แนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ครอบครัวผมมีแค่แม่กับน้องสาวเพราะพ่อผมเสียชีวิตหลายปีแล้ว ตอนนี้อายุ 26 ปี และผมเป็นเกย์ครับ
เพราะว่าไม่มีพ่อแล้ว แม่ผมเลยต้องเลี้ยงผมกับน้องมาคนเดียว ด้วยอาชีพรับราชการ ซึ่งแม่ทำได้ดีมาก ไม่เคยบ่นเหนื่อยให้ผมกับน้องได้ยินซักครั้ง แม่บอกให้ผมทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดซึ่งก็มีแค่เรื่องเรียนเท่านั้นเองนอกจากนั้นแม่ทำเองทั้งหมด ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว น้องสาวผมกำลังเรียนต่อ และแม่ผมก็ใกล้เกษียณอายุราชการ ชีวิตกำลังไปได้ดีผมทำหน้าที่ของลูกอย่างครบถ้วน ผมบวชให้แม่ทันทีหลังเรียนจบ ผมมีงานทำเลี้ยงดูแม่และน้องสาวได้สบายๆ
ผมรู้ตัวเองมาตั้งแต่มัธยม แต่ก็เป็นช่วงที่สับสนในชีวิต จนกระทั้งเข้ามหาลัยที่ผมต้องออกไปไกลบ้าน ความรู้สึกมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ และกวนใจผมมาตลอด เพราะเป็นพี่ชายคนโต เป็นความหวังของครอบครัว และแม่ผมก็เป็นคนหัวเก่า ผมเลยไม่สามารถบอกใครได้ว่าผมไม่เหมือนคนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่มที่แทบจะเป็นผู้ชายล้วน ผมผ่านช่วงชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยมาได้ด้วยการเรียน ด้วยเพื่อนๆและกิจกรรม และผมไม่เคยมีแฟนทั้งผู้ชายผู้หญิงเลย การเป็นเกย์ทำให้ผมอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร
หลังจากเรียนจบผมกลับมาทำงานใกล้บ้าน และได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง เป็นช่วงชีวิตที่นอกจากทำงานก็กลับบ้าน ไม่มีอะไรอื่นอีก คนหนุ่มอายุ 26 ปี หน้าที่การงานดี นิสัยดี หน้าตาพอดูได้(อันนี้คิดเอง ห้าๆ) ก็คงเป็นเหมือนๆบ้านอื่น ผมเริ่มถูกถามว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ก็เลยกลายเป็นว่าพอได้กลับมาบ้าน กลับทำให้ผมอึดอัดมากกว่าสมัยเรียนมาก ระยะหลังผมเลยเริ่มเปิดตัวเองมากขึ้น คุยกับผู้ชาย(เกย์)คนอื่นบ้าง มีความรักบ้าง ซึ่งทั้งหมดต้องแอบทำ ต้องหลบๆซ่อนๆ ต้องโกหกต้องสร้างเรื่องบ้างเพื่อไม่ให้ใครรู้ และผมเริ่มทนไม่ไหว ผมอึดอัดมากสุดท้ายผมก็บอกน้องสาวและเพื่อนสนิทไป พวกเขารับได้และผมก็สบายใจ แต่คนที่ผมอยากบอกที่สุดคือแม่ ซึ่งผมไม่เคยกล้าพอที่จะพูดเลยซักที
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตอนเย็น หลังจากผมกลับจากไปเที่ยวกับพี่คนหนึ่ง(ผมบอกกับที่บ้านว่าไปคนเดียว) ทุกอย่างก็ปกติดี กลับมาบ้าน ดูทีวี นอนคุยกัน ผมกอดแม่ มันเป็นโมเมนท์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยสำหรับบ้านผมที่จะได้คุยกันยาวๆ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ย้อนเวลาไปตั้งแต่เด็ก เราผ่านอะไรกันมาบ้าง แม่พยายามทำอะไรบ้าง เรามากันไกลมาก และตอนนี้แม่ก็ดูแก่มากๆ การคุยกันแบบนี้มันทำให้รู้สึกดี มันซาบซึ้ง มันตื้นตัน แต่ที่มากที่สุดกลับคือความเสียใจ ผมถามแม่ว่า “ตอนนี้แม่ยังห่วงผมเรื่องอะไรอยู่อีกมั้ย” แม่ถามผมว่า “ทำไมถึงถามอย่างนั้นหล่ะลูก มีอะไรหรือเปล่า” ...และก็กลายเป็นผมที่เริ่มร้องไห้ออกมา
