ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้อ้วนหรือผอม จัดว่าตัวเล็กๆ แต่มีปัญหาเฉพาะส่วน เสื้อผ้าส่วนใหญ่ปัญหาคือเอวได้ติดต้นขา (( เอว 23 สะโพก 33-34 ต้นขา19นิ้ว)
ขาผ่านเอวหลวมโพรก อันนี้คือช่วงเรียนจนถึง ก่อนแต่งงาน
พอมีลูกลูกทานนมแม่ ก็ผอมไปทั้งตัวค่ะ ขาก็เล็กเหลือ 17-18นิ้ว พอลูกเลิกกินนม มันก็มาอีกค่ะ ต้นขาใหญ่อีก กลับไปเท่าเดิม จริงๆก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะจะว่าไปลูกก็มีแล้ว หุ่นกลับมาเท่าเดิมก็ถือว่าดี ซื้อเสื้อผ้าก็ยังใช้ไซด์ 150 ของเด็กได้ กางเกงก็S หรือ XSบ้าง ถ้าเป็นผ้ายืด แต่ความไม่พอใจ และไม่พอดีค่ะ เจอกระทู้รีวิว Vaser ใจก็ไปวกวน ทำรึไม่ทำ ยังไงดี มันใหญ่ไม่สมตัว ถึงจะว่ามันโอแล้ว แต่แหม มันเห็นผล มันดีนะ มันยังงั้นยังงี้ เก็บตังดีกว่ามั้ย ลูกค่าเทอม สะระตะค่ะ คิดหาเหตุผลล้านแปด คือเคยเล็กก็ยังอยากจะเล็ก เป็นปัญหาทางจิต แล้ววันนึงก็ตัดสินใจไปทำโดยแอบคนที่บ้านไปทำ นัดด่วนทำด่วน
พอจะไปทำเกิดนอยด์ นึกถึงที่มีข่าวสาวสวยที่ไปทำศัลยกรรม เกิดข้อผิลพลาดแพ้ยาหรืออะไรนี่แหละค่ะ แล้วเสียชีวิต คือไปดูแล้วน้องเค้าสวยมาก ยังทำ ?? แล้วเรามานอนทำไรเนี่ย เราก็ไม่ได้แย่ ไม่ได้ต้องอวดใคร ลูกก็มีแล้ว สามีก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับขาโตๆของเราเลย ........ เอ๊ะคิดผิดป่าว ..........
แต่ใจลึกๆที่เหมือนปมด้อย จิตมันฝังมาตลอด ผสมกับมีพี่ๆแซวว่าขาใหญ่นะจ๊ะบ่อยๆ จนรู้สึก แม่ม จะใหญ่ไรนักหนา มันก็แค่เตี้ยขาสั้น ((แถไปงั้นค่ะแต่ใจก็นอยด์)) ................ไปทำที่คลีนิคเสริมความงามแห่งนึงมีหลายสาขาตามห้างค่ะ.....................
