คำพยาน - Maryam และ Marziyeh

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หญิงสาว 2 คนชาวอินหร่าน ทั้งคู่เกิดในครอบครัวมุสลิม ทั้งสองสนิทกันมาก และได้เชื่อในพระเยซูคริสต์เหมือนกัน
โดยกฏหมายอิสลาม ถ้าใครออกจากอิสลาม และ ไปนับถือความเชื่ออื่นถือว่าผิดกฎหมายอิสลาม จะได้รับโทษหนักร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต

ทั้งสองเชื่อในพระเยซูคริสต์ เปลี่ยนจาก อิสลามเป็นคริสเตียน ถือว่าร้ายแรงมาก
ทั้งคู่ใช้เวลา อธิษฐานและ อ่านไบเบิ้ลร่วมกัน  โดยได้มีกลุ่มสามัคคีธรรมกันอย่างลับๆ ที่บ้าน และ ตามกลุ่มอพาร์ทเม้นต่างๆ  รวมประมาณผู้เชื่อได้คร่าวๆ ประมาณ 20,000 คน

ใน เดือนมีนาคม ปี  2009 เราทั้งคู่ได้ถูกจับ คาดโทษ เวลานั้นน่าจะถูกแขวนคอ ได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Maryam เล่าให้ฟังว่า เธอตื่นขึ้นประมาณ ตี 4 ได้ยินเสียงกริ่งหน้าประตู ดังขึ้น

เธอมองผ่านช่องประตู หน้าห้องพบว่าตำรวจยืนอยู่ข้างนอก พร้อมเพื่อนของเธอ ช่วงเวลานั้น เธอคิดว่า เธอน่าจะซ่อนโทรศัพท์ เครื่องมือสื่อสารต่างๆ และ ปิดทีวี เพราะที่นี่ห้ามดูทีวีสัญญาณผ่านดาวเทียม(ผิดกฎหมายอิสลาม)

เธอคิดว่าเธอต้องโทรบอกเพื่อนๆ คริสเตียน ว่าเกิดอะไรขึ้นสำหรับเธอ เพื่อเตือนให้พวกเขาระวัง แต่ทว่าเธอไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง เพราะ กลัว และช็อกในเวลาเดียวกัน
ตำรวจเข้ามาในห้อง จับของกลางได้คือ พระคัมภีร์ไบเบิ้ล และ ภาพยนต์เกี่ยวกับคริสเตียน    



หลังจากถูกจับติดคุกที่นั่นราวๆ 15 วัน Marziyeh กล่าวว่า เธอพูดไม่ออกสำหรับเหตุการณ์นี้ สิ่งที่เธอทำได้คือการอธิษฐาน และ พูดภาษาแปลกๆ  ซึ่งพระเยซูก็ให้กำลัง และ หนุนใจพวกเรามาก
จากนั้นเขาก็ได้ย้ายพวกเรา ไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่นั่นเต็มไปด้วย คนที่ฆ่าข่มขืน ฆาตกร จี้ ปล้น และมีผู้บริสุทธิ์ได้ถูกฆ่าตายที่นั่นด้วย

ที่นั่นพบว่ามีผู้คนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน หมอ ทนาย สื่อมวลชล นักบวช นักเขียน นักเดินทาง เพียงแค่พวกเขามีความเชื่อที่ขัดต่อกฎหมายอิสลาม เพราะที่นี่เราใช้หลักอิสลามเป็นกฎหมายในการปกครอง เราถูกจับติดคุก ทั้งหมด 259 วัน แต่ละสัปดาห์ จะถูกขังเดียว 7-8 ชม.
เราทั้งคู่  ได้ถูกจับแยกกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็ได้แต่ อธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกัน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
ขึ้นสำหรับแต่ละฝ่ายบ้าง แต่สิ่งที่เราพบ  ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นคือพระเยซู

ทรงหนุนใจและชูใจพวกเรา ให้รักษาความเชื่อในพระองค์เสมอ
สิ่งที่เราต้องเผชิญตลอดเวลาที่ติดคุก 9 เดือน เราประสบกับความทุกข์ยากลำบากมากมาย หลายอย่าง  เราป่วยไม่สบาย ตลอด Marziyeh เธอปวดหัวไม่หาย ระบบร่างกายเราก็อ่อนแอลง ไม่มีภูมิต้านทานโรค บางครั้งมีการเจ็บปวดภายในร่างกาย ไปหาหมอ หมอก็ให้ยาพวกเรามาผิด แม้ Marziyeh เธอป่วย



อาหารเป็นพิษถึง 2 ครั้ง เราไม่ได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจากหมอที่นั่น คนที่ติดคุกที่นี่ ทุกคนล้วนได้รับความทุกข์ยากแตกต่างกันออกไป ซึ่งทรมานมาก
Marziyeh ได้อธิษฐานขอพระเยซูทรงช่วยปลดปล่อยเธอและเพื่อนของเธอ พร้อมทั้งอธิษฐานเผื่อคนที่อยู่ในคุกให้เปิดใจต้อนรับพระเยซู และได้รู้จักกับพระเยซู เธอได้เล่าเรื่องราวพระเยซูคริสต์แด่ ผู้หญิงโสเภณีที่นั้น