แม่(ตกใจมากเสียงสั่น): เป็นอะไรลูก
ผม:...(ร้องไห้หนักมาก)
แม่: เป็นอะไรบอกแม่สิ่ลูก มีปัญหาอะไร เรื่องงานหรือเปล่า หรือเรื่องเงิน (แม่พยายามจะหาเหตุผล)
ผม:…(แม่กอดผม และผมยังหยุดร้องไห้ไม่ได้)
แม่: ไม่สบายหรือปล่าว หรือว่าเห็นแม่แก่แล้ว เลยร้องไห้ บอกแม่สิ่ลูก(แม่ไม่ร้องไห้เลยเท่าที่ฟังจากน้ำเสียง เพราะผมไม่กล้ามองหน้าแล้วตอนนั้น)
ผม:…(สะอื้น)
แม่ลุกขึ้นนั่งแล้วมองมาที่ผม แต่ผมสบตาไม่ได้อีกแล้ว แม่พยายามถามหาเหตุผลว่าผมร้องทำไม แต่ผมพูดไม่ได้
ตอนนั้นดึกมากแล้ว ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเลยเวลานอนของแม่มาแล้ว ผมร้องไห้อยู่นานจนกระทั้งน้ำตามันหมดไปเอง และผมคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องพูด เพราะผมรอเวลานี้มาตลอดและโอกาสมาถึงแล้ว
แม่: ไปทำใครท้องมาหรือเปล่าลูก หรือว่าเราไปชอบผู้ชาย หรือว่ามีผู้ชายมาชอบเรา(แม่ยิงโดนแล้ว)
ผม: แม่รู้มั๊ยว่า ผมกับน้องมีอะไรก็จะคุยกันเองก่อนตลอด เรื่องไหนที่ คิดว่าบอกแม่แล้วแม่จะไม่สบายใจก็จะไม่บอก แต่จะคุยกันเอง(พยายามเกริ่นก่อนเพื่อให้พอพูดออกมาได้บ้าง)
แม่: รู้สิ่ น้องก็เคยบอกแม่แบบนี้แหละ
ผม: ที่ผมถามแม่ว่าแม่ยังห่วงอะไรผมหรือเปล่า เพราะผมไม่อยากทำให้แม่เสียใจ หรือว่ากังวล
แม่: ตกลงว่าเรื่องอะไรลูก
ผม: ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมแต่งงานแต่ผมคงทำให้ไม่ได้ ตั้งแต่เรียนมาผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงเลยแม่ไม่รู้หรอ
แม่: แล้วยังไง เราชอบผู้ชาย?(ตอนนั้น ขอบคุณที่แม่พูดมันออกมามากๆ)
ผม: พยักหน้า
แม่: อืมม เหรอ แม่ว่ามันไม่ค่อยธรรมชาตินะลูก ผู้ชายจะมาชอบผู้ชายได้ยังไง เลิกได้มั้ยลูก(น้ำเสียงเปลี่ยนไป ฟังดูกังวลมาก)
ผม: ผมเป็นอย่างนี้มันเลิกไม่ได้นะแม่ ผมเคยพยายามแล้ว เหมือนกับแม่เกิดมาผมสีดำ มันก็เป็นอย่างนั้น
แม่:แม่ไม่เข้าใจนะ แม่ก็เลี้ยงเรามาปกติ แม่ดีใจด้วยที่เราเป็นผู้ชาย ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ แม่ดูไม่ออกเลย
ผม:มันไม่เกี่ยวกับที่แม่เลี้ยงผมเลย ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้ ผมก็เป็นเหมือนเดิมนี่แหละ แต่ผมแค่ไม่ได้ชอบผู้หญิง และผมก็ไม่เสียใจด้วย แต่
ผมแค่อยากให้แม่เข้าใจ และไม่อยากให้โทษตัวเองเพราะแม่ทำดีที่สุดแล้ว
แม่:แล้วเราชอบใครอยู่หรือเปล่า หรือมีใครมาชอบเรา