ข้ามไม่รีวิวขั้นตอนและใส่รูปนะคะ ขั้นตอนอาจจะเห็นจากรีวิวอื่นๆมาแล้ว อีกอย่าง 555อายค่ะ กลัวคนรู้จักจำได้ เพราะไม่ได้บอกใครเลย สามีก็เพิ่งมารู้หลังจากทำไปแล้ว ลูกๆก็ไม่รู้ แอบสงสารแม่ที่แม่เจ็บ โดยไม่รู้ความจริง
ผล ........ดูด 4 จุด ได้ไขมัน รวมน้ำเกลือ และเลือด 550 ml T-T ย้ำนะคะ 4จุด รวมกัน (( รีวิวคนอื่นๆ2จุดได้เป็นลิตรก็มีนี่น้า ต้นขานะเนี่ย ))
เล็กลงมั้ย วัดโดยรอบ แปลกใจเหมือนกันค่ะ ยังเล็กไม่เท่าตอนเลี้ยงลูกนมแม่ วันไปดูด วัดรอบขา 48 CM ผ่านมาสี่เดือนกว่า 47 cm (แถมช่วงนี้ออกกำลังกายเอง อีกตะหาก แนวที่แท่งเหล็กผ่านรู้สึกได้เลยว่ามันเรียบเฉพาะบริเวณนั้น คาดว่าจะให้เรียวแบบลดด้วยตัวเอง อาจจะต้องเหลา.... เหลาทุกด้าน ประมาณ 6-8จุดต่อขา จุดละนิดๆหน่อยๆ เพราะขาเรามันไม่ได้ใหญ่โตสะสมพอกพูนเป็นส่วนๆ การที่มีไขมันสะสมแบบเราคงต้องออกกำลังกายลดต้นขาจะเหมาะกว่า และเห็นผลได้ชัดเจน
ข้อเสียที่อยากแชร์เป็นข้อคิดค่ะ
@ ด้วยความที่เป็นแม่คนแล้ว มันก็มีบางมุมที่คิดว่า ถ้าลูกเราแอบมาทำจะเป็นยังไง เพราะเราแอบไปทำค่ะ เกิดมีภาวะแทรกซ้อนแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะทำยังไง ?? ควรจะบอกให้คนที่บ้านรับรู้ยังดีกว่าไม่บอกค่ะ เหตุผลล้านแปดที่จะไปทำก็ว่ากันไป หากมีคัดค้าน ถือว่าได้เวลากลับไปทบทวนค่ะ เสียเงินช้าลง คลีนิคยังไม่ปิด หมอยังอยู่ ......
@ 100 คนทำแล้วได้ผลไม่เหมือนกันค่ะ ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วย ส่วนตัวแล้วย้อนเวลาได้คงไม่ทำค่ะ ณ วันนี้บอกตรงๆว่าต้องออกกำลังกายบริหารช่วยไม่งั้นขาก็จะโตขึ้นอีก เพราะไขมันมันจะไปพอกบริเวณอื่นของต้นขา เนื่องจากเป็นคนอ้วนลงขาง่าย ทีนี้นึกสภาพค่ะ มันไม่พอกที่เคยโดนดูด แต่มันไปพอกข้างๆ ทำให้ขาจากลมๆ มันกลายเป็นรูปร่างประหลาดค่ะ เพราะไม่ได้เหลาทั้งขาแต่ทำเป็นจุดๆ ถ้าถามว่าขามันอ้วนจนถึงขนาดมีนัยสำคัญที่ควรจะประสาทไหม ...... ตอบได้เลยว่าไม่ค่ะ แต่โรคจิต ชอบเอาขาตัวเองไปเทียบกับนางแบบ ย้อนเวลาได้จะไม่ทำค่ะ ไม่ใช่แค่เห็นผลน้อย แต่..... แผลไหม้ค่ะ เป็นแผลเนื้อตาย 3อาทิตย์กว่าๆ หมอที่คลีนิคไม่กล้าตัดไหมให้ บอกเหมือนแผลติดเชื้อ ทำเรื่องส่งไปรพ. ทางรพ.