีย ว่างั้นเถอะ

ไต้หวันเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะมัน"ไม่สุด"กระมัง ที่นี่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นหลายร้อย หลายพันปี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่อลังการเท่าที่อื่น วัฒนธรรมจะผสมผสาน ประมาณว่าคล้ายกับญี่ปุ่น ในเวอร์ชันจีนเพราะเคยเป็นอาณานิคมญี่ปุ่นอยู่หลายสิบปี แล้วก็มาซี้กับอเมริกาทีหลัง จึงมีความเอาจริงเอาจังมุ่งมั่น มีวินัยแบบญี่ปุ่น แต่สบายๆแบบจีน ทันสมัย เป็นทุนนิยมแบบอเมริกา

คนไทยไปไต้หวัน : ยังต้องขอวีซ่านะครับ ราคา 1,500 บาท สำหรับการเข้าออกครั้งเดียว และ 3,000 บาท สำหรับวีซ่าแบบเข้าออกได้หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยาก หรือ เข้มงวดมากนัก เน้นเอกสารครบ ให้เอเจนซี่ขอให้ก็ได้ เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกหน่อย สถานฑูต หรืออีกชื่อคือ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป อยู่ชั้นที่ 20 อาคาร Empire ถนนสาธรครับ
และถ้าใครมีวีซ่าเชงเก้น วีซ่าอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่ยังไม่หมดอายุ ก็ไปลงทะเบียนในเว็บสถานฑูตไต้หวัน แล้วไปได้เลยไม่ต้องขอวีซ่าอีก



ก้าวแรกในไต้หวัน : แน่นอนว่าคือ สนามบินนานาชาติเถาหยวน (เดิมชื่อสนามบินนานาชาติเจียงไคเช็ค) แอบคิดนะว่ามันเล็กจัง เล็กกว่าดอนเมืองอีก (เป็นเหตุที่ทำให้ ไฟลท์ไต้หวันดีเลย์บ่อยๆ) เดินออกจากเครื่อง ผ่านงวงช้างมานิดเดียวถึง ตม.แล้ว ผ่านด่าน ตม. ใครโหลดกระเป๋าก็รอรับจากสายพาน ผมคนเบี้ยหอยน้อย มีแค่เป้สะพายหลังใบเดียวเที่ยวทั่วโลก จึงเดินตัวปลิวผ่านศุลกากร ออกมาลงชั้นล่าง ซื้อตั๋วรถบัสเข้าไทเป นั่งรถประมาณชั่วโมงกว่าๆ เพราะว่าสนามบินอยู่คนละจังหวัดกัน

แท็กซี่ : รอเชือดนักท่องเที่ยว แบบเมืองไทยก็มีเหมือนกัน รออยู่ตรงแถวเคาเตอร์ขายตั๋วรถเข้าเมืองนั่นแหละ เพราะว่านั่งไฟล์ทค่ำ จึงถึงดึก เวลาตีสองแล้ว ช่องขายตั๋วปิดหมดแล้ว พี่แกบอกไม่มีรถเข้าเมืองแล้ว รอหลายชั่วโมงนะเช้าเลย ไปแท๊กซี่เหมา 600เหรียญใหม (ค่าเงินไต้หวันหน่วยเท่ากันกับเงินบาทเลย) ฮิฮิ ไม่ได้กินผมหรอก ผมเช็คข้อมูลมาแล้ว พอดีเจอวัยรุ่นไต้หวันหน้าช่องขายตั๋วรอรถเที่ยวเดียวกัน เค้าเลยช่วยจัดการพาไปซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติให้ แค่ 125เหรียญ ขอบคุณมา ณ ที่นี้อีกทีจ้า

ส่วนแท็กซี่ทั่วๆไปในเมือง จะมีสีเดียวคือ สีเหลือง มีหลายขนาด แต่ที่เจอเยอะคือทรงคล้ายๆรถแวนนั่งได้หลายๆคน โบกเรียกตามข้างทางได้เหมือนกัน ไม่มีปัญหาจุกจิกแบบส่งรถ เติมแก๊ส แต่ผมไม่ได้ใช้บริการในครั้งนี้

บนรถบัสกลางคืนไม่มีวิวอะไรให้ดู นั่งหลับในรถไปจนถึงไทเป พอถึงไทเป ก็มึนอีกละ เป็นบ้านนอกเข้ากรุง ที่นี่ที่ไหนเนี่ย! ก็ได้หนุ่มสาวคู่เดิม พาไปชี้เป้า ตึกที่เราจะต้องไปต่อรถไปเมือง อี้หลาน Yilan เพื่อไปบ้านแฟนเรา (ผู้อ่านรู้จนได้ว่าไม่โสดแล้ว) ก็ได้รถเที่ยวแรกตอนตีสี่ครึ่ง ไปถึงอี้หลานเช้าพอดี
เมือง Yilan นี้มีชื่อเสียงในเรื่องธรรมชาติ และน้ำพุร้อน มีทั้งบ่อธรรมชาติในเขตภูเขา ซึ่งที่ผมไปมาจะอยู่ข้างลำธาร บรรยากาศดีมาก กับอีกแบบเป็นห้องอาบน้ำรวมแบบออนเซ็นเหมือนญี่ปุ่น

ตึกที่รอรถนี้ คือ Taipei main station ที่ชื่อนี้เพราะว่าตึกนี้เป็นจุดรวมของทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง ไปเมืองต่างๆในไต้หวัน แบ่งกันตามชั้นต่างๆไป
ชื่อสินค้า:   ไต้หวัน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่