ผม:เปล่าหรอกครับ ไม่ได้ชอบใคร แต่ผมแค่ไม่อยากต้องโกหกอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าวันนึงผมเจอคนที่ชอบเหมือนผม ก็คงดีเพราะอยู่คนเดียวมันก็เหงามากๆ
แม่: แล้วเราจะทำยังไงลูก ต่อไปจะทำยังไง อยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆหรอ แล้วคนอื่นๆเขาจะว่ายังไงหล่ะ
ผม: ก็ไม่รู้อ่ะ คนอื่นจะคิดยังไงผมก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะผมสนใจคนในครอบครัวมากกว่า วันนึงคนอื่นๆคงรู้ เขาอาจจะพูดกันแต่ผมอยากให้แม่รู้จาก
ปากผมเองมากกว่า
แม่: แม่ยังไม่ค่อยเข้าใจนะลูก แต่แม่ก็ดีใจที่เราบอกแม่ ดีกว่าให้แม่ได้ยินจากคนอื่นนะ แต่เราเลิกไม่ได้ใช่มั้ย
ผม: คงไม่ได้ครับ
แม่: แบบนี้เรียกว่าเป็นเกย์ใช่มั้ย(แม่อยากได้คำจำกัดความ555)
ผม: ใช่ครับ
หลังจากนั้นเรายังคุยกันต่อ แม่ถามผมหลายอย่างและผมก็พยายามอธิบายเท่าที่ทำได้ ผมรู้ว่าคืนนั้นคงเป็นคืนที่สาหัสสำหรับแม่พอสมควร แต่แม่นิ่งมาก แม่ไม่ร้องไห้เลย หรือแอบไปร้องผมก็ไม่รู้ ตอนเช้าก่อนไปทำงาน เป็นเรื่องปกติที่แม่จะทำกับข้าวมื้อเช้าและเที่ยงใส่กล่องไปให้กินที่ทำงาน เช้านี้ก่อนไป ผมรู้สึกว่าแม่ตื่นเช้ากว่าปกติ ผมเดินเข้าไปเอาข้าวที่ห้องครัวและผมยังไม่กล้ามองหน้าแม่
แม่: เป็นไงลูก ได้พูดออกมาแล้วสบายใจขึ้นมั้ย
ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว รู้แค่ว่าแม่รักผมมากก ผมเดินเข้าไปกอดแม่ แล้วก็บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ ก่อนไปทำงาน T.T
เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ ตัดทอนคำพูดออกไปพอสมควร ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตผมจะเป็นยังไง แต่ผมสบายใจขึ้นมากที่ได้พูดสิ่งที่อัดอันออกไปแล้ว ผมคิดว่าผมโชคดีที่อย่างน้อยแม่และน้องก็เข้าใจ สำหรับแม่คงต้องให้เวลาอีกหน่อยและหวังว่าแม่จะไม่โทษตัวเอง ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากแชร์ประสบการณ์และให้กำลังใจคนอื่นๆที่เป็นแบบผม และเผื่อพ่อแม่บางคนจะได้อ่านและเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดก็แค่เข้าใจเราก็พอแล้ว
สุดท้ายนะครับ ผมคิดว่าการเป็นเกย์สำหรับบางคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะการทำให้คนอื่นเข้าใจเราก็ยากมาก เราไม่ได้ทำผิด แต่เราแค่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการที่เราต้องเข้าใจตัวเอง เคารพตัวเองและพยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเราเองให้ได้ ซึ่งผมกำลังพยายามอยู่
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านมันไปได้นะครับ....ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ปล.ไม่รู้ว่าใครจะได้อ่านบ้าง แต่สมมุติว่าใครอ่านและสงสัยว่าผมใช่คนที่รู้จักหรือเปล่ากรุณาทักมาหลังไมค์ก่อนนะครับ อย่าพึ่งกระโตกกระตาก 555