ก็ให้รอหาหมอศัลยกรรม ดูว่าจะทำยังไง ก็มีทางเลือก คว้านแล้วเย็บใหม่ รึรอจนตื้นกว่านี้ค่อยคว้าน สรุปรอไปสองเดือนค่ะ แผลตื้นขึ้นก็ลอกเนื้อตายออก แล้วก็ไม่ต้องเย็บ แต่รูแผลก็จะมีน้ำเลือดน้ำเหลืองไหลก็ปิดแผลแบบไม่ให้โดนน้ำอีก 2อาทิตย์กว่าค่ะ สรุปรวม เกือบ 3เดือน ห้ามโดนน้ำ ((ค่าฟิล์มกันน้ำ กระจาย )) แผลเวลาติดฟิล์ม ก้ต้องใช้แผ่นใหญ่เพราะมันใหญ่แบบปั้มหัวแม่มือ ทำ4จุด......เป็นแผลเบิร์น 3จุดค่ะ ทรมานตัวเองมาก ไหนจะทำแผล งานบ้าน งานลูก หาเรื่องแท้ๆค่ะ ขยับตัวเข้าฟิตเนส ออกกำลังกายไม่ได้เกือบ 3เดือนเพราะแผลมันจะกระเทือนกลัวเหงื่อออกเข้าแผลกลัวแผลเน่าค่ะ มันจะอืดขนาดไหนน้อ..... แล้วตอนนี้แผลก็จะดำๆเหมือนโดนท่อไอเสีย ขาขาวๆตัดกับรอยดำ 3จุดเท่านิ้วโป้งจิ้ม.... ขาสั้นพับเก็บเลยค่ะ อายแผลไม่พอ กลัวโดนทักว่านี่ทำมาแล้วเหรอ
หลังจากขาขยับมากไม่ได้เกือบ 3เดือนน้ำหนักพุ่งขึ้น3กิโล คิดจะลดน้ำหนัก ทำได้7วัน .... เกิดอาการหน้ามืดค่ะ เข้ารพ. หมอจะให้แอดมิท ..... ความดันต่ำ หน้ามืดจนเดินไม่ได้อยู่ 2วันหมอสั่งเพิ่มน้ำหนัก +ออกกำลังกาย ระหว่างพักฟื้น ก็บ่นๆๆ ทำไมมันอ้วน ทำไมมันไม่ลดจะให้เพิ่มน้ำหนักอีก อยู่ๆลูกสาววัย4ขวบ ถามว่า......คุณแม่ขา คุณแม่ผอมอยู่แล้ว ทำไมคุณแม่ต้องลดความอ้วนด้วยคะ สติมาค่ะ เออ เราลืมไปรึเปล่าว่าเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก สอนอะไรเค้ามากมาย แค่มองตัวเองยังมองไม่เป็นเลย แล้วการที่เรามาวนเวียนความคิดวิตกจริตแบบนี้ วันนึงเค้าไปมีเพื่อนมีสังคม เกิดไปเจอะเจอแต่เพื่อนสวยๆ เค้าจะเกิดภาวะภูมิคุ้มกันตัวเองต่ำแบบเรามั้ย เลยเปลี่ยนความคิดค่ะ ตอนนี้ก็ทานอาหารแบบเดิมๆ เพราะปกติทานอาหารกึ่งคลีนมานานแล้ว(ก่อนจะฮิตไม่รู้หรอกค่ะว่าเรียกอาหารคลีน) เน้นไปทางออกกำลังกายวันละ 5-10 นาที คิดบวกเอาค่ะ สุขภาพดีต้องเริ่มจากตัวเอง ให้เวลาตัวเอง 5-10นาที จะซิทอัพก็เรียกลูกกดขาให้แม่ทีค่ะ แย่งกันกด ทำโยคะเด็กๆก็มาทำเป็นเพื่อน ถึงจะไม่ได้เต็มที่ แบบใครๆ แต่ก็สุขใจในแบบคนเป็นแม่ และแม่บ้านค่ะ เราไม่ใช่วัยรุ่นจะไปฟิตเนส วันละ 2-3ชม.ก็ยาก ((ปีที่แล้วสมัครไว้ปีนึง เข้าไม่ถึง 10 ครั้ง เฉลี่ยตกครั้งละ เกือบ3พัน แพงมาก .....เก็บตังให้ลูกละ จะไม่เสียซ้ำอีก ))
