ถึงไม่อยากยอมรับ แต่เราว่าเรามีปมเรื่องนี้นะ
เราเป็นลูกคนกลาง พี่สาวเป้นหลานสาวคนแรกของปู่ย่าตายาย เลยถูกมาเลี้ยงมาแบบตามใจ
ญาติๆ ก็รุมรักเพราะพี่สาวเราเกิดมาน่ารักผิวสีชมพู แล้วก็ไม่สบายบ่อย
พอแม่ท้องเรา ก็แพ้ท้องแบบที่ใครๆก็คิดว่าเราต้องเกิดเป็นผู้ชายแน่
แต่ดันเกิดเป็นผู้หญิง มีแต่คนเล่าว่าตอนเด็ก ๆ เราขี้เหร่ที่สุดผิวก็ดำกว่าพี่ ไม่รู้โตมากลายเป็นขาวกว่าเพื่อนได้ไง
ต่อมาสามปีแม่ท้องอีกคราวนี้ได้ลูกผู้ชายสมใจพ่อแม่ แถมน่ารักอ้วน แล้วก็ผิวขาวเหมือนพ่อ
พ่อก็เลยรักลูกคนนี้เป็นพิเศษ
ตั้งแต่เด็กพี่สาวอยากได้อะไรก็ได้ น้องชายไม่ขอก็ได้
แต่ถ้าเราขออย่างพี่สาวก็จะได้ยินคำว่า เด็กอยู่เอาไปทำไม
ถ้าขอแบบน้องชาย ก็จะได้ยินคำว่าโตแล้วเอาไปทำไม
มันน้อยใจนะ สับสนตัวเองว่าสรุปแล้วเราเด็กอยู่หรือโตแล้ว
เหมือนจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเด็ก มันเป้นเรื่องใหญ่มากนะตอนนั้น
หลาย ๆ อย่างที่ทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่รักเราน้อยที่สุด เลยพยายามทำตัวเป็นเด็กดี
เชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ไม่เคยขออะไรเพราะรู้ว่าขอไปก็ไม่ได้ น้อยใจเปล่าๆ
พอโตขึ้น เราก็รู้ว่าพ่อแม่โอนทุกอย่างเป็นชื่อพี่สาว
ส่วนประกันเป็นชื่อน้องชายเป็นผู้รับผลประโยชน์
เราก็เฉย ๆ คิดว่ามันเป็นสิทธฺ์ของเค้า เค้าหามา
แต่ที่เรามาน้อยใจมาก ๆ ก็ตอนที่เรามาเรียนในเมืองอยู่หอพักกับน้องชาย
เราเป็นพี่แต่น้องชายได้ค่าขนมมากกว่าเราเท่าตัว ทั้งที่ค่าของใช้เป็นเราที่ต้องออกอยู่คนเดียว
ถ้าอาทิตย์ไหนเราไม่กลับบ้าน พ่อแม่ก็จะไม่โอนเงินสำหรับอาทิตย์ต่อมามาให้
แต่ถ้าน้องชายไม่กลับ แม่ก็จะบอกไม่ให้เรากลับบ้าน ให้อยู่หอพักเป็นเพื่อนน้องชาย
แม่ก็จะโอนเงินล่วงหน้าบวก สำหรับใช้วันหยุดให้น้องชายใช้
ตอนนั้นเราพยายามคิดว่า น้องเป็นผู้ชายต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเรา
แต่หลายครั้งที่มันน้อยใจมาก
พอเรียนจบเรามาทำงานกรุงเทพ 2 ปีแรก เราจะกลับบ้านช่วงเทศกาลพร้อมพี่สาว แต่ทุกครั้งที่เรากลับไป
มันก็มีแต่ความน้อยใจ แม่เอาใจพี่สาวทุกอย่าง เตรียมกับข้าวที่พี่สาว น้องชายเราชอบ
เอาใจถามใถ่แต่พี่สาว ขากลับก็เตรียมของฝากให้แต่พี่สาว เต็มไปหมด
เราไม่ได้อะไรเลย ที่จริงเราไม่ได้อยากได้ของฝาก แค่อยากรู้สึกว่าแม่ห่วงเราบ้าง
ตอนนั่งรถกลับเราก็ได้แต่ร้องไห้
รู้สึกน้อยใจ เหมือนเป็นคนขี้อิจฉานะ แต่น้อยใจจริง ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไม่กลับบ้านช่วงเทศกาลอีกเลย เราจะกลับหลังจากพี่สาวเรากลับเข้ากรุงเทพเพราะไม่อยากรู้สึกเปรียบเทียบ
ขนาดตอนนี้โตแล้วก็เถอะ เวลาต้องไปเจอสถานการณ์เดิม ๆ เราก็ยังน้อยใจอยู่ดี
ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าฉันมีลูก ฉันจะมีลูกแค่คนเดียว จะได้ไม่มีลูกคนไหนเสียใจหรือน้อยใจว่าพ่อแม่รักน้อยกว่าคนอื่น