ปล2.คนอื่นๆก็ทักได้นะครับ อิอิ
เมื่อผมบอกแม่ว่าผมเป็นเกย์
เพราะว่าไม่มีพ่อแล้ว แม่ผมเลยต้องเลี้ยงผมกับน้องมาคนเดียว ด้วยอาชีพรับราชการ ซึ่งแม่ทำได้ดีมาก ไม่เคยบ่นเหนื่อยให้ผมกับน้องได้ยินซักครั้ง แม่บอกให้ผมทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดซึ่งก็มีแค่เรื่องเรียนเท่านั้นเองนอกจากนั้นแม่ทำเองทั้งหมด ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว น้องสาวผมกำลังเรียนต่อ และแม่ผมก็ใกล้เกษียณอายุราชการ ชีวิตกำลังไปได้ดีผมทำหน้าที่ของลูกอย่างครบถ้วน ผมบวชให้แม่ทันทีหลังเรียนจบ ผมมีงานทำเลี้ยงดูแม่และน้องสาวได้สบายๆ
ผมรู้ตัวเองมาตั้งแต่มัธยม แต่ก็เป็นช่วงที่สับสนในชีวิต จนกระทั้งเข้ามหาลัยที่ผมต้องออกไปไกลบ้าน ความรู้สึกมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ และกวนใจผมมาตลอด เพราะเป็นพี่ชายคนโต เป็นความหวังของครอบครัว และแม่ผมก็เป็นคนหัวเก่า ผมเลยไม่สามารถบอกใครได้ว่าผมไม่เหมือนคนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่มที่แทบจะเป็นผู้ชายล้วน ผมผ่านช่วงชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยมาได้ด้วยการเรียน ด้วยเพื่อนๆและกิจกรรม และผมไม่เคยมีแฟนทั้งผู้ชายผู้หญิงเลย การเป็นเกย์ทำให้ผมอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร
หลังจากเรียนจบผมกลับมาทำงานใกล้บ้าน และได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง เป็นช่วงชีวิตที่นอกจากทำงานก็กลับบ้าน ไม่มีอะไรอื่นอีก คนหนุ่มอายุ 26 ปี หน้าที่การงานดี นิสัยดี หน้าตาพอดูได้(อันนี้คิดเอง ห้าๆ) ก็คงเป็นเหมือนๆบ้านอื่น ผมเริ่มถูกถามว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ก็เลยกลายเป็นว่าพอได้กลับมาบ้าน กลับทำให้ผมอึดอัดมากกว่าสมัยเรียนมาก ระยะหลังผมเลยเริ่มเปิดตัวเองมากขึ้น คุยกับผู้ชาย(เกย์)คนอื่นบ้าง มีความรักบ้าง ซึ่งทั้งหมดต้องแอบทำ ต้องหลบๆซ่อนๆ ต้องโกหกต้องสร้างเรื่องบ้างเพื่อไม่ให้ใครรู้ และผมเริ่มทนไม่ไหว ผมอึดอัดมากสุดท้ายผมก็บอกน้องสาวและเพื่อนสนิทไป พวกเขารับได้และผมก็สบายใจ แต่คนที่ผมอยากบอกที่สุดคือแม่ ซึ่งผมไม่เคยกล้าพอที่จะพูดเลยซักที
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตอนเย็น หลังจากผมกลับจากไปเที่ยวกับพี่คนหนึ่ง(ผมบอกกับที่บ้านว่าไปคนเดียว) ทุกอย่างก็ปกติดี กลับมาบ้าน ดูทีวี นอนคุยกัน ผมกอดแม่ มันเป็นโมเมนท์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยสำหรับบ้านผมที่จะได้คุยกันยาวๆ เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ย้อนเวลาไปตั้งแต่เด็ก เราผ่านอะไรกันมาบ้าง แม่พยายามทำอะไรบ้าง เรามากันไกลมาก และตอนนี้แม่ก็ดูแก่มากๆ การคุยกันแบบนี้มันทำให้รู้สึกดี มันซาบซึ้ง มันตื้นตัน แต่ที่มากที่สุดกลับคือความเสียใจ ผมถามแม่ว่า “ตอนนี้แม่ยังห่วงผมเรื่องอะไรอยู่อีกมั้ย” แม่ถามผมว่า “ทำไมถึงถามอย่างนั้นหล่ะลูก มีอะไรหรือเปล่า” ...และก็กลายเป็นผมที่เริ่มร้องไห้ออกมา