สรุปส่วนตัว.......Vaser จะทำก็ต้องเผื่อใจอย่ามโนไปว่าทำแล้วเราจะได้ผลสวยงามแบบคำโฆษณา หรือเพื่อนๆ หรือใครๆที่ทำแล้วสวย ท่องไว้ สวยก็มี ทำแล้วดีก็มี และทำแล้วซวยแบบยัยคนนี้(เราเอง) ก็มี และควรจะบอกคนที่รักเราก่อนไปทำนะคะ ((พ่อ แม่ ถ้ายังวัยรุ่น / สามี ฯลฯ )) การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถทำได้ตามที่คิด เวลา โอกาส สถานที่ มีข้อจำกัด ((ถ้าใครไม่มี ถือว่าโชคดีมากน้า)) ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเรา ค่ะ บางทีง่ายๆเรียบๆ 5-10นาที ได้ผลคุ้มค่า และที่สำคัญพอใจกับตัวเองเยอะๆค่ะ
ข้อดี ..... ได้ข้อคิดเยอะค่ะ ถ้าไม่ทำก็จะคาใจและไม่หมดกังวลกับวิธีนี้
คำแนะนำ ควรเลือกคลีนิคดีๆในการทำนะคะ บริการก่อนและหลังการขายด้วย ที่ไปทำเค้ารับผิดชอบค่ารักษาให้ เพราะต้องไปรักษาแผลจากรพ. ถึงไม่ได้อยากได้สิทธิ์ตรงนี้ก็เหอะ แต่อย่างว่าค่ะ เราไม่รู้หรอกว่าเราจะเป็นแผลแบบนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่พลาดไปแล้ว เค้าก็ช่วยรับผิดชอบ ถึงค่าใช้จ่ายเราจะยังไม่ได้นะคะ แต่น้ำใจที่เค้าไม่ปัดความรับผิดชอบเราก็ซึ้งละค่ะ ได้ก็ได้ไม่ได้ก็ถือว่าเราหาเรื่องเอง ((ค่ารักษาเกือบหมื่นค่ะ))
อาจจะเขียนยาว เวิ่นเว้อไปนิดค่ะ อธิบายไม่เก่ง แต่ถ้าสงสัย ถามหลังไมค์ได้ค่ะ รวมทั้งแผลด้วยค่ะ เอาไว้ประกอบการตัดสินใจ อยากให้มองกว้างๆน้า
ขอบคุณค่ะที่อ่าน
บอกเล่า vaser ต้นขา ข้อดีและข้อเสียจากประสบการณ์ เผื่อใครกำลังตัดสินใจ
ขาผ่านเอวหลวมโพรก อันนี้คือช่วงเรียนจนถึง ก่อนแต่งงาน
พอมีลูกลูกทานนมแม่ ก็ผอมไปทั้งตัวค่ะ ขาก็เล็กเหลือ 17-18นิ้ว พอลูกเลิกกินนม มันก็มาอีกค่ะ ต้นขาใหญ่อีก กลับไปเท่าเดิม จริงๆก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะจะว่าไปลูกก็มีแล้ว หุ่นกลับมาเท่าเดิมก็ถือว่าดี ซื้อเสื้อผ้าก็ยังใช้ไซด์ 150 ของเด็กได้ กางเกงก็S หรือ XSบ้าง ถ้าเป็นผ้ายืด แต่ความไม่พอใจ และไม่พอดีค่ะ เจอกระทู้รีวิว Vaser ใจก็ไปวกวน ทำรึไม่ทำ ยังไงดี มันใหญ่ไม่สมตัว ถึงจะว่ามันโอแล้ว แต่แหม มันเห็นผล มันดีนะ มันยังงั้นยังงี้ เก็บตังดีกว่ามั้ย ลูกค่าเทอม สะระตะค่ะ คิดหาเหตุผลล้านแปด คือเคยเล็กก็ยังอยากจะเล็ก เป็นปัญหาทางจิต แล้ววันนึงก็ตัดสินใจไปทำโดยแอบคนที่บ้านไปทำ นัดด่วนทำด่วน
พอจะไปทำเกิดนอยด์ นึกถึงที่มีข่าวสาวสวยที่ไปทำศัลยกรรม เกิดข้อผิลพลาดแพ้ยาหรืออะไรนี่แหละค่ะ แล้วเสียชีวิต คือไปดูแล้วน้องเค้าสวยมาก ยังทำ ?? แล้วเรามานอนทำไรเนี่ย เราก็ไม่ได้แย่ ไม่ได้ต้องอวดใคร ลูกก็มีแล้ว สามีก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับขาโตๆของเราเลย ........ เอ๊ะคิดผิดป่าว ..........
