คำพยาน - Samira

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ปี 1979 อิหร่าน ได้ประกาศ อิสลาม เป็นกฎหมาย แห่งการปกครองที่ อิหร่าน
Samira ณ เวลานั้นเธอยังเด็กอยู่เลย  แต่ก่อนฉันมีความสุขมาก แต่พอมีกฎหมายอิสลาม เข้ามาปกครอง ความสุขในวัยเด็ก ของฉันก็หายไป
การแต่งกายก็ต้องเป็นสี ดำ เทา น้ำตาล ปกคลุมทั้งหมดห้ามมีส่วนใดในร่างกาย ปรากฎสู่ สาธารณะชน  ซึ่งในหน้าร้อนจะร้อนมาก
เด็กผู้ชาย และ เด็กผู้หญิง ไม่สามารถมีสิทธิ์ เท่าเทียมกันได้ เด็กผู้ชายไปว่ายน้ำสาธารณะได้

แต่เด็กผู้หญิงไม่ได้ ถ้ามีใครฝ่าฝืน พ่อแม่ก็ ถูกตำรวจจับติดคุก
ผู้หญิงเป็นเหมือนพลเมือง ชั้นสองของที่นั่น ผมต้องปกคลุมให้มิดชิด ห้ามปรากฎต่อสาธารณะ มีครั้งหนึ่งเธอเผลอไม่ได้เอาผ้าคลุมผม  ตำรวจหญิงเข้ามาจับเธอ เขย่าๆ แล้วถามว่า ทำไมทำแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันผิด แต่เธอดิ้นหลุดจากการจับกุม และวิ่งหนีไปได้ เพื่อเธอจะได้ไม่เข้าคุกนั่นเอง  
นั่นคือชีวิตในวัยเด็กของเธอ ที่ไม่มีความสุขสนุกสนานเหมือนเด็กทั่วๆ ไป เพราะถูกจำกัดสิทธิ์ และเสรีภาพ



เธอได้แสวงหาพระเจ้าใน Koran แล้วบอกว่า ทำไมพระเจ้าไม่ให้ผู้หญิง และผู้ชายเท่าเทียมกัน ถ้าพระองค์ยุติธรรม.....เป็นสิ่งที่คาใจเธอมาตลอด
หลังจากนั้น ครอบครัวของเธอได้ย้ายไปอยู่ อเมริกา น้องสาวเธอได้เป็นคริสเตียน
ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเธอมาก เพราะน้องสาว เธอเปลี่ยนไปเยอะ
เหมือนเทพธิดาเลยทีเดียว ซึ่งทำให้เธอเริ่มคิดว่าพระเยซู น่าจะเป็นจริง

เธอเลยตัดสินใจคุยกับ Pastor เพราะชีวิตของน้องสาว ทำให้เธอสนใจเรื่องราว ของพระเยซู
แต่เธอยังไม่เชื่อเลยทันที เพราะยังมีคำถามอีกหลายอย่าง



ต่อมาวันหนึ่งเธอได้ฟังวิทยุที่รถ เป็นรายการคริสเตียน  ได้พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพยายามทำความดี และ ช่วยเหลือผู้คนมากมาย
แต่วันสุดท้ายเธอก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเธอจะไปทางไหน เพราะเธอไม่มีพระเยซู นั่นเองที่เป็นคำตอบให้
เธอคิดว่าคงจะถึงเวลาของเธอแล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เช่นกัน

เธอจึงได้ตัดสินใจรับเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ผ่านทางวิทยุ หลังจากนั้น
เธอสัมผัสถึงสันติสุข เธอเห็นหลายอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงในพระคัมภีร์ที่แตกต่าง
เห็นถึงพระลักษณะของพระองค์ ทรงรักและยุติธรรม ไม่มีการแบ่งแยก



ปัจจุบันเธอทำงานด้านกฎหมายช่วยเหลือผู้หญิงมุสลิมที่เมกา ให้เป็นอิสระจากกฎหมายอิสลาม ที่กดขี่ข่มเหงพวกเธออยู่
เธอได้ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่นำเธอมาอยู่ที่นี่ ได้รับเสรีภาพอย่างแท้จริง
ซึ่งเสรีภาพที่แท้จริง มาจากพระเยซู
เธอยังพบผู้หญิงที่ถูกกดขี่ข่มเหง กระทำอย่างไม่สมควร และ ไม่ให้เกียรติ ในสังคม ซึ่งได้มาจากครอบครัวและแหล่งกำเหนิด ของผู้หญิงเหล่านั้น



แต่ถ้ามาหาพระเยซู ไม่มีสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป ทุกอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นความรักจากพระองค์ เราคือหนึ่งเดียวกันไม่มีข้อแตกต่าง
นี่คือความงดงามของพระเยซู


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่