แม่(ตกใจมากเสียงสั่น): เป็นอะไรลูก
ผม:...(ร้องไห้หนักมาก)
แม่: เป็นอะไรบอกแม่สิ่ลูก มีปัญหาอะไร เรื่องงานหรือเปล่า หรือเรื่องเงิน (แม่พยายามจะหาเหตุผล)
ผม:…(แม่กอดผม และผมยังหยุดร้องไห้ไม่ได้)
แม่: ไม่สบายหรือปล่าว หรือว่าเห็นแม่แก่แล้ว เลยร้องไห้ บอกแม่สิ่ลูก(แม่ไม่ร้องไห้เลยเท่าที่ฟังจากน้ำเสียง เพราะผมไม่กล้ามองหน้าแล้วตอนนั้น)
ผม:…(สะอื้น)
แม่ลุกขึ้นนั่งแล้วมองมาที่ผม แต่ผมสบตาไม่ได้อีกแล้ว แม่พยายามถามหาเหตุผลว่าผมร้องทำไม แต่ผมพูดไม่ได้
ตอนนั้นดึกมากแล้ว ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเลยเวลานอนของแม่มาแล้ว ผมร้องไห้อยู่นานจนกระทั้งน้ำตามันหมดไปเอง และผมคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องพูด เพราะผมรอเวลานี้มาตลอดและโอกาสมาถึงแล้ว
แม่: ไปทำใครท้องมาหรือเปล่าลูก หรือว่าเราไปชอบผู้ชาย หรือว่ามีผู้ชายมาชอบเรา(แม่ยิงโดนแล้ว)
ผม: แม่รู้มั๊ยว่า ผมกับน้องมีอะไรก็จะคุยกันเองก่อนตลอด เรื่องไหนที่ คิดว่าบอกแม่แล้วแม่จะไม่สบายใจก็จะไม่บอก แต่จะคุยกันเอง(พยายามเกริ่นก่อนเพื่อให้พอพูดออกมาได้บ้าง)
แม่: รู้สิ่ น้องก็เคยบอกแม่แบบนี้แหละ
ผม: ที่ผมถามแม่ว่าแม่ยังห่วงอะไรผมหรือเปล่า เพราะผมไม่อยากทำให้แม่เสียใจ หรือว่ากังวล
แม่: ตกลงว่าเรื่องอะไรลูก
ผม: ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมแต่งงานแต่ผมคงทำให้ไม่ได้ ตั้งแต่เรียนมาผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงเลยแม่ไม่รู้หรอ
แม่: แล้วยังไง เราชอบผู้ชาย?(ตอนนั้น ขอบคุณที่แม่พูดมันออกมามากๆ)
ผม: พยักหน้า
แม่: อืมม เหรอ แม่ว่ามันไม่ค่อยธรรมชาตินะลูก ผู้ชายจะมาชอบผู้ชายได้ยังไง เลิกได้มั้ยลูก(น้ำเสียงเปลี่ยนไป ฟังดูกังวลมาก)
ผม: ผมเป็นอย่างนี้มันเลิกไม่ได้นะแม่ ผมเคยพยายามแล้ว เหมือนกับแม่เกิดมาผมสีดำ มันก็เป็นอย่างนั้น
แม่:แม่ไม่เข้าใจนะ แม่ก็เลี้ยงเรามาปกติ แม่ดีใจด้วยที่เราเป็นผู้ชาย ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ แม่ดูไม่ออกเลย
ผม:มันไม่เกี่ยวกับที่แม่เลี้ยงผมเลย ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันเป็นอย่างนี้ ผมก็เป็นเหมือนเดิมนี่แหละ แต่ผมแค่ไม่ได้ชอบผู้หญิง และผมก็ไม่เสียใจด้วย แต่
ผมแค่อยากให้แม่เข้าใจ และไม่อยากให้โทษตัวเองเพราะแม่ทำดีที่สุดแล้ว
แม่:แล้วเราชอบใครอยู่หรือเปล่า หรือมีใครมาชอบเรา