แต่ใจลึกๆที่เหมือนปมด้อย จิตมันฝังมาตลอด ผสมกับมีพี่ๆแซวว่าขาใหญ่นะจ๊ะบ่อยๆ จนรู้สึก แม่ม จะใหญ่ไรนักหนา มันก็แค่เตี้ยขาสั้น ((แถไปงั้นค่ะแต่ใจก็นอยด์)) ................ไปทำที่คลีนิคเสริมความงามแห่งนึงมีหลายสาขาตามห้างค่ะ.....................
ข้ามไม่รีวิวขั้นตอนและใส่รูปนะคะ ขั้นตอนอาจจะเห็นจากรีวิวอื่นๆมาแล้ว อีกอย่าง 555อายค่ะ กลัวคนรู้จักจำได้ เพราะไม่ได้บอกใครเลย สามีก็เพิ่งมารู้หลังจากทำไปแล้ว ลูกๆก็ไม่รู้ แอบสงสารแม่ที่แม่เจ็บ โดยไม่รู้ความจริง
ผล ........ดูด 4 จุด ได้ไขมัน รวมน้ำเกลือ และเลือด 550 ml T-T ย้ำนะคะ 4จุด รวมกัน (( รีวิวคนอื่นๆ2จุดได้เป็นลิตรก็มีนี่น้า ต้นขานะเนี่ย ))
เล็กลงมั้ย วัดโดยรอบ แปลกใจเหมือนกันค่ะ ยังเล็กไม่เท่าตอนเลี้ยงลูกนมแม่ วันไปดูด วัดรอบขา 48 CM ผ่านมาสี่เดือนกว่า 47 cm (แถมช่วงนี้ออกกำลังกายเอง อีกตะหาก แนวที่แท่งเหล็กผ่านรู้สึกได้เลยว่ามันเรียบเฉพาะบริเวณนั้น คาดว่าจะให้เรียวแบบลดด้วยตัวเอง อาจจะต้องเหลา.... เหลาทุกด้าน ประมาณ 6-8จุดต่อขา จุดละนิดๆหน่อยๆ เพราะขาเรามันไม่ได้ใหญ่โตสะสมพอกพูนเป็นส่วนๆ การที่มีไขมันสะสมแบบเราคงต้องออกกำลังกายลดต้นขาจะเหมาะกว่า และเห็นผลได้ชัดเจน
ข้อเสียที่อยากแชร์เป็นข้อคิดค่ะ
@ ด้วยความที่เป็นแม่คนแล้ว มันก็มีบางมุมที่คิดว่า ถ้าลูกเราแอบมาทำจะเป็นยังไง เพราะเราแอบไปทำค่ะ เกิดมีภาวะแทรกซ้อนแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะทำยังไง ?? ควรจะบอกให้คนที่บ้านรับรู้ยังดีกว่าไม่บอกค่ะ เหตุผลล้านแปดที่จะไปทำก็ว่ากันไป หากมีคัดค้าน ถือว่าได้เวลากลับไปทบทวนค่ะ เสียเงินช้าลง คลีนิคยังไม่ปิด หมอยังอยู่ ......