ใครที่เคยรู้สึกเหมือนพ่อแม่รักเราไม่เท่าพี่น้องคนอื่น จนโตแล้วก็ยังเป็นปมอยู่ในใจบ้างไหม
เราเป็นลูกคนกลาง พี่สาวเป้นหลานสาวคนแรกของปู่ย่าตายาย เลยถูกมาเลี้ยงมาแบบตามใจ
ญาติๆ ก็รุมรักเพราะพี่สาวเราเกิดมาน่ารักผิวสีชมพู แล้วก็ไม่สบายบ่อย
พอแม่ท้องเรา ก็แพ้ท้องแบบที่ใครๆก็คิดว่าเราต้องเกิดเป็นผู้ชายแน่
แต่ดันเกิดเป็นผู้หญิง มีแต่คนเล่าว่าตอนเด็ก ๆ เราขี้เหร่ที่สุดผิวก็ดำกว่าพี่ ไม่รู้โตมากลายเป็นขาวกว่าเพื่อนได้ไง
ต่อมาสามปีแม่ท้องอีกคราวนี้ได้ลูกผู้ชายสมใจพ่อแม่ แถมน่ารักอ้วน แล้วก็ผิวขาวเหมือนพ่อ
พ่อก็เลยรักลูกคนนี้เป็นพิเศษ
ตั้งแต่เด็กพี่สาวอยากได้อะไรก็ได้ น้องชายไม่ขอก็ได้
แต่ถ้าเราขออย่างพี่สาวก็จะได้ยินคำว่า เด็กอยู่เอาไปทำไม
ถ้าขอแบบน้องชาย ก็จะได้ยินคำว่าโตแล้วเอาไปทำไม
มันน้อยใจนะ สับสนตัวเองว่าสรุปแล้วเราเด็กอยู่หรือโตแล้ว
เหมือนจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเด็ก มันเป้นเรื่องใหญ่มากนะตอนนั้น
หลาย ๆ อย่างที่ทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่รักเราน้อยที่สุด เลยพยายามทำตัวเป็นเด็กดี
เชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ไม่เคยขออะไรเพราะรู้ว่าขอไปก็ไม่ได้ น้อยใจเปล่าๆ
พอโตขึ้น เราก็รู้ว่าพ่อแม่โอนทุกอย่างเป็นชื่อพี่สาว
ส่วนประกันเป็นชื่อน้องชายเป็นผู้รับผลประโยชน์
เราก็เฉย ๆ คิดว่ามันเป็นสิทธฺ์ของเค้า เค้าหามา
แต่ที่เรามาน้อยใจมาก ๆ ก็ตอนที่เรามาเรียนในเมืองอยู่หอพักกับน้องชาย
เราเป็นพี่แต่น้องชายได้ค่าขนมมากกว่าเราเท่าตัว ทั้งที่ค่าของใช้เป็นเราที่ต้องออกอยู่คนเดียว
ถ้าอาทิตย์ไหนเราไม่กลับบ้าน พ่อแม่ก็จะไม่โอนเงินสำหรับอาทิตย์ต่อมามาให้
แต่ถ้าน้องชายไม่กลับ แม่ก็จะบอกไม่ให้เรากลับบ้าน ให้อยู่หอพักเป็นเพื่อนน้องชาย
แม่ก็จะโอนเงินล่วงหน้าบวก สำหรับใช้วันหยุดให้น้องชายใช้
ตอนนั้นเราพยายามคิดว่า น้องเป็นผู้ชายต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าเรา
แต่หลายครั้งที่มันน้อยใจมาก
พอเรียนจบเรามาทำงานกรุงเทพ 2 ปีแรก เราจะกลับบ้านช่วงเทศกาลพร้อมพี่สาว แต่ทุกครั้งที่เรากลับไป
มันก็มีแต่ความน้อยใจ แม่เอาใจพี่สาวทุกอย่าง เตรียมกับข้าวที่พี่สาว น้องชายเราชอบ
เอาใจถามใถ่แต่พี่สาว ขากลับก็เตรียมของฝากให้แต่พี่สาว เต็มไปหมด
เราไม่ได้อะไรเลย ที่จริงเราไม่ได้อยากได้ของฝาก แค่อยากรู้สึกว่าแม่ห่วงเราบ้าง
ตอนนั่งรถกลับเราก็ได้แต่ร้องไห้
รู้สึกน้อยใจ เหมือนเป็นคนขี้อิจฉานะ แต่น้อยใจจริง ๆ
หลังจากนั้นเราก็ไม่กลับบ้านช่วงเทศกาลอีกเลย เราจะกลับหลังจากพี่สาวเรากลับเข้ากรุงเทพเพราะไม่อยากรู้สึกเปรียบเทียบ
ขนาดตอนนี้โตแล้วก็เถอะ เวลาต้องไปเจอสถานการณ์เดิม ๆ เราก็ยังน้อยใจอยู่ดี
ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าฉันมีลูก ฉันจะมีลูกแค่คนเดียว จะได้ไม่มีลูกคนไหนเสียใจหรือน้อยใจว่าพ่อแม่รักน้อยกว่าคนอื่น