เธอได้เปิดใจ รับเชื่อในพระเยซู และสารภาพบาปผิดและกลับใจใหม่ ต่อพระองค์ เธอกล่าวว่าอิสลาม ไม่ได้ให้ความหวังอะไรสำหรับเธอ (เธอสารภาพ) พวกเราเปิดกลุ่มสามัคคีธรรมที่นั่น พวกเราขอบคุณพระองค์เสมอสำหรับความทุกข์ยาก ทุกสิ่งมีพระพรที่ซ่อนอยู่ และเกิดผลดีต่ออาณาจักของพระองค์เสมอ เรามีความชื่นชมยินดี และ สันติสุข เพราะที่นั่นได้มีคนรับเชื่อในพระเยซูเป็นอย่างมาก



Maryam กล่าวว่าเธออยู่ในคุกเป็นเวลา 259 วัน มีอยู่ 1 วันที่ธอห่างไกลพระเจ้า
และไม่สัมผัสถึงการทรงสถิตย์ ซึ่งทำให้เธอกลัวมาก เธอพยายามต่อสู้เพื่อได้รับการทรงสถิตย์จากพระเยซู
ช่วงนั้นเธอไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเพื่อน ยิ่งถูกขังเดี่ยว

ยิ่งทำให้สภาพจิตใจเธอย่ำแย่ และ หดหู่ เธอเกิดความเศร้า
เริ่มต้นไม่ถูกในการอธิษฐาน อธิษฐานไม่เป็นคำ นมัสการก็แห้งเหือดฝ่ายวิญญาณเพราะขาดกำลัง

ภายในจิตใจเธอหิวกระหายพระเยซูมาก เธอเริ่มต้นพูดภาษาแปลกๆ  ฉันต้องการพระเยซู ฉันอยากสัมผัสการทรงสถิตย์ของพระองค์ (เธอกล่าว)
เธอเริ่มพูดภาษาแปลกๆ ด้วยเสียงดังขึ้น ดังขึ้น จนผู้คุมหญิงบอกให้เธอหยุด และกล่าวว่า Allah จะลงโทษ เธอ ถ้าเธอทำแบบนี้ แต่เธอก็ไม่ยอมหยุด จน

กระทั่ง 1 ชม.ได้ เธอกล่าวว่า เธอสัมผัสถึงการทรงสถิตย์ของพระเยซู เธอสัมผัสได้ เพื่อนนักโทษก็สัมผัสได้ด้วย พร้อมรบเร้าเธอให้สอนเพลง นมัสการพระเยซู ฉันก็สอนเธอร้องเพลง เรานมัสการพระองค์ด้วยกันที่นั้น เป็นเวลา 2 ชม. แม้เธอยังไม่รู้จักพระเยซูมากนัก
ฉันสัมผัสถึงสันติสุขที่พระองค์มอบให้ ความปิตียินดี ความชื่นชมยินดี อย่างอัศจรรย์ ที่พระองค์ทรงได้เล้าโลมจิตใจของฉัน พระองค์ตรัสกับฉันว่า



“เราอยู่กับเจ้าทุกวัน แม้ เจ้าเองจะไม่สัมผัสถึงเรา แต่จงจำไว้เสมอว่า เราอยู่กับเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเจ้า หรือ ละเลยเจ้าเสีย “  เธอกล่าวด้วยถ้อยคำซาบซึ้งใจ

259 วัน เป็นวันที่พวกเราได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ  เราขอบพระคุณพระเจ้ามาก สำหรับ พระคุณ ความรัก พระองค์ไม่เคยทอดทิ้ง พวกเราเลย
และ เราขอบคุณสำหรับพี่น้องคริสเตียน ทั่วโลกที่อธิษฐานเผื่อพวกเรา เขียนจดหมายมาหนุนใจพวกเราที่นี่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ รัฐบาลอิหร่านโกรธมาก เพราะไม่มีแค่สิ่งเหล่านี้ แต่มีองค์การจาก United Nation รวมถึงสถาณฑูต และ โป๊ป จากวาติกัน ก็ได้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลอิหร่านด้วย ในประเด็นนี้

ทำให้รัฐบาลอิหร่าน ตระหนักว่าประเด็นนี้สื่อทั่วโลก และ ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ
ปัจจุบันเราได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ (อเมริกา) เราไม่ต้องการเพียงแค่เสรีภาพ และ
อิสระเพื่อตัวเรา แต่เราต้องการช่วยพี่น้องคริสเตียนที่ถูกข่มเหงด้วยเช่นกัน  ต้อง

การเป็นปากเป็นเสียงแด่พี่น้องคริสเตียนที่ถูกจับติดคุก และถูกข่มเหงในความเชื่อ
เราอยากให้พวกเขาได้รับเสรีภาพ เหมือนอย่างที่พวกเราได้รับ เราอยากช่วย
คนเหล่านั้น และ พวกเราได้เขียน หนังสือขึ้นมาชื่อ  Captive in Iran



เพื่อสื่อให้คนทั่วโลกได้เห็นและอธิษฐานเผื่อร่วมกัน เพื่อคนเหล่านั้นจะได้รับการหนุนจิตชูใจ
ทั้งคำอธิษฐานเผื่อ และ จดหมายหนุนใจ จากพวกเรา
และเขาเหล่านั้นจะได้รู้ว่าพี่น้องคริสเตียน ก็ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาด้วยเช่นกัน (นี่คือคำกล่าวของพวกเธอ)





แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่