@ 100 คนทำแล้วได้ผลไม่เหมือนกันค่ะ ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วย ส่วนตัวแล้วย้อนเวลาได้คงไม่ทำค่ะ ณ วันนี้บอกตรงๆว่าต้องออกกำลังกายบริหารช่วยไม่งั้นขาก็จะโตขึ้นอีก เพราะไขมันมันจะไปพอกบริเวณอื่นของต้นขา เนื่องจากเป็นคนอ้วนลงขาง่าย ทีนี้นึกสภาพค่ะ มันไม่พอกที่เคยโดนดูด แต่มันไปพอกข้างๆ ทำให้ขาจากลมๆ มันกลายเป็นรูปร่างประหลาดค่ะ เพราะไม่ได้เหลาทั้งขาแต่ทำเป็นจุดๆ ถ้าถามว่าขามันอ้วนจนถึงขนาดมีนัยสำคัญที่ควรจะประสาทไหม ...... ตอบได้เลยว่าไม่ค่ะ แต่โรคจิต ชอบเอาขาตัวเองไปเทียบกับนางแบบ ย้อนเวลาได้จะไม่ทำค่ะ ไม่ใช่แค่เห็นผลน้อย แต่..... แผลไหม้ค่ะ เป็นแผลเนื้อตาย 3อาทิตย์กว่าๆ หมอที่คลีนิคไม่กล้าตัดไหมให้ บอกเหมือนแผลติดเชื้อ ทำเรื่องส่งไปรพ. ทางรพ.ก็ให้รอหาหมอศัลยกรรม ดูว่าจะทำยังไง ก็มีทางเลือก คว้านแล้วเย็บใหม่ รึรอจนตื้นกว่านี้ค่อยคว้าน สรุปรอไปสองเดือนค่ะ แผลตื้นขึ้นก็ลอกเนื้อตายออก แล้วก็ไม่ต้องเย็บ แต่รูแผลก็จะมีน้ำเลือดน้ำเหลืองไหลก็ปิดแผลแบบไม่ให้โดนน้ำอีก 2อาทิตย์กว่าค่ะ สรุปรวม เกือบ 3เดือน ห้ามโดนน้ำ ((ค่าฟิล์มกันน้ำ กระจาย )) แผลเวลาติดฟิล์ม ก้ต้องใช้แผ่นใหญ่เพราะมันใหญ่แบบปั้มหัวแม่มือ ทำ4จุด......เป็นแผลเบิร์น 3จุดค่ะ ทรมานตัวเองมาก ไหนจะทำแผล งานบ้าน งานลูก หาเรื่องแท้ๆค่ะ ขยับตัวเข้าฟิตเนส ออกกำลังกายไม่ได้เกือบ 3เดือนเพราะแผลมันจะกระเทือนกลัวเหงื่อออกเข้าแผลกลัวแผลเน่าค่ะ มันจะอืดขนาดไหนน้อ..... แล้วตอนนี้แผลก็จะดำๆเหมือนโดนท่อไอเสีย ขาขาวๆตัดกับรอยดำ 3จุดเท่านิ้วโป้งจิ้ม.... ขาสั้นพับเก็บเลยค่ะ อายแผลไม่พอ กลัวโดนทักว่านี่ทำมาแล้วเหรอ
หลังจากขาขยับมากไม่ได้เกือบ 3เดือนน้ำหนักพุ่งขึ้น3กิโล คิดจะลดน้ำหนัก ทำได้7วัน .... เกิดอาการหน้ามืดค่ะ เข้ารพ. หมอจะให้แอดมิท ..... ความดันต่ำ หน้ามืดจนเดินไม่ได้อยู่ 2วันหมอสั่งเพิ่มน้ำหนัก +ออกกำลังกาย ระหว่างพักฟื้น ก็บ่นๆๆ ทำไมมันอ้วน ทำไมมันไม่ลดจะให้เพิ่มน้ำหนักอีก อยู่ๆลูกสาววัย4ขวบ ถามว่า......