ผม:เปล่าหรอกครับ ไม่ได้ชอบใคร แต่ผมแค่ไม่อยากต้องโกหกอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าวันนึงผมเจอคนที่ชอบเหมือนผม ก็คงดีเพราะอยู่คนเดียวมันก็เหงามากๆ
แม่: แล้วเราจะทำยังไงลูก ต่อไปจะทำยังไง อยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆหรอ แล้วคนอื่นๆเขาจะว่ายังไงหล่ะ
ผม: ก็ไม่รู้อ่ะ คนอื่นจะคิดยังไงผมก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะผมสนใจคนในครอบครัวมากกว่า วันนึงคนอื่นๆคงรู้ เขาอาจจะพูดกันแต่ผมอยากให้แม่รู้จาก
ปากผมเองมากกว่า
แม่: แม่ยังไม่ค่อยเข้าใจนะลูก แต่แม่ก็ดีใจที่เราบอกแม่ ดีกว่าให้แม่ได้ยินจากคนอื่นนะ แต่เราเลิกไม่ได้ใช่มั้ย
ผม: คงไม่ได้ครับ
แม่: แบบนี้เรียกว่าเป็นเกย์ใช่มั้ย(แม่อยากได้คำจำกัดความ555)
ผม: ใช่ครับ
หลังจากนั้นเรายังคุยกันต่อ แม่ถามผมหลายอย่างและผมก็พยายามอธิบายเท่าที่ทำได้ ผมรู้ว่าคืนนั้นคงเป็นคืนที่สาหัสสำหรับแม่พอสมควร แต่แม่นิ่งมาก แม่ไม่ร้องไห้เลย หรือแอบไปร้องผมก็ไม่รู้ ตอนเช้าก่อนไปทำงาน เป็นเรื่องปกติที่แม่จะทำกับข้าวมื้อเช้าและเที่ยงใส่กล่องไปให้กินที่ทำงาน เช้านี้ก่อนไป ผมรู้สึกว่าแม่ตื่นเช้ากว่าปกติ ผมเดินเข้าไปเอาข้าวที่ห้องครัวและผมยังไม่กล้ามองหน้าแม่
แม่: เป็นไงลูก ได้พูดออกมาแล้วสบายใจขึ้นมั้ย
ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว รู้แค่ว่าแม่รักผมมากก ผมเดินเข้าไปกอดแม่ แล้วก็บ่อน้ำตาแตกอีกรอบ ก่อนไปทำงาน T.T
เรื่องทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ ตัดทอนคำพูดออกไปพอสมควร ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้ชีวิตผมจะเป็นยังไง แต่ผมสบายใจขึ้นมากที่ได้พูดสิ่งที่อัดอันออกไปแล้ว ผมคิดว่าผมโชคดีที่อย่างน้อยแม่และน้องก็เข้าใจ สำหรับแม่คงต้องให้เวลาอีกหน่อยและหวังว่าแม่จะไม่โทษตัวเอง ที่เล่ามาทั้งหมดเพราะอยากแชร์ประสบการณ์และให้กำลังใจคนอื่นๆที่เป็นแบบผม และเผื่อพ่อแม่บางคนจะได้อ่านและเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดก็แค่เข้าใจเราก็พอแล้ว
สุดท้ายนะครับ ผมคิดว่าการเป็นเกย์สำหรับบางคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะการทำให้คนอื่นเข้าใจเราก็ยากมาก เราไม่ได้ทำผิด แต่เราแค่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการที่เราต้องเข้าใจตัวเอง เคารพตัวเองและพยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเราเองให้ได้ ซึ่งผมกำลังพยายามอยู่
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านมันไปได้นะครับ....ขอบคุณที่อ่านจนจบ
ปล.ไม่รู้ว่าใครจะได้อ่านบ้าง แต่สมมุติว่าใครอ่านและสงสัยว่าผมใช่คนที่รู้จักหรือเปล่ากรุณาทักมาหลังไมค์ก่อนนะครับ อย่าพึ่งกระโตกกระตาก 555
ปล2.คนอื่นๆก็ทักได้นะครับ อิอิ