คุณแม่ขา คุณแม่ผอมอยู่แล้ว ทำไมคุณแม่ต้องลดความอ้วนด้วยคะ สติมาค่ะ เออ เราลืมไปรึเปล่าว่าเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก สอนอะไรเค้ามากมาย แค่มองตัวเองยังมองไม่เป็นเลย แล้วการที่เรามาวนเวียนความคิดวิตกจริตแบบนี้ วันนึงเค้าไปมีเพื่อนมีสังคม เกิดไปเจอะเจอแต่เพื่อนสวยๆ เค้าจะเกิดภาวะภูมิคุ้มกันตัวเองต่ำแบบเรามั้ย เลยเปลี่ยนความคิดค่ะ ตอนนี้ก็ทานอาหารแบบเดิมๆ เพราะปกติทานอาหารกึ่งคลีนมานานแล้ว(ก่อนจะฮิตไม่รู้หรอกค่ะว่าเรียกอาหารคลีน) เน้นไปทางออกกำลังกายวันละ 5-10 นาที คิดบวกเอาค่ะ สุขภาพดีต้องเริ่มจากตัวเอง ให้เวลาตัวเอง 5-10นาที จะซิทอัพก็เรียกลูกกดขาให้แม่ทีค่ะ แย่งกันกด ทำโยคะเด็กๆก็มาทำเป็นเพื่อน ถึงจะไม่ได้เต็มที่ แบบใครๆ แต่ก็สุขใจในแบบคนเป็นแม่ และแม่บ้านค่ะ เราไม่ใช่วัยรุ่นจะไปฟิตเนส วันละ 2-3ชม.ก็ยาก ((ปีที่แล้วสมัครไว้ปีนึง เข้าไม่ถึง 10 ครั้ง เฉลี่ยตกครั้งละ เกือบ3พัน แพงมาก .....เก็บตังให้ลูกละ จะไม่เสียซ้ำอีก ))
สรุปส่วนตัว.......Vaser จะทำก็ต้องเผื่อใจอย่ามโนไปว่าทำแล้วเราจะได้ผลสวยงามแบบคำโฆษณา หรือเพื่อนๆ หรือใครๆที่ทำแล้วสวย ท่องไว้ สวยก็มี ทำแล้วดีก็มี และทำแล้วซวยแบบยัยคนนี้(เราเอง) ก็มี และควรจะบอกคนที่รักเราก่อนไปทำนะคะ ((พ่อ แม่ ถ้ายังวัยรุ่น / สามี ฯลฯ )) การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถทำได้ตามที่คิด เวลา โอกาส สถานที่ มีข้อจำกัด ((ถ้าใครไม่มี ถือว่าโชคดีมากน้า)) ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเรา ค่ะ บางทีง่ายๆเรียบๆ 5-10นาที ได้ผลคุ้มค่า และที่สำคัญพอใจกับตัวเองเยอะๆค่ะ
ข้อดี ..... ได้ข้อคิดเยอะค่ะ ถ้าไม่ทำก็จะคาใจและไม่หมดกังวลกับวิธีนี้
คำแนะนำ ควรเลือกคลีนิคดีๆในการทำนะคะ บริการก่อนและหลังการขายด้วย ที่ไปทำเค้ารับผิดชอบค่ารักษาให้ เพราะต้องไปรักษาแผลจากรพ. ถึงไม่ได้อยากได้สิทธิ์ตรงนี้ก็เหอะ แต่อย่างว่าค่ะ เราไม่รู้หรอกว่าเราจะเป็นแผลแบบนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่พลาดไปแล้ว เค้าก็ช่วยรับผิดชอบ ถึงค่าใช้จ่ายเราจะยังไม่ได้นะคะ แต่น้ำใจที่เค้าไม่ปัดความรับผิดชอบเราก็ซึ้งละค่ะ ได้ก็ได้ไม่ได้ก็ถือว่าเราหาเรื่องเอง ((ค่ารักษาเกือบหมื่นค่ะ))
อาจจะเขียนยาว เวิ่นเว้อไปนิดค่ะ อธิบายไม่เก่ง แต่ถ้าสงสัย ถามหลังไมค์ได้ค่ะ รวมทั้งแผลด้วยค่ะ เอาไว้ประกอบการตัดสินใจ อยากให้มองกว้างๆน้า
ขอบคุณค่ะที่อ่าน